ผมขอย้อนไปยัง พ.ศ. 2523 อาจจะก่อนหน้านั้นหรือหลังนั้นไม่เกิน 2 ปี เพื่อนของผมคนที่ไปรับกุมารทองของหลวงพ่อเต๋ พอนำกลับบ้าน ขณะนั่งในรถ กุมารทองมาปลุก (เรื่องเล่าจากโกสินทร์ ตอน 5 ลว. 2 ต.ค. 2551) เพื่อนคนนี้เค้าชวนไปรับการสะกดจิตจากผู้ชายคนหนึ่งซึ่งต่อไปผมขอเรียกว่านักสะกดจิตก็แล้วกัน นักสะกดจิตรายนี้จะเดินทางไปสะกดจิตทั้งนักเรียน ครู ข้าราชการ ต่าง ๆ เรียกว่าสะกดจิตหมู่เลยก็ว่าได้ เพราะสะกดกันทั้งโรงเรียน คนที่สะกดจิตได้สำเร็จก็จะรู้ว่าอดีตชาติของตนเกิดเป็นอะไร เช่นตำรวจรายหนึ่งเค้าระลึกชาติได้ว่าเค้าเคยเกิดเป็นทหารของพระนเรศวร มีผู้ชายคนหนึ่งระลึกได้ว่าอดีตชาติเค้าเป็นพระอยู่ที่วัดแห่งหนึ่ง วัดอยู่ตรงไหน เคยสร้างพระอะไรไว้ ร่างกายในอดีตชาติเป็นอย่างไร นักสะกดจิตคนนี้เค้าไปตรวจสอบยังวัดดังกล่าวก็ได้รับคำยืนยันว่าเป็นจริงทุกประการ ก็ยืนยันได้ว่าการสะกดจิตสัมฤทธิ์ผลทุกประการ
บุคคลต้องห้ามที่จะรับการสะกดจิตไม่ได้มีดังนี้ ไม่ศรัทธาแต่อยากลอง, สำคัญว่าตนเป็นคนเก่งใครสะกดไม่ได้,สักลิงลม หนุมานหรือสักอื่น ๆ, เรียนมหาทมึน แม่คงคาหรือคงกระพันชาตรี, เล่นผีถ้วยแก้วเป็นประจำ, เคยเป็นร่างทรงหรือจองไว้เป็นร่างทรงและเคยถูกผีเข้า, ที่บ้านเลี้ยงวิญญาณและมีครูต่าง ๆ เช่นครูนาฎศิลป์ , เป็นโรคหัวใจ โรคประสาท โรคชัก โรคทางสมอง เป็นลมบ่อย ๆ สุขภาพไม่ดี, มีอาวุธติดตัวและเครื่องรางของขลัง ที่ไม่ใช่ของพุทธศาสนา อย่างคนที่สักลิงลมหรือหนุมานพอสะกดจะออกอาการของขึ้นครับ อย่างพวกที่เลี้ยงวิญญาณหรือมีครู วิญญาณที่เลี้ยงไว้จะมาเข้าเช่นกัน เค้าเลยห้ามไว้ อย่างผมนี่เค้าถามก่อน ผมไม่ได้สักก็ผ่านไปข้อหนึ่ง อันที่จริงสมัยเรียนหนังสือสายชลเพื่อนที่ทำให้ผมมาเลี้ยงรักยมกุมารทองนั่นล่ะครับเค้าเคยชวนไปสักหมูทองแดงแถวตลิ่งชัน แต่เป็นสักน้ำมัน เพราะหากสักหมึกมันติดตัวตลอดชีวิต ใครเห็นก็มองเราในแง่ไม่ดี หรือพอมีเรื่องมีราวหรือต้องคดีพอตำรวจให้ถอดเสื้อ ไม่ผิดก็กลายเป็นผิดไปซะเลยเพราะลายสักมันฟ้อง สายชลบอกว่าอาจารย์สักคนนี้ ตำรวจมาขอร้องให้เลิกสักเพราะลูกศิษย์ที่แกสักให้ ไปก่อคดี แล้วตำรวจยิง ปรากฎว่าไม่เข้า หรือยิงไม่ออก สำหรับผมหากคนที่คุ้นเคยกันสักแล้วไปมีประสบการณ์ ผมก็จะไปสักด้วย หากได้ยินเสียงเล่าอ้าง ผมยังไม่ตกลงปลงใจก่อน
เอามาฟังเรื่องการสะกดจิตกันต่อนะครับ ผมและเพื่อนเข้าไปไหว้พระในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ โดยให้นั่งแบบนั่งทำสมาธิ หลับตา แล้วนักสะกดจิตก็จะพูดเสียงดังฟังชัด สั่งให้หลับตา กล้ามเนื้อหน้าผาก คอ หน้าอก ท้อง กล้ามเนื้อขา น่อง เท้า ไหล่ แขน มือ กล้ามเนื้อทั่วร่างกายผ่อนคลาย หนังตาหนักปิดแน่นสนิท ลืมไม่ขึ้น แล้วต่อไปให้บารมีของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มาคุ้มครองเรา ขั้นต่อไปเค้าก็พูดว่าแสงบารมีบังเกิดแล้ว ตาทิพย์บังเกิดแล้ว หากเห็นอะไรในตอนนี้ นับ 1 2 3 ให้เราตื่นขึ้นมาและเป็นปกติทุกอย่าง ผมขณะที่รับการสะกดจิต ความรู้สึกผมยังเต็มร้อยเลย พอเค้าพูดให้ผมผ่อนคลาย โดยให้นอนราบกับพื้น ตั้งแต่สะกดจนเลิกสะกดผมไม่รู้สึกอะไรเลย นักสะกดจิตให้ความเห็นว่าจิตใต้สำนึกของผมมันต่อต้านไม่ให้ถูกสะกด ทั้งที่ผมทำตามที่นักสะกดจิตกล่าวนำทุกอย่าง สำหรับเพื่อนผมเค้าไปเห็นญาติเค้าที่เสียชีวิตไปแล้ว ก็ตกลงว่าสะกดจิตผมไม่สำเร็จ
พูดถึงเรื่องนี้จะขอกล่าวเกี่ยวกับการใช้คาถา สมัยผมทำงานที่หน่วยงานแห่งหนึ่ง ผมมีโอกาสได้รู้จักชื่อ นามสกุลของผู้หญิงเพราะเค้าต้องมาติดต่อกับหน่วยงานของผม ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันเป็นพิเศษ เพียงแต่พูดคุยติดต่อกันแบบตามหน้าที่ เอาเป็นว่าผมพึงพอใจเค้า ผมก็เลยใช้คาถาเรียกจิต โดยทำจิตให้เป็นสมาธิ (ผมมีทุนเดิมนั่งสมาธิมาตั้งแต่บวชเป็นสามเณรภาคฤดูร้อนมาแล้ว และนั่งทุกคืน) สร้างมโนภาพให้เห็นหน้าผู้หญิงคนนี้ให้ชัดแจ้งในดวงจิต แล้วว่าคาถาเรียกจิตไปเรื่อย ๆ จนกระทั่งหลับไป พร้อมกับกอดหมอนข้างสร้างจิตของเราให้เสมือนเรากอดผู้หญิงคนนั้น รุ่งขึ้น เกิดปาฎหารย์ของคาถา หรือความบังเอิญไม่อาจทราบได้ ผู้หญิงคนนั้นเค้ามายืนหน้าสำนักงานผม โดยที่ไม่ได้มาติดต่ออะไรเลย มายืนเฉย ๆ เป็นชั่วโมง แล้วก็กลับไป ผมนี่ขนลุกซู่เลย ไม่อยากจะเชื่อ นี่อำนาจจิตของเราใช้ได้ถึงขนาดนี้เหรอ หรือเป็นความบังเอิญ ตั้งแต่นั้นมาผมไม่กล้าใช้คาถาเรียกจิตกับใครอีกเลย กลัวครับ บอกตรง ๆ.... ยังมีอีกคาถาหนึ่งเป็นคาถาหนุมานคลุกฝุ่น ใช้เสกข้าวก่อนกินทุกมื้อ พอผมเสกขนจะลุกซู่ขึ้นมาทุกครั้งที่จิตเราเป็นสมาธิ หากจิตไม่เป็นสมาธิก็จะเฉย ๆ อ้อขอเพิ่มเรื่องการสักหลังจากสายชลไปสักหมูทองแดงมาแล้ว โดยสักน้ำมัน เค้าบอกว่าพออากาศหนาวเค้าจะรู้สึกหนาวมากกว่าคนปกติ ก็เป็นเรื่องน่าแปลกอีกเรื่องหนึ่ง ....ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านเทอญ สัปดาห์หน้าค่อยพบกันใหม่ครับ