หัวข้อ :เรื่องเล่าจากโกสินทร์ ตอน 9
06/11/2008
, 09:59
Quote
ขณะที่ผมป่วยเป็นโรคระบบประสาทอัตโนมัติอยู่นั้น เวียนหัวมากไม่สามารถทรงตัวขึ้นนั่งได้เลย ต้องนอนตลอด ในเมื่อรักษาทางวิทยาศาสตร์ไม่หาย ก็ต้องลองทางไสยศาสตร์ น้าของผมเลยไปเชิญร่างทรงหญิงคนหนึ่งมาทำการรักษา ร่างทรงอื่นเขาจะอ้างหลวงพ่อ หลวงปู่ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ หรือเทพในศาสนาฮินดู มาประทับทรง แต่ร่างนี้เค้าอ้างสิ่งที่ผมฟังแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ และไม่เคยมีใครอ้างแบบเค้าเลย แต่ถือว่าเขามาทำการรักษาโดยไม่คิดค่ารักษารักษา ถือว่าเจตนาบริสุทธิ์ จะประทับทรงอะไรก็ตามแต่ให้เราหายจากความทุกข์ทรมานก็แล้วกัน ขณะที่เค้าประทับทรงเค้าจะพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ฟังดูคล้ายภาษาจีนสลับการหัวเราะ แล้วเค้าก็มานวดหัว ขยี้หัว สักพักหนึ่ง แค่นั้นเองจริง ๆ ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากสิ่งอื่นเลย พอเค้ากลับ ผมรู้สึกคลื่นไส้ อยากจะอ้วก เลยไปอ้วก หลังจากอ้วกก็รู้สึกดีขึ้น ความปวดหัว มีนหัวค่อยทุเลาลง อยากกินอาหารขึ้นมาทันที ร่างกายก็เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ นี่ถ้าหากไม่ได้เค้าผมคงนอนซมด้วยความมึนหัวอยู่อย่างนั้นแหละ งานการคงไม่ได้ทำ ขณะนอนยังนึกว่าเราจะไปทำงานได้อย่างไร ลุกขึ้นนั่งยังไม่ได้เลย ...... ต่อมาพอร่างกายผมหายดีแล้ว ร่างทรงหญิงคนนี้เค้าขอไปที่บ้านเพื่อไปหาสาเหตุของการไม่สบายของผมครั้งนี้ เค้าให้นำไปที่ตู้เสื้อผ้าที่ด้านบนผมวางพระบูชา และกุมารทอง รักยม และเครื่องรางของขลังประเภทอื่น พร้อมกับนำปากกาเมจิคสีแดงถือในมือ เค้าจะนำเครื่องรางของขลังทุกชนิดมาเจิมทุกชิ้น พร้อมกับกล่าวว่า กุมารทองของพระอาจารย์จวน ลักษณะเป็นรูปหล่อโลหะสีดำ ยืนเปลือยกาย ที่สะโพกคาดผ้าแพรสี เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเจ็บไข้ได้ป่วยในครั้งนี้ เนื่องจากผมเลี้ยงกุมารทองและรักยมจำนวนมาก ทำให้กุมารทองของหลวงพ่อจวนอิจฉา เลยทำให้ผมไม่สบาย ร่างทรงถามว่าจะเอากุมารทองไปปล่อยไม๊ เมื่อผมปฎิเสธไป เค้าก็ไม่ว่าอะไร แต่ก็ทำพิธีเจิมให้ นัยว่าสกัดกั้นไม่ให้ซุกซนมากนัก ซึ่งกุมารทองของพระอาจารย์จวนนี้ พิเศษกว่ากุมารทองของอาจารย์อื่นตรงที่มีการทำพิธีเรียกอาการ 32 ซึ่งผมมีเป็นครั้งแรก นอกจากนี้กุมารทองของพระอาจารย์จวนนี้ ต่อมาภายหลังมีร่างทรงอีกร่างหนึ่งมาดูพร้อมกับบอกว่า ตัวนี้เอาเรื่องนะ เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ร่างทรงสองคนกล่าวเหมือนกันหมด ทั้งที่ต่างคนและต่างเวลากัน ซึ่งจะได้กล่าวในบทต่อไปในบทบาทของร่างทรงที่สอง....มากล่าวถึงร่างทรงร่างที่หนึ่งต่อนะครับ เค้าก็ให้ผมนำต้นไม้มาวางข้างประตูห้องน้ำทั้งสองด้านของประตู ลวดซึ่งขึงหน้าบ้านใช้ตากผ้าให้ปลดออก เวลาตากผ้าค่อยขึง พอเลิกใช้ให้ปลดออก หน้ากากยักษ์อันใหญ่สวยงามมาก เค้าถามผมว่าจะเอาไปทิ้งได้ไม๊ ผมบอกว่าได้ ก็นำไปทิ้งไว้ในวัด หน้าหน้ากากยักษ์อันนี้สวยงามมาก ร่างทรงบอกว่ารูปปั้น ตลอดจนหน้ากาก และสิ่งสมมุติต่าง ๆ หากไม่จำเป็นไม่ควรนำเข้าบ้าน เคราะห์หามยามร้ายขึ้นมา มันจะส่งผลร้ายให้กับเรา เค้าก็เล่าให้ฟังว่ามีคนหนึ่งซื่อหน้ากากดูหน้ากากมาจากประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่นำหน้ากากอันนี้มาอยู่ในบ้าน เหตุการณ์ในบ้านเลวร้ายเรื่อย ๆ มีแต่เรื่องร้าย ๆ จนเจ้าตัวต้องมาเชิญเค้าไปทำพิธี เหตุการณ์ถึงเข้าสู่ปกติ ดู ๆ เค้าจะใช้หลักการของฮวงจุ้ยมาประกอบ แต่ก็เอาล่ะถึงอย่างไรเค้าก็รักษาผมให้เข้าสู่สภาวะปกติได้ ก็ถือว่าเค้าแน่เหมือนกัน แต่โรคนี้มันเพียงบรรเทาแค่นั้น ยังไม่หายขาด วันดีคืนดีมันก็แสดงฤทธิ์ออกมาทีหนึ่งให้ตกใจเล่น คิดดูเถอะครับตั้งแต่ผมเริ่มมีอาการตั้งแต่ปี 2540 จนปัจจุบัน 2551 มันยังไม่หายเลย แต่เพียงอาการไม่หนัก แค่ทำให้ตกใจเล่นเท่านั้นเอง ท่านใดเป็นโรคเดียวกับผม ก็มาคุยกันได้ครับ จะได้ปรึกษาหาทางรักษาต่อไป ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ผมเข้าใจลึกซึ้งตอนนี้เอง ไว้คราวหน้าผมเกิดอาการของอีกโรคหนึ่ง ซึ่งจะนำไปสู่เหตุการณ์แปลก ๆ อีกแล้ว ไว้พฤหัส หรือศุกร์หน้า ค่อยมาฟังกันใหม่ครับ ขอความสุขสวัสดี จงมีแก่ทุกท่านเทอญ...
ขณะที่ผมป่วยเป็นโรคระบบประสาทอัตโนมัติอยู่นั้น เวียนหัวมากไม่สามารถทรงตัวขึ้นนั่งได้เลย ต้องนอนตลอด ในเมื่อรักษาทางวิทยาศาสตร์ไม่หาย ก็ต้องลองทางไสยศาสตร์ น้าของผมเลยไปเชิญร่างทรงหญิงคนหนึ่งมาทำการรักษา ร่างทรงอื่นเขาจะอ้างหลวงพ่อ หลวงปู่ เจ้าพ่อ เจ้าแม่ หรือเทพในศาสนาฮินดู มาประทับทรง แต่ร่างนี้เค้าอ้างสิ่งที่ผมฟังแล้ว ไม่อยากจะเชื่อ และไม่เคยมีใครอ้างแบบเค้าเลย แต่ถือว่าเขามาทำการรักษาโดยไม่คิดค่ารักษารักษา ถือว่าเจตนาบริสุทธิ์ จะประทับทรงอะไรก็ตามแต่ให้เราหายจากความทุกข์ทรมานก็แล้วกัน ขณะที่เค้าประทับทรงเค้าจะพูดภาษาอะไรก็ไม่รู้ฟังดูคล้ายภาษาจีนสลับการหัวเราะ แล้วเค้าก็มานวดหัว ขยี้หัว สักพักหนึ่ง แค่นั้นเองจริง ๆ ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากสิ่งอื่นเลย พอเค้ากลับ ผมรู้สึกคลื่นไส้ อยากจะอ้วก เลยไปอ้วก หลังจากอ้วกก็รู้สึกดีขึ้น ความปวดหัว มีนหัวค่อยทุเลาลง อยากกินอาหารขึ้นมาทันที ร่างกายก็เริ่มเข้าสู่สภาวะปกติ นี่ถ้าหากไม่ได้เค้าผมคงนอนซมด้วยความมึนหัวอยู่อย่างนั้นแหละ งานการคงไม่ได้ทำ ขณะนอนยังนึกว่าเราจะไปทำงานได้อย่างไร ลุกขึ้นนั่งยังไม่ได้เลย ...... ต่อมาพอร่างกายผมหายดีแล้ว ร่างทรงหญิงคนนี้เค้าขอไปที่บ้านเพื่อไปหาสาเหตุของการไม่สบายของผมครั้งนี้ เค้าให้นำไปที่ตู้เสื้อผ้าที่ด้านบนผมวางพระบูชา และกุมารทอง รักยม และเครื่องรางของขลังประเภทอื่น พร้อมกับนำปากกาเมจิคสีแดงถือในมือ เค้าจะนำเครื่องรางของขลังทุกชนิดมาเจิมทุกชิ้น พร้อมกับกล่าวว่า กุมารทองของพระอาจารย์จวน ลักษณะเป็นรูปหล่อโลหะสีดำ ยืนเปลือยกาย ที่สะโพกคาดผ้าแพรสี เป็นสาเหตุที่ทำให้ผมเจ็บไข้ได้ป่วยในครั้งนี้ เนื่องจากผมเลี้ยงกุมารทองและรักยมจำนวนมาก ทำให้กุมารทองของหลวงพ่อจวนอิจฉา เลยทำให้ผมไม่สบาย ร่างทรงถามว่าจะเอากุมารทองไปปล่อยไม๊ เมื่อผมปฎิเสธไป เค้าก็ไม่ว่าอะไร แต่ก็ทำพิธีเจิมให้ นัยว่าสกัดกั้นไม่ให้ซุกซนมากนัก ซึ่งกุมารทองของพระอาจารย์จวนนี้ พิเศษกว่ากุมารทองของอาจารย์อื่นตรงที่มีการทำพิธีเรียกอาการ 32 ซึ่งผมมีเป็นครั้งแรก นอกจากนี้กุมารทองของพระอาจารย์จวนนี้ ต่อมาภายหลังมีร่างทรงอีกร่างหนึ่งมาดูพร้อมกับบอกว่า ตัวนี้เอาเรื่องนะ เป็นเรื่องที่น่าแปลกที่ร่างทรงสองคนกล่าวเหมือนกันหมด ทั้งที่ต่างคนและต่างเวลากัน ซึ่งจะได้กล่าวในบทต่อไปในบทบาทของร่างทรงที่สอง....มากล่าวถึงร่างทรงร่างที่หนึ่งต่อนะครับ เค้าก็ให้ผมนำต้นไม้มาวางข้างประตูห้องน้ำทั้งสองด้านของประตู ลวดซึ่งขึงหน้าบ้านใช้ตากผ้าให้ปลดออก เวลาตากผ้าค่อยขึง พอเลิกใช้ให้ปลดออก หน้ากากยักษ์อันใหญ่สวยงามมาก เค้าถามผมว่าจะเอาไปทิ้งได้ไม๊ ผมบอกว่าได้ ก็นำไปทิ้งไว้ในวัด หน้าหน้ากากยักษ์อันนี้สวยงามมาก ร่างทรงบอกว่ารูปปั้น ตลอดจนหน้ากาก และสิ่งสมมุติต่าง ๆ หากไม่จำเป็นไม่ควรนำเข้าบ้าน เคราะห์หามยามร้ายขึ้นมา มันจะส่งผลร้ายให้กับเรา เค้าก็เล่าให้ฟังว่ามีคนหนึ่งซื่อหน้ากากดูหน้ากากมาจากประเทศอินโดนีเซีย ตั้งแต่นำหน้ากากอันนี้มาอยู่ในบ้าน เหตุการณ์ในบ้านเลวร้ายเรื่อย ๆ มีแต่เรื่องร้าย ๆ จนเจ้าตัวต้องมาเชิญเค้าไปทำพิธี เหตุการณ์ถึงเข้าสู่ปกติ ดู ๆ เค้าจะใช้หลักการของฮวงจุ้ยมาประกอบ แต่ก็เอาล่ะถึงอย่างไรเค้าก็รักษาผมให้เข้าสู่สภาวะปกติได้ ก็ถือว่าเค้าแน่เหมือนกัน แต่โรคนี้มันเพียงบรรเทาแค่นั้น ยังไม่หายขาด วันดีคืนดีมันก็แสดงฤทธิ์ออกมาทีหนึ่งให้ตกใจเล่น คิดดูเถอะครับตั้งแต่ผมเริ่มมีอาการตั้งแต่ปี 2540 จนปัจจุบัน 2551 มันยังไม่หายเลย แต่เพียงอาการไม่หนัก แค่ทำให้ตกใจเล่นเท่านั้นเอง ท่านใดเป็นโรคเดียวกับผม ก็มาคุยกันได้ครับ จะได้ปรึกษาหาทางรักษาต่อไป ความไม่มีโรคเป็นลาภอันประเสริฐ ผมเข้าใจลึกซึ้งตอนนี้เอง ไว้คราวหน้าผมเกิดอาการของอีกโรคหนึ่ง ซึ่งจะนำไปสู่เหตุการณ์แปลก ๆ อีกแล้ว ไว้พฤหัส หรือศุกร์หน้า ค่อยมาฟังกันใหม่ครับ ขอความสุขสวัสดี จงมีแก่ทุกท่านเทอญ...
|