เมื่อวันที่ 29 เมษายน 2534 ผมได้เช่ากุมารทองของพระครูประภากรวิชัย มาจำนวน 2 ร่าง ซึ่งก่อนหน้านั้นผมเช่ามา 1 ร่างแล้ว พอได้รับของก็นำมาพูดคุยกับปลาซึ่งเป็นเพื่อนของน้องของผม เค้าสนใจสิ่งเหล่านี้เหมือนกัน โดยเค้าเป็นศิษย์ของร่างทรงเจ้าพ่ออะไรจำชื่อไม่ได้ณ.ตอนนี้ ลักษณะกุมารทองของวัดนี้ มีเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่เคยเห็นที่ไหนมาก่อน ไม่สวยงามมากนัก เหมือนกับทางวัดแกะเอง แต่ก็มีลักษณะดูออกว่าเป็นเด็กผู้ชายไว้ผมจุก เปลือยกาย แต่มีสิ่งที่พิเศษกว่าวัดอื่น ๆ คือมีผ้ายันต์สีแดงผืนเล็ก ๆ ขนาดใหญ่กว่าซองบุหรี่นิดหน่อย เขียนยันต์ด้วยปากกาเมจิค ซึ่งจากการที่วัดเขียนยันต์ด้วยปากกาเมจิคทำให้ปัจจุบันเลือนหายไปหมด เหลือแต่ผ้ายันต์แดง นัยว่าผ้ายันต์แดงเอาไว้คุมกุมารทองไม่ให้ซนมากนัก ให้อยู่ในร่องในรอยอยู่ในโอวาทของผู้เลี้ยง สำหรับผมเหมือนเคยครับเลี้ยงกุมารทองของวัดนี้แล้ว ก็ไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก ผมให้เวลาเค้าเหมือนกุมารทองอื่น ๆ ให้ทดลองงาน 1 เดือน หากไม่มีอะไร ก็นำไปเอาไว้ที่หิ้งรวม ก่อนจะนำไปไว้ที่หิ้งรวม ผมจะบอกกล่าวก่อน ว่าหากลูกไม่แสดงอะไรให้พ่อเห็นหรือสัมผัสได้ พ่อจะเอาไว้บนหิ้งรวมนะ ผิดกับนายปลาเค้าเลี้ยงแล้วมีประสบการณ์ ทั้งที่นำมาจากวัดเดียวกัน แหล่งเดียวกัน วิธีส่งทางไปรษณีย์เหมือนกัน ซึ่งเรื่องที่เกิดขึ้นกับนายปลา ผมจะเล่าณ.บัดนี้.......
วันที่หนึ่งและวันที่สองหลังจากนายปลาเลี้ยงกุมารโดยตั้งเครื่องเซ่น วันแรกนำกุมารทองออกจากผ้ายันต์มาพับไว้ กล่าวคือนำผ้ายันต์มาพับไว้ แล้วนำตัวกุมารทองซึ่งแกะด้วยไม้วางไว้บนผ้ายันต์ พอรุ่งขึ้นปรากฎว่ากุมารทองมายืนพิงกับกล่องซึ่งวางผ้ายันต์ไว้ข้างบน นายปลาชักเอะใจ ก็วางไว้เหมือนเดิมอีกไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง รุ่งขึ้นวันที่สองกุมารทองมายืนพิงกล่องเหมือนวันแรกอีก พอวันที่สามวันนี้ไม่ตั้งอาหารเซ่นเหมือนสองวันแรกแล้วแต่ใช้วิธีเรียกกินพร้อมนายปลา.........
หลังจากนั้นนายปลาเดินทางเข้ากรุงเทพฯ มาพักที่บ้านญาติ ที่บ้านหลังนี้มีผู้ชายอายุ 21 ปี เป็นร่างทรงของแป๊ะกง เมื่อร่างทรงคนนี้เห็นกุมารทองของนายปลาก็เกิดชอบและขอไปเลี้ยง นายปลาไม่ให้ แต่เพื่อให้ร่างทรงแป๊ะกงปลุกเสกเพิ่มเติม แป๊ะกงก็ตั้งชื่อให้กุมารทองทั้งสอง อ้อลืมไป ก่อนที่นายปลาจะเข้ากรุงเทพฯ เค้าได้ขอกุมารทองของน้องผมไปด้วย ตกลงนายปลามีกุมารทอง 2 ร่าง ซึ่งเป็นของเค้าเองและของน้องผม หลังจากปลุกเสกเพิ่มความขลังแล้ว ญาติของนายปลาก็ขอกุมารทองไปเลี้ยง นายปลาปฎิเสธไม่ได้เพราะความที่เป็นญาติกัน และเค้าก็มีบุญคุณให้ที่พักอาศัย เลยต้องให้ญาติไปเลี้ยงทั้ง 2 ร่าง ญาติของนายปลาที่ขอไปเลี้ยงเป็นผู้หญิง ตกกลางคืนสามีเค้าที่นอนเตียงเดียวกันถูกผลักตกจากเตียง สามีเค้ารู้ทันทีว่ากุมารทองเล่นเค้าซะแล้ว เลยใช้ดาบของร่างทรงแป๊ะกงมาขุ่กุมารทองว่าให้อยู่เฉย ๆ ไม่งั้นโดนดาบแป๊ะกงให้ประพฤติตัวให้เรียบร้อย หลังจากคืนนั้นก็ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น แต่เจ้าตัวผู้เลี้ยงกุมารทองทั้งสองซึ่งเป็นผู้หญิงนั้นรู้สึกเหมือนถูกปลุกตลอดคืน ผู้หญิงผู้เลี้ยงกุมารทองก็เอาดาบแป๊ะกงมาขู่กุมารทองอีก เหตุการณ์ก็เข้าสู่สภาวะปกติ แต่มีความพิเศษที่ดีคือใช้ให้กุมารทองปลุกเวลาใดก็ได้ โดยที่ไม่ต้องใช้บริการของนาฬิกาปลุก ........
หลังจากนั้นสามเดือน ญาติของบ้านหลังนี้ก็เดินทางมาจากอเมริกามาเยี่ยมบ้านและมานอนกับน้องสาวของผู้เลี้ยงกุมารทอง เค้าก็ถูกกุมารทองแกล้งล้อเล่นจั๊กจี้ ต้องใช้ดาบของแป๊ะกงมาขู่อีก เหตุการณ์ถึงสงบเหมือนเดิม หลังจากนั้นประมาณ 1 อาทิตย์ ร่างทรงแป๊ะกงทำพิธีเชิญแป๊ะกงมาเพื่อรักษาโรคผู้คน หญิงผู้เลี้ยงกุมารทองต้องการให้แป๊ะกงอัญเชิญวิญญาณกุมารทองให้ไปอยู่ในรูปปั้นกุมารทองสวย ๆ จากเดิมเป็นรูปแกะสลักไม้เล็ก ๆ ไม่สวยงาม แต่แป๊ะกงบอกว่าไม่สามารถอัญเชิญวิญญาณของกุมารทองเข้าไปอยู่ในรูปปั้นกุมารอื่นได้ เพราะกุมารทองเป็นผีไม่ใช่เทพ ก็เลยต้องให้กุมารทองอยู่ในรูปแกะสลักไม้ที่มาจากวัดอย่างเดิม ......
หลังจากนั้นสองเดือน ลูกชายของผู้หญิงที่เลี้ยงกุมารทองนี้เดิมเขาเป็นคนไม่เที่ยวกลางคืน กลายเป็นชอบออกเที่ยวกลางคืน ให้เป็นที่สงสัย เลยถามแป๊ะกง ได้รับคำตอบว่า กุมารทองทั้งสองโตขึ้นแล้วและต้องการจะแต่งงานเลยดลจิตดลใจให้ลูกชายออกเที่ยวกลางคืนเพื่อจะไปหาแฟนของกุมารทอง แต่เป็นที่น่าเสียดายผลเป็นอย่างไรไม่ทราบได้ เพราะนายปลาเพื่อนของน้องผมเค้าก็เดินทางกลับมา เลยไม่ทราบเรื่องราวต่อจากนี้ว่าเป็นอย่างไร ทำให้เรารู้สึกเสียความรู้สึกเหมือนดูหนังไม่จบค้างคาอยู่ในหัวใจ เรื่องก็จบลงเท่านี้สำหรับวันนี้ ไว้พฤหัสหรือศุกร์หน้ามาฟังกันใหม่
เมื่อวานผมก็ไปรับใช้พระที่ผมไปปฎิบัติธรรมตั้งแต่ปี 2547 จนกระทั่งปัจจุบัน ทุกวันเสาร์ ผมจะสวดมนต์ไหว้พระ และนั่งสมาธิทุกเสาร์ เลยทำให้ทราบเรื่องราวดี ๆ จากวัดดังกล่าวอีกเป็นจำนวนมาก เป็นเหตุการณ์ของพระธุดงค์ ท่านบวชตั้งแต่อายุ 22 ถึง ปัจจุบันท่านอายุ 80 ปี แล้ว เหตุการณ์ที่ท่านประสบขณะธุดงค์ เมื่อวานก็เล่าไป 2 เรื่อง วันต่อ ๆ ไป คงได้ฟังอีกหลายเรื่อง ไว้อดใจฟังกันก่อนครับ เพราะผมจะเล่าตาม พ.ศ. ตอนนี้ก็ถึงพ.ศ. 2534แล้ว ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านเทอญ.......