เรื่องเล่าจากโกสินทร์ ตอนที่ 65
ประสบการณ์ของน้องแอน
น้องแอนเธออายุ ๔๒ ปี ขณะเคี้ยวอาหาร ฟันจะกระทบโคนลิ้นบ่อยครั้งจนผิดสังเกตุ ตอนแรกคิดว่าฟันคม ก็เอะใจไปหาหมอที่คลีนิค หมอให้ยามากิน ไปหาหมออยู่ ๓ ครั้ง ก็ถามหมอว่าให้หมอทำหนังสือส่งตัวไปให้ที่ ร.พ.ของรัฐในตัวจังหวัด ค่าใช้จ่ายประมาณสองแสนบาทหากตรวจพบว่าเป็นเนื้อร้าย (มะเร็ง) เธอก็บอกหมอว่าห้าพันบาท ยังไม่มีเลย จะหาเงินที่ไหนมารักษาตั้ง สองแสนบาท ก็เลยเปลี่ยนคลีนิคไปหาหมอ
คนที่สอง หมอคนนี้มีลูกเป็นเพื่อนกับลูกของน้องแอน
ลูกน้องแอนพูดกับเพื่อนซึ่งเป็นลูกของหมอ ว่าทำอย่างไรดี เรามีแม่คนเดียว หากแม่เราตาย เราจะไม่ได้เรียนหนังสืออีกเลย น้องแอนมีอาชีพเย็บเสื้อผ้า สามีขับรถตุ๊ก ๆ รายได้ไม่ดี ขณะนั้นลูกน้องแอนอยู่ชั้น ม.๒
ลูกหมอก็เลยแนะนำให้ไปหาพ่อของเค้า นี่เป็นที่มาของมาหาหมอคลีนิคที่สอง หมอคลีนิคที่สองทราบวัตถุประสงค์อยู่ก่อนแล้ว ก็เลยทำหนังสือส่งตัวไปให้หมอที่ ร.พ.ของรัฐในตัวจังหวัดตรวจชิ้นเนื้อ และแล้ว
วันฟังผลก็มาถึง
หมอบอกน้องแอนว่า คุณทำใจดี ๆ ไว้นะ พูดเท่านั้นน้องแอนก็นึกในใจ เอาแล้วซิเรางานเข้าแล้ว สิ่งที่คิดไว้เป็นจริงซะแล้ว ผลเป็นมะเร็งเนื้อร้ายจริง ๆ โชคดีตรงที่มันเพิ่งเริ่มเป็น หมอบอกว่าหากคิดจะรักษามะเร็งให้รีบไปรักษาในกรุงเทพฯ หากรักษาที่ร.พ.ของรัฐภายในตัวจังหวัด โอกาสเสี่ยงสูง น้องแอนเลยตัดสินใจเดินทางเข้ารับการรักษาในกรุงเทพ ที่ร.พ.ราชวิถี เงินรึก็ไม่มี เคราะห์ซ้ำกรรมซัดจริง ๆ ก็ไปยืมเพื่อนบ้านมาได้ ๕,๐๐๐ บาท เดินทางไปกับเพื่อนบ้าน ไปถึงร.พ.ราชวิถี คิวรับการรักษาที่ ๕๐๐ กว่า เสร็จจากการรับบัตรคิวรับการรักษา ก็มานั่งกินข้าวภายในร.พ. มาพบหญิงชนาคนหนึ่ง ก็คุยกันตามประสาหัวอกคนไข้ ปรากฎว่าหญิงชรานำลูกมารับการรักษา หญิงชราบอกว่ารู้สึกถูกชะตากับน้องแอน ก็บอกให้น้องแอนยื่นมือมา จะให้ของดี ณ.ตอนนี้น้องแอนคิดเอาล่ะซิ สงสัยเราจะเจอพวก ๑๘ มงกุฎเข้าให้แล้ว หญิงชราก็นำปากกามาเขียนคาถา
นำเมียวใส่ฝ่ามือน้องแอน พร้อมกับบอกว่าให้ไปสวดอย่างสม่ำเสมอ สิ่งที่เราปรารถนาจะประสบความสำเร็จ น้องแอนก็เหมือนลอยคออยู่กลางทะเล อะไรลอยน้ำมาก็ไขว่คว้าไว้ก่อน ท่อนไม้ซะท่อนก็ยังดี
และแล้ววันที่หมอนัดไว้ครั้งที่ ๒ ก็มาถึง วันนั้นเป็นอาจารย์หมอมาพูดกับน้องแอนว่าคิวการรับการรักษา ๕๐๐ กว่า น้องแอนก็บอกว่าสงสัยเที่ยวนี้เราตายแน่ ๆ เงินก็ไม่มี คิวรับการรักษาก็ยาวมาก แล้วโรคมะเร็งรอได้ที่ไหนล่ะ ก็สวดนำเมียวไปเรื่อย ๆ ปาฎิหารย์มีจริง อาจารย์หมอบอกว่าเอาอย่างนี้ไม๊ หากจะรับการรักษาเดี๋ยวนี้เลยไม่ต้องรอคิวถึง ๕๐๐ กว่า เนื่องจากกรณีของน้องแอนเป็นคนไข้อายุน้อย อาการของโรคมะเร็ง
เพิ่งเริ่มต้น หมอจะเอาน้องแอนเป็นคนไข้ศึกษา ให้บรรดาคุณหมอทั้งหลายศึกษา น้องแอนก็บอกตามตรงว่าไม่มีเงินนะ อาจารย์บอกเรื่องนั้นไม่ต้องห่วง ใช้บัตร ๓๐ บาทนี่ล่ะ อา ! สวรรค์บรรดาลโล่งอกไปซะที แต่มีข้อแม้นหากรับการระกษาไปแล้ว ผลข้างเคียงอาจจะทำให้พูดไม่ได้ จะต้องไม่เอาผิดหมอ หากตกลงจะต้องให้ญาติคนไข้เซ็นเอกสารรับรอง แหมน้องแอนเค้าก็พาเพื่อนบ้านไป เค้าไม่มีสิทธิ์เซ็น งั้นน้องแอนขอรับรองด้วยตัวเอง
ทันทีที่ตกลงพยาบาลก็นำน้องแอนไปอีกชั้นหนึ่งของอาคาร เนื่องจากเตียงเต็ม หมอก็ให้ผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งระยะสุดท้ายกลับไปบ้าน เพิ่อน้องแอนจะได้มีเตียงว่าง ทั้งหมอและพยาบาลให้การปฎิบัติดีมาก เนื่องจากน้องแอนเป็นคนไข้กรณีศึกษาของหมอ คิดอีกทีก็คือเป็นิาจารย์หมอนั่นล่ะ เพื่อตัวเองจะได้เป็นตัวอย่าง บรรดาคุณหมอทั้งหลายก็มาสัมภาษณ์ มาพูดมาคุยเพื่อจะเอาคำบอกเล่าของน้องแอนไปวิจัย หลังจากเสร็จสิ้นการรักษาแล้ว น้องแอนก็กลับมาอยู่ที่บ้าน อาหารการกินก็ปกติเน้นปลาและผัก หมูกินบ้างเพื่อไม่ให้ขาดสารอาหาร
เมื่อกลับมาน้องแอนพบปาฎิหารย์ของพระคาถานำเมียว ที่ทำให้คิวการรับการรักษาจาก ๕๐๐ กว่ากลายเป็นรักษาวันนั้นเลย น้องแอนก็ค้นหาสถานที่สวดพระคาถานำเมียวภายในตัวจังหวัด เมื่อไปถึงสถานที่ดังกล่าว ก็ได้รับคำบอกเล่าจากเพื่อน ที่เค้าประสบกับปาฎิหารย์ดังกล่าว บ้างก็บอกว่าลูกของเค้าเป็นทหาร ไปปฎิบัติกิจที่ ๓ จังหวัดชายแดนภาคใต้ รถถูกกับระเบิดตายหมดทั้งคัน ยกเว้นลูกที่สวดพระคาถานำเมียว
อยู่สม่ำเสมอไม่ตายเหลือรอดอยู่คนเดียว บ้างก็บอกว่ารถตกไปในเหวลึก ทุกคนตายหมด คนที่สวดคาถานำเมียวไม่ตายขึ้นจากเหวมาโบกรถ ไม่มีรถคันไหนรับซะคัน ก็เลือดโชกซะอย่างนั้นมาโบดรถอยู่ข้างถนนในเวลากลางคืน เค้านึกว่าผีหลอกน่ะซิ
ปัจจุบันน้องแอนก็สวดนำเมียวอยู่อย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งสามีด้วย นอกจากสวดมนต์แล้ว ยังนั่งสมาธิ เธอก็ยังใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขตามอัตภาพ เรื่องที่เกิดขึ้นจะเรียกว่าบังเอิญ หรือปาฎิหารย์ก็แล้วแต่จะคิด ลูกของน้องแอนที่ไปพูดกับลูกของหมอ ปัจจุบันก็เป็นทหารรับใช้ชาติ (เรื่องราวของเค้า ผมนำมาเล่าแล้วในตอนที่เท่าไรจำไม่ได้เสียแล้ว ลูกคนที่ ๒ เป็นตำรวจนครบาล กล่าวคือลูกน้องแอนมี ๒ คน
สุดท้ายนี้ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านเทอญ....