Shaman EX
|
หัวข้อ :คำแนะนำสำหรับผู้ที่อยากเลี้ยง และการเลี้ยงกุมารทองแบบฉบับ Shaman EX
26/08/2008
, 12:45
Quote
ขออนุญาติตั้งกระทู้นะครับ สำหรับคนที่สนใจในศาสตร์แขนงนี้จริง ๆ แต่ยัง งง ๆ โป่งโป๊ง สงสัยว่า เป็นมายังไง แล้วจะเลี้ยงต้องทำอะไรบ้าง
การที่คุณจะเลี้ยงกุมารทองนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความพร้อม ทั้งกายและใจ สาเหตุที่ต้องพร้อมนั้นเพราะว่า ศาสตร์ในการปลุกเสกกุมารทอง ท่านได้นำเอาวิญญานเด็ก หรือเจตภูติ มาผูกไว้กับร่างกุมาร และเชิญญานเทพคุ้มครองหรือสร้างอิทธิฤทธิ์ ในรูปแบบต่าง ๆ แล้วแต่สำนักผู้สร้าง สิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อในเรื่องของภพภูมิโลกวิญญาน กุมารทองเค้าก็จะมีสังคมในอีกรูปแบบหนึ่ง ดูแลโดยครูวิทยาธร และครูบาอาจารย์ผู้ปลุกเสก ซึ่งเราเป็นมนุษย์ทั่วไปจะไม่สามารถมองเห็นได้และรับรู้ได้อยู่แล้ว จึงขอให้ตัดข้อสงสัยที่ว่า "เช่ามาบูชาแล้วไม่เห็นมีไรเลย เงียบจัง หรือว่า อยากเจอน้องเค้าจังเลย ทำไงดี" เพราะคนที่ต้องการจะบูชากุมารทอง เพื่อการจะติดต่อกับภูติผีวิญญาน หรืออยากเห็นอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์ต่าง ๆ นั้น มักจะสื่อกันไม่ถึงครับ เพราะจิตไปผูกอยู่กับความอยากรู้อยากเห็น เกิดเป็นความสงสัยแทนที่จะเป็นความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราบูชา บารมีกุมารไม่เกิดครับ อยากให้ปรับความคิดซะใหม่ก่อน ว่าการที่เราเลี้ยงกุมารทองนั้นด้วยจุดประสงค์อะไร 1.เพื่อช่วยในการค้าขาย 2.เพื่อให้เกิดโชคลาภสักการะ 3.เพื่อปกป้องคุ้มครองตัวเราจากภยันตราย แค่เพียงสามสิ่งนี้ไม่จำเป็นเลยที่กุมารทองต้องออกมาปรากฎกายให้เราเห็น จริงมั๊ยครับ สาเหตุเพราะว่า ช่วยในการค้าขาย เค้าก็จะดลใจให้คนมาซื้อของเรามาก ๆ ช่วยให้เกิดโชคลาภ เค้าก็จะดลใจเราให้ไปในทางที่ดีมีโชค เพื่อปกป้องคุ้มครอง เค้าก็จะคุ้มครองเราตลอดเวลาเปรียบเสมือนเงา นั่นไม่ได้หมายความว่า เค้าจะออกมากระโดดโลดเต้นให้เห็นเป็นที่อึกทึกนะครับ บางคนคิดแต่ว่าอยากให้เค้าแสดงฤทธิ์เสียอย่างเดียว พอไม่ทำก็ห่างเหินไม่สนใจ ทิ้งขว้างไว้ หากคุณทำแบบนั้นแล้วเท่ากับสร้างอกุศลกรรมใหม่ขึ้นแล้วหล่ะ สาเหตุเพราะคุณรับเค้ามาเลี้ยงดูนั้น เป็นเหมือนสัญญาว่าจะดูแล แต่ไม่ดูแลจนเค้าต้องหนีกลับวัด หรือหนีกลับภพภูมิของตน คุณจะกลายเป็นคนบาปในทันที บาปในที่นี้คือศีลข้อ 4 ในการพูดโป้ปดต่อสัญญานั้นเอง
สำหรับคนที่มีเวลาจริง ๆ และสนใจอยากบูชาจริง ๆ นั้นคุณต้องทราบก่อนว่าคุณพร้อมแล้ว 100% ที่จะรับเค้ามาดูแล ในที่นี้ผมจะกล่าวไว้เล็กน้อยสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองพร้อมแล้วจริง ๆ แต่สำหรับคนที่ยังลองผิดลองถูกอยู่ อย่านำเค้ามาทรมานเป็นดีที่สุดครับ
การเลี้ยงกุมารทองหรือตุ๊กตาทองนั้นเป็นเหมือนสัญญาผูกพันระหว่างจิตของผู้เลี้ยง และวิญญานของกุมารทอง โดยผ่านทางกายเนื้อของเราไปสู่สังขาร หรือรูปปั้นองค์ตุ๊กตาทอง, กุมารทองนั้นเอง จงอย่าได้มโนภาพหรือสร้างภาพไปเอง ให้เราตั้งใจบูชาที่รูปปั้นนั้น เวลาภาวนาขออะไรก็ให้มโนภาพถึงรูปปั้นนั้น ถ้าเค้าจะแสดงตนในลักษณะไหนเราก็จะเห็นได้เองในเวลาต่อมา การถวายอาหารก็ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีเวลา และมีกำลังมากเพียงไหน หากสามารถทำได้แค่อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง ก็ต้องจุดธูปบอกกล่าวให้ดีว่า จะไหว้ทุกวันอะไร และจะต้องทำให้ได้ตามนั้น โดยอาหารจะมากจะน้อยนั้นก็ขอให้ศรัทธาและให้จากใจ เค้าจะได้รับในสิ่งที่เราถวายแน่นอน สำหรับเรื่องที่ว่าจะพากุมารไปไหนต่อไหนนั้น ทำได้เช่นกัน ก็ด้วยใจเรานี่แหล่ะ สิ่งที่อยากจะเน้นคือว่า อย่ามโนภาพเพ้อฝันไปเองว่าเค้านั่งทำอะไรอยู่ตรงตรงนี้ ตรงนั้น ตรงไหน ตัวอย่างเช่นเรานั่งกินข้าว แต่จิตเรากลับคิดไปว่าเค้านั่งอยู่ข้าง ๆ เรานี่แหล่ะเค้าตักคำ เราตักคำนึง หรือว่า ขับรถไปเที่ยว ก็มโนภาพไปว่าเค้านั่งข้าง ๆ เรานี่แหล่ะ นั่งฟังเพลงเพลนเชียว (ทั้งที่จริงแล้วเค้าอาจจะเหาะอยู่บนหลังคาก็ได้) อะไรแบบนี้นั้นเค้าเรียกว่ามโนภาพไปเองคิดเองเออเอง (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า"บ้า") สิ่งที่ถูกต้องคือให้คิดอยู่ในใจว่าเนี่ยเราเดินออกจากบ้าน เค้าก็ตามเรามานะแต่เค้าอยู่ตรงไหนเราไม่รู้หรอก แต่เรามั่นใจว่าเค้าตามเรามา เราจะกินข้าว เราก็เรียกเค้ากินนะ เค้ากินหรือไม่กินเราไม่รู้หรอก แต่เราต้องเรียกเค้ากิน เราไปในร้านอาหารที่มีศาลเจ้าที่อยู่หน้าร้าน เราไม่รู้หรอกว่าเค้าเข้ามากับเราได้หรือไม่ได้ แต่เราก็ต้องยกมือไหว้บอกศาลเจ้าที่นั้นนะ ว่าขออนุญาติพากุมารทองเข้าไปด้วยนะครับ/คะ เป็นต้น เรื่องนี้แบ่งแยกชัดเจนระหว่าง "มโนภาพ และ ความเชื่อมั่น" การมโนภาพคือการสร้างภาพขึ้นในจิต คิดไปเองสร้างรูปไปเอง (ทั้งที่ความจริงแล้วมันอาจไม่เป็นอย่างนั้น) แต่ ความเชื่อนั้นคือความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เราบูชา จะเกิดเป็นสัญญาเป็นความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นได้ในเวลาต่อมา สาเหตุที่อยากให้แบ่งแยกระหว่างมโนภาพและความเชื่อมั่น ออกจากกันเพราะว่า มโนภาพจะก่อให้เกิดความระแวงสงสัย "เอ นั่งอยู่ตรงนี้หรือเปล่าหว่า" "เอ .. เดินตามเรามาแน่หรือเปล่าหว่า" อะไรทำนองนี้ แต่ความเชื่อมั่นจะทำให้เราคิดแบบสบาย ๆ ใจว่า "อืม เค้าดูแลเรานะ" "อืม .. เราเชื่อนะว่าเค้าตามเรามา" อย่างนี้เป็นต้น แต่สิ่งที่สำคัญมากคือ เราต้องระลึกเสมอว่า เราชวนเค้ามาด้วย จะทำอะไรก็ต้องนึกถึงเค้าด้วยเช่นกัน ต้องบอกต้องกล่าวตลอดเวลา ขึ้นรถลงเรือ ก็ต้องบอกต้องเรียก เค้าจะตามหรือไม่ตาม จะอะไรก็แล้วแต่อย่าสงสัย ให้เชื่ออยู่ในใจว่าเราต้องทำเท่านั้นก็พอ และจงอย่าหมดศรัทธา หากว่าเราเดินไปแล้วตกท่อ ก็อย่านึกโทษเค้าว่า เค้าไม่ช่วยเรา นั่นเป็นเพราะว่า เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเสมอไป หกล้ม หัวคะมำ ก็ทำกันไป อย่าถือโทษโกรธกุมารทองเด็ดขาด เรื่องบางเรื่องเค้าก็ช่วยไม่ได้ แต่ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ครับ
เรื่องการนำเข้าบ้าน และการตั้งหิ้งบูชาไม่ขอเอ่ยถึงนะครับ เพราะว่าในเว๊ปนี้ทำไว้ละเอียดดีมาก ๆ แล้วครับ
ทีนี้มาพูดถึงเรื่องการจุดธูปจุดเทียนบูชา ตามตำราโบราณแน่นอนว่า เทียนสองเล่ม จุดขวามือของกุมารก่อน แล้วค่อยจุดเล่มซ้าย ส่วนเรื่องธูปนั้นหลากหลายตำรามาก ๆ บางสำนักว่าบูชา 2 บางสำนักว่าบูชา 3 บางสำนักว่าบูชา 5 บางสำนักว่าบูชา 6 บางสำนักว่าบูชา 9 ก็มี เพราะฉะนั้นเราอย่าไปกังวลสงสัย ให้ยึดกฎใดกฎหนึ่งใช้กับตัวเองไปเลย เช่นว่า ถ้าไหว้ธรรมดา ฉันจะจุด 2 ดอก ถ้าจะบนบาน ฉันจะจุด 5 ดอก เป็นต้น แล้วก็ทำเป็นกิจวัตรไปซะ อย่าลังเลสงสัย เพราะความลังเลสงสัยนั่นแหล่ะ จะทำให้เราส่งไปไม่ถึงเค้า
เรื่องคาถาบูชากุมาร ให้ยึดเอาตามสำนักที่เราบูชามา จะมีใบแนบบอกอยู่แล้ว แต่ สำหรับคนที่บูชามาจากต่างสำนัก ไม่มีคาถาบูชา ท่านก็ยึดเอาคาถากลางบูชาได้เลย คือ "เอหิกุมารโร เอหิกุมารี เอหิรัก-ยม เอหิพรายทอง ปิยังมะมะ ปุตตังวะชายะติ เจ้ารักยม กุมารทอง กุมารี ลูกกรอกเอ๋ย จงมา จงมา เอหิมะมะ" ใช้ในการเรียกกินข้าว เรียกไปนอกบ้าน เรียกไปนู่นไปนี่ ใช้รวมได้หมดทุกประเภท หรือประเภทไหนที่เราไม่ได้เลี้ยงก็ตัดออกไปจากบทคาถาได้ ไม่ผิดครับ ใช้ได้หมด อยู่ที่ใจเราเป็นสำคัญ อย่ากังวล อย่าคิดมากครับ ส่วนในเรื่องคาถาปลุกเสกนั้น ก็สวดบทอานิสงฆ์ทั่วไปนี่แหล่ะ สวดมนต์ไหว้พระทำได้หมด แต่ก่อนสวดให้เอื้อนเอ่ยว่าจาก่อนว่า "ขอให้อานิสงฆ์ และอานุภาพของการสวดเจริญพระพุทธมนต์เหล่านี้ จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและกุมารทอง เจ้ารักเจ้ายม กุมารี พรายทอง ที่ข้าพเจ้าบูชานี้ทั้งหมดทั้งสิ้นเถิด" เท่านี้เค้าก็จะได้อานิสงฆ์ไปกับเราแล้วครับ บางคนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเวลาสวดมนต์กุมารไม่ชอบฟัง ก็เพราะคุณไม่ได้ชักนำเค้าตั้งแต่ก่อนสวด เค้าก็ไม่ได้รับอานิสงฆ์ไม่เกิดศรัทธา และไม่เกิดอิทธิฤทธิ์ครับ ( แต่ให้ยกเว้นบางบทที่เป็นการสวดไล่วิญญาน หรือการบูชาเทพที่เค้าเกรงกลัว เช่น ท้าวเวสสุวัณ พยายม เหล่านี้เป็นต้น ถ้าจะสวดให้สวดบทอานิสงฆ์สรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าทั่ว ๆ ไปดีที่สุด )
เรื่องของการติดต่อกับกุมารทอง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าของหลาย ๆ คนอยาก (หลาย ๆ คนนะครับไม่ใช่ทุกคน) และพยายามทำกันมากเหลือเกิน ขอให้ตั้งสติทำใจให้สบายครับ อย่าไปคิดระแวงสงสัย ภาษาโบราณเค้าเรียกว่า "อย่ากังขา" ให้เชื่อมั่นศรัทธาไว้เป็นที่ตั้ง ถ้าจะให้แนะนำสำหรับคณที่อยากติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนครับว่า คุณมีศีลบริสุทธิ์แล้วหรือยัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จะติดต่อกับคนที่มีศีลบริสุทธิ์เท่านั้น (ยกเว้นสำหรับคนที่มีลักษณะพิเศษ เป็นผู้ถูกเลือกมาตั้งแต่เกิด หรือตั้งแต่อดีตชาตินะครับ) เราต้องหมั่นฝึกหมั่นภาวนา หมั่นปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ กรรมฐาน เป็นนิจ จึงจะได้ความสามารถพิเศษเหล่านี้ โดยปกติแล้วกุมารทองจะมาติดต่อกับเราด้วยอาการหลาย ๆ อย่างเช่น การเข้าฝัน หรือผ่านทางอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มาอย่างไรนั้นจะยกตัวอย่างคร่าว ๆ ดังนี้ 1. มาเข้าฝันคงไม่ต้องบอก น่าจะทราบดี แต่ฝันนี้ต้องดูด้วยนะครับ ส่วนใหญ่ที่เชื่อถือได้คือฝันตอนกลางคืนนะครับ ฝันกลางวันนั้นท่านว่า กินมาก อิ่มมาก ก็จินตนาการกันไปเอง 2. ตา - คือการมองเห็น อาจเป็นออร่า หรือเป็นแสงพุ่งไปมา หรือเป็นเงา หรือกระทั้ง เป็นตัวเป็นตน อันนี้ก็ว่ากันไป 3. หู - คือการได้ยิน อาจมีเสียงกระซิบ หรือเสียงก้องกังวาลตอนที่เราจิตตก ก็เป็นไปได้ 4. จมูก - คือการได้กลิ่น ส่วนมากจะเป็นกลิ่นมวลสาร หรือกลิ่นธูป กลิ่นดอกไม้ ถ้าทางไหนไม่ดีก็จะเป็นกลิ่นเหม็นเน่า บอกให้เรารู้ว่า ทางนี้อย่าเดินเป็นต้น 5. ลิ้น - คือการสัมผัสอาหาร อันนี้สำหรับคนที่จิตผูกกับกุมารเป็นสัญญาแน่นเหนียวว่า "กินก็กินด้วยกัน" เพราะฉะนั้น อาหารบางอย่างที่เค้าไม่ชอบกิน เราก็อาจจะอาเจียนได้ไม่รู้ตัว 6. กาย - เรื่องนี้ง่ายมาก คือการสัมผัส การสัมผัสจากวิญญานจะเป็นกึ่งร้อนกึ่งเย็น เราจะทราบได้เอง เมื่อมีประสบการณ์นี้ อาจจะเป็นการจี้เอว แตะบ่า หรือรู้สึกหนัก ๆ อึ้ง ๆ บนบ่า หรือคอ นั่นก็ทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ นะครับ คงไม่ต้องให้บอก 7. ใจ - นี่สิสำคัญ ใจเรานี่แหล่ะ ก็อย่างที่อธิบายไปแล้ว ในเรื่องของมโนภาพ และความเชื่อมั่น ก็ของให้ใช้ใจไปในทางที่ถูกต้อง แล้วอายตนะอื่น ๆ ก็จะสื่อได้เองครับ
แนะนำการเข้าฌานเบื้องต้น บอกกล่าวกุมารก่อนว่า เราอยากพูดคุยกับเค้าให้เค้ามาหาเราเป็นนิมิตด้วยเถิด แล้วให้กำหนดลมหายใจ เข้าออกลึก ๆ 5 นาที โดยหายใจเข้า 2 วิ หายใจออก 3 วิ ทำไปเรื่อย ๆ อาจเกิดอาการชาหรือมึนหัวเล็กน้อย หลังจากครบ 5 นาทีก็ให้กำหนดสภาวะทน ให้ผ่านพ้นอาการชา หน้ามืด มึนหัวเหล่านั้นไป แล้วจิตจะเป็นสมาธิเอง ทำใจให้สบาย อย่าไปผูกติดกับเรื่องที่จะเจอเค้า ให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ เมื่อจิตหยั่งถึงสมาธิเมื่อไหร่ ปาฏิหารย์จะเกิดขึ้นเองครับ
หมดเพียงเท่านี้แหล่ะ หุหุ ......... อัศม์เดช .........
ขออนุญาติตั้งกระทู้นะครับ สำหรับคนที่สนใจในศาสตร์แขนงนี้จริง ๆ แต่ยัง งง ๆ โป่งโป๊ง สงสัยว่า เป็นมายังไง แล้วจะเลี้ยงต้องทำอะไรบ้าง
การที่คุณจะเลี้ยงกุมารทองนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความพร้อม ทั้งกายและใจ สาเหตุที่ต้องพร้อมนั้นเพราะว่า ศาสตร์ในการปลุกเสกกุมารทอง ท่านได้นำเอาวิญญานเด็ก หรือเจตภูติ มาผูกไว้กับร่างกุมาร และเชิญญานเทพคุ้มครองหรือสร้างอิทธิฤทธิ์ ในรูปแบบต่าง ๆ แล้วแต่สำนักผู้สร้าง สิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อในเรื่องของภพภูมิโลกวิญญาน กุมารทองเค้าก็จะมีสังคมในอีกรูปแบบหนึ่ง ดูแลโดยครูวิทยาธร และครูบาอาจารย์ผู้ปลุกเสก ซึ่งเราเป็นมนุษย์ทั่วไปจะไม่สามารถมองเห็นได้และรับรู้ได้อยู่แล้ว จึงขอให้ตัดข้อสงสัยที่ว่า "เช่ามาบูชาแล้วไม่เห็นมีไรเลย เงียบจัง หรือว่า อยากเจอน้องเค้าจังเลย ทำไงดี" เพราะคนที่ต้องการจะบูชากุมารทอง เพื่อการจะติดต่อกับภูติผีวิญญาน หรืออยากเห็นอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์ต่าง ๆ นั้น มักจะสื่อกันไม่ถึงครับ เพราะจิตไปผูกอยู่กับความอยากรู้อยากเห็น เกิดเป็นความสงสัยแทนที่จะเป็นความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราบูชา บารมีกุมารไม่เกิดครับ อยากให้ปรับความคิดซะใหม่ก่อน ว่าการที่เราเลี้ยงกุมารทองนั้นด้วยจุดประสงค์อะไร 1.เพื่อช่วยในการค้าขาย 2.เพื่อให้เกิดโชคลาภสักการะ 3.เพื่อปกป้องคุ้มครองตัวเราจากภยันตราย แค่เพียงสามสิ่งนี้ไม่จำเป็นเลยที่กุมารทองต้องออกมาปรากฎกายให้เราเห็น จริงมั๊ยครับ สาเหตุเพราะว่า ช่วยในการค้าขาย เค้าก็จะดลใจให้คนมาซื้อของเรามาก ๆ ช่วยให้เกิดโชคลาภ เค้าก็จะดลใจเราให้ไปในทางที่ดีมีโชค เพื่อปกป้องคุ้มครอง เค้าก็จะคุ้มครองเราตลอดเวลาเปรียบเสมือนเงา นั่นไม่ได้หมายความว่า เค้าจะออกมากระโดดโลดเต้นให้เห็นเป็นที่อึกทึกนะครับ บางคนคิดแต่ว่าอยากให้เค้าแสดงฤทธิ์เสียอย่างเดียว พอไม่ทำก็ห่างเหินไม่สนใจ ทิ้งขว้างไว้ หากคุณทำแบบนั้นแล้วเท่ากับสร้างอกุศลกรรมใหม่ขึ้นแล้วหล่ะ สาเหตุเพราะคุณรับเค้ามาเลี้ยงดูนั้น เป็นเหมือนสัญญาว่าจะดูแล แต่ไม่ดูแลจนเค้าต้องหนีกลับวัด หรือหนีกลับภพภูมิของตน คุณจะกลายเป็นคนบาปในทันที บาปในที่นี้คือศีลข้อ 4 ในการพูดโป้ปดต่อสัญญานั้นเอง
สำหรับคนที่มีเวลาจริง ๆ และสนใจอยากบูชาจริง ๆ นั้นคุณต้องทราบก่อนว่าคุณพร้อมแล้ว 100% ที่จะรับเค้ามาดูแล ในที่นี้ผมจะกล่าวไว้เล็กน้อยสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองพร้อมแล้วจริง ๆ แต่สำหรับคนที่ยังลองผิดลองถูกอยู่ อย่านำเค้ามาทรมานเป็นดีที่สุดครับ
การเลี้ยงกุมารทองหรือตุ๊กตาทองนั้นเป็นเหมือนสัญญาผูกพันระหว่างจิตของผู้เลี้ยง และวิญญานของกุมารทอง โดยผ่านทางกายเนื้อของเราไปสู่สังขาร หรือรูปปั้นองค์ตุ๊กตาทอง, กุมารทองนั้นเอง จงอย่าได้มโนภาพหรือสร้างภาพไปเอง ให้เราตั้งใจบูชาที่รูปปั้นนั้น เวลาภาวนาขออะไรก็ให้มโนภาพถึงรูปปั้นนั้น ถ้าเค้าจะแสดงตนในลักษณะไหนเราก็จะเห็นได้เองในเวลาต่อมา การถวายอาหารก็ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีเวลา และมีกำลังมากเพียงไหน หากสามารถทำได้แค่อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง ก็ต้องจุดธูปบอกกล่าวให้ดีว่า จะไหว้ทุกวันอะไร และจะต้องทำให้ได้ตามนั้น โดยอาหารจะมากจะน้อยนั้นก็ขอให้ศรัทธาและให้จากใจ เค้าจะได้รับในสิ่งที่เราถวายแน่นอน สำหรับเรื่องที่ว่าจะพากุมารไปไหนต่อไหนนั้น ทำได้เช่นกัน ก็ด้วยใจเรานี่แหล่ะ สิ่งที่อยากจะเน้นคือว่า อย่ามโนภาพเพ้อฝันไปเองว่าเค้านั่งทำอะไรอยู่ตรงตรงนี้ ตรงนั้น ตรงไหน ตัวอย่างเช่นเรานั่งกินข้าว แต่จิตเรากลับคิดไปว่าเค้านั่งอยู่ข้าง ๆ เรานี่แหล่ะเค้าตักคำ เราตักคำนึง หรือว่า ขับรถไปเที่ยว ก็มโนภาพไปว่าเค้านั่งข้าง ๆ เรานี่แหล่ะ นั่งฟังเพลงเพลนเชียว (ทั้งที่จริงแล้วเค้าอาจจะเหาะอยู่บนหลังคาก็ได้) อะไรแบบนี้นั้นเค้าเรียกว่ามโนภาพไปเองคิดเองเออเอง (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า"บ้า") สิ่งที่ถูกต้องคือให้คิดอยู่ในใจว่าเนี่ยเราเดินออกจากบ้าน เค้าก็ตามเรามานะแต่เค้าอยู่ตรงไหนเราไม่รู้หรอก แต่เรามั่นใจว่าเค้าตามเรามา เราจะกินข้าว เราก็เรียกเค้ากินนะ เค้ากินหรือไม่กินเราไม่รู้หรอก แต่เราต้องเรียกเค้ากิน เราไปในร้านอาหารที่มีศาลเจ้าที่อยู่หน้าร้าน เราไม่รู้หรอกว่าเค้าเข้ามากับเราได้หรือไม่ได้ แต่เราก็ต้องยกมือไหว้บอกศาลเจ้าที่นั้นนะ ว่าขออนุญาติพากุมารทองเข้าไปด้วยนะครับ/คะ เป็นต้น เรื่องนี้แบ่งแยกชัดเจนระหว่าง "มโนภาพ และ ความเชื่อมั่น" การมโนภาพคือการสร้างภาพขึ้นในจิต คิดไปเองสร้างรูปไปเอง (ทั้งที่ความจริงแล้วมันอาจไม่เป็นอย่างนั้น) แต่ ความเชื่อนั้นคือความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เราบูชา จะเกิดเป็นสัญญาเป็นความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นได้ในเวลาต่อมา สาเหตุที่อยากให้แบ่งแยกระหว่างมโนภาพและความเชื่อมั่น ออกจากกันเพราะว่า มโนภาพจะก่อให้เกิดความระแวงสงสัย "เอ นั่งอยู่ตรงนี้หรือเปล่าหว่า" "เอ .. เดินตามเรามาแน่หรือเปล่าหว่า" อะไรทำนองนี้ แต่ความเชื่อมั่นจะทำให้เราคิดแบบสบาย ๆ ใจว่า "อืม เค้าดูแลเรานะ" "อืม .. เราเชื่อนะว่าเค้าตามเรามา" อย่างนี้เป็นต้น แต่สิ่งที่สำคัญมากคือ เราต้องระลึกเสมอว่า เราชวนเค้ามาด้วย จะทำอะไรก็ต้องนึกถึงเค้าด้วยเช่นกัน ต้องบอกต้องกล่าวตลอดเวลา ขึ้นรถลงเรือ ก็ต้องบอกต้องเรียก เค้าจะตามหรือไม่ตาม จะอะไรก็แล้วแต่อย่าสงสัย ให้เชื่ออยู่ในใจว่าเราต้องทำเท่านั้นก็พอ และจงอย่าหมดศรัทธา หากว่าเราเดินไปแล้วตกท่อ ก็อย่านึกโทษเค้าว่า เค้าไม่ช่วยเรา นั่นเป็นเพราะว่า เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเสมอไป หกล้ม หัวคะมำ ก็ทำกันไป อย่าถือโทษโกรธกุมารทองเด็ดขาด เรื่องบางเรื่องเค้าก็ช่วยไม่ได้ แต่ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ครับ
เรื่องการนำเข้าบ้าน และการตั้งหิ้งบูชาไม่ขอเอ่ยถึงนะครับ เพราะว่าในเว๊ปนี้ทำไว้ละเอียดดีมาก ๆ แล้วครับ
ทีนี้มาพูดถึงเรื่องการจุดธูปจุดเทียนบูชา ตามตำราโบราณแน่นอนว่า เทียนสองเล่ม จุดขวามือของกุมารก่อน แล้วค่อยจุดเล่มซ้าย ส่วนเรื่องธูปนั้นหลากหลายตำรามาก ๆ บางสำนักว่าบูชา 2 บางสำนักว่าบูชา 3 บางสำนักว่าบูชา 5 บางสำนักว่าบูชา 6 บางสำนักว่าบูชา 9 ก็มี เพราะฉะนั้นเราอย่าไปกังวลสงสัย ให้ยึดกฎใดกฎหนึ่งใช้กับตัวเองไปเลย เช่นว่า ถ้าไหว้ธรรมดา ฉันจะจุด 2 ดอก ถ้าจะบนบาน ฉันจะจุด 5 ดอก เป็นต้น แล้วก็ทำเป็นกิจวัตรไปซะ อย่าลังเลสงสัย เพราะความลังเลสงสัยนั่นแหล่ะ จะทำให้เราส่งไปไม่ถึงเค้า
เรื่องคาถาบูชากุมาร ให้ยึดเอาตามสำนักที่เราบูชามา จะมีใบแนบบอกอยู่แล้ว แต่ สำหรับคนที่บูชามาจากต่างสำนัก ไม่มีคาถาบูชา ท่านก็ยึดเอาคาถากลางบูชาได้เลย คือ "เอหิกุมารโร เอหิกุมารี เอหิรัก-ยม เอหิพรายทอง ปิยังมะมะ ปุตตังวะชายะติ เจ้ารักยม กุมารทอง กุมารี ลูกกรอกเอ๋ย จงมา จงมา เอหิมะมะ" ใช้ในการเรียกกินข้าว เรียกไปนอกบ้าน เรียกไปนู่นไปนี่ ใช้รวมได้หมดทุกประเภท หรือประเภทไหนที่เราไม่ได้เลี้ยงก็ตัดออกไปจากบทคาถาได้ ไม่ผิดครับ ใช้ได้หมด อยู่ที่ใจเราเป็นสำคัญ อย่ากังวล อย่าคิดมากครับ ส่วนในเรื่องคาถาปลุกเสกนั้น ก็สวดบทอานิสงฆ์ทั่วไปนี่แหล่ะ สวดมนต์ไหว้พระทำได้หมด แต่ก่อนสวดให้เอื้อนเอ่ยว่าจาก่อนว่า "ขอให้อานิสงฆ์ และอานุภาพของการสวดเจริญพระพุทธมนต์เหล่านี้ จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและกุมารทอง เจ้ารักเจ้ายม กุมารี พรายทอง ที่ข้าพเจ้าบูชานี้ทั้งหมดทั้งสิ้นเถิด" เท่านี้เค้าก็จะได้อานิสงฆ์ไปกับเราแล้วครับ บางคนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเวลาสวดมนต์กุมารไม่ชอบฟัง ก็เพราะคุณไม่ได้ชักนำเค้าตั้งแต่ก่อนสวด เค้าก็ไม่ได้รับอานิสงฆ์ไม่เกิดศรัทธา และไม่เกิดอิทธิฤทธิ์ครับ ( แต่ให้ยกเว้นบางบทที่เป็นการสวดไล่วิญญาน หรือการบูชาเทพที่เค้าเกรงกลัว เช่น ท้าวเวสสุวัณ พยายม เหล่านี้เป็นต้น ถ้าจะสวดให้สวดบทอานิสงฆ์สรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าทั่ว ๆ ไปดีที่สุด )
เรื่องของการติดต่อกับกุมารทอง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าของหลาย ๆ คนอยาก (หลาย ๆ คนนะครับไม่ใช่ทุกคน) และพยายามทำกันมากเหลือเกิน ขอให้ตั้งสติทำใจให้สบายครับ อย่าไปคิดระแวงสงสัย ภาษาโบราณเค้าเรียกว่า "อย่ากังขา" ให้เชื่อมั่นศรัทธาไว้เป็นที่ตั้ง ถ้าจะให้แนะนำสำหรับคณที่อยากติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนครับว่า คุณมีศีลบริสุทธิ์แล้วหรือยัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จะติดต่อกับคนที่มีศีลบริสุทธิ์เท่านั้น (ยกเว้นสำหรับคนที่มีลักษณะพิเศษ เป็นผู้ถูกเลือกมาตั้งแต่เกิด หรือตั้งแต่อดีตชาตินะครับ) เราต้องหมั่นฝึกหมั่นภาวนา หมั่นปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ กรรมฐาน เป็นนิจ จึงจะได้ความสามารถพิเศษเหล่านี้ โดยปกติแล้วกุมารทองจะมาติดต่อกับเราด้วยอาการหลาย ๆ อย่างเช่น การเข้าฝัน หรือผ่านทางอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มาอย่างไรนั้นจะยกตัวอย่างคร่าว ๆ ดังนี้ 1. มาเข้าฝันคงไม่ต้องบอก น่าจะทราบดี แต่ฝันนี้ต้องดูด้วยนะครับ ส่วนใหญ่ที่เชื่อถือได้คือฝันตอนกลางคืนนะครับ ฝันกลางวันนั้นท่านว่า กินมาก อิ่มมาก ก็จินตนาการกันไปเอง 2. ตา - คือการมองเห็น อาจเป็นออร่า หรือเป็นแสงพุ่งไปมา หรือเป็นเงา หรือกระทั้ง เป็นตัวเป็นตน อันนี้ก็ว่ากันไป 3. หู - คือการได้ยิน อาจมีเสียงกระซิบ หรือเสียงก้องกังวาลตอนที่เราจิตตก ก็เป็นไปได้ 4. จมูก - คือการได้กลิ่น ส่วนมากจะเป็นกลิ่นมวลสาร หรือกลิ่นธูป กลิ่นดอกไม้ ถ้าทางไหนไม่ดีก็จะเป็นกลิ่นเหม็นเน่า บอกให้เรารู้ว่า ทางนี้อย่าเดินเป็นต้น 5. ลิ้น - คือการสัมผัสอาหาร อันนี้สำหรับคนที่จิตผูกกับกุมารเป็นสัญญาแน่นเหนียวว่า "กินก็กินด้วยกัน" เพราะฉะนั้น อาหารบางอย่างที่เค้าไม่ชอบกิน เราก็อาจจะอาเจียนได้ไม่รู้ตัว 6. กาย - เรื่องนี้ง่ายมาก คือการสัมผัส การสัมผัสจากวิญญานจะเป็นกึ่งร้อนกึ่งเย็น เราจะทราบได้เอง เมื่อมีประสบการณ์นี้ อาจจะเป็นการจี้เอว แตะบ่า หรือรู้สึกหนัก ๆ อึ้ง ๆ บนบ่า หรือคอ นั่นก็ทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ นะครับ คงไม่ต้องให้บอก 7. ใจ - นี่สิสำคัญ ใจเรานี่แหล่ะ ก็อย่างที่อธิบายไปแล้ว ในเรื่องของมโนภาพ และความเชื่อมั่น ก็ของให้ใช้ใจไปในทางที่ถูกต้อง แล้วอายตนะอื่น ๆ ก็จะสื่อได้เองครับ
แนะนำการเข้าฌานเบื้องต้น บอกกล่าวกุมารก่อนว่า เราอยากพูดคุยกับเค้าให้เค้ามาหาเราเป็นนิมิตด้วยเถิด แล้วให้กำหนดลมหายใจ เข้าออกลึก ๆ 5 นาที โดยหายใจเข้า 2 วิ หายใจออก 3 วิ ทำไปเรื่อย ๆ อาจเกิดอาการชาหรือมึนหัวเล็กน้อย หลังจากครบ 5 นาทีก็ให้กำหนดสภาวะทน ให้ผ่านพ้นอาการชา หน้ามืด มึนหัวเหล่านั้นไป แล้วจิตจะเป็นสมาธิเอง ทำใจให้สบาย อย่าไปผูกติดกับเรื่องที่จะเจอเค้า ให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ เมื่อจิตหยั่งถึงสมาธิเมื่อไหร่ ปาฏิหารย์จะเกิดขึ้นเองครับ
หมดเพียงเท่านี้แหล่ะ หุหุ ......... อัศม์เดช .........
|
เจ้าบ้าน
|
ความคิดเห็นที่ 21
24/08/2009
, 10:18
Quote
สวัสดีค่ะ
อยากจะถามผู้รู้สักนิดว่า หากจู่ ๆ เราเห็นมีกุมารทองอยู่ในบ้าน ซึ่งเราเป็นเจ้าของบ้าน แต่คนที่เอามาเป็นเด็กรับใช้ในบ้านนั้น มันจะหมายถึงอย่างไรค่ะ เพราะพอเห็นแล้วไม่สบายใจเลยค่ะ คิดไปในทางลบ มีเหตุผลอะไรที่เด็กรับใช้จะเลี้ยงกุมารทองไว้ในบ้านของเจ้านาย ก้อเลยอยากให้ผู้รู้ช่วยแนะนำและอธิบายในการกระทำนี้ให้ด้วยค่ะ.....ขอบคุณมากค่ะ......เจ้าบ้าน
สวัสดีค่ะ
อยากจะถามผู้รู้สักนิดว่า หากจู่ ๆ เราเห็นมีกุมารทองอยู่ในบ้าน ซึ่งเราเป็นเจ้าของบ้าน แต่คนที่เอามาเป็นเด็กรับใช้ในบ้านนั้น มันจะหมายถึงอย่างไรค่ะ เพราะพอเห็นแล้วไม่สบายใจเลยค่ะ คิดไปในทางลบ มีเหตุผลอะไรที่เด็กรับใช้จะเลี้ยงกุมารทองไว้ในบ้านของเจ้านาย ก้อเลยอยากให้ผู้รู้ช่วยแนะนำและอธิบายในการกระทำนี้ให้ด้วยค่ะ.....ขอบคุณมากค่ะ......เจ้าบ้าน
|
อ้อ
|
ความคิดเห็นที่ 22
15/09/2009
, 11:57
Quote
เป็นกระทู้ที่โดนใจมากมาก สามารถ ตอบข้อกังขาที่มีอยู่ในใจได้หมด เลย
ดีจริงๆ สงสัยอยู่ไม่รู้จะถามใคร และถามอย่างไง แต่ตอนนี้เข้าใจหมดแล้ว
ถ้าได้อ่านกระทู้นี้ก่อนนำกุมารทองมาเลียงก็ดีนะ
เป็นกระทู้ที่โดนใจมากมาก สามารถ ตอบข้อกังขาที่มีอยู่ในใจได้หมด เลย
ดีจริงๆ สงสัยอยู่ไม่รู้จะถามใคร และถามอย่างไง แต่ตอนนี้เข้าใจหมดแล้ว
ถ้าได้อ่านกระทู้นี้ก่อนนำกุมารทองมาเลียงก็ดีนะ ไม่มี
|
nu
|
ความคิดเห็นที่ 23
30/10/2009
, 14:51
Quote
รบกวนพี่ช้วยตอบขอสงสัยผมหน้อยนะคับ
ผมสงสัยว่าคาถาที่เราใช้บูชากุมารทอง เราใช้คาถาจากสำนักอื่นได้ไหมคับ
รบกวนพี่ช้วยตอบขอสงสัยผมหน้อยนะคับ
ผมสงสัยว่าคาถาที่เราใช้บูชากุมารทอง เราใช้คาถาจากสำนักอื่นได้ไหมคับ
|
นุ๊ก
|
ความคิดเห็นที่ 24
06/11/2009
, 20:20
Quote
ไปรับมาวันนี้เอง
น้องปิ่นเพ็ชร
น่ารักดี
ไปรับมาวันนี้เอง
น้องปิ่นเพ็ชร
น่ารักดี
|
สาวผมยาว
|
ความคิดเห็นที่ 25
18/11/2009
, 15:04
Quote
อยากทราบว่ามีกุมารอยู่แล้ว แต่กะว่าจะเช่ากุมารีมาอีก
ไม่ทราบว่าเค้าจะอยู่ด้วยกันได้ไหม
ขอบคุณมากๆ ที่จะกรุณาตอบทางเมล์
อยากทราบว่ามีกุมารอยู่แล้ว แต่กะว่าจะเช่ากุมารีมาอีก
ไม่ทราบว่าเค้าจะอยู่ด้วยกันได้ไหม
ขอบคุณมากๆ ที่จะกรุณาตอบทางเมล์
|
NickSaraburi
|
ความคิดเห็นที่ 26
14/12/2009
, 22:16
Quote
อันนั้น มัน คล้าย ๆๆ กับ ดึง ของ เลย นะครับ
เเบบ นั้น อ่า แบบ พวกสัก เเล้ว ดึง ของ ขึ้น อะไร ประมาณ นั้น
ต้อง นิ่ง จริงๆๆ ถึง จะดึง ขึ้น ครับ
ลองมาเเล้ว ค่อน ค้าง ใช้เวลา ครับ
ขอบคุณครับ
อันนั้น มัน คล้าย ๆๆ กับ ดึง ของ เลย นะครับ
เเบบ นั้น อ่า แบบ พวกสัก เเล้ว ดึง ของ ขึ้น อะไร ประมาณ นั้น
ต้อง นิ่ง จริงๆๆ ถึง จะดึง ขึ้น ครับ
ลองมาเเล้ว ค่อน ค้าง ใช้เวลา ครับ
ขอบคุณครับ
|
คนด้อยประสบการณ์
|
ความคิดเห็นที่ 27
22/12/2009
, 17:28
Quote
เคยบูชามาเลี้ยงไว้เหมือนกัน ก็คิดว่าดูแลดีนะคะ แต่ก็ไม่เคยสัมผัสได้เหมือนกัน ที่นี่ เลี้ยงไปได้สัก 1 - 2 เดือนได้คะ เอาไปใส่กรอบได้สัก 3-4 วัน ก็ทำกุมารหล่นค่ะ คอหักเลย ถามคนที่เค้าเลี้ยงอยู่ เขาบอกให้เอาไปปล่อย ที่วัด เพราะคิดว่าคงไม่อยากอยู่กับเรา ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ตอนนี้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะ ก็ไม่อยากทิ้งเขา รู้สึกไม่ดี
เคยบูชามาเลี้ยงไว้เหมือนกัน ก็คิดว่าดูแลดีนะคะ แต่ก็ไม่เคยสัมผัสได้เหมือนกัน ที่นี่ เลี้ยงไปได้สัก 1 - 2 เดือนได้คะ เอาไปใส่กรอบได้สัก 3-4 วัน ก็ทำกุมารหล่นค่ะ คอหักเลย ถามคนที่เค้าเลี้ยงอยู่ เขาบอกให้เอาไปปล่อย ที่วัด เพราะคิดว่าคงไม่อยากอยู่กับเรา ก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน ตอนนี้ก็ยังอยู่เหมือนเดิม ช่วยแนะนำหน่อยนะค่ะ ก็ไม่อยากทิ้งเขา รู้สึกไม่ดี
|
เอ้
|
ความคิดเห็นที่ 28
26/12/2009
, 18:18
Quote
อยากเลี้ยงมากเลยคะกุมารทอง หนูศรัทราจริงๆ แต่หนูเป็นคนกลัวผีมาก หนูอยากเขาเขามาเลี้ยงเหมือนเป็นเพื่อนพี่น้องไม่ได้คิดจะเอาเขามาแบบนิยม มันเป็นยังไงหละหนูก็อธิบายไม่ถูก ไม่ทราบว่าหาได้ที่ไหนเหรอคะอยากได้แบบเขาฝันไม่ต้องเจอตัวเป็นๆ ผู้รู้หรือท่านใดที่มีแล้วไม่อยากเลี้ยงหนูขอเอาไปบูชาต่อนะคะ085-0068361
อยากเลี้ยงมากเลยคะกุมารทอง หนูศรัทราจริงๆ แต่หนูเป็นคนกลัวผีมาก หนูอยากเขาเขามาเลี้ยงเหมือนเป็นเพื่อนพี่น้องไม่ได้คิดจะเอาเขามาแบบนิยม มันเป็นยังไงหละหนูก็อธิบายไม่ถูก ไม่ทราบว่าหาได้ที่ไหนเหรอคะอยากได้แบบเขาฝันไม่ต้องเจอตัวเป็นๆ ผู้รู้หรือท่านใดที่มีแล้วไม่อยากเลี้ยงหนูขอเอาไปบูชาต่อนะคะ085-0068361 -
|
Aeaw ZaZa
|
ความคิดเห็นที่ 29
08/02/2010
, 07:27
Quote
|
อภิญญา
|
ความคิดเห็นที่ 30
24/02/2010
, 08:53
Quote
เราก็มีกุมารทองเหมือนกัน แต่เลี้ยงง่ายมาเลย ไม่เคยมารบกวนส่วนมาอยากกินไรเค้าก็จะบอกเรา หรือว่า อาจเข้าฝันอ่ะว่าเค้าอยากได้อะไร กุมารทองตัวนี้เราได้มาแปลกมากกกก เค้ามาอยู่ด้วยโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย จู่ๆก็มีรูปปันเค้าเข้ามาอยู่ในบ้านทั้งๆที่คนในบ้านเราไม่เคยเชื่อเรื่องอย่างนี้และไม่เคยมีใครเอามาไว้ในบ้าน มีอยู่วันนึงอาเค้ามานอนที่บ้านเจอจังๆเลย เค้าใส่จงกะเบน สีเหลืองทอง และใส่เสื้อเกาะสีแดงทั้งตัวเค้ามีแต่รอยยันต์สัก และที่ผมก็มีจก ถือดาบ จะว่าไปก็ขนลุกมีแต่คาถาว่างั้น เรื่องไม่น่าเชื่อก็กลายเป็นเรื่องที่น่าเชื่อไปเลยเนาะ
เราก็มีกุมารทองเหมือนกัน แต่เลี้ยงง่ายมาเลย ไม่เคยมารบกวนส่วนมาอยากกินไรเค้าก็จะบอกเรา หรือว่า อาจเข้าฝันอ่ะว่าเค้าอยากได้อะไร กุมารทองตัวนี้เราได้มาแปลกมากกกก เค้ามาอยู่ด้วยโดยที่เราไม่รู้ตัวเลย จู่ๆก็มีรูปปันเค้าเข้ามาอยู่ในบ้านทั้งๆที่คนในบ้านเราไม่เคยเชื่อเรื่องอย่างนี้และไม่เคยมีใครเอามาไว้ในบ้าน มีอยู่วันนึงอาเค้ามานอนที่บ้านเจอจังๆเลย เค้าใส่จงกะเบน สีเหลืองทอง และใส่เสื้อเกาะสีแดงทั้งตัวเค้ามีแต่รอยยันต์สัก และที่ผมก็มีจก ถือดาบ จะว่าไปก็ขนลุกมีแต่คาถาว่างั้น เรื่องไม่น่าเชื่อก็กลายเป็นเรื่องที่น่าเชื่อไปเลยเนาะ
|
00
|
ความคิดเห็นที่ 31
21/03/2010
, 02:20
Quote
ผมว่าเลี้งดูให้ดี ทำตามพิธีที่ถูก เช่นการนำเข้าบ้าน การตั้งหั้ง อะไรเเบบนี้ เขาก็อยู่กับเรานะครับ ควรพูดอะไรไว้ควรทำให้ได้ รักเขาเหมือนลูกนะครับ
ผมว่าเลี้งดูให้ดี ทำตามพิธีที่ถูก เช่นการนำเข้าบ้าน การตั้งหั้ง อะไรเเบบนี้ เขาก็อยู่กับเรานะครับ ควรพูดอะไรไว้ควรทำให้ได้ รักเขาเหมือนลูกนะครับ
|
pen
|
ความคิดเห็นที่ 32
11/05/2010
, 12:44
Quote
เพิ่งเลี้ยงได้ 6 วันนะคะ รายละเอียดส่วนใหญ่ตั้งแต่แรกก็พอเข้าใจแล้ว แต่ที่ยังสงสัยคือว่า เราต้องท่องคาถาปลุกเค้าบ่อยแค่ไหน เวลาให้อาหารหรือของเล่นรวมทั้งอย่างอื่นถ้าไม่ได้ท่องคาถาแล้วเค้าจะได้รับมั้ย ก็พยายามพุดและบอกเค้าทุกๆวันนะคะ นี่ก็คิดว่าจะจัดอาหารถวายทุกๆวันอังคาร ถึงจะสวดบทคาถาที อย่างนี้จะเป็นไรรึเปล่า ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
เพิ่งเลี้ยงได้ 6 วันนะคะ รายละเอียดส่วนใหญ่ตั้งแต่แรกก็พอเข้าใจแล้ว แต่ที่ยังสงสัยคือว่า เราต้องท่องคาถาปลุกเค้าบ่อยแค่ไหน เวลาให้อาหารหรือของเล่นรวมทั้งอย่างอื่นถ้าไม่ได้ท่องคาถาแล้วเค้าจะได้รับมั้ย ก็พยายามพุดและบอกเค้าทุกๆวันนะคะ นี่ก็คิดว่าจะจัดอาหารถวายทุกๆวันอังคาร ถึงจะสวดบทคาถาที อย่างนี้จะเป็นไรรึเปล่า ช่วยแนะนำด้วยนะคะ
|
ปามมี่
|
ความคิดเห็นที่ 33
16/05/2010
, 00:03
Quote
|
Kitty
|
ความคิดเห็นที่ 34
24/05/2010
, 15:38
Quote
อยากเลี้ยงกุมารีมาก ๆ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรบ้าง
อยากเลี้ยงกุมารีมาก ๆ แต่ไม่รู้จะทำอย่างไรบ้าง
|
อ้อน
|
ความคิดเห็นที่ 35
18/06/2010
, 14:45
Quote
แฟนเราก้อเลี้ยงกุมารทองนะ เราก้อไม่ได้คัดค้านรึว่าอะไร เพียงแต่บอกว่า เราขี้กลัว อย่ามาเล่นกะเรานะ ก้อเลี้ยงมาได้ประมาณเป็นปีละ เราก้อไม่ได้ลบหลู่ แต่ก้อไม่ได้เชื่อรัยมากมาย แต่มีอยู่คืนหนึ่ง ตื่นมาเข้าห้องน้ำ พอเข้าห้องน้ำเสร็จ ก้อจะเข้านอน น่าจะประมาณ ตี3 ได้ยินเสียงเหมือนคนพูด สนุกสนานมาก ก้อคิดว่าน่าจะเป็นลูกชาย พูดโทรศัพท์กับเพื่อน ยืนฟังอยู่พักหนึ่ง ฟังหน้าประตูห้องลูกชาย ก้อฟังไม่ออกว่าพูดว่าอย่างไร แต่น้ำเสียงพูดคนเดียวแบบสนุกสนาน ก้อเลยเปิดประตูเข้าไปในห้องลูกชาย พอเปิดประตูห้องได้ยินเสียงหัวเราะ เหมือนเด็ก หัวเราะแบบ ขำๆ ก้อนึกว่าลูกชาย แกล้งเพื่อนหัวเราะดัดเสียง ถามลูกชายว่าคุยกะใคร ลูกชายบอกเปล่า หัวเราะทำไมหรอ ลูกชายบอกเปล่าเลย ไม่ได้คุยไม่ได้หัวเราะ เพราะโทรศัพท์ ชาร์ตอยุ่หน้าประตู ตอนนั้นก้อไม่ได้คิดอะไร รึสึก งง งง กลับมานอนก้อยังคิดต่ออีก ได้ยินเสียงหัวเราะชัดเจนมาก สงสัยลูกทอง มาเล่นด้วยเลย ตอนนี้เชื่อเต็มร้อย เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าจะเจอแบบนี้อะ ดีนะได้ยินแค่เสียง ถ้าเห็นตัวสงสัย......................ที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกชายเพราะ บ้านมีอยู่ 3 คน เพราะแฟนไม่ใช่แน่นอนห้องเดียวกันแล้วเสียงกรนดังออกมานอกห้อง ตัดไปได้เลย ลูกชายก้อไม่ใช่แน่ เพราะเสียงเป็นเหมือนเด็ก ลูกชายเป็นหนุ่มละ
แฟนเราก้อเลี้ยงกุมารทองนะ เราก้อไม่ได้คัดค้านรึว่าอะไร เพียงแต่บอกว่า เราขี้กลัว อย่ามาเล่นกะเรานะ ก้อเลี้ยงมาได้ประมาณเป็นปีละ เราก้อไม่ได้ลบหลู่ แต่ก้อไม่ได้เชื่อรัยมากมาย แต่มีอยู่คืนหนึ่ง ตื่นมาเข้าห้องน้ำ พอเข้าห้องน้ำเสร็จ ก้อจะเข้านอน น่าจะประมาณ ตี3 ได้ยินเสียงเหมือนคนพูด สนุกสนานมาก ก้อคิดว่าน่าจะเป็นลูกชาย พูดโทรศัพท์กับเพื่อน ยืนฟังอยู่พักหนึ่ง ฟังหน้าประตูห้องลูกชาย ก้อฟังไม่ออกว่าพูดว่าอย่างไร แต่น้ำเสียงพูดคนเดียวแบบสนุกสนาน ก้อเลยเปิดประตูเข้าไปในห้องลูกชาย พอเปิดประตูห้องได้ยินเสียงหัวเราะ เหมือนเด็ก หัวเราะแบบ ขำๆ ก้อนึกว่าลูกชาย แกล้งเพื่อนหัวเราะดัดเสียง ถามลูกชายว่าคุยกะใคร ลูกชายบอกเปล่า หัวเราะทำไมหรอ ลูกชายบอกเปล่าเลย ไม่ได้คุยไม่ได้หัวเราะ เพราะโทรศัพท์ ชาร์ตอยุ่หน้าประตู ตอนนั้นก้อไม่ได้คิดอะไร รึสึก งง งง กลับมานอนก้อยังคิดต่ออีก ได้ยินเสียงหัวเราะชัดเจนมาก สงสัยลูกทอง มาเล่นด้วยเลย ตอนนี้เชื่อเต็มร้อย เมื่อก่อนไม่เคยคิดว่าจะเจอแบบนี้อะ ดีนะได้ยินแค่เสียง ถ้าเห็นตัวสงสัย......................ที่คิดว่าน่าจะเป็นลูกชายเพราะ บ้านมีอยู่ 3 คน เพราะแฟนไม่ใช่แน่นอนห้องเดียวกันแล้วเสียงกรนดังออกมานอกห้อง ตัดไปได้เลย ลูกชายก้อไม่ใช่แน่ เพราะเสียงเป็นเหมือนเด็ก ลูกชายเป็นหนุ่มละ
|
รุ
|
ความคิดเห็นที่ 36
23/09/2010
, 14:29
Quote
เรามีลูกแล้ว 2 คน คนโต 12 ปีกับ 8 ปี ผู้หญิงทั้งคู่ตอนยังไม่มีคนโตเคยตกเลือดมั้งเพราะยังไม่ทันได้ตรวจประจำเดือนขาด 10 วัน แล้วนั่งรถไปต่างจังหวัดกลับมาประจำเดือนมา 16 วัน ไปหาหมอ แต่บอกไม่ได้ว่าแท้งหรือเปล่า หลังจากนั้นก็ เราฝันเห็นผู้หญิงอุ้มเด็กผู้ชายอายุประมาณ 4-6 เดือน มาส่งให้บ่อยมาก แต่เราไม่ได้รับ บอกไม่เอาลูกเดียว จนท้องคนแรก กับคนที่สอง พอคลอดลูกคนเล็กก็ทำหมั้นเลย แต่พอฝันอีกครั้งกลับรับมาอุ้ม มาหอม ฝันมาตลอดหลายปีมีความสุขมากที่ได้อุ้มเขา แต่มีผู้หญิงอุ้มมาด้วยทุกครั้งเลยไม่คิดว่าเป็นลูกเรา จนตั้งศาลให้ชวนมาอยู่ด้วยกัน เราย้ายมาเช่าบ้านอยู่ไม่ได้ย้ายศาลมาด้วย แล้วเกิดฝันว่าให้เขาดูดนม พอตื่นมาตอนเช้าคัดนมมาก เจ็บหัวนมลองบีบดูมีน้ำนมไหล ตอนแรกนึกว่าท้องแต่ไปตรวจไม่ท้องหมอให้ยาปรับฮอโมนมากิน 20 วัน น้ำนมหยุดไหล 2 เดือนถัดมา ฝันว่าเบ่งคลอดเขาออกมาเลย เช้ามาอีกแล้วนมไหลหมอให้ไปตรวจเลือดปรากฎผลฮอโมนปกติดี เลยไปถามพระท่านบอกเป็นลูกเราตามมา แต่ท่านบอกไม่ต้องเสกตัวกุมารหรอกเพราะจิตผูกพันกันแค่ตั้งชื่อแล้วทำบุญให้เขาบ่อยๆ กลางคืนมีผู้หญิงมารับไปในฝันไปเจอเขามาก็หอมฟัดเขา แล้วก็ตื่นมามีนมไหลอีก เราซื้อเสื้อผ้า ขวดนม ไปถวายพระ และบางส่วนก็มาตั้งที่บ้านให้นม กับอาหารทุกวันเหมือนเลี้ยงลูกอ่อน แต่ก็ไม่ฝันถึงเขาอีกเลย เกือน 10 วันแล้ว เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มาคิดถึงมากต้องทำไง ก็องเสกกุมารไหม แล้วที่เราเจอมันคือของจริงหรือเพ้อเจ่อ ช่วยบอกด้วยนะคะ
เรามีลูกแล้ว 2 คน คนโต 12 ปีกับ 8 ปี ผู้หญิงทั้งคู่ตอนยังไม่มีคนโตเคยตกเลือดมั้งเพราะยังไม่ทันได้ตรวจประจำเดือนขาด 10 วัน แล้วนั่งรถไปต่างจังหวัดกลับมาประจำเดือนมา 16 วัน ไปหาหมอ แต่บอกไม่ได้ว่าแท้งหรือเปล่า หลังจากนั้นก็ เราฝันเห็นผู้หญิงอุ้มเด็กผู้ชายอายุประมาณ 4-6 เดือน มาส่งให้บ่อยมาก แต่เราไม่ได้รับ บอกไม่เอาลูกเดียว จนท้องคนแรก กับคนที่สอง พอคลอดลูกคนเล็กก็ทำหมั้นเลย แต่พอฝันอีกครั้งกลับรับมาอุ้ม มาหอม ฝันมาตลอดหลายปีมีความสุขมากที่ได้อุ้มเขา แต่มีผู้หญิงอุ้มมาด้วยทุกครั้งเลยไม่คิดว่าเป็นลูกเรา จนตั้งศาลให้ชวนมาอยู่ด้วยกัน เราย้ายมาเช่าบ้านอยู่ไม่ได้ย้ายศาลมาด้วย แล้วเกิดฝันว่าให้เขาดูดนม พอตื่นมาตอนเช้าคัดนมมาก เจ็บหัวนมลองบีบดูมีน้ำนมไหล ตอนแรกนึกว่าท้องแต่ไปตรวจไม่ท้องหมอให้ยาปรับฮอโมนมากิน 20 วัน น้ำนมหยุดไหล 2 เดือนถัดมา ฝันว่าเบ่งคลอดเขาออกมาเลย เช้ามาอีกแล้วนมไหลหมอให้ไปตรวจเลือดปรากฎผลฮอโมนปกติดี เลยไปถามพระท่านบอกเป็นลูกเราตามมา แต่ท่านบอกไม่ต้องเสกตัวกุมารหรอกเพราะจิตผูกพันกันแค่ตั้งชื่อแล้วทำบุญให้เขาบ่อยๆ กลางคืนมีผู้หญิงมารับไปในฝันไปเจอเขามาก็หอมฟัดเขา แล้วก็ตื่นมามีนมไหลอีก เราซื้อเสื้อผ้า ขวดนม ไปถวายพระ และบางส่วนก็มาตั้งที่บ้านให้นม กับอาหารทุกวันเหมือนเลี้ยงลูกอ่อน แต่ก็ไม่ฝันถึงเขาอีกเลย เกือน 10 วันแล้ว เรียกเท่าไหร่ก็ไม่มาคิดถึงมากต้องทำไง ก็องเสกกุมารไหม แล้วที่เราเจอมันคือของจริงหรือเพ้อเจ่อ ช่วยบอกด้วยนะคะ
|
siriko
|
ความคิดเห็นที่ 37
03/11/2010
, 19:38
Quote
อยากให้เค้าช่วยเรื่อง อยากเป็นหลีดอ่ะคะ ช่วยทุกอย่างที่เราขอ เค้าจะช่วยได้ไหมอ่ะคะ ?
อยากให้เค้าช่วยเรื่อง อยากเป็นหลีดอ่ะคะ ช่วยทุกอย่างที่เราขอ เค้าจะช่วยได้ไหมอ่ะคะ ?
|
jj
|
ความคิดเห็นที่ 38
19/01/2011
, 14:09
Quote
มีกุมารรี อยู่ด้วยตั้งแต่เกิด เพิ่งมารู้ตัวติน อายุ 23 แล้ว อยากรู้ว่าต้องปฏิบัติกับเขายังไง เพราะส่วนมาก จะเป็นแบบว่า เขาเพิ่งมาอยู่ หรือ ไป บูชามา อย่างนี้ต่างกันไหมค่ะ อยากรู้ varabhorn_aend@windowslive.com
มีกุมารรี อยู่ด้วยตั้งแต่เกิด เพิ่งมารู้ตัวติน อายุ 23 แล้ว อยากรู้ว่าต้องปฏิบัติกับเขายังไง เพราะส่วนมาก จะเป็นแบบว่า เขาเพิ่งมาอยู่ หรือ ไป บูชามา อย่างนี้ต่างกันไหมค่ะ อยากรู้ varabhorn_aend@windowslive.com
|
จิ๋ว
|
ความคิดเห็นที่ 39
01/02/2011
, 10:29
Quote
ได้กุมารมาหนึ่งองค์คะเป็นกุมารเรียกทรัพย์ องค์แบบพกพา แล้วนี่จะเรียกว่ากุมารเทพ หรือกุมารพรายคะ คือไม่ได้พกองค์เขามาเอาไว้ที่บ้าน แล้วบางครั้งขึ้นรถลืมเรียกเขานึกได้ระหว่างทางจึงเรียกเขา แล้วเขาจะยังตามเรามาหรือเปล่าคะ ช่วยตอบหน่อยนะคะ ไม่ร้จริงๆคะ
ได้กุมารมาหนึ่งองค์คะเป็นกุมารเรียกทรัพย์ องค์แบบพกพา แล้วนี่จะเรียกว่ากุมารเทพ หรือกุมารพรายคะ คือไม่ได้พกองค์เขามาเอาไว้ที่บ้าน แล้วบางครั้งขึ้นรถลืมเรียกเขานึกได้ระหว่างทางจึงเรียกเขา แล้วเขาจะยังตามเรามาหรือเปล่าคะ ช่วยตอบหน่อยนะคะ ไม่ร้จริงๆคะ
|
ปิศาจเสื้อใน
|
ความคิดเห็นที่ 40
04/02/2011
, 02:13
Quote
เค้ามีบทสวดบูชากุมารก่อนนอนถ้าม่ายสวดเปงรัยป่ะค่ะ
คืออยากเลี้ยงอ่ะค่ะเรยรบกวรผู้รู้ตอบหน่อยอ่ะ
เค้ามีบทสวดบูชากุมารก่อนนอนถ้าม่ายสวดเปงรัยป่ะค่ะ
คืออยากเลี้ยงอ่ะค่ะเรยรบกวรผู้รู้ตอบหน่อยอ่ะ
|