ก่อนที่ท่านจะอ่านบทความนี้ กรุณากลับไปอ่านเรื่องเล่าจากโกสินทร์ 1 ของวันที่ 15 มิ.ย. 51 และเรื่องเล่าจากโกสินทร์ 2 ของวันที่ 22 ส.ค. 51 ก่อนครับ เพราะเนื้อเรื่องต่อเนื่องกัน สำหรับรักยมของสายชลมาจากแหล่งเดียวกันกับของผม สมัยนั้นบ้านเค้าอยู่หมู่บ้านสมพลนิเวศน์ แถวโชคชัย 4 คนข้างบ้านรั้วเดียวกันถามสายชลว่าบ้านของสายชลมีเด็กด้วยเหรือ เพราะเค้าเห็นเด็กอยู่ในบ้าน ซึ่งบ้านของสายชลไม่มีเด็ก มีแต่ผู้ใหญ่ทั้งบ้าน ในห้องของสายชลมีหิ้งวางรักยมเตี้ย ๆ ขนาดถ้าเรานั่งกับพื้นจะพอดีกับหน้าอกเรา มีว่าวแขวนไว้ข้างฝาบ้านแล้วโยงสายเชือกชักว่าวมาที่พานรักยม เหนือโต๊ะรักยมมีมีดหมอแขวนไว้ด้วย ซึ่งกรณีนี้ก็นับเป็นกรณีศึกษาได้อีก กรณีที่เรามีของขลัง แต่รักยมก็ยังแสดงฤทธิ์ได้ แสดงว่าของขลังต่าง ๆ เอามาไว้ด้วยกันได้ รักยมไม่กลัว ต่อมาเมื่อ 19 ก.ค. 2519 ผมได้เช่านกคุ้มหลวงปู่ทรัพย์มาบูชาอีก ณ.ตอนนั้นอยู่จังหวัดช้าง ให้อาหารโดยถวายถั่วเขียว กับ น้ำ เปลี่ยนทุกวัน จนกระทั่งคืนหนึ่งผมได้ยินเสียงนกคุ้มร้อง ผมไม่แน่ใจหูตัวเอง ก็เรียกแม่ผมมานั่งหน้าโต๊ะที่บูชานกคุ้ม แม่ผมก็ได้ยินเหมือนผมอีก ซึ่งนับว่าแปลกมาก จนกระทั่งวันที่ 14 พ.ค. 2528 ผมได้เช่าโหงพราย ของอาจารย์หวาน ตกกลางคืน ก็ฝันไปว่ามีผู้หญิงสูงโปร่ง ผมยาว มานอนบนเตียงเดียวกับผม แต่หน้าเค้าผมไม่เห็น ก็นับเป็นนิมิตที่ดี ว่าเค้ามาอยู่ปกป้องรักษาเรา แต่ก็น่าเสียดายที่ผมทำขวดโหงพรายแตก ปัจจุบันก็เลยเหลือแต่ตัวไม้ที่แกะเป็นรูปโหงพราย เช่นเดียวกับรักยมของอาจารย์บัว ผมก็ทำแตกเช่นกัน ซึ่งเป็สาเหตุที่ผมไปหาอาจารย์ต่าง ๆ เพื่อตรวจสอบดูว่ารักยมผมยังอยู่หรือเปล่า เลยเป็นที่มาที่ผมไปรับรู้เรื่องราวแปลก ๆ หลายเรื่อง และก็เช่ารักยม กุมารทองมาจากหลายวัดหลายอาจารย์