http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,993,947
Page Views33,431,311
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 

 


เรื่องเล่าจากโกสินทร์ ตอน 12

(อ่าน 744/ ตอบ 0)

โกสินทร์

     ผมขอเสริมเกี่ยวกับเมืองลับแลเพราะเพิ่งค้นพบบันทึกเล็ก ๆ อันหนึ่งที่ผมเล่าไว้ในตอน 6 ลงวันที่ 17 ต.ค. 2551  เมื่อ ปี พ.ศ. 2533 มีชายคนหนึ่งเขามาเล่าว่า เขาไปเดินป่าคนเดียว ที่ป่าห้วยรับน้ำเข้ เดินอยู่หลายวันมาก จนกระทั่งเสบียงที่เตรียมไปหมด และหลงป่าด้วย คิดว่ายังไงต้องตายในป่าลึกนี้แน่ ๆ ทันใดก็พบบ้านหลังหนึ่งตั้งอยู่กลางป่า ก็เข้าไปในบ้านหลังนั้น พบผู้หญิงอาศัยอยู่ในบ้านเพียงคนเดียว เขาก็ได้อาศัยอาหารกินประทังชีวิตจากผู้หญิงคนนั้น ก็สอบถามทางเพื่อจะออกจากป่า เมื่อได้รับคำตอบก็ออกเดินทางเพื่อจะออกจากป่าห้วยรับน้ำเข้ เขาก็หันกลับมาเพื่อจะดูบ้านหลังนี้เป็นครั้งสุดท้าย เพื่อต่อไปในภายภาคหน้าจะได้มาทดแทนบุญคุณผู้หญิงคนนั้น หากไม่ได้เธอเขาก็คงตายในปานี้แล้ว แต่กลับมองไม่เห็นบ้านหลังดังกล่าวเสียแล้ว มันก็น่าแปลก บ้านหายไปได้อย่างไร สองผู้หญิงตัวคนเดียวจะมาอาศัยอยู่กลางป่าลึกได้ยังไง ก็เป็นเรื่องที่น่าคิดนะครับ...... เรื่องที่สองอาไรเล่าให้ฟังว่า พี่สาวของอาไรไปรู้จักกับคณะปฎิบัติธรรมคณะหนึ่ง หัวหน้าคณะจะพาเหล่าลูกศิษย์เข้าไปชมถ้ำมหาสมบัติในถ้ำแห่งหนึ่ง แต่มีข้อแม้นว่าห้ามหยิบสมบัตินั้นออกมาโดยเด็ดขาด มิฉะนั้นทั้งคณะจะกลับออกมาสู่โลกภายนอกไม่ได้ ซึ่งบุคคลที่จะเข้าไปชมถ้ำมหาสมบัตินี้ ต้องผ่านการตรวจสอบนิสัยใจคออย่างลึกซึ้งและละเอียดมาก ๆ หากมีคนโลภเข้าไป จะทำให้ทั้งคณะออกมาจากถ้ำไม่ได้ เป็นที่น่าเสียดายผมติดต่อกับอาไรไม่ได้ ว่าถ้ำมหาสมบัติดังกล่าวอยู่ที่จังหวัดอะไร ก็เลยเป็นปริศนากันต่อไป ......เรื่องที่สามเกี่ยวกับเมืองลับแลที่เราทุกคนได้ฟังกันมาว่า มีหนุ่มคนหนึ่งเข้าไปในป่าเห็นผู้หญิงออกมาจากป่า โดยเอาใบไม้ไปซ่อนไว้ในที่แห่งหนึ่ง แล้วก็ออกมา พอจะเข้าไปในป่าก็เอาใบไม้ดังกล่าวแล้วก็หายไปต่อหน้าต่อตา ซึ่งหนุ่มคนนี้ก็เอาใบไม้มาใบไม้มาใบหนึ่ง ซึ่งทำให้หญิงสาวเข้าไปในเมืองลับแลไม่ได้ จนกระทั่งได้ต่อมาได้เป็นสามีภรรยากัน พอมีลูกหนุ่มก็โกหกว่าแม่มาแล้ว เพื่อให้ลูกหยุดร้อง ภรรยาหนุ่มคนนี้ก็เลยให้สามีออกจากเมืองลับแลเพราะผิดสัจจะ ก่อนออกให้ขมิ้นมาย่ามใหญ่ เมื่อเดินทางไกลหนุ่มก็หนักขมิ้นในย่าม เลยเอาออกมาทิ้ง พอถึงบ้านปรากฎว่ามีขมิ้นหลงอยู่อันหนึ่ง ปรากฎว่าเป็นทอง เลยกลับไปหาใหม่ตามระยะทางที่ตนทิ้งขมิ้น ปรากฎว่าหายไปหมดแล้ว ซึ่งเรื่องดังกล่าวมีที่มาจากเหมือนกับที่ภูลังกา จังหวัดหนองคาย  คนที่มีสัจจะห้ามโกหกเท่านั้น ถึงจะเข้าไปในเมืองนี้ได้ ผมยังมีอีกสองสามเรื่องเกี่ยวกับคนไทยประสบหลงเข้าไปในมิติอีกมิติหนึ่ง ซึ่งส่วนใหญ่เขาจะได้ยินแต่ฝรั่งเท่านั้น ไว้วันหลังมาเล่าสู่กันฟัง........


     เมื่อปี พ.ศ. 2546 ขณะผมนั่งทำงานอยู่ อยู่ ๆ มันก็เกิดอาการของโรคระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ แว้ปขึ้นมาอีกแล้ว เลยออกจากห้องทำงาน ไปนั่งสงบสติอารมณ์ ทนทุกข์ทรมานกับโรคนี้ ก็มีน้องผู้หญิงคนหนึ่ง เธอชื่อแหวน ได้มานั่งสอบถามเรื่องราวต่าง ๆ ก็สรุปว่า ในเมื่อหมอแผนปัจจุบันรักษาไม่หาย ลองไปให้ตาของเธอรักษาแบบไสยศาสตร์ดูบ้างไม๊ ไม่เสียหายอะไร ผมก็ตกลงเดินทางไปจังหวัดที่ตาของเธอทำการรักษาผู้คนอยู่ ขณะที่นั่งคุยสารทุกข์สุขดิบต่าง ๆ เกี่ยวกับโรคของผม ผมก็สอบถามตาของน้องแหวนว่า รักยมของผมขวดแตกไม่ทราบว่าวิญญาณจะยังอยู่หรือไม่ (เรื่องเล่าจากโกสินทร์ตอน 3 ลงวันที่ 5 ก.ย. 2551)  อยู่ น้องแหวนก็ทรุดตัวนั่งลงกับพื้น จากเดิมที่นั่งบนเก้าอี้ พร้อมกับร้องไห้สะอึกสะอื้น พร้อมกับร้องว่า กลัว กลัว ตลอดเวลา ฝ่ายตาของน้องแหวนซึ่งเดิมพูดภาษาท้องถิ่นกับผม เสียงแกก็เปลี่ยนไปทันที พูดภาษากลางกับน้องแหวน ซึ่งมาทราบภายหลังว่า รักยมเข้าร่างของน้องแหวนเพื่อจะสื่อสารให้ผมและตาของน้องแหวนได้รับทราบ ตาน้องแหวนก็กล่าวว่ากลัวอะไรหรือลูก ที่นี่ไม่มีอะไรน่ากลัว ทุกคนรักลูกทั้งนั้น   สักพักพอวิญญาณรักออกจากร่างน้องแหวน วิญญาณของยมก็มาเข้าร่างของน้องแหวนอีก ขณะที่พูดคุยกับตาของน้องแหวน น้องแหวนจะมานั่งชิดเท้าผม พร้อมกับเอามือมากอดขาผมไว้แน่น เหมือนหาที่พึ่ง ตาน้องแหวนก็กล่าวว่าคิดถึงพ่อหรือ เลยมานั่งกอดขาของผมไว้แน่น จากนั้นก็รักและยมก็โต้ตอบกับตา สรุปได้ว่า สิ่งที่ผมเคยปฎิบัติกับรักยม ผมได้ละเลยไม่ปฎิบัติ รักยมขอให้ผมตั้งหิ้งไว้ต่างหากจากรักยมและกุมารทองของวัดอื่น ๆ สิ่งใดที่เคยปฎิบัติก็ให้ปฎิบัติเหมือนเดิม มาถึงตรงนี้ผมนึกได้ว่า ตั้งแต่ผมเลี้ยงรักยมของพระอาจารย์บัวมา ทุกอังคาร พฤหัส เสาร์ หลังจากผมไหว้พระสวดมาต์แล้ว ผมจะนำรักยมมาพนมในมือและว่าคาถาปลุกเสก เวลากินอาหารก็เรียกรักยมมากินพร้อมกับผมด้วย หลังจากขวดแตก ผมเข้าใจว่าวิญญาณรักยมคงไม่อยู่แล้ว เหลือแต่ขวด ผมเลยนำไปวางที่หิ้งรวม ไม่ได้ทำอะไรเลย  และสาเหตุที่อยู่ ๆ ผมเกิดอาการหัวใจเต้นเร็วโดยไม่มีสาเหตุ และเหนื่อยหายใจไม่เต็มปอด เป็นเพราะรักยมเล่นกันเหนื่อย ทำให้ร่างผมพลอยเหนื่อยไปด้วย เพราะผมเลี้ยงเขามานาน เลยทำให้วิญญาณรักยมมาทำให้ร่างกายของผมเหนือย ทั้งที่ผมไม่ใช่ร่างทรงแต่อย่างใด แต่เนื่องจากเลี้ยงมานาน ทำให้สื่อสารถึงกันได้ อีกประการหนึ่งทุกครั้งที่ลมพัดแรง ใจผมนึกถึงว่าวทุกครั้ง อยู่ ๆ ก็อยากชักว่าว เดิมผมก็ชักว่าวไทย อย่าง จุฬา, ปักเป้า, ว่าวงู ยังงี้ ต่อมาพัฒนาเป็นว่าวสตั๊นไคร์ท (ว่าวใช้เชือกชัก 2 เส้น มีเสียงดัง) ผมก็เลยคิดว่าเอ สงสัยรักยมเค้าอยากเล่นว่าว เลยดลจิตดลใจผมให้ผมไปชักว่าว โดยใช้ร่างผมเล่นว่าว แต่ภาคหนึ่งวิญญาณรักยมมาเล่นว่าวด้วย อาจจะใช่หรือไม่ใช่ก็ได้ ผมเพียงแต่คิด เพราะกรณีนี้เป็นกรณีศึกษา เพราะต่อไปจะมีพระรูปหนึ่งจะเล่นว่าวกับเด็ก จนคนเรียกกันว่าพระบ้า ซึ่งไว้ผมจะเล่าเมื่อถึง พ.ศ. 2547 หลังจากผมไปปฎิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง มาฟังเรื่องตาของน้องแหวนกันต่อครับ เมื่อผมรับปากว่าจะทำตามที่รักยมต้องการ รักยมก็ออกจากร่างของน้องแหวนไป  ใจผมก็นึกสงสัยว่าทำไมนะ เวลาผมพูดกับรักยม ผมจะพูดเป็นภาษากลาง แต่รักยมในร่างน้องแหวนมาพูดกับผมเป็นภาษาท้องถิ่น ก็อดสงสัยไม่ได้อีก แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น น้องแหวนเขาก็มีเจตนาดี ไม่ได้คิดเงินคิดทองอต่ประการใด ช่วยเหลือเพื่อนมนุษย์ด้วยความเมตตาสงสาร อ้อเกือบลืมไป ตาของน้องแหวนเวลาเข้าประทับทรง เขาเรียกกันว่า \"ญาท่าน\" ซึ่งผมสอบถามน้องแหวนทราบแต่ว่าญาท่านเป็นเจ้านายใหญ่ในอดีตองค์หนึ่ง แต่หารายละเอียดเชิงลึกไม่ได้ทราบเพียงเท่านี้  น้องแหวนกล่าวว่าเมื่อคนถูกผีเข้า หรือโดนของ เมื่อมาถึงบ้านตาน้องแหวน  คนโดนของจะไม่กล้าเข้าบ้าน หากเป็นพวกผีเล็ก ๆ ก็จะรีบออกจากร่างไปเลย  วันนี้ขอยุติเพียงเท่านี้  พฤหัส หรือศุกร์หน้าจะถึงตอนที่ผมเป็นโรคอีกโรคหนึ่งถึงกับนอนโรงพยาบาล และเป็นสาเหตุให้ผมไปปฎิบัติธรรมที่วัดแห่งหนึ่ง ซึ่งได้รู้จักกับพระที่มีเรื่องราวของรักยมกุมารทองอีก  ขอความสุขสวัสดี จงมีแก่ทุกท่านครับ .......



 


Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view