ในเรื่องของการสื่อถึงกุมารผมอยากจะให้เข้าใจว่ามันเป็นเรื่องของแต่ละคนครับบางคนก็สัมผัสได้ บางคนรู้สึกได้ บางคนแค่สังหรณ์ใจตามที่เค้าดลใจ บางคนไม่ได้เลย ผมจะเปรียบเทียบแบบนี้ครับตัวเราเหมือนวิทยุ และ ลูกๆกุมารของเราเป็นเหมือนสถานีส่ง ที่แต่ละคนมีเสาอากาศที่ไม่เท่ากันครับ มาดูในทางของเราก่อนครับสมมติว่าเปิดคลื่น 95 ด้วยกันคนที่เสาแรงกว่าก็รับได้ชัดกว่าอ่ะครับ ถ้าจะรับคลื่นให้ชัดขึ้นเราก็ต้องทำเสาอากาศของเราให้แรงขึ้นครับ แล้วลูกๆเราล่ะ...แน่นอนครับกุมารแต่ละองค์ก็มีคลื่นที่ไม่เท่ากันครับบางองค์ก็แรงเหมือนเสาส่งแกรมมี่บางองค์ก็อ่อนเหมือนวิทยุชุมชนซะงั้น ก็ทำให้สื่อถึงเรายาก อันนี้ทำไงดีก็ต้องเร่งกำลังส่งครับ และยังมีปัญหาที่เกิดจากทั้ง 2 ฝ่ายอีกครับ โอ้...แม่เจ้า...อะไรจะขนาดนั้น มันขนาดนั้นแหละครับ ลองคิดดูว่าคุณเปิดรับสัญญาณ 95 ไว้ลูกคุณส่งสัญญาณที่ 87.5 ซะงั้น อย่างงี้จะเจอกันไหมเนี่ย แล้วทั้งหมดนี้แก้ได้ไหม ได้ครับเป็นคำตอบสุดท้าย แล้วทำไงมาดูกัน
สิ่งต่างๆทั้งหมดนี้เกิดขึ้นจากอะไรครับ...ติ๊กต๊อก....ติ๊กต๊อก....พลังใจครับพี่น้อง หรือไอ้ที่เราเรียกกันว่าจิตอ่ะแหละครับ เราก็ต้องเพิ่มพลังของเราและลูกๆครับ
มาดูก่อนว่าเราจะต้องทำอะไรกันบ้าง ก่รจะเพิ่มพลังใจในตัวเรานั้นต้องเริ่มจากศรัทธาก่อนเลยครับ ต้องไม่สงสัยเลยแม้แต่น้อย หากตรงนี้ไม่ผ่านยากครับ ต้องไม่สงสัยเลยแม้จะไม่เห็นไม่รู้สึกในตัวเขาก็ตามนะครับ ทำได้ไหมครับ ผมว่าทุกคนทำได้งั้นไปกันต่อเลย
หลังจากเรามีศรัทธาแล้วก็ลองเริ่มจูนคลื่นกะลูกๆกันดู ฟังดูยากนะครับแต่ง่ายนิดเดียวครับคุยกะลูกๆบ่อยๆครับมีอะไรเล่าให้ลูกฟังก็ได้ครับ(เอาแต่เรื่องดีๆนะครับอย่าเอาเรื่องหดหู่ไปให้ลูกเครียดเด๋วพลังหด) คุยไงอ่ะนั่งคุยกะหุ่นเค้าอ่ะครับ หรือนึกถึงเค้าแล้วพูดก็ได้(ไม่ค่อยแนะนำให้ทำในที่สาธารณะนะครับเด๋วคนข้างๆหาว่าบ้า) แล้วอยู่ข้างนอกอยากคุยกะเค้าทำไง ง่ายนิดเดียวแค่ตั้งจิตถึงเค้าแล้วคุยกะเค้าเล่าให้เค้าฟังในใจ (ขั้นตอนนี้ถ้าสัมผัสเขาไม่ได้เลยต้องใช้จินตนาการสูงมากครับ)
ต่อมาก็เพิ่มกำลังใจครับ ทำไงง่ายๆก็เริ่มจากการสวดมนต์ครับ เพราะการสวดมนต์จะทำให้เราเป็นสมาธิได้ง่ายกว่าเพราะใจจะถูกกำหนดให้ไปตามบทสวดไม่วอกแวกที่สำคัญสำหรับการสวดมนต์นะครับผมอยากให้รู้ความหมายของบทสวดที่เราสวดครับไม่อยากให้ท่องอย่างนกแก้วนกขุนทองครับเพราะในบทสวดถ้าเรารู้ความหมายเราจะกำหนดจิตให้อยู่กะบทสวดได้มากกว่า
เมื่อสวดมนต์จนมีสมาธิดีแล้วก็นั่งสมาธิเลยครับเพื่อเพิ่มกำลังขึ้นไปอีก
มาดูทางลูกๆบ้างว่าต้องทำอะไรให้เขากันบ้าง ทำบุญอุทิศส่วนกุศลให้เขาครับเพื่อเพิ่มพลังให้กับลูกๆ โอ้ว....ถลุงทำบุญเบี้ยน้อยหอยน้อยทำไงก็ทำได้ไม่มากสิเนี่ย ไม่เกี่ยวเลยครับ เอียงหูมาผมจะกระซิบบอกให้ครับ สวดมนต์ นั่งสมาธิได้บุญมากกว่าอามิสทานอีกนาจะบอกให้(แต่จิตต้องเป็นสมาธินะครับสวดมนต์เป็นนกแก้วนกขุนทองแต่ใจวิ่งพล่านเลยไม่นับนะครับ) เป็นไงครับผมถึงให้สวดมนต์นั่งสมาธิไงครับเพราะจะทำให้จิตเรานิ่ง และสามารถอุทิศส่วนกุศลเป็นพลังให้ลูกๆได้ด้วยครับ
อาหารเราต้องเลี้ยงเขาแต่เลี้ยงด้วยอาหารอย่างเดียวไม่ได้นะครับ ต้องเลี้ยงเขาด้วยบุญครับเพราะเขาสมัครใจมาอยู่ณ.ภพภูมินี้เพื่อจะช่วยคนเพื่อบำเพ็ญกุศลเราต้องอุทิศให้แก่เขานะครับ ลูกเราไม่ใช่ทาสครับไม่ใช่ขอดะเลยเขาเป็นเด็กก็อยากเล่นอยากสนุกเหมือนกันครับ เลี้ยงเขาด้วยความรักครับอย่าทิ้งเขานะครับ
ป.ล. แต่ละคนสื่อถึงเร็วช้าไม่เท่ากันอย่าเครียดครับ จิตจะเป็นสมาธิเมื่อใจเราสบายๆครับ ผมแนะนำให้สวดมนต์ทุกวันนะครับบทไหนก็ได้ แนะนำก็ อิติปิโส พาหุง มหากา ครับ สุดท้ายก็ลองขอวิธีจากคุณณัฐจังครับ วิธีของเขาดีครับมีวิธีทำให้ลูกเราเก่งขึ้นด้วยนะครับ สุดยอดเลย