http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,945,915
Page Views33,382,843
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    

 


เรื่องเล่าจากโกสินทร์ ตอนที่ 57 มีรูปประกอบ

(อ่าน 1623/ ตอบ 6)

โกสินทร์



 


เรื่องเล่าจากโกสินทร์ ตอนที่ 57 มีรูปประกอบ


ประสบการณ์ของคุณป้าตอน 2


            ก่อนอื่นขอขัดตาทัพด้วยเรื่องของหลานผมก่อนนะครับ ด้วยเมื่อ 3 ก.ค. 56 ผมได้เดินทางไปรับไอ้ไข่ วัดเจดีย์ ในการเดินทางไปครั้งนี้น้องสะใภ้ได้พาลูกชายเค้าไปด้วยซึ่งก็เป็นหลานผมนั่นล่ะครับ ผมสั่งจองรุ่นรูปหล่อสูง 2.5 นิ้ว เมื่อไปถึงวัดอดไม่ได้ที่จะเช่ารูปหล่อขนาดเล็กห้อยคอได้อีกหนึ่ง พอขากลับขึ้นรถหลานทำท่าเหมือนพูดกับคนบางคนที่ไม่มีตัวตน น้องสะใภ้ชักเอะใจ พอถึงบ้านหลานก็ร้องไห้ไม่ยอมหลับไม่ยอมนอน จนกระทั่งถึงตีสองถึงได้หลับ เป็นอยู่อย่างนี้สองคืนจนกระทั่งย่างเข้าคืนที่สามน้องสะใภ้ผมเหลือทนแล้ว เลยพูดลอย ๆ อย่ากวนน้อง น้องจะหลับจะนอน ได้ผลครับหลังจากนั้นเป็นต้นมาไม่มากวนหลานผมอีกเลย แต่สำหรับผมไม่มีอะไรเกิดขึ้น สงสัยผมไม่เป็นสื่อที่ดี หลานผมอายุสองปีครึ่งกลับเป็นสื่อที่ดี ไอ้ไข่คงชอบเด็ก น้องชายผมซึ่งเป็นพ่อของหลานผมไปทาสีให้กับวัด เสร็จงานแล้วท่านเจ้าอาวาสให้ไอ้ไข่แต่แล้วท่านเปลี่ยนใจว่าไอ้ไข่เฮี้ยนเอากุมารทองไปแทนและให้วัวธนูมาอีกหนึ่งตัว เอาล่ะจากนี้ก็ไปฟังเรื่องคุณป้ากันต่อ คำว่า “ข้าพเจ้า” และ “ผู้รู้” ก็คือคุณป้านะครับ ……….


คนดื้อ


          พระบรมสารีริกธาตุและอรหันตธาตุนี้ แต่เดิมข้าพเจ้าไม่รู้จักและไม่เคยเห็นเลย ต้องสารภาพตามตรงว่าไม่เคยสนใจด้วยซ้ำ เพราะเข้าใจว่าเป็นสิ่งที่ไม่มีตัวตน เป็นเพียงชื่อสมมติให้พวกเราคนรุ่นหลังรู้สึกถึง ความยิ่งใหญ่ ของพระพุทธเจ้าเท่านั้น แม้ในวัยเด็กจะเคยอ่านปฐมสมโพธิคาถา พระนิพนธ์ของกรมสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระปรมานุชิตชิโนรส อยู่บ้าง โดยเฉพาะตอนที่กล่าวถึง ธาตุวิภัชน์ปริวรรต ว่าเมื่อสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพานแล้ว ได้มีกษัตริย์ 7 พระนคร ยกขบวนพยุหโยธามาสู่กุสินารา เพื่อแสดงเดชานุภาพในการขอส่วนแบ่งพระบรมสารีริกธาตุไปสักการบูชา อ่านแล้วก็พิจารณาความตามพรรณาโวหาร นึกถึงความไพเราะของภาษา ความช่างคำนึงของกวี หาได้นึกเป็นเรื่องจริงจังไม่


-       เป็นไปได้อย่างไร มนุษย์เราตายแล้ว กระดูกจะกลายเป็นเงาเลื่อม ลักษณะเหมือนข้าวสารหัก เหมือนถั่วแตก เหมือนเมล็ดพันธุ์ผักกาด


-       เป็นไปได้อย่างไร ที่กระดูกเหล่านั้น จะกลายเป็น มีสีอันงดงามประหนึ่งทองอุไร ประหนึ่งสีสังข์ ประหนึ่งแก้วมุกดา ประหนึ่งแก้วผลึก


-       เป็นไปได้อย่างไร ที่จะทรงบุญฤทธิ์ อิทธิฤทธิ์ เพิ่มจำนวนได้ เสด็จมาเสด็จไป บังเกิดรังสีอันงดงามให้ปรากฎ เหลวไหลคนโบราณหลอกพวกเรา เพราะเราคิดถึงพระพุทธเจ้าเป็นมนุษย์เท่า ๆ กับเรา ช่างเป็นความเขลา ความหลงที่น่าสงสารมานานปีนี่กระไร


ข้อความพระบรมสารีริกธาตุ ปาฏิหาริย์ในพระราชพงศาวดารกรุงศรีอยุธยานั้น ก้อสงสัยว่าอาลักษณ์ผู้บันทึกพงศาวดารคงต้องการจะเฉลิมพระเกียรติพระเจ้าแผ่นดินในรัชสมัยของพระองค์ให้เกรียงไกรยิ่งใหญ่สมกับที่จะเทอดทูนให้เป็นสมมติเทพเท่านั้น


            ส่วนเหตุการณ์ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ที่ดูเกิดขึ้นในเวลาไม่นานนัก ทำให้รู้สึกลังเลและตามวิสัยผู้เชื่อยากก็คิดว่ายกไว้ก่อนเถอะ


            ช่างเขลา ช่างหลง ช่างอวดดีเสียจริงเทียว


            ไม่ยอมเชื่อในพระปาฏิหาริย์ของพระบรมสารีริกธาตุ ทั้งที่ความจริงแล้วสมเด็จพระพุทธองค์ทรงสมบูรณ์ด้วยอิทธิฤทธิ์ บุญฤทธิ์ เป็นผู้ทรงหลุดพ้นจากอาสวะกิเลสทั้งปวง จนตรัสรู้เป็นพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทั้งนี้ด้วยการบำเพ็ญบารมี มานานนับเป็นเวลาหลายแสนกัลป์ของพระองค์


            ช่างเขลา ช่างดื้อดึง ยึดมั่นในมิจฉาทิฎฐิของตนเสียแท้เทียว


            คำว่าปาฏิหาริย์ที่ข้าพเจ้าจะกล่าวต่อไป ขอให้หมายความถึงความพิสดาร ความอัศจรรย์แห่งพระบรมสารีริกธาตุของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า หรือพระธาตุของพระอรหันตสาวกที่ไม่อาจหยั่งรู้ได้ด้วยวิทยาศาสตร์หรือความนึกคิดของปุถุชนธรรมดาอย่างเรา


รู้จักกราบพระบรมสารีริกธาตุครั้งแรก


              ท่านผู้ซึ่งเป็นประดุจผู้เบิกเทียนสว่าง พาข้าพเจ้าออกจากความเขลาความหลงนี้ ความจริงตัวท่านเองก็คงจะไม่รู้ตัวเลยว่าได้ทำบุญคุณให้ข้าพเจ้าอย่างยิ่ง


              เวลานั้นกลางปี 2518 ข้าพเจ้ามีประสบการณ์เกี่ยวกับพระ ลอยมา มากแล้ว แต่ก็ยังไม่รู้จักพระบรมสารีริกธาตุเลย คุณสมศักดิ์หรือความจริงท่านคือ พลตำรวจโทนายแพทย์สมศักดิ์ สืบสงวน แห่งโรงพยาบาลตำรวจ ทราบเข้าก็ประหลาดใจ อะไรพี่ยังไม่รู้จักพระบรมสารีริกธาตุเลย ถ้ายังงั้นผมจะให้พี่ไปบูชา


              แล้วท่านก็นัดแนะให้ข้าพเจ้าไปพบท่านที่โรงพยาบาลตำรวจ เมื่อท่านเชิญพระบรมธาตุที่จะมอบให้ออกมาให้ชมดูก่อนนั้น รับตามตรงว่าในหัวใจของข้าพเจ้า มีแต่ความกังขา


              เม็ดอะไรก็ไม่ทราบ เล็กนิดเดียว คล้ายหินกรวด คล้ายมุก ข้าพเจ้านึก


              สี่องค์นะครับ คุณสมศักดิ์ว่า พลางคะยั้นคะยอให้ข้าพเจ้าดูอีก


              พระบรมสารีริกธาตุ ใช่หรือ ไม่จริงมั้ง


              คิดแค่นี้ ข้าพเจ้ารู้สึกปล๊าบไปทั้งตัว เหมือนถูกไฟฟ้าช็อต ใจสั่นระริก จนต้องนึกในใจว่าลูกเชื่อแล้ว


              และรุ่งขึ้นนั้นเอง เมื่อเปิดผอบดูอีกครั้งหนึ่ง ก็ได้เห็นพระธาตุเสด็จมาเพิ่มอีก 2 องค์ ลักษณะกลม  เล็ก เหมือนมุก เปล่งรัศมีเป็นประกาย งามมาก


              รับมา 4 องค์ เพิ่มอีก 2 เป็น 6 องค์  4-2-6  ข้าพเจ้านึกเล่น ๆ ว่า เอ้า ถ้าท่านเก่งจริง ให้เราถูก
ล็อตเตอรี่สิ ร้อยวันพันปีจะซื้อล็อตเตอรี่กับเขาสักที คราวนี้ลงทุนท้าท่าน ยอมเสียเงิน
20 บาทเสียภาษีให้รัฐบาล (ข้าพเจ้าเชื่อว่าการซื้อล็อตเตอรี่คือการเสียภาษีเสริม)


              บังเอิญเลขท้าย 3 ตัวออก  4-2-6 ได้เงินมากินขนมอีก 1,000 บาท แต่ก็สงสัยความบังเอิญอีกนั่นแหละ


อธิษฐานให้พระธาตุมาปรากฏในมือ


              ไม่นานหลังจากนั้น ข้าพเจ้าซึ่งลองหัดภาวนาแล้ว ก็ได้มีนิมิตอย่างหนึ่งเกิดขึ้น ซึ่งดูออกจะเหลือเชื่ออยู่มากที่จะเชื่อความตามนิมิต จึงลองคิดอธิษฐานว่าถ้านิมิตที่เกิดขึ้นนี้ บอกความจริงในอดีตแก่เรา ขอให้พระธาตุมาปรากฏในมือเราเถิด อธิษฐานแล้วก็ลืมไปไม่ใส่ใจอะไร วันนั้นเพิ่งผ่านสงกรานต์จึงคิดจะสรงน้ำพระ
(ซึ่งไม่เคยทำและลองทำเป็นปีแรก) ชวนวิลาศและลูก ๆ มาเชิญพระพุทธรูปมาสรงน้ำหอม กำลังนั่ง ๆ อยู่รู้สึกในมือเรามีอะไรเคลื่อนไหว จึงก้มลงมองเห็นอะไรขาว ๆ
2 ชิ้นอยู่ในกลางมือ


              ดูไปดูมาสักครู่จึงนึกสงสัยว่าหรือจะเป็นพระธาตุ แต่ลักษณะองค์ใหญ่กว่าที่เคยได้รับจากคุณสมศักดิ์ (ซึ่งต่อมาจึงทราบว่าพระธาตุลักษณะนี้เขาเรียกสัณฐานแบบเมล็ดพันธุ์ผักกาด) แล้วจึงนึกขึ้นได้ถึงความที่เราอธิษฐานไว้


              แต่เราจะเชื่อได้อย่างไรว่าสิ่งที่มาปรากฎในมือเรา 2 ชิ้นนี้คือพระธาตุ


              เผอิญระลึกได้ว่าผู้ใหญ่ท่านเล่าว่าถ้าเป็นพระธาตุแท้และขนาดไม่ใหญ่มากนัก ท่านจะลอยน้ำ ก็เลยหาขันน้ำมาเชิญท่านลองลอยน้ำดู


              เรานั่งล้อมดูการทดสอบกันทั้งครอบครัว คนนำก็ไม่ทราบอะไรเท่าไรนัก แต่ก็ทำท่าเป็นผู้รู้สั่งการไปตามเคย


              ช้อนท่านลงไปในน้ำ เอ ท่านก็ลอยน้ำดีอยู่นี่ แล้วจะทำอย่างไรต่อไป ผู้รู้มองดูเห็นพระธาตุนิ่งอยู่กลางขันก็บอกลองออกไปริมขันซิ ท่านก็เคลื่อนตัวไปริมขัน ลอยไปรอบ ๆ ขันสิคะ ผู้รู้ว่าท่านก็ลอยเวียนไปตามริมขัน ตามแบบเข็มนาฬิกา ผู้รู้มองสักครู่ก็บ่นว่า เอ๊ะ นั่นเวียนแบบอุตราวัฎนี่ไม่เป็นมงคล ให้เป็นทักษิณาวัฎดีกว่า บ่นกับครอบครัวที่นั่งหน้าสลอนชมการทดสอบนี้ แล้วก็สั่งท่านที่อยู่ในขันน้ำ หยุด ๆ ก่อนค่ะ ย้อนศรกลับไป


              ท่านก็หยุดการเคลื่อนไหว และลอยย้อนศรกลับไป แต่คราวนี้การลอยเคลื่อนตัวของท่านช้าลง จนผู้รู้ชักสงสัย คิดไปคิดมาก็อุทานว่า ตายจริง เก่าท่านลอยเวียนขวาทักษิณาวัฎดี ๆ อยู่แล้วไปให้ท่านลอยย้อนศร กลายเป็นอุตราวัฎ เวียนซ้ายไป แล้วก็ชะโงกไปพูดกับในขันว่า ขอโทษค่ะ เก่าถูกแล้ว กลับไปอย่างเก่าเป็นทักษิณาวัฎอย่างเดิมเถิด


              ท่านก็หยุดชะงัก แล้วลอยกลับไปตามทางขวา แบบเข็มนาฬิกาอย่างเดิม และในความเร็วที่เร็วอย่างเดิม รอดูกันท่านเวียนครบรอบขัน 3 รอบแล้ว ก็ถามกันว่า จะให้ท่านทำอย่างไร


              คิดขึ้นว่า ให้ท่านกลับเข้ากลางขัน พอบอกดัง ๆ ท่านก็เคลื่อนตัวเข้ากลางขัน


              ปรึกษากันว่า ลองดูพะอใจแล้วใช่ไหม ประจักษ์พยานทุกคนยอมรับ ผู้รู้ก็กล่าวดัง ๆ ว่า พอแล้วค่ะ


              ท่านก็จมลงกลางขันทันที


              ทดลององค์ที่ 1 จบแล้ว ก็เชิญองค์ที่ 2 ลงทดสอบด้วยวิธีที่คิดขึ้นมาเองอย่างกะทันหันนั้นต่อไป


              เรื่องนี้เมื่อไปเล่าถวายท่านพระอาจารย์วัน และท่านพระอาจารย์จวน ถูกท่านตำหนิยกใหญ่ ท่านให้ขอขมาสมเด็จพระพุทธองค์ที่ไปล่วงเกินพระบรมธาตุของท่าน


              แต่ท่านอาจารย์จวน คงสงสารที่เห็นศิษย์หน้าเสีย ท่านก็เลยให้กำลังใจว่าพวกนักศึกษาก็ยังงี้แหละ ชอบทดลอง ชอบทดสอบ สงสัยไปเรื่อย ๆ แล้วท่านก็ตลบทับว่า แต่นั่นแหละ เมื่อพบของจริง ของแท้ แล้วก็ควรเชื่อเสียที ตั้งใจมั่น เสียทีซิ


              สำนึกตัวเหมือนกันว่า เรานี่แย่มาก พูดจาอะไรดูไม่มีสัมมาคารวะ แต่สมัยนั้น เราเพิ่งจะรู้จักพระธาตุเพียงใม่กี่องค์ ยังไม่ทันทราบด้วยซ้ำว่าพระบรมสารีริกธาตุนั้นมีความเป็นมาอย่างไร มีคุณลักษณะอย่างไร ได้ยินแว่ว ๆ ว่าท่านลอยน้ำได้ เราก็ลองกันเลย ไม่รู้จักตำรับตำราอะไร ที่พูดไปก็พูดเล่น ๆ ไม่ได้คิดว่าพูดกับใคร วาจาจึงช่างน่าเกลียด น่าชังปานนั้น


              คิดย้อนหลังไปครั้งใด ก็ให้นึกอายใจเหลือประมาณ ได้แต่สอนน้อง สอนลูกหลานว่าอย่าทำเรื่องน่าเกลียดน่าชังเช่นนี้อีก และที่กล้าเล่าเรื่องนี้ไว้ให้ปรากฏก็เพื่อประจานความน่าขายหน้าของคน ๆ หนึ่ง ซึ่งกว่าจะกลับใจมาสู่สัมมาทิฎฐิ ก็ดื้อดึง อวดรู้เหลือใจ


 พระบรมสารีริกธาตุแยกองค์ จากองค์หนึ่งเป็นสององค์


              จากนั้นมาครูบาอาจารย์ท่านก็เห็นว่าเราพอจะรู้จักพระบรทสารีริกธาตุ เคารพพระบรมสารีริกธาตุแล้ว ท่านก็เริ่มให้พระธาตุมาบูชาบ้าง 3 องค์ 5 องค์ เราก็เก็บไว้


              ปี 2520 เกิดกำเริบคิดแจกพระธาตุให้กรรมการกฐินที่เราชวนเพื่อน ๆ มาเป็นกรรมการกฐิน ที่เราชวนเพื่อน ๆ มาเป็นกรรมการทอดกฐินผ้าป่าทางอีสาน ไปอินเดียกับท่านเจ้าคุณพุทธพจน์วราภรณ์แห่งวัดราชบพิธ เห็นท่านแจกพระธาตุพวกเราที่ไปด้วยคนละหนึ่งช้อนเล็กโดยไม่นับ ก็ว่าท่านต้องมีพระธาตุมากตัวเราได้รับ นับได้สิบสามองค์ พอจะกลับกรุงเทพฯกลายเป็นสิบหกองค์ ของวิลาศก็เพิ่มเช่นกัน ฉะนั้นจึงคิดไปเรียนขอความกรุณาจากท่าน ขอพระธาตุมาให้เพื่อน ๆ ถ้าเรามีกรรมการ 500 คน ก็เลียบเคียงขอให้คนละหนึ่งองค์ ขอพระบรมธาตุ 500 องค์ พระบรมสารีริกธาตุ 500 องค์สมัยนั้นมากจริง ๆ


     พระเดชพระคุณท่านเจ้าคุณอุทานว่า “กรรมการ 500 คน ขอ 500 องค์” เราใจแป้ว นึกสมน้ำหน้าตัวเองว่าอยากหน้าใหญ่นัก แต่ก็ตกใจเมื่อท่านว่าต่อไปว่า “เอาไปทำไมกันคนละองค์ อาตมาให้เลยคนละ 3 องค์ เอาไปเลย 1500 องค์


          สีหน้าอันตกใจ ไม่คาดคิดของเราว่าท่านจะกรุณาถึงเพียงนี้ทำให้ท่านเข้าใจผิดปลอบว่า “ทำไมพันห้าน้อยไปหรือ ไม่พอหรืองั้นเอาไปเสียสองพันก็แล้วกัน ตกลงกฐินผ้าป่าปี 2520 นั้นเรามีพระบรมสารีริกธาตุแจกกรรมการได้คนละ 3 องค์ มีกรรมการเกือบ 700 คน แต่เราก็พอมีพระธาตุแจก เพราะท่านอาจารย์วันและท่านอาจารย์จวนให้มาอีก


          ปี 2521 ว่ากันว่าจะหยุดทอดกฐินสักปีหนึ่ง ทอดมา 2 ปีติดต่อกันแล้วพักสบายสักปี เผอิญปีนั้นพระคุณเจ้าพระคุณเจ้าหลวงปู่หลุย จันทสาโร ท่านไปจำพรรษาที่วัดป่าสิริปุณโณวาสหรือวัดป่าหนองแซง เราจึงไปกราบท่านบ่อย ๆ 


          วันหนึ่งใกล้จะออกพรรษาแล้วเรียนถามท่านพระอาจารย์เสนเจ้าอาวาสถึงเจดีย์หลวงปู่บัว สิริปุณโณ ที่สร้างกำลังจะเสร็จอยู่แล้ว นิสัยช่างซักของเราก็อดปากไม่ได้ว่ายังจะต้องใช้เงินอีกสักเท่าไรเจดีย์จึงจะเสร็จสมบูรณ์ ท่านอาจารย์ตอบว่าประมาณ 6-7 หมื่น


           ใจเราก็คิดสะระตีทันทีเงินแค่นี้พวกเราน่าจะช่วยท่านได้กลับไปกรุงเทพฯ เราโทรศัพท์ชวนเพื่อน ๆ บอกกันพักเดียว 200 คนคงพอได้ ช่วยกันออกคนละ 200 บาทคงได้ 4 หมื่นที่เหลือ เราก็หาต่อไปคงไม่ลำบาก ดีเราจะได้ถวายกฐินวัดที่หลวงปู่หลุยจำพรรษา ได้ทำบุญกับเจดีย์ของหลวงปู่บัวซึ่งเราไม่มีบุญได้กราบท่าน


          ปากก็ไวทันกับใจคิด เสนอหลวงปู่ขอจองกฐินทันทีโดยไม่ทันได้ทราบด้วยซ้ำว่าความจริงเจดีย์หลวงปู่นั้น คุณธเนศร เอียสกุล เธอมีใจศรัทธาอยู่และเราเองไม่ได้เรียนถามท่านอาจารย์เสนว่าเงินขาดเท่าไร เราเรียนถามว่ายังจะต้องใช้เงินอีกสักเท่าไรจึงจะเสร็จ ซึ่งความจริงคำถามเราไม่ได้หมายความว่าเงินขาดสักหน่อย แต่ท่านอาจารย์เสนก็เมตตาให้เราได้ทำบุญ


          กลับมากรุงเทพโทรศัพท์ชวนพรรคพวก แล้วก็บอกเพื่อนรุ่นน้องสองสามคนว่าเออกรรมการคราวนี้จะให้พระธาตุคนละ 2 องค์ ที่พูดเช่นนี้เพราะเห็นยังมีพระธาตุเหลือถึง 400 กว่าองค์  เหลือจากแจกกรรมการกฐินปีก่อนคิดเอาเองว่าเวลาเหลือน้อยก็จะถึงกำหนดทอดกฐินแล้ว คงมีกรรมการได้ไม่ถึง 200 คนพอแจกได้คนละ 2 องค์พอดี


          สุดท้ายเมื่อน้อง ๆ มาบอกด้วยความดีใจว่า ได้กรรมการถึง 400 คนแล้ว อันหมายความว่าจะได้ค่ากรรมการมากขึ้น ข้าพเจ้าจึงตกใจเพราะจะไม่มีพระธาตุแจกพอ คืนวันนั้นหยิบผอบพระธาตุลงมานับ ด้วยความไม่สบายใจคิดว่าเรานี่แย่มากเรานี่แย่จริง ๆ ไปออกปากบอกว่าจะให้พระธาตุกรรมการคนละ 2 องค์ ก็เพราะเราหวังดีอยากให้เพื่อน ๆ ได้พระธาตุไปบูชาและเราก็คิดว่าเวลาแค่ 2 อาทิตย์ คงชวนกันได้ไม่ถึง 200 คน ใครจะนึกล่ะว่าจะมีคนศรัทธาถึงกว่า 400 แล้วเราจะไปหาพระธาตุมาให้เขาจากที่ไหนได้ เราคงจะเสียคำพูดคราวนี้เอง ความจริงการที่เราพูดว่าจะให้พระธาตุ 2 องค์นี้ มีคนรู้ไม่ถึง 3 คน คนอื่น ๆเขาก็มาทำบุญโดยไม่ทราบ ไม่ได้หวังได้อะไรเลย แต่เมื่อเราพูดไปแล้ว ถึงจะมีคนได้ยินแค่นั้น แต่ถ้าเราไม่ทำตามเราก็จะเสียสัจจะ เรานี่แย่มากแย่จริง ๆ


          ใจคิดรำพึงไปมือก็นับพระธาตุทวนอีก โดยใช้ปลายไม้หมอ(ไม้ขัดฟันพระธุดงคกรรมฐาน) เขี่ยพระธาตุนับทีละ 2 องค์ 3 องค์ รวมเป็นห้าองค์ ประหลาดแท้ปลายไม้แตะพระธาตุองค์หนึ่งท่านก็เคลื่อนตัวแยกออกจากกันเป็น 2 องค์ ครั้งแรกแตกออกมาเหมือนกรวดที่ยังมีรอยบิ่นแหลมคมอยู่ ประเดี๋ยวรอยแตกบิ่นนั้นก็จะมนงามเป็นประกายรุ้ง บางองค์มีลักษณะหนาสูง ท่านก็จะเคลื่อนตัวเหมือนทับกันอยู่แยกลงมาแบ่งเป็นสองอค์อีก


          ข้าพเจ้าตกตะลึง แตะองค์ไหนก็เป็นเช่นนั้น ตาเราคงฝาดไปแน่เวลาเพิ่ง 3 ทุ่ม คนอื่น ๆ ยังดูโทรทัศน์อยู่ ข้าพเจ้าขยี้ตาใหม่ก็ยังเป็นอีก วิ่งไปห้องน้ำไปล้างหน้าล้างตาตาจะไม่ได้ฟั่นเฝือ กลับมานับใหม่ก็ยังเป็นอีกวิ่งขึ้นไปตามลูกสาวมาช่วยกันดู ท่านก็ยังแยกองค์ให้ดูอยู่เช่นนั้น ข้าพเจ้าขนลุกซู่รู้ว่าอย่างไรเราคงมีพระธาตุแจกพอแน่นอน “ท่าน” เมตตาเราแล้วไม่ให้เราเสียสัจจะแล้ว พระธาตุเพิ่มมาในลักษณะนี้ในคืนนั้นถึง 97 องค์ เท่ากับว่าเราพิศวงงงงวยกับการแยกตัวของท่านถึง 97 ครั้ง


              เมื่อนำความไปกราบเรียนครูบาอาจารย์ถามว่า ใครมาช่วย ท่านก็ว่า ทำบุญทำกุศล ก็ต้องมีผู้ช่วยนั่นแหละ สมเด็จพระญาณสังวรถามว่า คุณสุรีย์พันธ์แยกพระธาตุปาฏิหาริย์ไปไว้ที่ไหน กราบเรียนท่านว่า ไม่ทราบจะทำอย่างไร ก็เลยเคล้ากันไปหมด ท่านบอกว่าถูกแล้ว เพราะทั้งหมดเป็นพระธาตุปาฏิหาริย์ทั้งนั้น กฐินปี 2521 นั้น มีกรรมการถึง 600 คน และเราก็มีพระธาตุพอแจกโดยตลอด


พระบรมสารีริกธาตุเพิ่มในซองกรรมการกฐินจาก 4 องค์เป็น 5 องค์ กว่า 400 ซอง


              จากนั้นมาจนปีปัจจุบันนี้ จึงเป็นธรรมเนียมที่จะแจกพระบรมสารีริกธาตุให้กับคณะกรรมการกฐินกลุ่มของเรา บางปีก็ 3 องค์ บางปีก็ 4 องค์ ปีนั้นเป็นปี 2524 เราจะทอดกฐินวัดป่าอุดมสมพร เพื่อหาปัจจัยสมทบทุนสร้างเจดีย์พิพิธภัณฑ์ท่านพระอาจารย์ฝั้น อาจาโร เรากะกันว่าจะแจกพระธาตุกรรมการคนละ 4 องค์ กะประมาณว่าคงต้องการพระธาตุ 6,000 องค์ เพราะคิดว่าคงจะมีกรรมการประมาณ 1,500 คน ความจริงข้าพเจ้ามีพระธาตุอยู่เพียง 5,000 กว่า แต่ก็เชื่อว่าสุดท้ายคงพอ


              เพื่อนคนหนึ่ง คือ คุณปัญจมา ผดุงชีวิต  ผู้มีบารมีทางพระธาตุอยู่มาก (เธอได้พระธาตุเสด็จมาบ่อย ๆ) ทราบข่าวว่า ท่าทางพระธาตุจะไม่พอแจกกรรมการ เธอก็จัดส่งพระธาตุสำหรับแจกกรรมการคนละ 4 องค์ จำนวน 500 ซอง หรือเท่ากับพระธาตุ 2,000 องค์ พระธาตุของคุณปัญจมาจำนวน 500 ซองมาถึงพอดีกับที่ข้าพเจ้าบ่นออกมาดัง ๆ พอดีว่า แหม อยากให้กรรมการคนละ 5 องค์จัง


              นั่นแหละ พอหยิบซองพระธาตุขึ้นมา พระธาตุ 4 องค์กลายเป็นพระธาตุ 5 องค์กันจนไม่รู้จะพูดอย่างไร หยิบสัก 5-6 ครั้ง จะเปลี่ยนเป็น 5 องค์ เกือบทุกครั้ง ปากจะว่า “4 เป็น 5 ดูซี พระธาตุเพิ่มเดี๋ยวนี้ กี่คน กี่คนมาช่วยกันนับช่วยกันดู ก็จะเห็นประจักษ์กับตาเช่นนั้น บางคนก็ว่าขนลุกไปหมดแล้ว บางคนที่ไม่รู้จักพระธาตุ ไม่เคยรู้เรื่อง ได้ยินข่าวก็มาขอดู เห็นกับตาติด ๆ กัน ถึงกับบ่นว่า โอย หนูกลัวจัง เสียงว่า นี่ 4 เป็น 5” อยู่นี่นาน ๆ จะพบพระธาตุ “4 องค์ก็ยังเป็น 4 องค์เสียครั้งหนึ่ง ซึ่งก็แยกไว้ต่างหาก เด็ก ๆ พูดกันสั้น ๆเพียงว่า นี่พวก 4 เป็น 5 นี่พวก 4 เป็น 4 และในกลุ่ม 4 องค์ยังคงเป็น 4 องค์นั้น บางคนหยิบขึ้นมาดูใหม่ครั้งที่ 2 นี่กลายเป็น 5 องค์ ให้เห็นกับตาก็มีอีกมาก เหมือนเล่นกล พวกเราว่ากันอย่างอัศจรรย์ใจ พระธาตุชุดที่คุณปัญจมาให้มา 500 ซอง ๆ ละ 4 องค์กลายเป็นซองละ 5 องค์ 400 กว่าซองทีเดียว


พระบรมสารีริกธาตุเสด็จลอยลงมาเป็นแสงสีขาวต่อหน้าท่านพระอาจารย์แบน ธนากโร


              ในปี 2524 นั้นเอง เมื่อทอดกฐินที่วัดป่าอุดมสมพรแล้ว เราก็ไปทอดผ้าป่าที่วัดดอยธรรมเจดีย์ด้วย คุณปัญจมา ผดุงชีวิต เธอช่างคิดว่าวันนั้นวันที่ 23 ตุลาคม วันเกิดของข้าพเจ้า เธอจัดพระธาตุใส่ตลับมาให้ข้าพเจ้าถวายพระทำบุญวัดละ 9 องค์ เธอเตรียมมาให้ทุกวัด ๆ พอถึงวัดดอยธรรมเจดีย์กำลังถวายผ้าป่า ท่านพระอาจารย์เบน ธรากโร คุณปัญจมาก็จัดส่งตลับพระธาตุซึ่งปิดผนึกอย่างดีมาให้


              ขณะที่ท่านอาจารย์รับประเคนแล้ว มือถือตลับพระธาตุยังไม่ทันเปิด เราทุกคนก็เห็นแสงสีขาวลอยลงมาในมือของท่านอีกสายหนึ่ง พอตกถึงมือของท่านก็กลายเป็นพระธาตุสีขาว เสียงร้องกันให้เซ็งแซ่ว่า พระธาตุเสด็จ พระธาตุเสด็จ คน 600 กว่าคนฮือกันเข้ามารุมล้อมท่านอาจารย์เต็มไปหมด เพื่อให้มั่นใจ บางคนก็ขอให้ท่านอาจารย์นับพระธาตุในตลับดู เผื่อจะตกออกมาข้างนอกบ้าง ท่านอาจารย์บอกว่า อาตมาระวังอยู่ ยังไม่ได้เปิดตลับเลย ท่านเองก็เห็นพระธาตุเสด็จลงมาเช่นกัน


              อย่างไรก็ดี เมื่อท่านอาจารย์เปิดตลับซึ่งมีสก๊อตซ์เทปติดอย่างแน่นหนาออก ก็ปรากฏว่าพระธาตุในตลับยังคงมีจำนวน 9 องค์เช่นเดิม สำหรับพระธาตุซึ่งเสด็จใหม่เป็นองค์ที่ 10 นั้น มีลักษณะองค์ใหญ่ ยาว สีขาว คล้ายสีสังข์ ท่านอาจารย์แบนบอกพวกเราว่า ท่านได้ยินเรื่องพระธาตุเสด็จอยู่เสมอ แต่ที่เห็นกับตานี่เพิ่งเป็นครั้งแรก


พระบรมสารีริกธาตุเปลี่ยนจากที่ถูกตำหนิว่าไม่สวยเป็นสวยหมด


              ปกติพระบรมสารีริกธาตุ มักจะมีขนาดต่าง ๆ กัน และรูปพรรณสัณฐานแตกต่างกัน เรารับรู้ว่าเราอดลำเอียงไม่ได้ที่จะเชยชมองค์ที่มีลักษณะกลมหรือมนงาม เป็นเงาเลื่อม ส่วนจะใสเป็นแก้วหรือขุ่นเหมือนมุก เราไม่ค่อยพิถีพิถันนัก ส่วนองค์ที่มีลักษณะเหมือนหินแตก ขุ่น ๆ เราก็จะไม่ค่อยสนใจ บางทีก็คิดสงสัยว่า ไม่ใช่พระบรมสารีริกธาตุแปลกปลอมมาหรือไม่ และบางทีข้าพเจ้าก็ต้องเชิญท่านลงลอยน้ำพิสูจน์ พระบรมสารีริกธาตุขนาดเมล็ดพันธุ์ผักกาดหรือถั่วแตก จะลอยบุ๋มลงไปในน้ำ มีรัศมีเป็นประกายงามมาก และถ้าอยู่ห่างกัน ท่านจะวิ่งมารวมกันเป็นแพเหมือนมีแม่เหล็กดูดเสมอ ส่วนใหญ่ท่านก็ผ่านการทดสอบของเรา


              วันหนึ่งกำลังทดสอบก็มีพระบรมสารีริกธาตุปรากฏขึ้น 4 องค์พร้อมกัน และแปลกที่ว่าปกติพระธาตุปาฏิหาริย์มา มักจะมีลักษณะงดงามเสมอ แต่ปาฏิหาริย์ 4 องค์ครั้งนี้ มีงามมากเพียงองค์เดียว อีกองค์หนึ่งงามพอใช้ได้ อีก 2 องค์เหมือนหินแตก กำลังนึกสงสัยก็มีเสียงสอนขึ้นว่า อย่าดูแต่ความงามภายนอก พระบรมสารีริกธาตุเมตตาเสด็จมาสอนธรรมแก่เรา แต่อย่างไรก็ดี สำหรับพระบรมธาตุที่จะแจกกรรมการกฐินนั้น ข้าพเจ้าจะต้องพิถีพิถัน ระวังไม่จัดอย่างชนิดที่ป่นเล็กหรือมีลักษณะเป็นกรวดหินแตกมาก ๆ ให้ไปด้วยเกรงว่าผู้ได้รับจะรังเกียจ พระบรมสารีริกธาตุที่มีลักษณะที่เราไม่กล้าให้ใครนี้ ตอนปีแรก ๆ ข้าพเจ้าจะห่อใส่กระดาษเล็ก ๆ เขียนไว้ว่า ใช้ไม่ได้ และบอกจำนวนองค์ไว้ด้วย เช่นว่า ใช้ไม่ได้ 48 องค์ ใช้ไม่ได้ 34 องค์เป็นต้น


              คืนหนึ่งกำลังจัดโต๊ะ ห่อพระธาตุที่เขียนว่า ใช้ไม่ได้ ใช้ไม่ได้นี้ก็ตกลงมา ห่อกระดาษยับยู่ยี่ แสดงว่าไม่มีคนเอาใจใส่มานานปี ปรากฏว่าพระธาตุทุกองค์งาม และเปล่งประกายมีรัศมีสว่างเรืองไปหมด และทุกห่อก็เป็นเช่นนั้น จนข้าพเจ้าอดนึกไม่ได้ว่า ไม่เคยเห็นพระธาตุที่ไหนสวยอย่างนี้ ใจก็คิดว่าท่านคงหมั่นไส้เรา ว่าท่านใช้ไม่ได้ ท่านเลยสวยเสียจนน่าประหลาดใจ เห็นพระธาตุสวยก็คิดถึงพวกน้อง ๆ ที่ทำงาน ตอนเช้าจึงนำห่อพระธาตุเหล่านั้นติดตัวไปที่ทำงานว่าจะเล่าเรื่องอัศจรรย์ให้ฟังและจะแบ่งพระธาตุให้ทุกคนนำไปบูชา น่าประหลาดที่พอเปิดห่อเหล่านั้น พระธาตุทุกองค์กลับเปลี่ยนสภาพจากที่เห็นเมื่อคืนหมด กลับเป็นเหมือนกรวดเล็ก ๆ แตกบิ่นหมด ก็บ่นว่า แล้วจะแจกกันอย่างไร ใครจะเชื่อว่าเมื่อคืนท่านเปลี่ยนเป็นงามมีประกายรุ้งสวยอย่างนั้น


              น้อง ๆ รำพันว่า ท่านคงไม่อยากให้พวกหนูกระมัง ข้าพเจ้าก็ว่า พวกหนูก็ช่วยงานกุศลทั้งนั้น ทำไมจะให้ไม่ได้ เสียดายแต่ว่าท่านกลับเป็นไม่สวยอย่างนี้ เด็ก ๆ ก็จะนึกว่าพี่ไม่เต็มใจให้ บ่นอย่างนั้นแล้ว มองไปอีกทีหนึ่ง ทุกคนก็เห็นพระธาตุทุกองค์สวยเหมือนกันหมด บอกว่าฟังพี่เล่าว่าสวย สวย นึกไม่ออกว่าท่านจะสวยได้ถึงอย่างนี้ บางคนก็ว่าดีแล้วที่เห็นท่านไม่สวยเมื่อเช้านี้ แล้วกลับสวยตอนนี้ ถ้าสวยมาแต่แรก ก็ไม่ได้เห็นปาฏิหาริย์นะซี


              ได้แจกกันไปเป็นสิบ ๆ คน โดยให้ต่างคนต่างเลือกเอง พอดีมีอีกคนหนึ่งอยู่ต่างฝ่าย ไม่ทราบเรื่องมาก่อน ข้าพเจ้าจึงเล่าเรื่องให้ฟัง เธอดีใจที่จะได้พระธาตุปาฏิหาริย์ แต่พอเปิดห่อก็ต้องร้องอย่างตกใจ เพราะพระธาตุกลับเป็นหินแตกอีกครั้งหนึ่งแล้ว เธอบ่นอย่างเสียใจว่า ท่านไม่ต้องการให้หนูค่ะ ข้าพเจ้าไม่ทราบจะทำอย่างไร ก็พูดดัง ๆ อีก แหมคุณ ช่วยงานกุศลเราบ่อย ๆ ให้สวย ๆ ได้ซีคะไม่รู้ว่าพูดกับใคร พูดทำไม แต่มันก็หลุดปากไป ซึ่งก็แปลกที่ว่าพระธาตุกลับงามอีกครั้งหนึ่ง ทำให้ผู้รับดีใจมากว่าได้เห็นปาฏิหาริย์กับตา


              เรื่องราวของคุณป้ายังมีอีกครับ ไว้มาอ่านกันใหม่ วันนี้ก็ขอพอแค่นี้ก่อน ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านเทอญ..............


             


โกสินทร์


ผอบบรรจุพระธาตุของท่านเจ้าอาวาส

โกสินทร์


พระธาตุของท่านเจ้าอาวาส ผมขออนุญาติถ่ายไว้ก่อนที่จะนำไปบรรจุไว้ในเจดีย์ ซึ่งอยู่บนหลังคาของศาลาปฏิบัติธรรมที่ผมใช้นั่งสมาธิ หลังจากเสร็จสิ้นการรับใช้ท่านเจ้าอาวาสในแต่ละครั้ง

โกสินทร์


ถ่ายครั้งแรกไม่ชัด ถ่ายครั้งนี้ก็ไม่ชัดอีก เนื่องจากกล้องไม่ดี อีกทั้งแม่ชีถักโครเชต์สีขาวสำหรับรองพระธาตุ ยิ่งทำให้กลมกลืนกัน จนมองไม่ชัด

โกสินทร์


ไอ้ไข่ขนาด 2.5 นิ้ว . . . รับเมื่อ 3 ก.ค.56 . . . ซานจิ่วจิ่ว

โกสินทร์


ไอ้ไข่ขนาดเล็กห้อยคอได้ เนื้อผิวทองแดงหล่อ รับเมื่อ 3 ก.ค.56 . . . ซานจิ่วจิ่ว

โกสินทร์


หลานของผม ผู้สัมผัสกับไอ้ไข่ได้

Page : 1
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view