http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,986,793
Page Views33,424,049
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 

 


คู่มือหัดเลี้ยงกุมารทอง สำหรับผู้เริ่มหัดเลี้ยงกุมาร !!!!!

(อ่าน 11552/ ตอบ 76)

sanoru

ข้อพึงระลึกผู้ที่จะเริ่มเลี้ยงกุมารทอง

1. เราต้องพร้อมที่จะเลี้ยงดูเค้าคำว่าพร้อมก็คือ ตนเองมีเวลาเลี้ยงดู ที่บ้านยอมรับ

2. พึงระลึกไว้ว่าเค้าคือลูกของเราจริงๆ คนส่วนใหญ่ที่หัดเลี้ยงมักจะลืมไปว่าเค้ามีจิตวิญญานเป็นเด็กเหมือนกันเพียงแต่ว่าเราไม่รู้ไม่เห็นว่าเคาอยู่ตรงไหน จึงลืมไปว่าเค้ามีชีวิต ข้อนี้ต้องละรึกไว้เสมอเลย

3. หมั่นคุยเล่นกับเค้า อย่างที่บอกครับว่าเค้าคือลูกของเราจริงๆ เราก็ต้องหมั่นคุยเล่นกับเขาบ้าง

4. หาของเล่นหรือขนมให้ลูกๆเราตามสมควร เมื่อเวลาเราใช้งานให้เค้าทำงานเช่น บน หรือ ถึงวันพระวันสำคัญ เราก็ควรหาขนมหรือของเล่นไปให้เขาบ้าง (ตุ๊กตาทองของ หลวงปู่แย้ม วัดสามง่ามนั้น ควรจะต้องถวายข้าวทุกๆวันตามตำรับของ หลวงปู่ท่าน)

5. รู้จักดุกำราบหากว่ากุมารทองดื้อซน แน่นอนครับเป็นเด็กก็ต้องซน เวลาซนก็ต้องดุกำราบบ้างไม่ให้ซนหรือดื้อ โดยปกติแล้วผู้เลี้ยงส่วนใหญ่จะใช้คาถากำราบเอาแต่การใช้คาถากำราบนั้นก็เหมือนเอาไม้มาเฆี่ยนตีนี่แหละครับ ผมจึงแนะนำให้เราใช้คำพูดคำจากับเขาก่อนหรือดุด้วยวาจาก่อน หากยังไม่หยุดซนค่อยใช้คาถาเป็นครับ


เครดิต คุณgumaro ชมรมกุมารทอง

paemee

ขอบคุณค่ะ ได้ความรู้มากๆเลย

rapdevil


การ ที่คุณจะ เลี้ยงกุมารทองนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความพร้อม ทั้งกายและใจ สาเหตุที่ต้องพร้อมนั้นเพราะว่า ศาสตร์ในการปลุกเสกกุมารทอง ท่านได้นำเอาวิญญานเด็ก หรือเจตภูติ มาผูกไว้กับร่างกุมาร และเชิญญานเทพคุ้มครองหรือสร้างอิทธิฤทธิ์ ในรูปแบบต่าง ๆ แล้วแต่สำนักผู้สร้าง สิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อในเรื่องของภพภูมิโลกวิญญาน กุมารทองเค้าก็จะมีสังคมในอีกรูปแบบหนึ่ง ดูแลโดยครูวิทยาธร และครูบาอาจารย์ผู้ปลุกเสก ซึ่งเราเป็นมนุษย์ทั่วไปจะไม่สามารถมองเห็นได้ และรับรู้ได้อยู่แล้ว จึงขอให้ตัดข้อสงสัยที่ว่า "เช่ามาบูชาแล้วไม่เห็นมีไรเลย เงียบจัง หรือว่า อยากเจอน้องเค้าจังเลย ทำไงดี" เพราะคนที่ต้องการจะบูชากุมารทอง เพื่อการจะติดต่อกับภูติผีวิญญาน หรืออยากเห็นอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์ต่าง ๆ นั้น มักจะสื่อกันไม่ถึงครับ เพราะจิตไปผูกอยู่กับความอยากรู้อยากเห็น เกิดเป็นความสงสัยแทนที่จะเป็น ความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราบูชา บารมีกุมารไม่เกิดครับ อยากให้ปรับความคิดซะใหม่ก่อน ว่าการที่เราเลี้ยงกุมารทองนั้นด้วยจุดประสงค์อะไร 1.เพื่อช่วยในการค้าขาย  2.เพื่อให้เกิดโชคลาภสักการะ  3.เพื่อปกป้องคุ้มครองตัวเราจากภยันตราย      แค่เพียงสามสิ่งนี้ไม่จำเป็นเลยที่กุมารทองต้องออกมาปรากฎกายให้เราเห็น จริงมั๊ยครับ สาเหตุเพราะว่า ช่วยในการค้าขาย เค้าก็จะดลใจให้คนมาซื้อของเรามาก ๆ ช่วยให้เกิดโชคลาภ เค้าก็จะดลใจเราให้ไปในทางที่ดีมีโชค เพื่อปกป้องคุ้มครอง เค้าก็จะคุ้มครองเราตลอดเวลาเปรียบเสมือนเงา นั่นไม่ได้หมายความว่า เค้าจะออกมากระโดดโลดเต้นให้เห็นเป็นที่อึกทึกนะครับ บางคนคิดแต่ว่าอยากให้เค้าแสดงฤทธิ์เสียอย่างเดียว พอไม่ทำก็ห่างเหินไม่สนใจ ทิ้งขว้างไว้ หากคุณทำแบบนั้นแล้วเท่ากับสร้างอกุศลกรรมใหม่ขึ้นแล้วหล่ะ สาเหตุเพราะคุณรับเค้ามาเลี้ยงดูนั้น เป็นเหมือนสัญญาว่าจะดูแล แต่ไม่ดูแลจนเค้าต้องหนีกลับวัด หรือหนีกลับภพภูมิของตน คุณจะกลายเป็นคนบาปในทันที บาปในที่นี้คือศีลข้อ 4 ในการพูดโป้ปดต่อสัญญานั้นเอง








สำหรับ คนที่มี เวลาจริง ๆ และสนใจอยากบูชาจริง ๆ นั้นคุณต้องทราบก่อนว่าคุณพร้อมแล้ว 100% ที่จะรับเค้ามาดูแล ในที่นี้ผมจะกล่าวไว้เล็กน้อยสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองพร้อมแล้วจริง ๆ แต่สำหรับคนที่ยังลองผิดลองถูกอยู่ อย่านำเค้ามาทรมานเป็นดีที่สุดครับ








การ เลี้ยงกุมาร ทองหรือตุ๊กตาทองนั้นเป็นเหมือนสัญญาผูกพันระหว่างจิตของผู้เลี้ยง และวิ ญญานของกุมารทอง โดยผ่านทางกายเนื้อของเราไปสู่สังขาร หรือรูปปั้นองค์ตุ๊กตาทอง, กุมารทองนั้นเอง จงอย่าได้มโนภาพหรือสร้างภาพไปเอง ให้เราตั้งใจบูชาที่รูปปั้นนั้น เวลาภาวนาขออะไรก็ให้มโนภาพถึงรูปปั้นนั้น ถ้าเค้าจะแสดงตนในลักษณะไหนเราก็จะเห็นได้เองในเวลาต่อมา การถวายอาหารก็ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีเวลา และมีกำลังมากเพียงไหน หากสามารถทำได้แค่อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง ก็ต้องจุดธูปบอกกล่าวให้ดีว่า จะไหว้ทุกวันอะไร และจะต้องทำให้ได้ตามนั้น โดยอาหารจะมากจะน้อยนั้นก็ขอให้ศรัทธาและให้จากใจ เค้าจะได้รับในสิ่งที่เราถวายแน่นอน สำหรับเรื่องที่ว่าจะพากุมารไปไหนต่อไหนนั้น ทำได้เช่นกัน ก็ด้วยใจเรานี่แหล่ะ สิ่งที่อยากจะเน้นคือว่า อย่ามโนภาพเพ้อฝันไปเองว่าเค้านั่งทำอะไรอยู่ตรงตรงนี้ ตรงนั้น ตรงไหน ตัวอย่างเช่นเรานั่งกินข้าว แต่จิตเรากลับคิดไปว่าเค้านั่งอยู่ข้าง ๆ เรานี่แหล่ะเค้าตักคำ เราตักคำนึง  หรือว่า ขับรถไปเที่ยว ก็มโนภาพไปว่าเค้านั่งข้าง ๆ เรานี่แหล่ะ นั่งฟังเพลงเพลนเชียว (ทั้งที่จริงแล้วเค้าอาจจะเหาะอยู่บนหลังคาก็ได้) อะไรแบบนี้นั้นเค้าเรียกว่ามโนภาพไปเองคิดเองเออเอง (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า"บ้า") สิ่งที่ถูกต้องคือให้คิด อยู่ในใจว่าเนี่ยเราเดินออกจากบ้าน เค้าก็ตามเรามานะแต่เค้าอยู่ตรงไหนเราไม่รู้หรอก แต่เรามั่นใจว่าเค้าตามเรามา  เราจะกินข้าว เราก็เรียกเค้ากินนะ เค้ากินหรือไม่กินเราไม่รู้หรอก แต่เราต้องเรียกเค้ากิน เราไปในร้านอาหารที่มีศาลเจ้าที่อยู่หน้าร้าน เราไม่รู้หรอกว่าเค้าเข้ามากับเราได้หรือไม่ได้ แต่เราก็ต้องยกมือไหว้บอกศาลเจ้าที่นั้นนะ ว่าขออนุญาติพากุมารทองเข้าไปด้วยนะครับ/คะ  เป็นต้น เรื่องนี้แบ่งแยกชัดเจนระหว่าง "มโนภาพ และ ความเชื่อมั่น" การ มโนภาพ คือการสร้างภาพขึ้นในจิต คิดไปเองสร้างรูปไปเอง (ทั้งที่ความจริงแล้วมันอาจไม่เป็นอย่างนั้น) แต่ ความเชื่อนั้นคือความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เราบูชา จะเกิดเป็นสัญญาเป็นความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นได้ในเวลาต่อมา สาเหตุที่อยากให้แบ่งแยกระหว่างมโนภาพและความเชื่อมั่น ออกจากกันเพราะว่า มโนภาพจะก่อให้เกิดความระแวงสงสัย "เอ นั่งอยู่ตรงนี้หรือเปล่าหว่า" "เอ .. เดินตามเรามาแน่หรือเปล่าหว่า" อะไรทำนองนี้ แต่ความเชื่อมั่นจะทำให้เราคิดแบบสบาย ๆ ใจว่า "อืม เค้าดูแลเรานะ" "อืม .. เราเชื่อนะว่าเค้าตามเรามา" อย่างนี้เป็นต้น แต่ สิ่งที่สำคัญมากคือ เราต้องระลึกเสมอว่า เราชวนเค้ามาด้วย จะทำอะไรก็ต้องนึกถึงเค้าด้วยเช่นกัน ต้องบอกต้องกล่าวตลอดเวลา ขึ้นรถลงเรือ ก็ต้องบอกต้องเรียก เค้าจะตามหรือไม่ตาม จะอะไรก็แล้วแต่อย่าสงสัย ให้เชื่ออยู่ในใจว่าเราต้องทำเท่านั้นก็พอ และ จงอย่าหมดศรัทธา หากว่าเราเดินไปแล้วตกท่อ ก็อย่านึกโทษเค้าว่า เค้าไม่ช่วยเรา นั่นเป็นเพราะว่า เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเสมอไป หกล้ม หัวคะมำ ก็ทำกันไป อย่าถือโทษโกรธกุมารทองเด็ดขาด เรื่องบางเรื่องเค้าก็ช่วยไม่ได้ แต่ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ครับ








เรื่องการนำเข้าบ้าน และการตั้งหิ้งบูชาไม่ขอเอ่ยถึงนะครับ เพราะว่าในเว๊ปนี้ทำไว้ละเอียดดีมาก ๆ แล้วครับ








ทีนี้ มาพูดถึง เรื่องการจุดธูปจุดเทียนบูชา ตามตำราโบราณแน่นอนว่า เทียนสองเล่ม จุดขวามือของกุมารก่อน แล้วค่อยจุดเล่มซ้าย ส่วนเรื่องธูปนั้นหลากหลายตำรามาก ๆ บางสำนักว่าบูชา 2 บางสำนักว่าบูชา 3 บางสำนักว่าบูชา 5 บางสำนักว่าบูชา 6 บางสำนักว่าบูชา 9 ก็มี เพราะฉะนั้นเราอย่าไปกังวลสงสัย ให้ยึดกฎใดกฎหนึ่งใช้กับตัวเองไปเลย เช่นว่า ถ้าไหว้ธรรมดา ฉันจะจุด 2 ดอก ถ้าจะบนบาน ฉันจะจุด 5 ดอก เป็นต้น แล้วก็ทำเป็นกิจวัตรไปซะ อย่าลังเลสงสัย เพราะความลังเลสงสัยนั่นแหล่ะ จะทำให้เราส่งไปไม่ถึงเค้า








เรื่องคาถาบูชากุมาร ให้ยึดเอาตามสำนักที่เราบูชามา จะมีใบแนบบอกอยู่แล้ว แต่ สำหรับ คนที่บูชามาจากต่างสำนัก ไม่มีคาถาบูชา ท่านก็ยึดเอาคาถากลางบูชาได้เลย คือ "เอหิกุมารโร เอหิกุมารี เอหิรัก-ยม เอหิพรายทอง ปิยังมะมะ ปุตตังวะชายะติ เจ้ารักยม กุมารทอง กุมารี ลูกกรอกเอ๋ย จงมา จงมา เอหิมะมะ" ใช้ในการเรียกกินข้าว เรียกไปนอกบ้าน เรียกไปนู่นไปนี่ ใช้รวมได้หมดทุกประเภท หรือประเภทไหนที่เราไม่ได้เลี้ยงก็ตัดออกไปจากบทคาถาได้ ไม่ผิดครับ ใช้ได้หมด อยู่ที่ใจเราเป็นสำคัญ อย่ากังวล อย่าคิดมากครับ ส่วนในเรื่องคาถาปลุกเสกนั้น ก็สวดบทอานิสงฆ์ทั่วไปนี่แหล่ะ สวดมนต์ไหว้พระทำได้หมด แต่ก่อนสวดให้เอื้อนเอ่ยว่าจาก่อนว่า "ขอให้อานิสงฆ์ และอานุภาพของการสวดเจริญพระพุทธมนต์เหล่านี้ จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและกุมารทอง เจ้ารักเจ้ายม กุมารี พรายทอง ที่ข้าพเจ้าบูชานี้ทั้งหมดทั้งสิ้นเถิด" เท่านี้เค้าก็จะได้อานิสงฆ์ไปกับเราแล้วครับ บางคนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเวลาสวดมนต์กุมารไม่ชอบฟัง ก็เพราะคุณไม่ได้ชักนำเค้าตั้งแต่ก่อนสวด เค้าก็ไม่ได้รับอานิสงฆ์ไม่เกิดศรัทธา และไม่เกิดอิทธิฤทธิ์ครับ ( แต่ให้ยกเว้นบางบทที่เป็นการสวดไล่วิญญาน หรือการบูชาเทพที่เค้าเกรงกลัว เช่น ท้าวเวสสุวัณ พยายม เหล่านี้เป็นต้น ถ้าจะสวดให้สวดบทอานิสงฆ์สรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าทั่ว ๆ ไปดีที่สุด )








เรื่อง ของการ ติดต่อกับกุมารทอง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าของหลาย ๆ คนอยาก (หลาย ๆ คนนะครับไม่ใช่ทุกคน) และพยายามทำกันมากเหลือเกิน ขอให้ตั้งสติทำใจให้สบายครับ อย่าไปคิดระแวงสงสัย ภาษาโบราณเค้าเรียกว่า "อย่ากังขา" ให้ เชื่อมั่นศรัทธาไว้เป็นที่ตั้ง ถ้าจะให้แนะนำสำหรับคณที่อยากติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนครับว่า คุณมีศีลบริสุทธิ์แล้วหรือยัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จะติดต่อกับคนที่มีศีลบริสุทธิ์เท่านั้น (ยกเว้นสำหรับคนที่มีลักษณะพิเศษ เป็นผู้ถูกเลือกมาตั้งแต่เกิด หรือตั้งแต่อดีตชาตินะครับ) เราต้องหมั่นฝึกหมั่นภาวนา หมั่นปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ กรรมฐาน เป็นนิจ จึงจะได้ความสามารถพิเศษเหล่านี้ โดยปกติแล้วกุมารทองจะมาติดต่อกับเราด้วยอาการหลาย ๆ อย่างเช่น การเข้าฝัน หรือผ่านทางอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มาอย่างไรนั้นจะยกตัวอย่างคร่าว ๆ ดังนี้ 1. มาเข้าฝันคงไม่ต้องบอก น่าจะทราบดี แต่ฝันนี้ต้องดูด้วยนะครับ ส่วนใหญ่ที่เชื่อถือได้คือฝันตอนกลางคืนนะครับ ฝันกลางวันนั้นท่านว่า กินมาก อิ่มมาก ก็จินตนาการกันไปเอง  2. ตา - คือการมองเห็น อาจเป็นออร่า หรือเป็นแสงพุ่งไปมา หรือเป็นเงา หรือกระทั้ง เป็นตัวเป็นตน อันนี้ก็ว่ากันไป  3. หู - คือการได้ยิน อาจมีเสียงกระซิบ หรือเสียงก้องกังวาลตอนที่เราจิตตก ก็เป็นไปได้  4. จมูก - คือการได้กลิ่น ส่วนมากจะเป็นกลิ่นมวลสาร หรือกลิ่นธูป กลิ่นดอกไม้ ถ้าทางไหนไม่ดีก็จะเป็นกลิ่นเหม็นเน่า บอกให้เรารู้ว่า ทางนี้อย่าเดินเป็นต้น  5.  ลิ้น - คือการสัมผัสอาหาร อันนี้สำหรับคนที่จิตผูกกับกุมารเป็นสัญญาแน่นเหนียวว่า "กินก็กินด้วยกัน" เพราะฉะนั้น อาหารบางอย่างที่เค้าไม่ชอบกิน เราก็อาจจะอาเจียนได้ไม่รู้ตัว  6. กาย - เรื่องนี้ง่ายมาก คือการสัมผัส การสัมผัสจากวิญญานจะเป็นกึ่งร้อนกึ่งเย็น เราจะทราบได้เอง เมื่อมีประสบการณ์นี้ อาจจะเป็นการจี้เอว แตะบ่า หรือรู้สึกหนัก ๆ อึ้ง ๆ บนบ่า หรือคอ นั่นก็ทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ นะครับ คงไม่ต้องให้บอก  7. ใจ - นี่สิสำคัญ ใจเรานี่แหล่ะ ก็อย่างที่อธิบายไปแล้ว ในเรื่องของมโนภาพ และความเชื่อมั่น ก็ของให้ใช้ใจไปในทางที่ถูกต้อง แล้วอายตนะอื่น ๆ ก็จะสื่อได้เองครับ 








แนะนำ การเข้าฌาน เบื้องต้น บอกกล่าวกุมารก่อนว่า เราอยากพูดคุยกับเค้าให้เค้ามาหาเราเป็นนิมิตด้วยเถิด แล้วให้กำหนดลมหายใจ เข้าออกลึก ๆ 5 นาที โดยหายใจเข้า 2 วิ หายใจออก 3 วิ ทำไปเรื่อย ๆ อาจเกิดอาการชาหรือมึนหัวเล็กน้อย หลังจากครบ 5 นาทีก็ให้กำหนดสภาวะทน ให้ผ่านพ้นอาการชา หน้ามืด มึนหัวเหล่านั้นไป แล้วจิตจะเป็นสมาธิเอง ทำใจให้สบาย อย่าไปผูกติดกับเรื่องที่จะเจอเค้า ให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ เมื่อจิตหยั่งถึงสมาธิเมื่อไหร่ ปาฏิหารย์จะเกิดขึ้นเองครับ








หมดเพียงเท่านี้แหล่ะ หุหุ ......... อัศม์เดช .........


พ่วงอันนี้ไปด้ยครับ เผื่อกระทู้มันไหล


บทความจากคุณ shaman EX


M & M

มีคำถามค่ะ มีกุมารพราย ทีนี้เพื่อนอยากได้น้องเค้าไปเลี้ยง เรายกให้เพื่อนได้มั้ยคะ และต้องทำพิธีอย่างไรบ้างคะ

คิง

เยี่ยมเลยคับน่าจะลงตั้งแต่วันพุธแล้ว

1444

ผู้หญิงเลี้ยงได้ไหมค่ะ

1444

ผู้หญิงเลี้ยงได้ไหมค่ะ

1244

ผู้หญิงเลี้ยงได้ไหมค่ะ

gg

rapdevil

ไม่จำกัดเพศครับ

น้องแอม

ขอบคุณครับ

Beaubkk

ถ้าเราบูชากุมารแล้ว ต่อมาไม่สามารถจะบูชาต่อได้ มีวิธีส่งคืนหรือปลดปล่อยวิญญาณไหม ขอถามก่อนที่จะบูชาเพราะสนใจแต่กลัวว่าในอนาคตหากไม่สามารถบูชาต่อได้จะได้รู้วิธีแก้ไข ขอบคุณมากครับ

sanoru

มีเขียนบอกอยู่ในกระทู้แล้วครับ ลองอ่านดูละเอียดๆ

แต่เอาจริงๆถ้าจะไม่เลี้ยงต่อส่งมาให้ผมก็ได้ครับ ยินดี

gun

สุดยอด

!!

แหม  ก๊อปมาทั้นนั้นเลยนะเนี่ย  เคยอ่านหมดแล้ว

sanoru

ก็ก็อบมานะสิครับ ก็เขียนเครดิตทุกคนทุกกระทู้ ไม่ได้บอกว่าเขียนเองไม่ก๊อบ ผมเอามารวมไว้กระทู้เดียวกันเพราะเห็นว่าเป็นประโยชน์ แก่มือใหม่ เพราะช่วงนี้มีมือใหม่เข้ามา เนื่องจากออกอากาศทางทีวี คนที่เริ่มหัดเล่นใหม่จะได้มีข้อมูลดีๆอ่าน


ถ้าไม่เคยทำอะไรให้ส่วนรวม เริ่มต้นที่หัด คิดดี พูดดีก่อน ก็ได้นะครับ

ขอบคุณ

rapdevil

ใช่ครับ คุณเคยอ่านแต่คนที่เค้าเข้ามาอ่าน ส่วนใหญ่เค้าไม่เคยอ่านนี่ครับ

gun

ขอบคุณ คุณ sanoru นะครับ สำหรับข้อความที่ตอบกลับในกระทู้ ของผม

k5

คุณ sanoru คุณเป็นคนคิดเองเหรอครับเรื่องนี้

ผมเหมือนเคยอ่านจากเว็บอืนๆ มา ข้อความคุ้นๆ ตา



เรื่องแบบนี้มันมีมานานมากแล้ว ก่อนที่พวกเราจะเกิด

ทางที่ดีควรจะใส่แหล่งที่มาให้ด้วย เพื่อยกย่องเชิญชูเกียรติให้แก่คนคิด คนสร้าง

เพราะผมคิดว่าเรื่องนี้คุณคิดเองไม่ได้หรอก

rapdevil

k sanoru เค้าก็ใส่เครดิต คุณgumaro ชมรมกุมารทอง

แล้วนี่ครับ ช่วยอ่านละเอียดแล้วค่อยติก็ได้มังครับ 

star

เคยเห็นคุณแจ๊คกะจิลเอาน้ำมันอะไรทาที่ตัวกุมารคะช่วยตอบที่นะคะ

sanoru

น้ำมันจันทร์ จ้ะ ลองทาดูจิหอมๆดีนะ
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view