เรื่องเล่าจากโกสินทร์ตอน 53 (มีภาพประกอบของเรื่อง และภาพวัว,ควายธนู)
สวัสดีครับคุณแจ๊ค,จิลล์ หายไปนานเชียว ผมมาดูเว็บกุมารทองครั้งล่าสุดเมื่อ 9 ธ.ค. 2554 ปรากฎว่าหน้าจอหายไป ใจหายมาก เรื่องราวต่าง ๆของผมเพียบเลยผมบันทึกไว้แล้วไม่ได้เล่าอกจะแตกตาย เลยพิมพ์เก็บ ๆ ไว้หลายตอนทีเดียว วันนี้นึกอะไรไม่รู้ลองเข้ามาเยี่ยมเยียนดูซิ โอคุณพระช่วยหน้าจอกุมารทองกลับมาแล้ว ดีใจจัง ก็ขอเชิญเพื่อน ๆ ทุกท่านทั้งดั้งเดิมและใหม่มาอ่านต่อกันได้เลยครับ
ขออ้างถึงตอน 52 หลังจากที่ผมพบกับธีรยุทธแล้ว ก็สอบถามสารทุกข์สุกดิบกัน ก็มาถึงเรื่องปีชงเนื่องจากผมและธีรยุทธเกิดเดือนเดียวกัน ปีเดียวกัน แหมอะไรมันจะตรงกันขนาดนั้น ปรากฏว่าปีนี้ราศีของเราทั้งสองคนเป็นปีชงพอดี ธีรยุทธก็เลยบอกว่ามีคนมาบอกให้เค้าไปทำพิธีแก้ปีชงซะถึงกระนั้นก็ตาม ธีรยุทธก็ยังโดนเรื่องเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ อยู่ ๆ หูก็เกือบดับไปข้างหนึ่งการได้ยินเสียงได้ยินไม่เต็มร้อยจนกระทั่งปัจจุบัน ซึ่งธีรยุทธก็ไปทำที่ศาลเจ้าทัพอยู่ตรงสำโรงสมุทรปราการ ผมก็เลยบอกให้ช่วยพาผมไปทำพิธีแก้ปีชง แต่ก่อนหน้านั้นผมก็ไปทำพิธีแล้วที่ศาลเจ้าพ่อเสือใกล้ที่ว่าการกทม.นั่นล่ะครับ วันนั้นคนแน่นมาก ควันธูปควันเทียนคละคลุ้งไปทั้งศาล ไม่รู้จะไปถามใครให้ช่วยแนะนำการทำพิธีเจ้หน้าที่ไม่ว่างเลยต้องแนะนำผู้คน ผมเลยใช้วิธีไหว้โดยไม่มีเครื่องสักการะขอความคุ้มครองจากท่าน รู้สึกมันโหวงเหวงพิธีมันเต็มขั้นตอน เลยไปทำใหม่ที่ศาลเจ้าพ่อทัพสำโรง สมุทรปราการ
วันนั้นที่ศาลเจ้าพ่อทัพมีคนไปร่วมทำพิธีร่วมกับผมอีก 3 คนเป็น 4 คน หญิงสองชายสอง เริ่มด้วยจ่ายค่าทำบุญ 200 บาท เราจะได้รับถาดบรรจุกระดาษพับเป็นรูปอะไรดูไม่ออก ผลไม้ก็เป็นแอ๊ปเปิ้ล 2 ลูก พอเริ่มทำพิธีเราทั้ง 4 คนก็กล่าวคำตามเจ้าหน้าที่ของศาลรวมความแล้วก็ขอความคุ้มครองจากท่าน ให้นำความไม่ดีต่าง ๆ ในตัวเราให้ออกไปพอถึงตอนนี้ก็ให้เอากระดาษที่พับอยู่ในถาดปัดออกไปจากตัว 12 ครั้ง ที่ปัด 12 ครั้งเพราะหนึ่งปีมี 12 เดือน
หลังจากนั้นก็กล่าวนำให้ความดีความเป็นสิริมงคลเข้าสู่ตัวเรา ก็เอากระดาษปัดเข้าหาตัวเรา 12 ครั้ง จากนั้นเจ้าหน้าที่ที่กล่าวนำก็ให้เรานำแอ๊ปเปิ้ลไปกินที่บ้าน กระดาษที่อยู่ในถาดก็นำไปเอาในเตาหน้าศาลเป็นอันเสร็จพิธี เจ้าพ่อทัพมีชื่อจีนว่าเทพไท้ส่วยเอี๊ยซึ่งผมนำภาพมาลงท้ายเรื่องแล้ว
หลังจากทำพิธีได้เดือนหนึ่ง ก็มีเหตุให้ชวนคิดว่าในการที่ผมไปทำพิธีแก้ปีชงคงแก้ไขเหตุร้ายให้ทุเลาเบาบางลง สืบเนื่องมาจากขณะที่ผมฝึกมวยจีน ช่วงที่ฝึกกระบองสามท่อน ทุกครั้งที่ผ่านมามันควงได้ไม่มีปัญหาอะไร แต่วันนั้นผมมีเพื่อนร่วมฝึก 2 คน เค้าอยู่ด้านซ้ายมือ สองคนนี่เค้าควงพลอง ผมก็ควงกระบองสามท่อนเป็นเลขแปดทางด้านหน้า โดยจับกระบองอันกลาง อันบนและอันล่างมันก็ตีหัวสองโป๊ก คงเป็นเพราะผมกลัวกระบองเหวี่ยงไปถูกเพื่อนร่วมฝึก 2 คน ทุกครั้งอาจารย์จะให้เพื่อนร่วมฝึกนั่ง ผมควงกระบองคนเดียว แต่วันนั้นให้เพื่อนร่วมฝึกยืนเรียงหน้ากระดาน ทำให้การควงกระบองของผมวงแคบกว่าเดิมเริ่มจากตีขาก่อนแล้วมาตีหัว พลาดครั้งแรกคิดว่าคงไม่เป็นไร แก้ตัวใหม่พอรอบสองถึงกับเลือดสาดกระบองตีหัวคิ้วผม ต้องหยุดฝึกชั่วคราวทำการปฐมพยาบาล อาจารย์ก็นำกล่องยาปฐมพยาบาลมาเปิดออก หยิบก้านสำลีจุ่มในขวดเล็ก ๆ ลักษณะทั้งสีและขวดยาทิงเจอร์ชัด ๆ ผมเตรียมใจรับความเจ็บปวดทันทีที่น้ำยาแตะแผล เอ๊ะทำไมมันไม่แสบเลย หอมอ่อน ๆ ซะอีก พอก้านสำลีก้านที่สองก็เหมือนเดิมอีก ผมชักเอะใจ ทิงเจอร์ยี่ห้ออะไรนะไม่แสบเลย หอมอ่อน ๆ อีกด้วย ก็หยิบขวดยามาดู ที่ไหนได้กลายเป็นขวดยาธาตุ ตลกสิ้นดีอาจารย์ผมเป็นคนจีนจากมณฑลเหอหนานอยู่ใกล้วัดเส้าหลิน เค้าอ่านภาษาไทยไม่ได้เลยหยิบขวดยาธาตุมาให้ ผมหยิบอีกขวดกลายเป็นยาเหลืองซึ่งเค้าใช้ใส่แผลแห้งไม่ใช่แผลสด เออก็แก้ขัดไปได้ชั่วคราวในสถานการณ์เช่นนี้เพราะมันไม่มียาอะไรเกี่ยวกับบาดแผลสดเลย แต่เลือดมันก็ยังไหลไม่หยุดต้องให้ผู้ช่วยครูฝึกไปซื้อพลาสเตอร์มาปิดแผลเลือดถึงหยุดไหล อาจารย์ก็อธิบายภาษาจีนปนไทยผสมภาษามือได้ความว่าอาวุธจีนที่เรียนยากที่สุดคือกระบองสามท่อนและโซ่เก้าท่อน เฉพาะวิชากระบองสามท่อนอาจารย์ผมเรียนเป็นสิบปี ผมเรียนแค่ไม่กี่ครั้งมิน่าล่ะมันถึงได้เลือดเจ้า อาวุธชนิดอื่นไม่ทำร้ายเจ้าของหรอก มีกระบองสามท่อนและโซ่เก้าท่อนนี่ล่ะที่ทำร้ายเจ้าของหากเราควบคุมมันไม่ดีมันจะทำร้ายเจ้าของทันที ผมก็เลยพูดเล่น ๆ กับอาจารย์ว่าครั้งต่อไปเวลาฝึกกระบองสามท่อนคงต้องใส่หมวกกันน็อคแล้วล่ะ อาจารย์ก็ยิ้มและกล่าวว่าที่วัดเส้าหลินเค้าไม่อนุญาตให้ใส่หมวกกันน็อคโดยให้เหตุผลว่า การที่กระบองตีแต่ละครั้ง มันจะสอนให้เรารู้ว่าเราทำผิดตรงไหน เจ็บอย่างไร หากเราแก้ไขมันก็จะไม่ตีเรา เราก็ไม่เจ็บ อืม เป็นความคิดแบบปรัชญาเซ็นดีแท้ จริงของพระวัดเส้าหลินแฮะ แต่ผมไม่ใช่พระเส้าหลินนี่ ก่อนหน้านั้นผมดูวิดีโอ เขาถ่ายอาจารย์เส้าหลินมาจากจีน เนื่องจากทางห้างที่ชลบุรีเปิดใหม่ เขาเชิญพระวัดเส้าหลินไปโชว์ อาจารย์เส้าหลินในไทยก็เลยเชิญอาจารย์เส้าหลินจากจีนมาเพิ่มเติม มีอยู่คนหนึ่งสามารถขว้างเข็มเย็บผ้าให้ทะลุกระจกไปโดนลูกโป่ง ซึ่งอยู่ด้านหลังกระจกให้แตกได้ เหลือเชื่อจริงๆ อาจารย์คนนั้นก็นั่งอยู่ตรงหน้าผม แต่น่าเสียดายที่เราสื่อสารกันไม่ได้ก็เลยไม่รู้ว่าเขาฝึกกันอย่างไร ปล่อยเข็มเย็บผ้าอย่างไรถึงไปทะลุกระจกได้สำหรับอาจารย์ที่สอนผมสามารถใช้เหล็กตีหัว เหล็กนี่หักกระเด็นเลย สุดยอดจริง ๆ แต่เท่าที่ผมหาความรู้มา เหล็กที่เค้าใช้ตีหัว เค้าจะใช้เหล็กหล่อ ไม่ใช่เหล็กแบบทั่ว ๆ ไป แต่ถึงกระนั้นก็เถิดมันก็ต้องฝึก ไม่ใช่ใคร ๆ ก็ตีหัวตัวเองได้ หัวแบะแน่ ตอนฝึกมวยไอ้ท่าง่าย ๆ อย่างตีลังกาไปหน้าโดยใช้มือ ผมไม่กล้าทำเนื่องจากระบบร่างกายเปลี่ยนไปหมด อย่างวันก่อนผมก้มลงมองใต้เก้าอี้หาของ อยู่ ๆ หัวใจก็เต้นเร็วมาก ทรงตัวไม่ได้เลย คลานก็ไม่ได้ ต้องนอนเฉย ๆ ต้องกระเถิบไปหาโทรศัพท์เรียกเพื่อนมาหา ก็โกมลเจ้าเก่านั่นละครับ เกือบชั่วโมงถึงหาย วันนั้นผมคิดว่าผมตายแล้ว ไม่เคยมีความรู้สึกอย่างนั้นมาก่อนเลย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา ผมไม่กล้าก้มอีกเลย ทำให้ทำท่าตีลังกาไปหน้าโดยใช้มือไม่ได้ อันที่จริงเด็กทุกคนทำท่านี้กันได้ทั้งนั้น แล้วทีท่ากระโดดเตะกลางอากาศหนึ่งรอบไม่น่าจะทำได้ ผมกลับทำได้ ท่านี้เริ่มฝึกเมื่ออายุ 12-13 ปี แม่แบบคือหนังจีนชอว์บราเดอร์ มีหวังอยู่, เดวิดเจียง, ตี้หลุง แสดงก็เลียนแบบท่าต่าง ๆ จากในหนัง พอมาฝึกเทควันโด ท่าก็ดีขึ้น จัดระเบียบร่างกายได้ดีขึ้น จากการที่กระบองสามท่อนตีหน้าผมทำให้ผมคิดว่าหากไม่ไปทำพิธีแก้ปีชงคงโดนหนักกว่านี้แน่ เพราะก่อนหน้านั้นแม่ผมก็เสียชีวิต เกิดอุบัติเหตุล้มในห้องน้ำ มันเป็นเหตุบังเอิญหรือเปล่าก็ไม่อาจจะทราบได้ ทั้งที่ก่อนหน้านั้น ธนูของผม อยู่ ๆ ก็หักขึ้นมาเอง ทั้ง ๆ ที่ธนูคันนั้นผมซื้อมาหลายปีก็ไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้นเลย อยู่ในสภาพดีทุกอย่าง ก็ต้องเฝ้าระมัดระวังตัวเป็นพิเศษ สำหรับของธีรยุทธ เขาไม่ได้สนใจเรื่องการปฏิบัติธรรม แต่กรณีของผม นั่งสมาธิเกือบทุกวันก็ทำให้ผ่อนหนักเป็นเบาได้
พูดถึงกำลังภายในแสดงอะไร ๆ ที่คนธรรมดาเขาทำกันไม่ได้ ก็นึกถึงเรื่องการแสดงแบบอื่น ๆ แต่ที่ผมรู้เป็นแนวใช้เทคนิค คุณ ๆ ก็ทำได้ แต่ต้องฝึกฝน อย่าง “มือจุ่มลงในกระทะที่มีน้ำมันร้อน” เทคนิค คือ น้ำมันในกระทะไม่ใช่น้ำมันล้วน ๆ ในกระทะมีน้ำส้ม 80% น้ำมันซึ่งเบากว่าจะลอยอยู่บนน้ำส้ม 20% จุดเดือดของน้ำส้มต่ำ พอได้รับความร้อนก็จะพุ่งขึ้นข้างบน พลอยทำให้น้ำมันซึ่งลอยอยู่ข้างบนพลอยเดือดตามไปด้วย คนทั่วไปมองว่าน้ำมันทั้งกระทะเดือด แต่ความจริงน้ำมันในกระทะไม่เดือดอย่างที่ตาเราเห็น ทีนี้ก็เอามือลงไปสิเรา ๆ ท่าน ๆ ก็สามารถเอามือลงไปกระทะได้แล้ว การแสดงอีกอย่างหนึ่ง คือ “นิ้วเจาะอิฐ” เราจะเห็นผู้แสดงถืออิฐด้วยมือซ้าย นิ้วขวาก็แทงอิฐทะลุ วิธีการก็คือเราเจาะอิฐให้เกือบทะลุอีกด้านหนึ่ง ถ้าหนาเกินไปนิ้วเราอาจจะหัก หากบางเกินไปคนอาจจะเห็นเสียก่อน เก็บเศษอิฐที่เราเจาะไว้อย่าทิ้ง แล้วเอากระดาษปิดทับรูที่เราเจาะ แล้วเอาเศษอิฐที่เก็บไว้ในตอนแรก ปิดทับบาง ๆ เอาน้ำลูบปิดร่องรอยให้เหมือนอิฐไม่มีรอยเจาะ ถึงเวลาแสดงก็แสดงท่าเรียกกำลังภายในออกมา เกร็งกล้ามเนื้อจนเห็นกล้ามเนื้อขึ้นเป็นมัด ๆ ลีลากังฟูเท่ห์ ๆ ก็แสดงตอนนี้ได้เลย เกร็งให้เห็นเส้นเอ็นปูดโปน เหงื่อไหลไคลย้อย คนดูก็ฮือฮา โอ้โห สุดยอด สำหรับการแสดงชุดนี้ สมัยผมเป็นนักเรียน ผมเคยดูถังเต้าเหลียน พระเอกหนังจีนมาโชว์ท่าใช้นิ้วเจาะอิฐที่โรงหนังกรุงเกษมแถวหัวลำโพง การแสดงมีหลายชุด พระเอกคนนี้เตะสุดยอดมาก เท้าไม่ตกถึงพื้นเลย เตะได้สวยงาม มีลีลาเป็นเอกลักษณ์ของตัวเอง เป็นแม่แบบในดวงใจของผมอีกคนหนึ่ง
การแสดงอีกชุด “หอกแทงคอไม่เข้า” การแสดงมีปลายหอกทั้งสองด้าม ผู้แสดงทั้งสองคนยืนคนละด้านเอาหอกแทงคอตัวเอง แล้วดันจนหอกหักกระเด็น แต่ตรงลำคอที่หอกแทงไม่มีรอยแผล เคล็ดลับปลายหอกต้องไม่คม เริ่มใช้หอกที่เป็นไม้ฝึกหัดก่อน ฝึกจนหนังคอตรงบริเวณนั้นแข็งเป็นไต ขั้นต่อไปก็ฝึกด้วยหอกจริง ถึงเวลาแสดงอย่าแทงคอตรง ๆ ให้เบี่ยงเบนด้วยการใช้กระดูกคอเบี่ยงค้ำยันให้ด้ามหอกโก่งงอ ส่วนด้ามหอกที่หักก็อาศัยการใช้เลื่อย เลื่อยบาง ๆ ที่ด้านหลัง เมื่อใช้กำลังดัน ด้ามหอกก็จะโก่งจนหัก การแสดงชุดนี้จะเห็นโชว์ในโทรทัศน์กันบ่อย ต่อไปนี้คุณคงดูการแสดงชุดนี้ไม่โอ้โฮ อื้อฮือ อีกแล้วสินะ เพราะรู้กลเม็ดเคล็ดลับของเขาแล้ว แต่ของพระวัดเส้าหลิน อาจใช้ฝีมือจริง ๆ ก็ได้ อย่างหลายสิบปีมาแล้วมีอาจารย์ผู้หญิงที่นั่งสมาธิจนถึงขั้นตาทิพย์ เอาผ้าปิดตา สามารถขับรถรอบกรุงเทพได้ พอออกข่าวในหนังสือพิมพ์ อาจารย์สอนมายากลก็บอกว่าเขาทำได้เหมือนกัน เรื่องก็เงียบหายไป ไม่ได้แสดงทั้งสองคน ผมทราบว่าอาจารย์ผู้หญิงที่นั่งสมาธิจนตาทิพย์นั้นได้ฝึกจิตมาตั้งแต่เด็ก จนถึงขั้นนี้เขาทำได้จริง ๆ ไม่ได้ใช้วิชามายาแต่ประการใด จุดประสงค์เพื่อต้องการให้ทุกคนทำความดี ถือศีล ภาวนา โลกส่วนรวมจะได้มีแต่สันติสุข ในโลกของวิญญาณ อาจารย์ท่านนี้ได้ช่วยเหลือประเทศไทยให้รอดพ้นจากการจองล้างจองผลาญของทหารพม่าที่เสียชีวิตจากการรบตั้งแต่กรุงศรีอยุธยาโน่นแน่ะ นี่ก็สี่ทุ่มกว่าแล้ว วันนี้ไปเดินดูงานสัปดาห์หนังสือแห่งชาติครั้งที่ 41 ที่ศูนย์สิริกิตติ์ ได้หนังสือดี ๆ มาหลายเล่ม เดินจนเมื่อยน่อง ง่วงนอนแล้ว ก็ขอเล่าเพียงเท่านี้ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านนะครับ.......