http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,997,055
Page Views33,434,470
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 

 


เรื่องเล่าจากโกสินทร์ ตอน 6

(อ่าน 888/ ตอบ 0)

โกสินทร์

     วันที่ 23 ก.ค. 2526 เช้าตรู่ฟ้ายังมืดอยู่เลย แต่เราพวกพระต้องรีบออกบิณฑบาตร เพราะวัดอยู่ห่างจากตังเมืองมากหลายกิโลเมตร ฉะนั้นพระที่มาจำพรรษาที่วัดถ้ำเสือจะต้องเป็นพระหนุ่ม ๆ หากเป็นพระอายุมากจะเดินไม่ไหว และระยะทางไปตลาดเป็นหินที่เค้าระเบิดมาจากภูเขาใกล้วัดด้วย วันดีคืนดีพอเค้าระเบิดภูเขาทีหนึ่ง บาตรพระตกจากหิ้งเก็บระเนระนาดหมด เวลาเดินทางจะเข้าวัดหากเค้าระเบิดภูเขา เค้าจะกั้นไม่ให้ผ่านชั่วคราว เหมือนพระวัดหนึ่งในหนังสือพิมพ์ที่เวลาสวดมนต์ต้องใส่หมวกกันน็อค ผมเห็นแล้วนึกถึงเหมือนตอนที่ผมบวชเป็นพระ วันนั้นเราจะต้องเดินผ่านสวนยางพารา ผมมองเห็นต้นไม้ชนิดหนึ่งยอดมันเรืองแสงได้ คล้ายกับยอดของมันเคลือบด้วยฟอสฟอรัส ยังไงยังงั้น ผมไม่แน่ใจตัวเองว่าตาฝาดหรือเปล่า จำสถานที่ไว้ รุ่งขึ้นกลับมาใหม่ ก็เห็นเหมือนเดิม แต่ความเป็นพระไม่สามารถที่จะถอนต้นไม้นั้นขึ้นมาได้ ผิดวินัยข้อพรากของเขียวไง ....ในวันเดียวกันมีพระรูปหนึ่งมาเล่าให้ฟังว่าท่านไปพบดินที่ปั้นเป็นก้อนกลม ๆ ภายในถ้ำผมเคยอ่านพบในหนังสือ ไม่คิดว่าที่วัดถ้ำเสือจะมีเหมือนกัน ท่านเรียกว่าดินกลมฤาษีปั้น มันเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ ลักษณะกลมเหมือนลูกแก้ว ทั้งที่ไม่มีใครไปปั้นมันเลย อยู่ ๆ มันก็กองอยู่ภายในถ้ำ แต่ผมก็ไม่ได้ถามพระรูปนั้นว่าดินฤาษีปั้นอยู่ถ้ำไหน เพราะที่วัดถ้ำเสือมีหลายถ้ำด้วยกัน...... ในวันเดียวกันมีพระหนุ่มรูปหล่อลักษณะเหมือนกับท่านเคยพบกับหลวงพ่ออาน และหลวงพ่ออานบอกอะไรบางสิ่งบางอย่าง ท่านมาบอกว่าท่านพบเมืองลับแลที่เพชรบุรีตามที่หลวงพ่ออานเคยบอก แต่ท่านไม่กล้าเข้าไป เลยไม่มีเรื่องมาเล่าให้ฟัง เพียงแต่รับว่าพบถ้ำที่จะไปสู่เมืองลับแลจริง


     วันที่ 28 ก.ค. 2526 วันนี้ท่านอาจารย๋จำเนียรท่านสอนว่า เราต้องฝึกหัดจิตให้ชนะสังขาร หากเราชนะตัวเองแล้ว คนอื่นจะกลัวเรา กลัวอำนาจจิตเรา การชนะใจตัวเองยากมาก อาจารย์ต้องบังคับ หากไม่บังคับ จิตเราไม่ก้าวหน้า ไม่มีความอดทน ถึงไม่ชอบก็ต้องทำ ต่อไปจะชินไปเอง จิตก็จะเข้มแข็งกว่าเก่า


     วันที่ 1 ส.ค. 2526 พ่อของหลวงพ่ออานเล่าให้ฟังว่า มีคน ๆ หนึ่งเคี้ยวต้นก่ออยู่เสมอจนกระทั่งแกตาย เขาก็เอาใส่โลงฝังดิน สามปีต่อมาจึงขุดเพื่อจะเอาไปเผา พอเปิดโลงปรากฎว่าแกไม่ตายผิวขาวเหมือนด้วงไม้ไผ่ ผมยาวเป็นขมวด ๆ เล็บงอกยาว พอแกพูดได้ แกก็บอกกับลูกหลานว่าแกจะต้องไปเขา ไม่บอกว่าไปหาใคร ซึ่งก็หายไป 3 วัน พอครบ 3 วันแกก็กลับมาตามสัญญา ครั้งที่สองไปใหม่ 7 วัน แต่คราวนี้ไปแล้วไปลับไม่กลับมา หายสาปสูญไปเลย เรื่องนี้เกิดที่พิจิตร ผมฟังดูแล้วก็ทำใจเชื่อลำบาก แต่คิดดูอีกทีสารคดีในโทรทัศน์มีปลาพอน้ำใกล้จะแห้ง มันก็ขุดดินลงไปจำศีลเป็นเวลานานหลายเดือน พอน้ำหลากมา มันก็ขุดดินขึ้นมาใหม่ ผมก็เลยเอามาอนุมานกับเรื่องที่พ่อหลวงพ่ออานนำมาเล่า มันน่าจะเป็นไปได้ไม๊ อย่างในปัจจุบันพวกโยคีเค้าก็เคยนอนในโลงฝังดิน หากจำไม่ผิด 7 วัน พอขุดขึ้นมาก็ยังมีชีวิตอยู่ เป็นไปได้ไม๊คนที่กินต้นก่อนี่ เค้าฝึกจิตมา เค้านอนในสมาธิ พวกลูกหลานไม่รู้นึกว่าตาย ก็นำไปฝัง ก็เป็นกรณีศึกษาอีกเรื่องหนึ่ง...


     หลวงพ่ออานเล่าว่าแกไปเรียนวิชาช่วยคนที่ถูกหมาบ้ากัด ขนาดล่ามโซ่ก็ยังสามารถรักษาให้หายได้ภายในวันเดียว คนที่ถูกงูกัดรักษาให้หายได้ภายใน 3 ชั่วโมง ท่านจะเรียกงูมาดูดพิษคืนไป (กรณีที่คนที่ถูกงูกัดอยู่ใกล้กับบริเวณที่ถูกงูกัด) สำหรับคนที่ถูกงูกัดตายไปแล้วไม่นาน มีวิธีทดสอบโดยการถอนผมมา หากรากผมติดกับเล็บมือของเรา แสดงว่ายังรักษาได้อยู่ หากรากผมไม่ติดเล็บมือก็แสดงว่าตายแน่นอน วิธีที่จะดูว่าคนที่เค้ามาขอรับการรักษาจะรอดหรือไม่รอด โดยดูจากน้ำตาเทียนที่หยดลงในน้ำตอนทำพิธี หากน้ำตาเทียนเกาะกลุ่มติดกันแสดงว่ารักษาได้ รอดแน่ กลับกันหากน้ำตาเทียนแตกทุกที ถึงแม้นว่ารักษาได้ก็อยู่ได้แค่ วันหรือสองวัน เค้าก็ต้องตาย


     หลวงพ่ออานยังเล่าอีกว่าสมัยที่ท่านเป็นผู้หมู่ทหาร ถูกขโมยลูกปืน 3 แม็ก แกประกาศให้ลูกน้องทราบว่า หากไม่ได้คืนแกตายแน่ ลูกน้องคนหนึ่งเลยอาสาทำพิธีเรียกของคืนโดยการเอาดินจากรอยเท้าของขโมย มาทำพิธีเรียกของคืน รุ่งขึ้นปรากฎว่าลูกปืนทั้ง 3 แม็กกลับมาวางอยู่ที่เดิม หลวงพ่ออานเห็นเป็นอัศจรรย์ก็เลยของเรียนวิชานี้จากลูกน้องของท่าน วิชานี้หากขโมยไม่เอาของมาคืนจะตายภายใน 3 วัน เพราะวิชาเรียกของคืนจะเอาดินรอยเท้าขโมยใส่ในหุ่นปั้น แล้วเอาหนามแทงหุ่น จากนั้นเอาหุ่นไปไว้ในเตาเผาศพ หากเขาเผาศพทับหุ่นเมื่อใด ขโมยจะตายทันที อีกวิธีหนึ่งเอาหุ่นไว้ในจอมปลวก ปลวกก่อดินทับหุ่นเมื่อไร ขโมยตายเมื่อนั้นเหมือนกัน.....  ต่อมาชาวบ้านมาหาหลวงพ่ออาน ให้ท่านช่วยสงเคราะห์ เพราะมีคนมาขโมยควาย ท่านก็ทำพิธีทันที แต่พอทำไปแล้วกลับมาคิดว่าหากขโมยตายไป เพราะไม่เอาควายมาคืน บาปก็จะตกอยู่ที่ท่าน ท่านเลยไปทำพิธีแก้เสีย โดยให้เหตุผลกับชาวบ้านว่า ท่านเป็นพระ ท่านทำให้ไม่ได้ด้วยเหตุผลดังกล่าว เพราะบางทีขโมยบาดเจ็บสาหัสไม่สามารถเดินทางมาได้ หรือถูกกักขังไม่สามารถเดินทางมาได้ ก็จะตายไปโดยที่ไม่ได้เอาของมาคืน


     วันที่ 8 ส.ค. 2526 วันนี้หลังจากทำวัดรเย็นเรียบร้อยแล้ว อาจารย์จำเนียร ได้ให้พวกเราสวดอิติปิโส ปลุกเสกพระเจ็ดป่าช้าเป็นครั้งสุดท้าย เพราะหลังสวดเสร็จท่านนำมาใส่ให้กับมือของพวกเราเลย คนละ 2 องค์ รุ่นที่ผมได้น่าจะเป็นรุ่นที่ 4 เพราะพระเจ็ดป่าช้ารุ่นแรกสร้างเมื่อพ.ศ. 2522  รุ่นที่ 4 ทางวัดสร้างเมื่อ พ.ศ. 2525 ผมไปจำพรรษา 2526 แล้วได้รับ พระเจ็ดป่าช้ารุ่นที่ 4 นี้ มีโยมได้รับจากอาจารย์จำเนียรไป แล้วนำมาคืนกับพระ โดยบอกว่าไม่กล้าเอาไว้ เพราะตั้งแต่นำพระเจ็ดป่าช้ารุ่น 4 เข้าบ้าน ได้ยินเสียงร้องของผี (มวลสารพระเจ็ดป่าช้านำดินมาเจ็ดป่าช้า) ร้องไห้โหยหวลอยู่หน้าบ้าน เพราะผีเข้าบ้านไม่ได้ เนื่องจากของศักดิ์สิทธิ์ภายในบ้านป้องกันเอาไว้ ผมเสียดายที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ที่โยมนำพระมาคืน ผมจะได้ขอพระองค์นั้น พระมีประสบการณ์น่านำมาห้อยคอเหลือเกิน สำหรับพระเจ็ดป่าช้ารุ่น 4 ผมนำมาห้อยคอหลายปีแล้วครับ เล่ามาถึงตรงนี้อยากจะเล่าความศักดิ์สิทธิ์ของพระเจ็ดป่าช้ารุ่นที่ 1 เมือปี พ.ศ. 2522 ท่านอาจารย์จำเนียรได้นำผงดินเจ็ดป่าช้าให้แม่ชีรูปหนึ่งเป็นผู้กดพิมพ์ทำพระชุดนี้ แต่ไม่ได้บอกว่าเป็นดินอะไร หลังจากแม่ชีผสมคลุกเคล้าเนื้อดินเข้ากันดีแล้ว จึงได้กดเนื้อมวลสารลงในแม่พิมพ์จนแน่น แล้วเอานิ้วมือออกจากแม่พิมพ์ พระก็ดีดออกมาเองจนเกือบถึงหลังคากุฎิแล้วตกลงมาบนพื้น แม่ชีสงสัยออกมาได้ไง ก็ใส่มวลสารในแม่พิมพ์แล้วกดใหม่พอยกนิ้วมือออก พระก็ดีดออกมาอีก สูงเลยศีรษะไปนิดหนึ่ง แล้วตกลงมา แม่ชีแปลกใจเป็นไปได้ไง ทั้งที่บล๊อกแม่พิมพ์ก็เป็นปูนซิเมนต์ขาว เวลากดแล้วต้องเคาะ พระจึงจะออกมา กดใหม่เป็นครั้งที่สาม คราวนี้พระดีดออกมาสูงประมาณคืบกว่า แม่ชีใจไม่ดีแล้ว แต่ก็ฝืนทำไปเรื่อย ๆ ตกกลางคืนขณะกดพิมพ์อยู่ ปรากฎมีเสียงคนเดินซอยเท้าอย่างแรงเหมือนทหารเดินสวนสนามรอบกุฎิด้านนอก สักพักได้ยินเสียงเหมือนช้างหักไม้ไผ่ หลังจากนั้นเสียงก็เงียบหายไป รุ่งเช้าแม่ชีนำเรื่องนี้เล่าให้ท่านอาจารย์จำเนียรฟัง ทำให้แม่ชีทราบว่าดินที่ให้ไปทำนั้นเป็นดินเจ็ดป่าช้า ปรากฎการณ์ที่เกิดขึ้น ท่านอาจารย์จำเนียรบอกว่าอย่าตกใจ เขาบันดาลให้เห็น น่าแปลกนะครับเป็นแค่เนื้อดินมวลสารธรรมดา ยังไม่ผ่านการปลุกเสกเลย แสดงอิทธิฤทธิ์เสียแล้ว...


     เอาล่ะวันนี้ขอพอแค่นี้ก่อน สัปดาห์หน้าค่อยมาอ่านกันใหม่ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านครับ....


 


    


Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view