http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,947,753
Page Views33,384,694
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    

 


เรื่องเล่าจากโกสินทร์ ตอนที่ 55 มีรูปประกอบ

(อ่าน 4401/ ตอบ 23)

โกสินทร์



 เรื่องเล่าจากโกสินทร์ ตอนที่ 55 มีรูปประกอบ


ประสบการณ์ของเครือ


         ขอเก็บตกจากตอนที่แล้วก่อนนะครับ พอผมย้ายลงมาที่ชั้นล่าง มีผู้ป่วยรายใหม่เป็นชายดูเค้าแปลก ๆ พอมานอนก็ถามผมว่าพี่หลวงที่นี่ร.พ.อะไร ผมก็เอะใจคนอะไรไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ร.พ.อะไร สักพักแกก็แสดงฤทธิ์ เดินไปโน่น เดินไปนี่ หยิบไอ้นั่น ดึงไอ้นี่ อยู่ไม่เป็นสุข เห็นส้มที่คนเค้ามาเยี่ยมไข้ผม แกก็ขอ ก็ให้แกไป ลักษณะแกเหมือนคนเมา แต่ไม่เมา แปลกดีนะ พอมาคุยกับภรรยาของแกทราบว่าแกกินเหล้ามานานแสนนาน สม่ำเสมอ  จนกระทั่งแอลกอฮอล์ไปทำลายสมอง เดินก็โงนเงนเหมือนคนเมา แต่ไม่เมา คุยก็ไม่ค่อยจะรู้เรื่องเหมือนคุยกับคนเมา แต่ไม่เมา แกวุ่นวายทำลายความสงบสุขของเหล่าผู้ป่วยในห้องนั้น จนพยาบาลทนไม่ไหวเรียกรปภ.มาจับแกมัดกับเตียง ทั้งแขนและขาขึงพืดอยู่อย่างนั้น สุดท้ายต้องส่งไปร.พ.เกี่ยวกับรักษาโรคจิตเหมือนกับร.พ.ศรีธัญญาในกรุงเทพฯ ยังไงยังงั้น  แล้วยารักษาที่เป็นสามแสนกว่าบาทนั่นปรากฎว่าเป็นยา
ในบัญชีหลักพูดง่าย ๆ ว่าเป็นยาฟรีรัฐบาลจ่ายให้ แต่ประวัติผมยังคงข้อมูลเดิม เบิกจากต้นสังกัดได้ พอออกจากงานแล้วไม่ได้แก้ไขประวัติมันก็คงสถานะภาพไว้อย่างนั้น เลยทำให้ใช้สิทธิ์หลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าไม่ได้ แต่ผมมาคิดดูแม้นว่าผมมีสภาพเป็นประชาชนเต็มขั้น เงินตั้ง สามแสนกว่าบาททางร.พ.จะจ่ายยานี้ให้เหรอ หมอเค้าคงเห็นประวัติเดิมของผมเลยสั่งจ่ายยานี้  พอผมออกจากร.พ.เลยหาข้อมูลหาคนที่เป็นโรคเดียวกับผม ว่าเค้าใช้สิทธิ์อะไรในการรักษา หมอก็สงสัยว่าผมเป็นโรคกิแลงบาร์เล่ย์ ซ้ำสองได้ยังไง ปกติเค้าเป็นกันครั้งเดียว ผมเบิ้ลซะสองเชียว หมอและพยาบาลถามว่าผมไปทำอะไรมาถึงเป็นสองครั้ง เพราะในตำราบอกโรคเป็นแค่ครั้งเดียว หมอเลยแนะนำข้อปฎิบัติตัวคือ
1. อย่าอยู่ในหมู่คนมากเช่นตลาด, งานคอนเสิร์ต, เนื่องจากสถานที่เหล่านั้นมีสารพัดเชื้อโรค 2. อย่าเครียด 3. อย่านอนดึก 4. ให้ออกกำลังกาย เอาล่ะเก็บตกจากตอนก่อนก็ขอจบลงเพียงเท่านี้ อ่านประสบการณ์ของเครือในย่อหน้าต่อไป


 


เมื่อเดือนก.ค. 2555 เครือ น้องของพี่ใจ(เรื่องของพี่ใจผมเล่าไว้ในตอน 27 ลงวันที่ 21 ส.ค. 2552)
ขึ้นบ้านใหม่ ผมไปร่วมงานดังกล่าวก็ได้รับรู้เรื่องราวแปลก ๆ ของเครือ เรื่องมันเริ่มมาจากเครือมือเจ็บโดยไม่มีสาเหตุ เจ้าตัวรู้ว่ามันไม่ใช่การเจ็บมือแบบธรรมดา ก่อนหน้านั้นเครือไปหาหมอดูไพ่ยิปซี ขณะที่เครือเดินผ่านศาลพระภูมิภายในบ้านหมอดูยิปซีเห็นตุ๊กตาในศาลล้ม ก็มีความปรารถนาดีถือวิสาสะหยิบตุ๊กตาให้ตั้งตรงเหมือนเดิม เมื่อกลับถึงบ้านมือข้างที่ไปหยิบตุ๊กตาเกิดเจ็บขึ้นมาเฉย ๆ รักษาอย่างไรก็ไม่หาย เครือก็ไปถามหมอดูยิปซีได้ความว่าบริเวณศาลพระภูมินั้น หมอดูยิปซีลงอาคมไว้ไม่ให้ใครกล้ำกรายเข้าไป ประมาณว่ากันขโมยคนร้ายแต่อาคมแยกไม่ออกว่าบุคคลที่เข้าไปปรารถนาดีหรือปรารถนาร้ายส่งผลต่อคนที่เข้าไปในอาณาเขตต้องห้าม เมื่อเครือฝืนข้อห้ามนั้นโดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์ก็เลยเกิดเรื่อง หมอดูยิปซียังทำนายอีกว่าขณะนี้เครือมีองค์จะมาประทับทรง เครือยินดีจะมารับท่านไม๊ เครือไม่ยอมรับเป็นร่างทรง แต่พี่ใจพี่สาวบอกให้รับเพราะจะได้หายเจ็บมือซะที ช่วงนั้นเครือก็รู้สึกแปลก ๆ เหมือนมีอะไรมาแฝงจะเกิดความรู้สึกร้องไห้น้ำตาไหล นี่ก็แสดงว่ามีวิญญาณมาแฝงร่าง ความรู้สึกเครือก้ำกึ่ง ห้าสิบห้าสิบ ตัวเองรู้สึกตัวทุกอย่างแต่บังคับปากตัวเองไม่ได้ ปากก็พูดของมันเอง คำพูดที่ออกไปณ.ตอนนั้นคือการสื่อสารของวิญญาณที่มาแฝงเสียงที่เปล่งออกไปเป็นเสียงของเครือแต่เรื่องราวคำพูดไม่ใช่ เครือจบป. 4 อ่านหนังสือไม่ได้เนื่องจากสมัยเรียนไม่สนใจการเรียน ฉะนั้นเมื่อถึงตอนไหว้พระสวดมนต์ จะต้องให้สามีมาอ่านให้ฟัง ตัวเองก็ใช้ความจำ ฟังไม่กี่ครั้งก็จำคำสวดมนต์เหล่านั้นได้


          ในเมื่อเครือไม่ยอมรับประทับทรงปู่พรหม ก็ไปปรึกษาเพื่อนเพื่อนก็แนะนำให้ไปปรึกษาที่วัดในราม ท่านเจ้าอาวาสฟังเรื่องราวทั้งหมดของเครือแล้วก็ออกความเห็นว่าเรื่องลักษณะนี้ต้องให้น้องว่านแก้วช่วยเหลือ ปกติน้องว่านแก้วก็มาทำบุญที่วัดแห่งนี้อยู่แล้ว ก็นัดวันเวลาพบน้องว่านแก้ว ทันทีที่น้องว่านแก้วเห็นหน้าเครือก็พูดขึ้นว่า อ้าวนึกว่าใครเมื่อคืนน้องว่านแก้วเห็นเครือในนิมิต เห็นผู้หญิงกำลังเขียนหนังสืออยู่(ก็เครือไง) มีเด็กคนหนึ่ง(กุมารทองที่เครือเลี้ยงไว้) และมีหญิงอีกคน(เพื่อนบ้านอาสามานอนเฝ้าเครือ) น้องว่านแก้วถามเด็ก(กุมารทอง)ว่ามาทำอะไรที่บ้านหลังนี้ กุมารทองตอบว่ามาเฝ้าท่านย่า(กุมารทองเรียกเครือว่าท่านย่า) นอกจากนั้นน้องว่านแก้วยังบอกว่าให้เครือย้ายสิ่งศักดิ์สิทธิ์บนหิ้งต่าง ๆ มีวัตถุมงคลหลายชนิดรวมทั้งหิ้งบรรพบุรุษที่เสียชีวิตไปแล้ว ทั้ง ๆ ที่น้องว่านแก้วไม่เคยไปบ้านของเครือเลย (ตอนผมไปเครือย้ายหิ้งต่าง ๆ หมดแล้ว มีหิ้งบรรพบุรุษที่เสียชีวิตไปแล้วเพียงหิ้งเดียวที่อยู่แปลกแตกแยกจากหิ้งวัตถุมงคลอื่น ๆ ซึ่งมีหลายชั้นคล้ายบรรไดแบบที่เราตามสำนักทรงต่าง ๆ เหนือหิ้งปูผ้าขาวมีทั้งพระพุทธรูป ฤาษี กุมารทอง พญาเต่าเรือน แมวมหาลาภ พอมาปรึกษาน้องว่านแก้วก็ได้รับคำแนะนำว่าห้ามไปรับเป็นร่างทรงปู่พรหม จริงอยู่มาอาศัยร่างเราเป็นที่สร้างบารมี แต่จะทำให้เจ้าของร่างหลงไหลไปกับสิ่งต่าง ๆ ที่เข้ามาในชีวิต ในเมื่อได้รับคำแนะนำเช่นนั้น เครือก็กลับบ้าน ตกกลางคืนเครือก็ฝันว่ามีชายร่างสูงใหญ่ผมหยักโศกลักษณะคล้ายแขกมาคร่อมร่างเครือ แล้วก็สำเร็จกิจน้ำอสุจิไหลออกมามากมายส่งกลิ่นเหม็นคาวจนเครือทนไม่ไหวต้องอ้วกออกมา (ชายในฝันไม่ได้ร่วมเพศกับเครือเพียงแต่ขึ้นคร่อมอย่างเดียว อย่างเทวดาบางชั้นสามารถสำเร็จกามกิจโดยแตะเนื้อต้องตัวหรือเพียงสบตาไม่ต้องใช้ร่างกายสัมผัสกันเหมือนคน) เครือยังฝันต่อไปว่ามีงูเล็กงูใหญ่มากมายจำนวนมหาศาลได้เลื้อยเข้ามาหาเครือ เครือวิ่งหนีด้วยความตกใจกลัว เรากลับมาฟังน้องว่านแก้วบ้างหลังจากแนะนำเครือไม่ให้เป็นร่างทรงปู่พรหม ตกกลางคืนก็ฝันว่ามีงูจงอางมากัดที่ขา ตื่นขึ้นมาปรากฎว่าขาที่โดนงูจงอางกัดในความฝันนั้น มันบวมขึ้นมาจริง ๆ น้องว่านแก้วเดินขาลากเหมือนคนถูกงูกัดยังไงยังงั้น เครือเห็นน้องว่านแก้วเดินลากขาก็ถามว่าขาไปโดนอะไรมาถึงเดินขาลากเชียว น้องว่านแก้วตอบว่าน้องไปแนะนำพี่เครือนั่นล่ะเลยถูกงูกัดในนิมิต ถึงตอนนี้ผมถามน้องว่านแก้วว่าเหตุการณ์เป็นยังไง ได้รับคำตอบว่าน้องว่านแก้วแนะนำเครือไม่ให้เป็นร่างทรงปู่พรหม ปู่พรหมโกรธเลยทำร้ายน้องว่านแก้วที่เห็นในความฝันที่ถูกงูจงอางกัด ปู่พรหมต่อว่าน้องว่านแก้วว่าเรื่องอะไรของมึง เสือกเรื่องคนอื่นทำไม ผมถามเครือว่าตอนที่เครือจะไปรับขันธ์ครูเพื่อจะรับประทรงทรงปู่พรหมใครเป็นคนแนะนำ เครือบอกว่าหมอดูยิปซีแนะนำให้ไปรับขันธ์ครูโดยที่ตัวหมอดูยิปซีไม่รับอาสาให้เครือไปรับกับใครก็ได้ แต่เครือคิดไม่รู้เป็นไง วิญญาณที่แฝงในร่างเครือบอกหมอดูยิปซีว่าให้ตัวหมอดูยิปซีนั่นล่ะเป็นคนมอบขันครูให้ เครือไม่ได้พูดเลยแต่วิญญาณแฝงพูดให้ซะแล้ว แปลกดีไหมล่ะ


          น้องว่านแก้วนี่ ผมได้ไปร่วมพิธีของครอบครัวของเครือที่วัดในราม ทันทีที่น้องว่านแก้วเห็นหน้าผมก็ทำนายว่าเป็นหัวโขนรอบตัวผมเต็มไปหมด หัวโขนในที่นี้คือบรรดาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ผมนับถือนั่นเองตามมาคุ้มครองตัวผม และยังทายนิสัยส่วนตัวผมได้ตรงเผงเลย ทั้งที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อนไม่ต้องถามวันเดือนปีเกิด เท่านั้นยังไม่พอยังพอว่าที่ผมมาในครั้งนี้เพียงแค่มาดูสังเกตุการณ์เฉย ๆ เออก็แม่นดีนะ


          ผมก็ถามถึงกุมารทอง เครือเล่าว่าก่อนที่จะได้เค้ามา กุมารทองมาในความฝันใส่ชุดโจงกระเบนสีแดง กุมารีใส่ชุดเขียวและบอกเครือว่าแม่หนูทั้งสองขอมาอยู่ด้วยและอย่าเรียกชื่อหนูผิดหนูชื่อปัดไม่ใช่ฤทธิ์ลือชา(ชื่อฤทธิ์ลือชา เครือเป็นคนตั้งชื่อให้เพื่อให้มีอิทธิฤทธิ์กล้าแกร่ง) ในฝันทั้งกุมารทองและกุมารีมานั่งตักเครือข้างละคน แรก ๆ เครือรู้สึกหนักบ่าทั้งสองมากก็ไปถามแม่ค้าขายขนมจีนซึ่งมีสัมผัสพิเศษ แม่ค้าขนมจีนบอกว่า
มีกุมารทองและกุมารีนั่งอยู่บนบ่าเครือข้างละคน ให้เครือไปซื้อรูปปั้นกุมารทองและกุมารีมาให้กุมารทั้งสองสิงสถิต ฝ่ายเครือไม่ทราบว่าเป็นกุมารีเลยไปซื้อหุ่นกุมารทองทั้งคู่ แต่พอทราบก็ซื้อมาเปลี่ยนในภายหลัง หลังจากทำพิธีตามแม่ค้าขายขนมจีนซึ่งเป็นร่างทรง อาการปวดบ่าก็หายไป สำหรับกุมารทององค์เล็กเครือไปบูชามาจากหลวงพ่อองค์หนึ่งที่อุบลราชธานี แรกเห็นกุมารตนนี้เครือนึกอยากจะได้เหมือนกุมารเค้าอยากจะมาอยู่กับเครือ กุมารมาเข้าฝันชอบใส่ชุดสีแดงซึ่งมาพ้องตรงกับนิสัยของเครือที่ชอบใส่เสื้อสีแดงเสมอ


          ขณะนั่งคุยกันอยู่นั้นป้อมน้องของเครือเธอก็เล่าประสบการณ์เฉียดตายของเธอบ้าง ป้อมฝันว่ามียมทูตจะมาเอาตัวป้อมไป ป้อมตกใจสุดขีดก็ร้องขอชีวิตต่อยมทูตว่าลูกยังเล็กอยู่ขอเลี้ยงลูกก่อน ยมทูตก็เลยพาไปเมืองนรก ป้อมเห็นพวกผิดลูกผิดเมียคนอื่นกำลังปีนต้นงิ้วกันหน้าดำหน้าแดงด้านล่างรึก็มีผู้คุมเอาหอกแหลมแทงก้นเร่งให้ขึ้นไปเร็ว ๆ พอตกจากต้นงิ้วก็ลงในหม้อกะทะทองแดงร้องไห้โหยหวนเป็นที่น่าเวทนายิ่งนัก น่าสยดสยองติดหูติดตามาจนกระทั่งทุกวันนี้ พอพาชมเมืองนรกจนทั่วแล้วก็พาขึ้นสวรรค์บรรยากาศแตกต่างจากนรกหน้ามือเป็นหลังมือ บ้านของผู้คนชาวสวรรค์ก็เหมือนบ้านพวกเราทั่ว ๆ ไป แต่งชุดขาวเสื้อก็เป็นเสื้อแบบที่พวกเราสวมใส่กันนี่ล่ะเป็นเสื้อเชิ้ต ยมทูตที่พาไปในนรกนี้รูปร่างสูงใหญ่ หน้าตาถมึงทึงน่ากลัว ตาแดงเหมือนคนเป็นโรคตาแดง นุ่งผ้าเตี่ยวถือหอก แต่ตอนขึ้นสวรรค์ป้อมขึ้นไปคนเดียว คุณท่านทั้งหลายอ่านแล้วคงคิดว่าไม่เห็นจะน่ากลัวตรงไหน ผมคงบรรยายไม่เท่าความรู้สึกที่ป้อมประสบมาเอง ป้อมถึงกับไม่กล้าเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟังจนกระทั่งเหตุการณ์นี้ผ่านไปหลายสิบปีจนกระทั่งความกลัวค่อยเบาบางลงถึงกล้าเล่า เท่านั้นยังไม่พอยังมีเหตุการณ์ที่น่าระทึกกล่าวคือ ป้อมเคยทำแท้งลูกเด็กที่ออกมานี่ตัวขาวเชียว พอมาถึงท้องลูกคนที่สองป้อมไม่มีความพร้อมอีกเช่นเคย ตกกลางคืนป้อมตกใจสุดขีด มีเด็กตัวขาวก็ลูกคนแรกที่ป้อมทำแท้งนั่งบนโต๊ะเครื่องแป้งชี้หน้าป้อมบอกว่าอย่าทำแท้งอีกนะ และที่ป้อมเห็นเด็กตัวขาวเห็นด้วยตาเนื้อไม่ได้ฝันแต่ประการใด ท้องสองเลยจำต้องปล่อยให้เด็กคลอดออกมาไม่กล้าทำแท้ง ปัจจุบันลูกคนนี้อายุย่างเข้าสู่วัยรุ่นแล้ว ลูกคนนี้ก็ทำความเดือดเนื้อร้อนใจอยู่เสมอเสมือนเอาคืนป้อมที่ไปทำแท้งเค้าตอนท้องแรก


          เครือหลังจากฟังป้อมเล่าประสบการณ์เสร็จก็เล่าประสบการณ์อีกเรื่องหนึ่งพี่ชายลูกของป้าซึ่งตายแบบไม่ปกติคือตายโหงนั่นเองได้มาเข้าฝันเครือว่ามียมทูตสองคนคุมตัวมา นุ่งโจงกระเบนถือหอกคนหนึ่ง อีกคนถือแส้เฆี่ยนหลังพี่ชายตลอดเวลาเนื่องจากสมัยมีชีวิตพี่ชายได้ทุบตีพ่อแม่ เลือดอาบหลังพี่ชายโชกเลยทีเดียว พอยมทูตทั้งสองจะนำตัวไป พี่ชายก็ยกมือไหว้ยมทูตทั้งสองขอร้องว่าผมขอพบน้องสาวผมหน่อย พอจะกลับพี่ชายได้บอกเลขหวย แล้วเดินจากไปโดยมียมทูตถือแส้เฆี่ยนหลังตลอดเวลา ผลหรือครับหวยออกมาตรงกับที่พี่ชายบอกแต่ต้องสลับเลขกันไม่ออกตรง ๆ…… พี่นิดพี่ป้อมนั่งฟังอยู่นานก็เล่าว่าตอนที่พี่นิดไม่สบาย มองเห็นด้วยตาเนื้อว่ามียมทูตถอดเสื้อโจงกระเบนมาคนเดียวมายืนดูพี่นิดอยู่ปลายเตียง ไม่พูดไม่จามองหน้าตาถมึงทึงเชียว พี่นิดอกสั่นขวัญระทึกพลางนึกว่าตัวเองคงจถึงฆาตแล้ว แต่ยมทูตวันนั้นคงจะมาดูลาดเลาเฉย ๆ เลยไม่นำตัวพี่นิดไป ……..


          หนอมน้องนุชคนสุดท้องของตระกูลนี้เล่าว่าตัวเค้ามีความสามารถเจ้าที่ได้ด้วยตาเนื้อไม่ต้องนั่งสมาธิ นั่งคุยกับเจ้าที่เหมือนเราคุยกับคนทั่วไป เจ้าที่มีลักษณะเป็นผู้ชายผอมมีเคราแต่งชุดขาว ถึงตอนนี้ผมถามว่าหากผมอยากจะพบกับเจ้าที่บ้านหนอมจะได้ไม๊ หนอมบอกไม่ได้เจ้าที่จะพบกับหนอมคนเดียวเท่านั้น ประวัติหนอมนี่ใช่ย่อยซะที่ไหนล่ะหนอมได้รู้จักกับเพื่อน และเพื่อนของหนอมคนนี้มีญาติเป็นคนมีวิชาเล่นของไสยศาสตร์ หนอมได้มีโอกาสฝากตัวเป็นลูกศิษย์ได้รับการถ่ายทอดวิชามาพอสมควร พอผมถามถึงวิชาที่หนอมเรียนและของดีที่หนอมมีไว้ป้องกันตัว หนอมไม่ยอมบอกแม้นกระทั่งชื่ออาจารย์เพราะเค้าปิดเป็นความลับ และมีข้อปฎิบัติเคร่งครัดก็ตอนที่งานศพพ่อตาผม หนอมซึ่งได้ไปช่วยงานพอหิวก็ชวนผมไปกินอาหารข้างนอกงาน หนอมบอกว่าของกินในงานศพเค้ากินไม่ได้เนื่องจากเป็นข้อห้ามที่เค้าได้ร่ำเรียนไสยศาสตร์มา ตอนวัยรุ่นหนอมอยู่แถวกะปาง อำเภอทุ่งสง เวลาเช้าหากวันไหนใบมะพร้าวยอดแหลม ๆ ถูกแทะเล็มเฉพาะยอดแหลมเท่านั้น ทำให้ยอดมะพร้าวทั้งต้นจะไม่มียอดใบแหลม ๆ อยู่เลย แต่ละใบจะมน ๆ ทั้งต้น  นั่นแสดงว่าแถวนั้นมีคนมีวิชาเลี้ยงควายธนู ผมถามหนอมว่าทำไมควายธนูไม่กินหญ้าตามพื้นดินล่ะ หนอมตอบว่าควายธนูของผู้มีวิชาจะไม่กินของต่ำ ๆ แต่จะกินของสูง ในเมื่อกินของสูงก็ต้องกินใบมะพร้าวซิ วันที่ควายธนูจะออกมากินใบมะพร้าวจะกินเฉพาะในวันพระเท่านั้น ผมถามต่อแล้วเค้าเลี้ยงควายธนูไว้ทำอะไร หนอมบอกว่าเค้าเลี้ยงไว้เพื่อทำร้ายผู้คน ใครเป็นศัตรูกับผู้มีวิชาจะโดนควายธนูทำร้ายเรื่องนี้ผมก็เคยเล่าไปแล้วที่อาจารย์ทำพิธีแก้วิชาของหมอไสยศาสตร์ หมอไสยศาสตร์เลยส่งควายธนูมาทำร้ายอยู่ในตอนไหนจำไม่ได้แล้วซิ มันเป็นวิชาไสยศาสตร์สายดำแขนงหนึ่ง ได้แต่ภาวนาให้ทุกท่านอยู่รอดปลอดภัยอย่าได้พบอย่าได้เจอหมอไสยศาสตร์พวกนี้เลย ผมไม่แน่ใจว่าหนอมเรียนวิชาควายธนูด้วยหรือไม่ ดูเค้ารู้วิชาแปลก ๆเยอะ  หนอมยังเล่าต่อไปอีกว่าอาจารย์ไสยศาสตร์ที่สอนหนอมเวลาเสียชีวิต แกจะดั้นด้นไปตายในป่าลึก ญาติ ๆตามหาจนกระทั่งไปพบศพอยู่บนหน้าผาบนภูเขา เนื่องจากแกสำเร็จวิชาเวลาแกตาย ศพที่ไปพบแขนทั้งสองข้างมีขนอ่อน ๆ เป็นลายเสือติดอยู่กับตัว ทำให้ชาวบ้านที่ไปร่วมกันค้นหาศพแปลกประหลาดใจไปตาม ๆ กัน  ผมถามหนอมว่าแล้วทำไมเรื่องเหล่านี้โลกภายนอกไม่รู้เรื่องเลย หนอมบอกว่าญาติ ๆเค้าพากันปิดข่าวตามความประสงค์ของผู้ตาย เวลาตายก็เหมือนเสือจะต้องตายในป่าแบบเจ้าป่าศพจะไม่ให้ใครเห็นได้ง่าย ๆ อ้อลืมไปอาจารย์ของหนอมอดีตเป็นเสือ เสือที่ปล้นชาวบ้านนั่นล่ะ พอแก่ตัวก็กลับตัวกลับใจเป็นคนดี หรือเป็นคนดีเพราะขุนพันธ์สั่งก็ไม่ทราบ หากอ่านประวัติขุนพันธ์เวลาย้ายไปท้องที่ไหน จะบอกให้บรรดาเสือทั้งหลายออกนอกพื้นที่ หากไม่ออกก็ให้บวชเป็นพระ หากขัดขืนโดนดีแน่ บรรดาหลวงพ่อดัง ๆ มีอยู่หลายรูปที่ผมรู้จักอดีตเป็นเสือมาก่อน…….พี่ใจนั่งฟังอยู่กล่าวเสริมปิดท้ายรายการว่า เวลาแกออกไปไหนในเวลาค่ำคืนพอมาถึงต้นมะเฟืองหน้าบ้าน ต้นมะเฟืองจะสั่นเหมือนมีคนเขย่าทั้งที่ไม่มีลม แกให้ความเห็นว่าคงเป็นวิญญาณแม่แกมาเตือนอย่าให้ออกไปเที่ยวที่ไหนมืด ๆ ค่ำ ๆ เพราะแม่พี่ใจตายใต้ต้นมะเฟืองต้นนี้ สรุปว่าพี่น้องพี่ใจทุกคนมีเรื่องราวแปลก ๆ กันทุกคน ยังเหลือพี่ชายคนโตของพี่ใจที่ยังหาโอกาสคุยเป็นเรื่องเป็นราวไม่ได้ แกค้าขายไม่ว่างเลยอดีตเป็นพระธุดงค์มาก่อน
มีเรื่องราวแปลก ๆ เยอะไว้วันไหนแกมีเวลาว่างค่อยมาเล่าให้อ่านกันนะครับ วันนี้ขอพอแค่นี้ก่อนขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านเทอญ……….


โกสินทร์



วัวธนูรุ่น 1 หลวงปู่โทน กนฺตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน จ.ชลบุรี รับเมื่อ 4 พ.ย.54 . . . เอ้อซีโร่ซีโร่

โกสินทร์



อีกด้านหนึ่งของวัวธนูรุ่น 1 หลวงปู่โทน กนฺตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน จ.ชลบุรี

โกสินทร์



วัวธนูรุ่น 2 หลวงปู่โทน กนฺตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน จ.ชลบุรี รับเมื่อ 4 พ.ย.54 . . .เอ้อซีโร่ซีโร่

โกสินทร์



อีกด้านหนึ่งของวัวธนูรุ่น 1 หลวงปู่โทน กนฺตสีโล วัดเขาน้อยคีรีวัน จ.ชลบุรี

โกสินทร์



วัวธนูอาจารย์ฆราวาส อาจารย์เม้ง ขุนแผน รับเมื่อ 11 ธ.ค.54 . . . อู่ซีโร่ซีโร่

โกสินทร์



อีกด้านหนึ่งของวัวธนูอาจารย์ฆราวาส อาจารย์เม้ง ขุนแผน

โกสินทร์



ควายธนูวัดสะตอน้อย อ.ขลุง จ.จันทบุรี รับเมื่อ 12 ธ.ค.54 . . . ซานซีโร่ซีโร่

โกสินทร์



อีกด้านหนึ่งควายธนูวัดสะตอน้อย อ.ขลุง จ.จันทบุรี

โกสินทร์




ควายธนูเจ้ากล้าบางระจัน วัดโพธิ์สังฆาราม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี รับเมื่อ 15 ธ.ค.54 . . . ซานซีโร่ซีโร่

โกสินทร์



อีกด้านหนึ่งของควายธนูเจ้ากล้าบางระจัน วัดโพธิ์สังฆาราม อ.ค่ายบางระจัน จ.สิงห์บุรี

โกสินทร์



วัวธนูวัดหนองเต่าคำ ต.มะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ รับเมื่อ 15 ธ.ค.54 . . . เอ้อจิ่วจิ่ว

โกสินทร์



อีกด้านหนึ่งของวัวธนูวัดหนองเต่าคำ ต.มะขุนหวาน อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่

โกสินทร์




วัวธนูฤาษีเตโช นาคากะสินัง อ.เมือง จ.สระแก้ว รับเมื่อ 26 ก.ค.55 . . . ชิจิ่วจิ่ว

โกสินทร์




วัวธนูครูบาบุญเลิศ จตุตภาโล วัดทุ่งม่านใต้ ต.บ้านเป้า อ.เมือง จ.ลำปาง รับเมื่อ 28 ก..55 . . . ซื่อจิ่วจิ่ว

โกสินทร์



อีกด้านหนึ่งของวัวธนูครูบาบุญเลิศ จตุตภาโล วัดทุ่งม่านใต้ ต.บ้านเป้า อ.เมือง จ.ลำปาง

โกสินทร์




วัวธนูอาจารย์นิด วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม รับเมื่อ 26 ส.ค.55 . . . วัวต้องบูชาพร้อมพระราหูและผ้ายันต์ราหูเป็นชุด

โกสินทร์



อีกด้านหนึ่งของวัวธนูอาจารย์นิด วัดศีรษะทอง จ.นครปฐม

โกสินทร์



ควายธนูหลวงปู่เณรดำ อุณาโลม ป่าช้าหนองซา จ.ขอนแก่น รับเมื่อ 12 ต.ค.55 . . . อิ๊จิ่วจิ่ว

โกสินทร์



อีกด้านหนึ่งควายธนูหลวงปู่เณรดำ อุณาโลม ป่าช้าหนองซา จ.ขอนแก่น

โกสินทร์




วัวธนูพระอาจารย์เฉลิม จิตสํวโร วัดห้วยดินจี่ อ.ดอยหล่อ จ.เชียงใหม่ รับเมื่อ 14 ต.ค.55 . . . ซื่อจิ่วจิ่ว

Page : 1 2 [Next]
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view