http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,943,586
Page Views33,380,495
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    

 


มือใหม่ขอคำแนะนำ มีเรื่องแปลกมาฝากคุณแจ๊คและคุณจิลล์รวมทั้งทุกๆท่านด้วย

(อ่าน 338/ ตอบ 0)

โอม

ขอคำแนะนำเกี่ยวกับการเช่ากุมารทองหลวงปู่แย้ม


-ต้องไปบูชาเองที่วัดเลยหรือบูชาที่ไหนได้อีกบ้าง (กลัวจะเป็นของปลอม)


-ถ้าจะขอบูชาต่อจากคุณJack&Jill จะได้หรือเปล่าเพราะจากที่ผมไปซื้อหนังสือ \"กุมารทอง\" ที่คุณทั้ง2ได้รวบรวมข้อมูลมาจัดพิมพ์ผมทราบว่าคุณมีกุมารทองเยอะมาก


***เคยมีประสบกาณ์โดยตรงเกี่ยวกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์ไม่แน่ใจว่าจะเรียกว่ากุมารทองได้หรือเปล่าจะเล่าให้ฟัง***


ต้องบอกก่อนเลยว่าไม่ได้งมงายหรือเป็นการชักจูงให้คนอื่นเชื่อตามผมนะครับ


ขอย้อนไปตั้งแต่ตอนเด็กสักประมาณ4-5ขวบประมาณช่วงอนุบาล คือตอนนั้นที่จำความได้ ผมจะเป็นเด็กที่ซนและดื้อมากและคิดอะไรหรือเห็นอะไรก็จะพูดออกมาตรงๆตามประสาเด็กคือมักจะรู้หรือทราบเหตุการณ์อะไรล่วงหน้าและเรื่องที่ไม่น่าจะทราบและไม่น่าจะพูดออกมามันก็เกิดขึ้น คือเรื่องนี้จำได้ขึ้นใจเพราะเป็นเหตูการณ์ที่เกิดขึ้นตอนที่ไปเยี่ยมปู่กับย่าที่บ้านอาซึ่งตอนนั้นอายุน่าจะซักประมาณก่อนเข้าอนุบาล คือผมเดินทางไปกับพ่อและแม่พอไปถึงบ้านอาทุกคนก็เข้ามาต้อนรับมีทั้งปู่กกับย่าและครอบครัวของอาและมีลูกของอาด้วยคืออาผมมีลูกทั้งหมด 3 คน คนแรกเป็นผู้หญิงทำงานที่กรุงเทพ คนที่สองเป็นผู้ชายตอนนั้นกำลังเรียนอยู่ไม่ได้อยู่ที่บ้าน และคนที่สามเป็นผู้หญิงอายุมากกว่าผมหลายปีซึ่งขณะนั้นพี่เค้ากำลังเรียนพยาบาลอยู่และพอดีว่าวันที่ผมไปถึงพี่เค้าก็กลับมาเยี่ยมบ้านพอดี(พี่คนที่3) และก็มีเพื่อนบ้านใกล้เคียงและญาติคนอื่นๆมาคอยต้อนรับ ตอนนั้นผมจำได้ว่ามีคนมาอุ้มผมเข้าบ้านของอาแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นพี่หรือญาติคนไหนพอเข้าบ้านเสร็จก็ตามประสาเด็กซนก็วิ่งไปวิ่งมาในบ้านอาดูโน่นดูนี่ไปเรื่อยตามประสาเด็ก และก็ไปสะดุดตาที่รูปพี่ชายคนที่2 ซึ่งคนนั้นเราไม่เคยเจอกันเลยเพราะพี่เค้าเรียนและเช่าบ้านอยู่ที่อื่น ซึ่งอยู่ดีดีผมก็พูดออกมาว่า \"เดี๋ยวก็ตาย\"  ทุกคนในบ้านตกใจและมีสีหน้าที่ไม่ค่อยสู้ดีนักกับพูดของผมและในขณะนั้นแม่ผมก็เข้ามาหาผมแล้วอุ้มผมไปนั่งแล้วก็เปลี่ยนเรื่องคุยกันกับคนอื่นๆ เวลาผ่านไปสักครู่ใหญ่แม่ก็อุ้มผมไปนอนตอนนั้นน่าจะประมาณทุ่มสองทุ่มได้ แล้วแม่ก็ถามผมว่าทำไมพูดจาไม่ดีอย่างนั้นไปว่าพี่เค้าทำไมผมก็เลยถามแม่ว่าพี่คนไหนแม่ก็บอกว่าก็พี่ชายในรูป ผมก็เพิ่งทราบในตอนนั้นเองว่าคนในรูปเป็นพี่ชายลูกของอาซึ่งผมก็บอกแม่ไปว่าไม่รู้เหมือนกันอยู่ดีมันก็พูดออกมาเองแล้วแม่ก็บอกผมว่าต่อไปห้ามพูดอีก แต่ผมก็ยังยืนยันกับแม่ว่าตายแน่นอนแล้วแม่ก็มองหน้าผมแบบดุๆผมก็เลยไม่พูดอีก และเวลาก็ผ่านไปหลายปีแล้วเหตูกาณ์ที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้นกับพี่ผมคือพี่ผมเรียนจบไฟฟ้ามาก็เลยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ไฟฟ้าวันนั้นพี่ผมออกไปทำงานแล้วต้องปืนขึ้นไปบนเสาไฟเพื่อตรวจงานของลูกน้องและตอนนั้นก็มีการตัดไฟเรียบร้อยแล้วแต่ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นอยู่ดีๆก็เกิดไฟฟ้าช๊อตจนทำให้พี่ของผมกระเด็นตกลงมาในสภาพที่ไหม้เกรียมและก็ได้ทำการรักษาตัวอยู่ประมาณเดือนนึงแต่ก็ไม่สามารถยื้อชีวิตได้ ทุกคนเสียใจมากรวมทั้งตัวผมเองแล้วสิ่งแรกที่วิ่งเข้ามาในสมองคือคำพูดที่ว่า \"เดี๋ยวก็ตาย\" แล้วผมก็ไปหาแม่ผมแล้วบอกกับแม่ว่าแม่ยังจำคำพูดที่เคยพูดที่บ้านของอาได้มั้ย แม่นิ่งไปพักนึงแล้วก็เข้ามากอดผม  และยังมีเหตุการณ์อื่นอีกมากมายที่ตัวผมจะทราบและจะรู้เห็นอะไรล่วงหน้าได้ตลอด แต่พอเวลาผ่านไปผมเริ่มโตขึ้นเหตุการณ์แปลกๆก็เริ่มรับรู้น้อยลงอาจเป็นเพราะตอนเด็กเรายังไม่เคยทำบาปพอโตขึ้นการกระทำของเราก็เปลี่ยนไปคือตอนช่วงมัธยมผมค่อนข้างจะเกเรมากและประพฤติตัวไม่ค่อยดี สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เคยคุ้มครองอาจจะเสื่อม\"ผมคิดของผมเองนะ\" ผมขอข้ามไปช่วงที่เรียนปริญญาตรีเลยคือผมก็ยังคงเส้นคงวากับการทำตัวที่แย่และทำบาปกับแม่ผมมากทั้งโกหกทะเลาะกับแม่ทำตัวเสเพลแต่ก็มีบางสิ่งบางย่างที่คอยเตือนผมอยู่ทั้งที่ผมรู้ว่ามันคืออะไรแต่ก็ไม่ทำตาม ช่วงนั้นชีวิตแย่มากทำอะไรก็ติดๆขัดๆเพราะไม่เคยคิดที่เข้าวัดทำบูญหรือแม้แต่สวดมนต์ก่อนนอนซึ่งตอนวัยเด็กผมสวดมนต์ทุกคืนแต่ก็ไม่รู้ว่าทำไมจึงเปลี่ยนไปได้ขนาดนี้อาจจะเป็นเพราะเพื่อนหรือสังคมที่เราเจอเราอาจจะคิดว่าทำดีแล้วไม่เท่ห์ไม่เป็นที่ยอมรับของกลุ่มเพื่อน ซึ่งการทำตัวของผมช่วงนั้นทำให้แม่เครียดและต้องเสียใจกับผมหลายครั้ง มีอยู่วันหนึ่งแม่ได้ไปดูดวงแล้วสิ่งที่หมอเค้าบอกก็คือ(ช่วงนั้นประมาณปี2548) แม่จะต้องเสียคนอันเป็นที่รักที่อยู่ในครอบครัวไป 1 คนประมาณช่วงเดือน พ.ย - ธ.ค แน่นอนไม่มีทางแก้ไขได้ ซึ่งตอนนั้นครอบครัวของแม่จะมีผมและยาย(พ่อและตาเสียแล้ว) แล้วแม่ก็ถามหมอดูว่าจะเป็นใครแล้วคำตอบที่แม่ได้รับคือตัวผมเพราะพ่อผมจะมารับไปอยู่ด้วยแม่ตกใจมากและถามวิธีแก้ไขหมอก็บอกว่าก็มีทางอยู่เหมือนกันแต่ยังไงแม่ต้องเสียคนรักไปอยู่ดีซึ่งตอนนั้นทุกคนก็คิดว่าเป็นผม หมอดูบอกว่าวิธีแรกผมต้องไปบาชให้พ่อแต่หมอก็ยังบอกแม่ว่าผมบวชไม่ได้แน่นอนเพราะมีอย่างอื่นมาขัดซึ่งก็จริงตามที่หมอดูบอกทุกอย่างคือผมเพิ่งเริ่มทำงานได้ประมาณ4-5วันเอง แต่หมอดูก็บอกว่ามีทางที่2 คือต้องทำพิธีเสริมดวงต่อดวงบัดเป่าสิ่งชั่วร้ายให้ผมโดยต้องทำพิธี7วัน7คืน คือแม่ผมและหมอทำพิธีต้องนุ่งขาวห่มขาวแล้วต้องสวดมนต์ท่องคาถาตามที่หมอทำพิธีที่จัดให้ คือทำช่วงกลางคืน7วัน แต่ต้องตั้งใจและต้องศัทธาในการประกอบพิธีกรรมด้วยใจจริงไม่เช่นนั้นจะไม่ได้ผล100% แม่ผมก็ตัดสินใจทันทีโดยนั่งรถทัวร์มากับน้าและหมอดูที่จะทำพิธีเพื่อจะมาหาผมที่กรุงเทพ ตอนนนั้นผมยังคิดเลยว่าไร้สาระแต่ก็ไม่อยากจะขัดใจแม่ พอมาถึงคืนแรกก็เริ่มทำพิธีเลยวันนั้นผมเพิ่งกลับมาจากทำงานมีอาการเหนื่อยและเพลียมากแม่ก็ให้ไปอาบบน้ำแล้วเปลี่ยนชุดให้นุ่งขาวห่มขาวซึ่งแม่ก็เตรียมมาให้แล้ว เมื่อถึงเวลาเข้าพิธีซึ่งขั้นตอนเยอะมากมีทั้งสวดมนต์ท่องคาถาและอะไรต่างๆที่ผมก็เรียกไม่ถูกอีกมากมายและใช้เวลานานมากต่อการทำพิธีซึ่งขณะทำพิธีผมรู้สึกขนลุกยังงัยก็ไม่รู้แต่ก็ยังไม่ปักใจเชื่อยังแสดงอาการไม่เคารพต่อพิธีดังกล่าวซึ่งถ้าผมรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นหลังจากนี้ผมคงตั้งใจทำให้ดีที่สุดแต่มันก็สายไปเสียแล้ว บางวันช่วงที่ผมทำพิธีผมก็ไม่ต้องใจจนหมอที่ทำพิธีต้องดุผมเป็นระยะ แล้วเวลาที่ผมรอคอยก็มาถึงคือวันสิ้นสุดการทำพิธีวันที่ 7 ผมดีใจมากเพราะว่าไม่ต้องมาทนเมื่อยทนนั่งสวดอะไรก็ไม่รู้เป็นชั่วโมงๆ และช่วง1-2อาทิตย์แรกแม่ก็ยังอยู่เป็นเพื่อนผมช่วงนั้นน่าจะเป็นเดือน ก.ค - ส.ค 2548  แล้วเวลาก็ผ่านไปจนถึงเดือนตุลาคม แล้วเหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น มีคำโบราณที่สอนไว้ว่า \"ไม่เชื่อแต่อย่าลบหลู่\" ตอนนั้นผมจำได้ขึ้นใจและจะจำคำนี้ไปจนวันตายและเป็นสิ่งที่เสียใจมากอย่างบอกไม่ถูกความรู้สึกเหมือนเอามีดมาแทงที่หัวใจแล้วกรีดซ้ำๆๆๆๆๆๆๆๆๆรร้องไห้จนไม่มีน้ำตาที่จะไหลออกมามันเจ็บจนบอกไม่ถูกจริงๆข่าวที่ผมได้รับจากทางบ้านคือยายไม่สบายให้กลับมาเยี่ยมตอนแรกก็ถามแม่ว่ายายเป็นอะไรแม่ก็บอกผมว่ายายไม่สบายเป็นหวัดเพราะโดนละอองฝนที่กระเด็นเข้ามาในบ้านแล้วแม่ก็บอกต่ออีกว่าอาการยายไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ผมก็คิดไปว่าคงไม่มีอะไรมากมายคงเป็นโรคคนแก่ร่างกายไม่แข็งแรง ผมพึ่งมาทราบทีหลังว่ายายเข้าโรงพยาบาลหลายวันแล้วแต่ไม่มีใครโทรมาบอกผมเพราะกลัวผมเป็นห่วง คือตอนที่โทรมาอาการเริ่มไม่ดีแล้ว พอผมกลับไปถึงบ้านและเดินทางไปเยี่ยมยายที่โรงพยาบาลกับแม่สิ่งที่ผมเห็นทำให้น้ำตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว คือยายนอนอยู่บนเตียงและมีสายอะไรก็ไม่รู้ระโยงระยางเต็มไปหมดตรงปากก็มีอะไรก็ไม่รู้สอดเข้าไปผมรีบเช็ดน้ำตาแล้วเดินไปกอดยายคือผมกับยายสนิทกันมากเพราะยายเลี้ยงผมมาตั้งแต่เด็กรักผมมากกว่าหลานคนอื่นเปรียบเหมือนหัวแก้วหัวแหวนเลยก็ว่าได้ สภาพยายตอนนั้นผมไม่คิดเลยว่าจะเป็นอาการของคนป่วยจากไข้หวัดและก็รู้เลยว่ายายคงจะอยู่อีกไม่นานเพราะตอนนั้นยายพูดไม่ได้เพราะหมอต่อท่ออ๊อกซิเจนเข้าทางปาก ใบหน้าตอนที่ยายเจอหน้าผมยายดูดีใจมากเหมือนกับรอผมมานานเพราะเมื่อก่อนผมกับยายอยู่ด้วยกันมาตลอดจะมาแยกกันตอนที่ผมไปเรียนที่กรุงเทพคือทุกครั้งที่กลับบ้านตอนปิดเทอมยายจะดีใจมากจะสดชื่นสดใสเป็นพิเศษจะทำของกินที่ผมชอบเยอะมาก จะขออะไรยายก็จะให้ตามใจผมมาตลอด แต่พอถึงวันที่ผมต้องกลับไปเรียนต่อยายก็จะมายืนส่งผมที่หน้าบ้านผมแอบเห็นน้ำตาของยายไหลเป็นประจำวันนั้นยายจะเศร้ามากแม่เคยบอกว่ายายจะกินข้าวไม่ได้ไปหลายวันเลยเพราะคิดถึงผม ซึ่งก็เหมือนกับวันที่ผมไปเยี่ยมที่โรงพยาบาลยายดูจะดีใจมากผมบอกอะไรก็ทำหมดทั้งที่ก่อนหน้ายายจะดื้อกับแม่กับทุกคนที่ไปดูแล ผมบอกกับยายว่ายายรีบหายไวๆนะจะได้ไปทำกับข้าวให้ผมกินอีก ทั้งที่ในใจผมก็รู้อยู่เต็มอกว่าคงไม่มีวันนั้นอีกแล้ว ยายทำตามที่ผมบอกทุกอย่างไม่ว่าจะฝืนเจ็บแค่ไหนยายก็ทำทั้งที่ก่อนหน้ายายไม่ทำเลยเช่นการยกมือยกขาเพื่อออกกำลัง ยายยิ้มกับผมและพยายามคุยแต่ออกเสียงไม่ได้เพราะมีสายอยู่ในปากทุกคนรู้สึกว่ายายจะดีขึ้นมาก ผมอยู่กับยายตลอดคอยเช็ดตัวดูดเสมหะให้เปลี่ยนถุงฉี่เปลี่ยนผ้าอ้อมทำทุกอย่างที่ทำได้เพื่อเป็นการตอบแทนบุญคุณครั้งสุดท้าย ทุกๆคนทึ่งกับการกระทำของผมเพราะไม่คิดว่าผมจะทำได้ ยายก็ดีขึ้นตามลำดับแต่ก็ได้แค่ประคองอาการไม่ให้ทรุดไปกว่าเดิม ผมรู้ว่าในใจยายอยากกลับบ้านอยากกลับไปทำกับข้าวให้ผม เพราะยายรู้ว่าแม่ผมทำกับข้าวอร่อยสู้ยายไม่ได้ยายแกกลัวว่าผมจะอดแอบขำนิดนึง... และมาถึงวันที่ผมต้องกลับไปทำงานที่กรุงเทพอีกแล้วใจผมไม่อยากให้ถึงวันนั้นเลยเพราะผมรู้ว่ายายต้องเศร้าแน่และอาการคงจะทรุดลงไปอีก ผมจึงจำเป็นที่ต้องแอบกลับโดยไม่บอกแต่แม่เล่าให้ผมฟังว่าหลังจากที่ผมกลับไปยายก็เริ่มมีอาการแย่ลงเหมือนคนขาดกำลังใจ ผมโทรถามอาการยายตลอดวันละหลายๆครั้ง แล้วก็ไปแอบร้องไห้ทุกคืนคือปรกติผมเป็นคนใจแข็งมากไม่เคยมีใครเห็นน้ำตาผมเลยขนาดตอนพ่อและยายเสียผมก็ไม่ร้องเก็บกดอาการเสียใจไม่ให้ทุกคนเห็น และเวลาก็ผ่านไปจนถึงปลายเดือน พ.ย วันนั้นผมทำงานและงานก็ยุ่งมากจึงไม่ได้รับโทรศัพท์แม่แม่โทรหาผมประมาณช่วงสายๆ พอช่วงบ่ายผมจึงรีบโทรกลับแล้วสิ่งที่ผมไม่อยากจะให้มันเกิดขึ้นมันก็มาถึง แม่บอกผมว่ายายเสียแล้วความรู้สึกผมตอนนั้นเหมือนกับมีอะไรหนักๆมาทุบตรงที่หัวมันมึนมันเจ็บมันบอกอาการไม่ถูกร้องไห้ออกมาแบบไม่อายใคร ผมเสียใจมากและยังรู้สึกผิดจนถึงทุกวันนนี้กับคำพูดที่หมอดดูคนนั้นบอกว่าถ้าผมไม่ตั้งใจทำพิธีมันจะไม่เกิดผล100% ใครจะไปคิดว่าคนเป็นหวัดจะทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เหมือนยายของผมและคำทำนายของหมอดูคนนี้ก็แม่นแบบเหลือเชื่อ ยายเสียปลายเดือน พ.ย และเผา ต้นเดือน ธ.ค คามคำทำนาย ตัวผมเพียงได้คิดและจะไม่ลืมไปจนตายว่ายายมารับกรรมแทนผมผมมันบาปจริงๆ  หลังจากทำพิธีฌาปนกิจเรียบร้อยแล้ว ผมก็กลับมาทำงานต่อที่กรุงเทพแต่ไม่ใช่ผมคนเดิมผมเปลี่ยนตัวเองไปเหมือนกับหน้ามือเป็นหลังมือแม้ว่ามันจะสายเกินไปที่จะทำแต่ก็ยังดีกว่าที่จะไม่คิดจะทำอะไรเลย  ที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่ดีที่สุดที่ผมคิดได้คือวัดและพระ ผมทำบุญใส่บาตรให้ทานทำทุกอย่างที่จะทำให้กับยายได้ แล้วก็เริ่มทำมาโดยตลอดทั้งทำบุญถวายสังฆทานผมใส่ใจกับของทุกอย่างที่ทำบุญว่าต้องเป็นของที่ดีที่สุดและทำด้วยความตั้งใจและใส่ใจเต็มที่ เช่นบางคนเพียงคิดว่าไปที่วัดแล้วค่อยไปจัดหาหรือซื้อที่วัดแล้วถวายเลยทำเอาสะดวกเข้าว่า คุณเคยคิดมั้ยว่าสิ่งที่คุณได้ทำไม่ได้เป็นการทำบาปเช่นของที่คุณทำหมดอายุหรือเปล่าเสียหรือเปล่าหรือเวลาใส่บาตรก็หาของง่ายใกล้ตัวเช่นแกงถุงที่ขายอยู่ละแวกนั้นนำมาใส่ถามว่าที่คุณใส่ไปคุณยังไม่กล้าที่จะซื้อมากินเองเลยแล้วสิ่งที่คุณทำมันจะเรียกว่าอะไรดี ถ้าถามว่าผมทำบุญอย่างไรขอตอบกับทุกคนว่าการทำบุญทำแล้วตัวเองไม่เดือดร้อนคนที่รับไม่เดือดร้อนก็พอแล้ว ผมทำงานอาทิตย์ละ6วัน วันหยุดผมจะตื่นเช้าแล้วไปซื้อของที่ตลาดเช่นอาหารคาวหวานต้องสดและเพิ่งปรุงใหม่และต้องสะอาดผลไม้น้ำนมขนมสังฆทานก็เลือกร้านที่ไว้ใจได้คือผมทำบ่อยจนคนในตลาดจำได้หมดแล้วพอเห็นผมแม่ค้าทุกคนก็จะเลือกของดีๆให้เพราะเค้ารู้ว่าผมเอาไปทำบุญ ขอบอกชื่อตลาดเลยละกันเผื่อใครไปจะได้เจอกัน ตลาดแฮปปี้แลนด์ตรงข้ามเดอะมอล์บางกะปิ เสร็จแล้วก็ไปวัดถวายของทุกอย่างรับพรแล้วก็กลับมากรวดน้ำอุทิศส่วนกุศลและนั่งสมาธิ กลางคืนก็สวดมนต์นั่งสมาธิตอนนี้ผมสวดบทยอดพระกัณฑ์และก็ได้จัดพิมพ์ขนาดพกพาเพื่อแจกเป็นธรรมทานเพราะการให้ธรรมเป็นทาน ชนะการให้ทั้งปวง และการทำบุญที่เอาแต่ความสะดวกเช่นทำร่วมกับคนอื่นๆหรือฝากไปทำบุญบุญที่ได้อาจจะไม่เต็มที่ ผมก็ไม่ได้เก่งที่จะไปแนะนำใครให้ทำตามผมเพราะผมก็เพิ่งเริ่มเหมือนกันแต่ผลที่ได้รับคุณจะรับรู้ด้วยตัวเอง คือผมก็เคยลองผิดลองถูกมาหลายครั้งในการทำบุญแต่จะมีคนคอยแนะนำวิธีที่ถูกต้องและเหมาะสมให้อยู่เสมอ มีคนเคยบอกว่าการทำบุญถ้าหากคุณได้ลงมือทำด้วยตัวเองเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงและชวนผู้อื่นให้มาร่วมบุญกับเราไม่ว่าจะเป็นการทำบุญอะไรก็ตามเราจะได้อานิสงค์ผลบุญนั้นเต็มที่  \"ความดีทำยากลำบากแต่สบาย  ความชั่วทำง่ายสบายแต่ลำบาก\"


     ต้องบอกก่อนนะครับว่าการทำบุญคือการสั่งสมบุญอาจจะมองไม่เห็นในชาตินี้แต่ให้หมั่นทำไว้สักวันจะเห็นผลเอง  ส่วนเรื่องที่ผมเจอกับตัวเองอาจจะเป็นผลบุญในชาติก่อนหรือชาตินี้หรือไม่ก็ยากที่จะตอบแต่ทุกคนต้องคิดว่าอย่าพึ่งแต่บุญอย่างเดียวทุกอย่างต้องลงมือทำและทำด้วยความตั้งใจแล้วทุกอย่างจะเกิดผล แม้แต่บุญถ้ามัวแต่ใช้อย่างเดียวไม่รู้จักสร้างสมไว้มันก็หมดได้เหมือนกันเป็นคำพูดจากผู้รู้ท่านหนึ่งที่สอนผม 


     ส่วนสิ่งที่ผมจะเล่าให้ฟังกับการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นกับผมจากการเปลี่ยนตัวเองจากเด็กเสเพลกลายมาเป็นผู้เป็นคนได้และผมทำได้อย่างไร


     \"ไม่เห็นโลงศพ ไม่หลั่งน้ำตา\" คำนี้ยังเป็นคำเตือนที่ดีมากสำหรับตัวผม ผมอยากจะบอกว่าหลั่งน้ำตาตอนเห็นโลงยังจะดีกว่าลงไปนอนในโลงแล้วเพราะนั่นคือทุกอย่างมันจบและสายเกินไปที่จะแก้ไข ผมเคยเสียใจกับเรื่องยายเพราะนั่นผมคิดว่าบางส่วนผมก็มีส่วนทำให้มันเกิดขึ้น นี่คือแรงจูงใจที่ทำให้ผมเปลี่ยน ผมไม่อยากให้คนอื่นเจอแบบผมก่อนแล้วค่อยเปลี่ยนถ้าคิดจะเปลี่ยนให้เริ่มทำเลยจะดีกว่า


   ความเปลี่ยนแปลงที่ได้รับตามกฏธรรมชาติ


-ใจเย็นมีสติมีสมาธิมากขึ้นส่งผลให้เรื่องงานการทำอะไรก็จะประสบความสำเร็จ


-ร่างกายแข็งแรงสดใสเพราะเลิกเที่ยวเลิกดื่มเหล้า


-มีเสน่ห์กับคนที่พบเห็นเพราะเราพูดดีทำดีวางตัวดีแค่นี้ก็เท่ห์ได้แล้ว


-ดูเป็นผู้นำและน่าเชื่อถือเพราะการวางตัวที่ดีและมีสติตลอดเวลา


และอีกมากมายหากทำเองแล้วจะรู้ด้วยตัวเอง


         ความเปลี่ยนแปลงที่เหนือกฏธรรมชาติ


เป็นความเชื่อส่วนบุคคลอย่างมงายคือสิ่งที่ผมเจอผมก็บอกไม่ถูกว่าคืออะไรและเรียกว่าอะไรจะบอกว่าผมไม่ได้เป็นเซียนหวยหรือบ้าหวยนะเพราะถ้าไม่เจอกับตัวผมไม่เชื่อเด็ดขาดแต่ไม่ได้งมงายนะ คือตั้งแต่เปลี่ยนแปลงตัวเองมาระยะหนึ่งผมรู้ว่าอะไรก็ดีขึ้นทั้งการงานการเงิน เมื่อไหร่มีปัญหาก็มักจะมีอะไรก็ไม่รู้มาดลใจให้เลือกทางที่ถูกอยู่ตลอด มีอยู่ช่วงหนึ่งผมออกจากงานมีอยูคืนนึงผมฝันว่ามีเด็กผู้ชายน่าตาน่ารักตัวเล็กมาหาผมแล้วเรียกผมว่าพี่พี่หนูขอแขนพี่หน่อยผมก็ยื่นแขนข้างหนึ่งออกไปให้แล้วเด็กคนนั้นก็เอาอะไรไม่รู้มากรีดที่แขนแล้วก็ยื่นให้ผมแล้วบอกว่าหนูให้ สิ่งที่ผมมองดูที่แขนเป็นตัวเลขสีแดง3ตัวเรียงกัน พอผมตื่นผมก็เล่าให้แม่ฟังแม่ก็บอกว่าให้ลองไปซื้อหวยดูแล้วก็ถูกจริงๆไม่ขอบอกจำนวนนะแต่เยอะมากกกกกกกกกกกก.แล้วผมก็ทำบุญไปให้แต่ตอนนั้นผมก็ไม่รู้ว่าในฝันเด็กคนนั้นเป็นใคร และหลังจากนั้นก็มีมาตลอดมีแบบพิศดารบอกคำเดียวว่าเหลือเชื่อและขนลุกมากกกกก....แต่ไม่กล้าเขียนลงเดี๋ยวจะหาว่าบ้าเหมือนที่บอกว่าไม่เจอกับตัวแล้วจะไม่รู้ แต่ผมก็ยังทำบุญสวดมนต์อยู่เป็นประจำงานการก็ยังทำอยู่นะ แต่อาจจะทำบุญได้มากขึ้นจากเดิมเพราะการทำบุญแต่ละครั้งผมจะอธิษฐานว่าขอให้มีเงินทำบุญตลอดอย่าได้ขาด แล้วก็จากการประสบพบเจอกับตัวเองผมมีความรู้สึกว่ามีอะไรอยู่ในห้องก็ไม่รู้บอกไม่ถูกเพื่อนผมที่อยู่ด้วยกันก็เจอ บางครั้งโทรทัศน์ก็ปิดเอง บางครั้งก็เหมือนมีอะไรในตู้มันดังก๊อกๆแก๊กๆตลอด แต่ตอนนั้นมีคนบอกว่าน่าจะเป็นสิ่งศักดิ์สิทธ์ที่อยู่ในห้องแต่ไม่รู้เรียกว่าอะไร บางครั้งก็มาปลุกให้ไปทำงานแต่ที่เห็นเป็นประจำคือจะเป็นอะไรสีขาวๆเหมือนหมอกรูปร่างคล้ายผู้ชายยืนอยู่ในห้อง ตอนนั้นในห้องผมจะมีองค์จตุคามรามเทพและพระองค์เล็กๆวางอยู่บนหัวเตียง ส่วนตัวจะแขวนหลวงปู่ทวด


แต่มีข้อสงสัยและความเปลี่ยนแปลงบางอย่างที่เกิดขึ้นซึ่งผมรบกวนขอคำเนะนำจากผู้รู้ช่วยให้คำตอบหน่อยคับ                   ประมาณเดือนเมษาที่ผ่านมาผมกลับบ้านต่างจังหวัดช่วงนั้นพึ่งออกจากงานแล้วก็ได้ไปบูชาหลวงปู่ทวดและพระปางวันเกิดผมเกิดวันศุกร์ และก็ได้นำมาบูชาในห้องคือถือเข้ามาเลยและวางตรงหัวเตียงไม่ได้มีพิธีรีตองอะไรความผิดปรกติก็เกิดขึ้นตั้งแต่คืนแรกเลยคือกำลังสวดมนต์อยู่อยู่ดีๆทีวีที่เปิดไว้มันก็ปิดเอง นั่งสมาธิก็ต้องมีอะไรดังในห้องทำให้ตกใจจนสมาธิหลุดเป็นประจำ และนอนก็ไม่หลับคือแรกๆหลับตาไม่ลงเลย ช่วงหลังก็หลับๆตื่นๆ ก็คิดว่าตั้งพระไม่ถูกก็เลยไปซื้อหิ้งพระมาติดไว้ในห้องก็อาจจะดีขึ้นบางแต่ก็ไม่เหมือนเดิมคือมีคนแนะนำให้จุดธูปบอกพระว่าขออนุญาติให้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในห้องอยู่ด้วยกันแต่ก็เรียกไม่ถูกว่าคืออะไร และก็มีโชคเข้ามาแต่ความรู้สึกว่าได้ครึ่งเดียวคือถ้าได้มาแบบนี้ต้องตรงแบบจังๆแต่นี้เหมือนกับว่าได้แบบใกล้เคียง แล้วก็ที่ผ่านมาแบบว่าจะได้ก็ไม่ได้ทุกคนที่รู้จักกับผมยังแปลกใจแทนว่าทำไมไม่ได้ และตอนนนี้ความรู้สึกแปลกก็เกิดขึ้นกับผมคือผมจะรู้สึกว่าเพลียตลอดเวลาทั้งที่เวลานอนก็ปรกติแต่พอตื่นมาจะรู้สึกเหนื่อยๆ และรู้สึกปวดตรงช่วงหลังมากเหมือนแบกของหนักตลอด ขอผู้รู้ช่วยให้คำแนะนำด้วยครับ


                                                                                            ขอบคุณครับ


 


Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view