http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,949,680
Page Views33,386,717
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    

 


ประสบการณ์จริงจากผู้เขียน เรื่องที่ 2

ประสบการณ์จริงจากผู้เขียน เรื่องที่ 2

เมื่อปี 2550 ผมได้ไปเยี่ยมผู้ใหญ่ท่านหนึ่ง ซึ่งท่านป่วยเป็นมะเร็งที่โรงพยาบาลแห่งหนึ่งแถวสุขุมวิท ผมก็เข้าไปกราบท่าน ท่านก็รับไหว้เราดีเหมือนเดิม ผมเดินอยู่ในห้องนั้นกลับมีเสียงเด็กแว่วเข้ามาในหูเราอย่างชัดเจน ผมก็นึกอยู่แล้วว่าต้องเป็นลูกกุมารทองเราเป็นแน่ เราก็สื่อกับลูกกุมารถามสิ่งต่าง ๆ ที่เกิดขึ้น ลูกเราก็ถามว่าอยากเห็นอะไรล่ะ เราก็บอกว่าอยากเห็นสิ่งที่คนอื่นมองไม่เห็น คำตอบก็คือ “จ้า” แล้วเราก็เริ่มเห็น ตอนแรกผมนึกว่าตาฝาดรึเป่ลาน่ะหรือคิดไปเองไม่ก็อาจจะคิดมากไป

สิ่งที่ผมเห็นนั้นคือ ในห้องมีญาติพี่น้องของผู้ใหญ่ท่านนั้นอยู่ประมาณ 6 คนผมก็เลยไปนั่งที่โซฟาปกติ ผมเห็นหญิงชราผู้หนึ่งเดินเข้ามาจากไหนไม่ทันเห็น มายืนมองหน้าผู้ป่วยอย่างนิ่งเฉยและสังเกตว่าทุกคนในห้องทำไมทักทายหรือพูดคุยกับหญิงชราผู้นี้เลยผมก็คิดอยู่แล้วว่าคงไม่ใช่คนแน่ ๆ แต่ลัษณะเหมือนคนปกติทั่วไป ผมก็เลยสื่อทางจิต ตั้งจิตคุยกับเค้าว่าท่านคือใครท่านก็บอกว่า “ฉันเป็นแม่ของคนๆนี้น่ะ” จะมารับไปอยู่ด้วย ผมก็สื่อต่อว่าท่านคนที่นอนอยู่บนเตียงนั้นน่ะยังไม่ตาย หน้าหญิงแก่คนนั้นก็นิ่งเฉย ผมได้ยินลูกกุมารผมบอกผมว่า “พ่อเดี๋ยวเค้าก็ตายแล้ว” เราก็ถามเมื่อไหร่ล่ะ “วันที่ 29 นี้” ก็อีก 7 วันซิ เราก็ไม่รู้จะบอกกับญาติเค้ายังไงดี ก็บอกอ้อม ๆ เค้าไปว่า ถ้าคุณยายอยากได้อะไรน่าจะทำให้น่ะ

หลังจากนั้นก็กลับบ้านพร้อมกันเลยไปกินข้าวต่อ พอไปถึงร้านอาหารยังไม่ทันสั่งอาหารเลยทุกคนรุมถามเราอย่างสงสัยว่า มีอะไรเกิดขึ้นเหรอ ผมก็ตอบไปแบบอ้อม ๆ เพราะเดี๋ยวจะหาว่าเราแช่งแม่เค้าให้ตายเร็ว ๆ ผมบอกว่าอีก 2 วันก็รู้เอง พอครบ 2 วันญาติ ๆ โทรมาหาผมตอนตี 4 ว่าให้ผมรีบมาที่โรงพยาบาลด่วนเลย ผมก็ไปโรงพยาบาลเดี๋ยวนั้นเลยพอไปถึงคุณยายที่นอนอยู่ก็เข้าห้อง ไอซียู ไปแล้ว ทุกคนก็เริ่มเชื่อในสิ่งที่ผมพูด เลยให้ผมสื่อกับคุณยายว่าอยากได้อะไร คุณยายบอกว่า “อยากกลับไปตายที่บ้านไม่อยากอยู่ที่นี่แล้ว” ผมก็บอกทุกคนว่าคุณยายอยากกลับบ้านแต่บางคนไม่เชื่อในสิ่งที่ผมพูดเพราะคุณยายอาการหนักมากต้องใช้เครื่องช่วยหายใจ ความดันไม่ปกติ

คุณยายสื่อผมว่าเห็นสามีที่ตายไปแล้วมารอรับกลับบ้าน ทุกคนถามว่าลักษณะเป็นยังไง ผมตอบถูกต้องตามลักษณะ ทุกคนก็อยากเอากลับ แต่หมอเจ้าของไข้บอกว่ากลับไม่ได้ เพราะหมอคงไม่เชื่อเรื่องแบบนี้ ก็เลยยกเลิกการกลับบ้าน คุณยายสื่อผมว่าอยากใส่จี้ห้อยคอที่มีรูปสามีก่อนตาย อยากได้สร้อยเพชรแหวนแต่งงานที่มีลักษณะอย่างนั้น และอยากใส่ผ้าซิ่นสีแดง และอีกหลายอย่างที่ผมสื่อได้ทุกคนก็เลยจดตามคำที่ผมบอก โดยที่ผมไม่เคยรู้ว่าจี้ที่ห้อยคอนั้นมีรูปสามีของท่านอยู่เลย เพราะจี้อยู่ในเซฟตั้งแต่สามีท่านเสียไปเมื่อ10 ปีก่อนเสียอีก

ต่อมาจากนั้นผ่านไปไม่กี่วันอาการก็เริ่มทรุดลง ญาติก็โทรเรียกผมอีกเพื่อสื่อครั้งสุดท้าย เพราะหมอบอกว่า ไม่เกินคืนนี้ ให้ญาติรวมตัวกันเพื่อบอกต่อในการจากไป แต่ความตั้งใจของญาติอยากให้พาคุณยายไปเสียที่บ้านจึงได้จัดรถพยาบาลกลับบ้าน ซึ่งผมก็อยู่ด้วยตลอดจนถึงบ้าน อาการก็ทรงๆ ไม่หนักเหมือนตอนอยู่ที่ห้อง ไอซียู ทุกคนก็เปลี่ยนเสื้อผ้าให้คุณยายแต่งตัวจนสวยงามเสร็จ ก็เลยสื่อถึงคุณยายว่าอยากเจอใครเป็นครั้งสุดท้าย หรืออยากฝากอะไรมั๊ย ท่านสื่อกลับมาว่า อยากเจอหลานชายคนเล็กและหลานชายก็มาถึงไม่นาน แล้วก็ฝากบอกลูกสาวทั้งสามคนว่า ให้รักกันดูแลกันนะ เพราะแม่ไม่ไหวแล้ว และจะไม่อยู่ไปอีกนานแสนนาน ตอนนี้คุณตามารับแล้ว สักครู่สัญญาณเครื่องช่วยหายใจก็ดับลง ทุกคนก็เศร้าสลดไปทั้งบ้าน วันนั้นเป็นวันที่ 29 พอดี ตามที่กุมารทองได้บอกกับผมไว้ หลังจากนั้นผมก็แวะไปบ้านงานศพท่านจนเผาครับ….

 

หลังจากนั้นลูกกุมารทองก็จะกระซิบให้ผมสามารถสื่อกับสิ่งต่าง ๆ ที่คนอื่นไม่สามารถเห็นได้แต่ผมก็ถือว่าผมเป็นสื่อหนึ่งที่จะช่วยให้คนที่จะสิ้นใจสั่งเสียจนหมดห่วงเป็นครั้งสุดท้าย.......เรื่องนี้เป็นเรื่องจริงที่ผมนำมาเล่าเป็นวิทยาทานว่า ไม่เชื่ออย่าลบหลู่สิ่งที่คุณไม่ห็นคนบางคนอาจเห็นได้ แม้วิทยาศาสตร์อาจพิสูจน์ไม่ได้ในเรื่องเล้นลับนี้ได้ก็ตาม

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view