เรื่องที่ผมจะเล่าต่อไปนี้เป็นเรื่องสมัยที่ผมยังเรียนหนังสือยู่ที่พณิชยการแห่งหนึ่งแถวบางนา เมื่อมีชั่วโมงว่างเพื่อนชายฃื่อสายชล เขาพาผมไปในห้องที่มีเพื่อนของสายชลกำลังปลุกกุมารทอง กุมารทองของเขาอยู่ในขวดแช่น้ำมันจันทร์ นายคนนี้พระไม่แขวนแต่ใช้เชือกผูกขวดกุมารทองไว้ ของนายคนนี้เป็นของหลวงพ่อเคน วัดเขาอีโต้ ปราจีนบุรี เพื่อนมีปัญหาอะไร ก็ถามกุมารทองซึ่งผ่านร่างนายคนนี้ คำตอบที่ได้คือใช่หรือไม่ใช่ หากใช่จะสั่น หากไม่ใช่จะเฉย ๆ ไม่สั่น สายชลเล่าให้ฟังว่า นายคนนี้บางวันเขาทานขนมหวานอิ่มแล้ว แต่ลืมเรียกกุมารทองกินด้วย ต้องไปสั่งแม่ค้ามากินใหม่อีกถ้วย พร้อมเรียกกุมารทองกินด้วยกัน บางครั้งลืมเรียก กุมารทองทองปัดช้อนตกจากมือเลย ผมก็เลยสนใจอยากจะได้กุมารทองมาเลี้ยงบ้าง
จนกระทั่งวันหนี่งไปที่สนามหลวง เห็นเขากำลังเล่นกลอยู่ มีเด็กนอนคลุมโปงอยู่ ซึ่งเป็นกุมารทอง \"อับดุลเอ๊ย\" เด็กที่นอนคลุมโปงก็ตอบว่า \"เอ๊ย\" คนเล่นกลถามต่อ \"ตามมา\" เด็กตอบ \"ตามมาแล้ว\" คนเล่นกลถาม \" ผู้ชายรู้จัก\" เด็กตอบ \"รู้จัก\" จากนั้นก็ให้ทายตัวเลขในธนบัตร ทายใส่เสื้อสีอะไร ถืออะไร ซึ่งเด็กที่นอนคลุมโปงตอบถูกหมด จากนั้นก็ขายกุมารทอง แรก ๆ ก็ไม่มีใครซื้อ พอหน้าม้าคนเล่นกลซื้อ คนก็เฮซื้อกันใหญ่ รวมทั้งผมถูกหลอกอยู่ในกลุ่มนั้นด้วย แม้นกระทั่งปัจจุบันนี้เวลาผ่านมาเกือบ 40 ปี กลอันนี้ก็ยังขายได้อยู่ ผมเห็นทีไรนึกขำตัวเองทุกที
และแล้วผมก็อ่านพบในหนังสือวัตถุมงคลที่วัดอินทรวิหาร บางขุนพรหม กรุงเทพฯ ซึ่งเป็นศูนย์วัตถุมงคลในขณะนั้น มีรักยมให้เช่าบูชา ผมก็เช่ามาหนึ่งขวดในราคา 20 บาท เป็นของพระอาจารย์บัว ผมเริ่มเลี้ยงเมื่อ 10 พ.ย. 2518 มีปัญหาอะไรในการเลี้ยงก็ถามสายชล หากสายชลจนปัญญาก็ถามนายคนที่ปลุกกุมารทอง ผมเรียกรักยมกินพร้อมกับผม ไม่ได้ตั้งอาหารเซ๋นไว้ต่างหาก บางวันผมอยู่ที่โรงเรียนได้กลื่นน้ำมันจันทร์ ถามเพื่อนไม่มีใครได้กลิ่นเลย ทั้งที่ขวดรักยมอยู่ที่บ้าน นอนกลางคืนเคลิ้มได้ยินเสียงลากเก้าอี้
จนกระทั่งคืนวันที่ 24 ธ.ค. 2518 ผมฝันว่าไปยืนหน้าหิ้งรักยม รักยมของอาจารย์บัวทะเลาะกับกุมารทองของคนเล่นกล ฝาขวดสีดำและฝาขวดข้างในอีกชั้นสีขาวใส ปลิวว่อนเหนือขวดรักยมทั้งสองเหมือนคนปาของใส่กัน และมีเสียงออกมาว่า \"พรุ่งนี้พี่อย่าไปโรงเรียน\" ในฝันผมไม่เห็นเป็นตัวคนได้ยินแต่เสียง ตื่นเช้าขึ้นมาผมคิดว่าตั้งแต่เลี้ยงรักยมมา ไม่เคยฝันเลย จะเชื่อได้ไม๊นี่ ก็ตัดสินใจไปโรงเรียน ทันทีที่จิตตกลงไปโรงเรียน ปวดท้องขึ้นมากอย่างกระทันหันและรุนแรง ทำอย่างไรก็ไม่หาย วิธีสุดท้ายผมนำหลวงปู่ทวดที่แขวนคออยู่ นำมาล้างน้ำให้สะอาดแล้วอาราธนาว่าคาถาทำน้ำมนต์กินเข้าไป อาการปวดท้องก็หายไป ผมเรียนภาคบ่าย 11โมงก็ออกเดินทางจากโพธิ์สามต้น ฝั่งธนบุรี ไปบางนา ถึงโรงเรียนได้ยินเสียงประกาศทั้งโรงเรียนว่าให้นักเรียนทุกคนกลับบ้าน ห้ามกลับคนเดียว ให้เดินกันเป็นกลุ่ม ผมขนลุกซู่เลย นึกไม่ถึงว่าอาการปวดท้องคือรักยมเขาไม่ต้องการให้ผมมาโรงเรียน แต่ผมดันทุรังมาจนได้โดยอาศัยน้ำมนต์หลวงพ่อทวด สอบถามเพื่อน ๆ ทราบว่ามีเด็กอาชีวะแถวสมุทรปราการ เขาจะยกพวกมาทำร้ายเด็กในโรงเรียนผม ขณะนี้กำลังระดมพลอยู่ พวกที่รักตัวกลัวตายก็กลับบ้านไป พวกที่รักศักดิ์ศรีหนีไม่ได้ เขามายกทัพมาถึงโรงเรียน จะหนีให้เสียศักดิ์ศรีรึ ก็วางแผนตั้งรับกันภายในโรงเรียน ผมอยู่ประเภทรักตัวกลัวตายครับ เลยกลับบ้าน หากรักศักดิ์ศรี คงไม่มีโอกาสมานั่งเล่าเรื่องนี้อยู่หรอก คงขึ้นสวรรค์ไปตั้งแต่ปี 2518 นั่นแล้ว
รุ่งขึ้นมาที่โรงเรียนก็ทราบว่า เมื่อว่าพวกเด็กอาชีวะมากันจริง มากันเป็นคันรถเลย อุปกรณ์การเรียนของเขาก็เป็นอาวุธได้อยู่แล้ว เช่นไม้ที ไม้บรรทัดเหล็ก แถมพกมีด ปืนปากกา ทางโรงเรียนผมแจ้งตำรวจ เขาก็มาสลายฝูงเด็กอาชีวะนั่น เพื่อนผมอยู่ห้องเดียวกันถูกไม้ทีตีถึงกับฟันหัก กล่าวคือจากแยกบางนาเข้าโรงเรียนผม จะมีรถของโรงเรียนจำนวน 3 คัน สลับกันเข้าออกไปส่งนักเรียนจากแยกบางนาเข้าภายในโรงเรียน ผมขึ้นเป็นคันสุดท้าย เพื่อนที่อยู่ห้องเดียวกับผมที่ถูกทำร้ายฟันหัก เขาขึ้นรถคันออกเที่ยวต่อจากผม ผมขนลุกครั้งที่สอง นี่รักยมช่วยอีกหรือเปล่า หากผมช้ากว่านั้นอีกนิดเดียวถูกทำร้ายแน่ เพื่อนเล่าว่าพอเด็กอาชีวะขึ้นมาตีดะทุกคนไม่ต้องพูดล่ามทำเพลง เรื่องแบบนี้จนกระทั่งพ.ศ.นี้ก็ยังเกิดซ้ำซาก เพียงแต่มันพัฒนาร้ายแรงมากขึ้นเรื่อง ๆ ไม่รู้จะแก้ยังไง ข่าวเด็กอาชีวะบุกโรงเรียนผมลงในหน้าหนังสือพิมพ์ด้วยครับ เมือปีก่อนผมไปหอสมุดแห่งชาติ ไปค้นหนังสือพิมพ์ ณ.วันที่ พ.ศ.นั้น แต่อยู่ในช่วงหอสมุดที่เขาเก็บหนังสือพิมพ์เก่า ๆ ไว้ ซ่อม ไม่มีกำหนดว่าเสร็จเมื่อไร เลยไม่ได้ค้นหนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าว
หลังจากนั้น รักยมก็ไม่มาติดต่อผมอีกเลย จนกระทั่งผมคิดว่า เขายังอยู่กับผมรึเปล่านะ เมื่อผมย้ายไป สมมุติว่าจังหวัดช้างก็แล้วกัน ก็นำไปให้หลวงพ่อพลายท่านตรวจสอบ ท่านนำขวดรักยมไปบริกรรมพักหนึ่ง แล้วนำมาให้ผมดู พร้อมบอกว่า หากรักยมยังอยู่ จะมีฟองเหมือนหวอดปลากัดขึ้นจากก้นขวดสู่ปากขวด ซึ่งผมก็เห็นตามนั้น หากไม่มีหวอดก็แสดงว่ารักยมไม่อยู่แล้ว แต่รักยมก็ยังไม่แสดงอีก หรือว่าเขาจะมาแสดงตนให้ทราบเฉพาะเมื่อเหตุร้ายจะเกิดขึ้นกับผมเท่านั้น
หลังจากที่ผมประสบกับรักยมบอกเหตุกับผมคราวนั้น ทำให้ผมสะสมรักยม และ กุมารทอง ของที่มีวิญญาณสิงอยู่ภายใน แต่ทุกวัดไม่มีอะไรพิเศษเลย แต่จากการที่ผมค้นคว้าเรื่องนี้ทำให้ผมได้รับรู้เหตุการณ์ต่าง ๆ เกี่ยวกับรักยม กุมารทอง จากบุคคลที่เขาประสบมาด้วยกับตัวเอง อีกมากมายหลายเรื่อง บางเรื่องมันเหลือเชื่อจริง ๆ จนคิดว่าโกหกหรือเปล่า แต่ผู้เล่าเป็นพระ ไม่รู้จะโกหกเพื่ออะไร ไว้ติดตามไปเรื่อย ๆ ผมจะมาเล่าให้ฟังใหม่วันหลังครับ อ้อขอโทษด้วยที่จังหวัดและตัวบุคคลผมต้องสมมุติขึ้นเพราะไม่เหมาะที่จะนำมากล่าวทางเน็ต เดี๋ยวเขาจะเดือดร้อน คงเข้าใจนะครับ
ง