http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,935,459
Page Views33,371,915
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      

 


กำลังจะหาเครื่องรางประจำตัว จึงขอถามวันเกิด พระอ.ต่างๆ จากท่านที่รู้ครับ

(อ่าน 2030/ ตอบ 11)

Lastman

ผมกำลังหาเครื่องรางประจำตัวครับ แต่จะเลือกใช้เฉพาะตัว
จึงอยากจะสอบถามท่านผู้รู้ที่รู้ วดป.เกิด ของท่านพระอาจารย์ต่างๆ (ดังข้างล่างนี้)
ช่วยตอบหน่อยครับ (สำหรับฆราวาส ถือเป็นคนเล่นของ ถ้าไม่สะดวกตอบก็ไม่เป็นไรครับ)

สงฆ์
- ลป. ชื่น ติคญาโน (ถ้ากะสดผิดก็ขออภัย)
- ลป.แย้ม วัดสามง่าม
- ลป.ชวน วัดเขาแก้ว จ.อ่างทอง
- ลพ.ศวัศ วัดเกษตรสุข พะเยาว์
- ลพ.สมชาย วัดด่านเกวียน โคราช
- พระอาจารย์ อำนาจ วัดพระเจ้าอุ้ย

ฆราวาส
- อ. ปู่หมอนาค
- อ. อาชาเทพ

ใครทราบโปรดช่วยบอกหน่อยเถิดครับ
ขอบคุณครับ (-/|\-)

Lastman

ไม่มีใครทราบเลยหรือครับ
(*-*!)

ปอง เมืองละโว้

สำหรับสาย ฆราวาส ผมยกนิ้วให้..


1.อ.เปล่ง  บุญยืน


2.อ.ทองเเท่ง


3.อ.เม้ง   ขุนแผน


บี


หลวงปู่ชื่น พระอาถรรธม ค่ะ

J

ลป. ชื่น ติคญาโน


หลวงพ่อคูณ

Lastman



~(>_<)~

ผมหมายถึงผมขอ "วันเกิด" ของพวกท่าน เหล่านี้น่ะครับ


จะเอาไปดูดวงครับ ว่าท่านใดจะเข้ากับผม (เป็นกรณีพิเศษ) ได้บ้าง

ขอบคุณคร้าบบบบ

Mr.google

หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ

วัดตาอี อ. บ้านกรวด จ. บุรีรัมย์



พระผู้เรืองเวทย์ตำรับเขมรโบราณ ผู้มากด้วยเมตตาบารมี เสกหินโยนลงสระน้ำกลายเป็นงูยักษ์ชาวบ้านเห็นตะลึง



สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เกิดกลียุคทั่วโลก ยิ่งประเทศเล็กประเทศน้อยได้รับผลกระทบมากที่สุด นอกจากข้าวยากหมากแพงแล้ว ประชาชนยังต้องรับกรรมหนักเพราะครอบครัวแตกสลายเนื่องจากความแร้นแค้นยากจนเป็นสาเหตุใหญ่



ครอบครัวของหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ซึ่งเป็นชาวกัมพูชาก็ได้รับความรุนแรงของไฟสงครามเช่นเดียวกัน ทำให้ญาติพี่น้องของหลวงปู่ชื่นล้มหายตายจากไปหลายคน ซึ่งประเทศกัมพูชาขณะนั้นร้อนระอุสุดๆ จนดูโหดร้ายไปทุกอย่าง ทำให้หลวงปู่ชื่นเกิดความเบื่อหน่ายจึงเดินธุดงค์เข้ามายังแผ่นดินไทยที่มีแต่ความสงบร่มเย็น



“หลวงปู่ชื่น” นามเดิม ชื่น นามสกุล ศรีโสด เกิดเมื่อวันศุกร์ เดือน 11 ปีมะเมีย ตรงกับปี พ.ศ. 2461 เกิดที่บ้านหินกอง อำเภอหินกอง จังหวัด สวายศรีโสพล ประเทศ กัมพูชา โยมบิดา ชื่อ นายชุม โยมมารดา ชื่อ พิม ศรีโสด มีพี่น้องร่วมท้องเดียวกัน 7 คน คือ นายเรียว นายโพธิ์ นายบุญ นายเกิด หลวงปู่ชื่น นางยอด และนางยาว ครอบครัวมีอาชีพทำนาทำไร่ตามประสาชาวบ้านในชนบททั่วไปของชาวเขมร



ชีวิตในวัยเยาว์ของหลวงปู่ชื่นนิสัยท่านเป็นคนใจบุญ มีความสุขุมลุ่มลึก และมีใจโอบอ้อมอารีชอบเอื้อเฟือเผื่อแผ่ต่อเพื่อนฝูง-ญาติพี่น้อง ทั้งยังมีจิตใจเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาตั่งแต่เด็กๆ พออายุได้ 15 ปี ได้ขอบิดา-มารดา บรรพชาเป็นสามเณร ซึ่งพ่อ-แม่ไม่ขัดของ ท่านจึงได้บวชเป็นสามเณร วัดในหมู่บ้านเกิดของท่าน



หลังจากบวชเณรได้ระยะหนึ่งพอถึงอายุ 20 ปี หลวงปู่ชื่นก็ได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุในพระพุทธศาสนาโดยได้รับนามฉายาว่า “ติคญาโณ”



เมื่ออุปสมบทเป็นพระภิกษุโดยสมบูรณ์แล้ว หลวงปู่ชื่นได้ศึกษาบทสวดมนต์และบทสวดปาติโมกข์ ซึ่งใช้เวลาเพียงหนึ่งพรรษาก็สวดพระปาติโมกข์ได้แล้ว นับว่าหาพระที่เก่งเช่นนี้น้อยมาก เพราะการท่องบทพระปาติโมกข์พระบางรูปต้องใช้เวลานานนับ 5 ปี 10 ปี เนื่องจากเป็นบทสวดที่ยาวและยากที่สุดนั้นเอง



“หลวงปู่ชื่นสอบนักธรรมชั้นตรีได้ในพรรษาที่ 3 หลังจากนั้นท่านจึงออกเดินธุดงค์ปลงสังขารลัดเลาะไปตามป่าดงพงพี ข้ามเขาลงห้วยในดินแดนประเทศกัมพูชา ทำให้ท่านได้พบกับครูบาอาจารย์ที่เก่งๆ อยู่หลายรูป ซึ่งแต่ละอาจารย์ก็ได้ถ่ายทอดวิชาอาคมที่ตนมีอยู่ให้หลวงปู่ชื่นจนหมดสิ้น โดยเฉพาะฤาษีที่บำเพ็ญพรตอยู่กลางป่าดงดิบได้ถ่ายทอดวิชาขั้นสุดยอดให้หลวงปู่ชื่น เพื่อให้นำไปช่วยเหลือศิษย์ต่อไปอีก”



หลวงปู่ชื่นเป็นพระเถระที่มีความเป็นอยู่อย่างเรียบง่าย มีศีลจารวัตรที่งดงาม ชอบบำเพ็ญกุศลเพื่อเสริมสร้างบารมีให้แก่กล้าขึ้น ท่านจะตื่นตั่งแต่ตีสามทำวัตรสวดมนต์ และช่วงค่ำก็เช่นกันท่านจะสวดมนต์มิได้ขาด (นอกจากจะมีกิจนิมนต์และป่วยเท่านั้น)



“หลวงปู่ชื่นชอบทำประโยชน์ให้แก่ส่วนรวมเป็นที่สุด และให้ความเป็นธรรมแก่ศิษยานุศิษย์เพื่อเป็นแบบอย่างที่ดีของศิษย์ทั้งหลายอีกด้วย ท่านจึงเป็นที่รักเคารพของศิษย์และประชาชนทั่วไปเป็นจำนวนมากในขณะนี้”



หลวงปู่ชื่น ติคญาโณ เป็นศิษย์สาย “เขากุเลน” ซึ่งเป็นศูนย์รวมเวทวิทยาอาคมชั้นสูง ที่เป็นฉบับแท้ดั้งเดิมของเขมรโบราณ อาจารย์องค์แรกของท่านคือ “หลวงปู่เอื้อย” และหลวงปู่ดี สุวรรณดี สองปรมาจารย์ผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำ ทั้งยังอิทธิฤทธิ์-ปาฎิหาริย์มากมายเป็นที่เลื่องลือกันมากในประเทศกัมพูชา



หลวงปู่ชื่นได้มองเห็นกาลไกลไปข้างหน้าว่า “พระเวทวิทยาคม” ที่ท่านกำลังศึกษาอยู่นี้จะเป็นประโยชน์มากแก่การทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาทั้งยัง ได้ช่วยเหลือสงเคราะห์ญาติโยมและผู้เดือดร้อนต่างๆในอนาคตภายหน้าแน่นอน ท่านจึงมุมานะพยายามขยันศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมจนสุดความสามารถ ตลอดจนศึกษาการเจริญวิปัสสนากรรมฐานนั่งสมาธิควบคู่ไปด้วย เพื่อเพิ่มพูนพลังจิตให้แก่กล้าขึ้น



“หลวงปู่ชื่นท่านเรียนกรรมฐานควบคู่ไปกับวิชาอาคมจนท่านเรียนรู้ได้อย่างแม่นยำและรวดเร็ว โดยมีการทดสอบจากผู้เป็นอาจารย์จนเป็นที่พอใจ โดยเฉพาะหลวงปู่เอื้อยท่านมีเมตตาถ่ายทอดวิชาและเคล็ดลับต่างๆให้หลวงปู่ชื่นจนหมดสิ้น หลวงปู่เอื้อยท่านเป็นพระที่มีชื่อเสียงโด่งดังมากในเขมร ดังชนิดผู้หลักผู้ใหญ่ในเขมรขณะนั้นยังมอบตัวเป็นศิษย์หลายคน”



ในเวลาต่อมาเมื่อหลวงปู่เอื้อยมรณภาพลง หลวงปู่ชื่นจึงออกเดินธุดงค์บุกป่าฝ่าดงในดินแดนเขมรเพื่อแสวงหาครูบาอาจารย์อีกมากกมาย จนกระทั่งท่านได้พบกับ หลวงปู่ดี สุวรรณดี บน “เขากุเลน” ซึ่งท่านเป็นพระผู้มากด้วยอภิญาญานชั้นสูง และเป็นผู้มีพลังจิตอันลึกล้ำมหัศจรรย์เหนือโลกโดยแท้



ด้วยบุญบารมีของหลวงปู่ชื่น ติคญาโณ ทำให้หลวงปู่ดีรับหลวงปู่ชื่นเป็นศิษย์แล้งจึงพากันออกเดินธุดงค์ไปด้วยกันตามสถานที่ต่างๆ



“หลวงปู่ชื่นได้ศึกษากรรมฐานและเวทวิทยาคมกับธาตุทั้ง 4 ตลอดจนเกร็ดเคล็ดลับการสร้างของขลังการปลุกเสกวัตถุมงคล เครื่องรางต่างๆมากมายจากหลวงปู่ดี ทำให้ท่านมีวิชาติดตัวมาจนกระทั่งปัจจุบันนี้”



หลวงปู่ชื่นได้เมตตาเล่าเรื่องราวและประสบการณ์ในการเดินธุดงค์ของท่านให้ฟังว่า



“หลวงปู่ดีท่านนี้เก่งมาก ท่านเชียวชาญพระเวทแทบทุกชนิด ท่านเคยเสกผ้าให้เป็นนกกระยางได้ และเสกใบไม้ให้เป็นต่อเป็นแตนได้ ทั้งยังรู้ภาษาสัตว์แทบทุกชนิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านสามารถล่องหนหายตัวและย่นระยะทางได้ ตลอดจนท่านเดินบนผิวน้ำได้อย่างน่าอัศจรรย์อีกด้วย”



หลวงปู่ชื่นเล่าว่า หลวงปู่ดีท่านเคยแสดงให้ดูมาแล้ว ท่านเห็นกับตามาแล้วจึงกล้ามาเล่าให้ฟัง ท่านแสดงให้ดูก็เพื่อให้เป็นขวัญกำลังใจในการปฏิบัติธรรมสืบต่อกันไปนั่นเอง



“การเรียนวิชาอาคมจะมีฤทธิ์เข้มขลังได้ ต้องประกอบไปด้วยพลังจิตอันเป็นสมาธิแก่กล้าควบคู่กันไปด้วย” หลวงปู่ชื่นกล่าว



หลวงปู่ชื่นเป็นพระที่คงแก่เรียน คือ ท่านชอบศึกษาค้นคว้าตำรับตำราและวิชาการต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นอักขระ เลขยันต์ หรือ วิชาอาคมอะไรท่านจะทดลองสร้างทดลองปลุกเสกอยู่เสมอ เมื่อท่านลองแล้วเห็นว่าดีจริงและใช้ได้ผลดีจริงตามตำรา ท่านก็คัดวิชาวิเศษเหล่านั้นนำมาสร้างมาปลุกเสกวัตถุมงคลให้บรรดาลูกศิษย์ และลูกหลายท่านให้ได้รับแต่สิ่งที่เป็นมงคลเป็นของวิเศษไว้บูชากัน



จากการคัดเลือกพิจารณาตรวจจากหลวงปู่ชื่นแล้วว่า “ดีจริงเห็นผลจริง” จึงไม่น่าแปลกใจเลยที่วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์ต่อเนื่องเรื่อยมา จนเป็นที่กล่าวขานร่ำลือจากปากของผู้ที่บูชาวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นว่ายอดเยี่ยมอยู่ในขณะนี้



ด้วยเหตุนี้จึงขอนำท่านทั้งหลายได้รู้จักหลวงปู่ชื่น เพื่อให้ท่านทั้งหลายได้มีโอกาสรู้จักหลวงปู่อย่างแจ่มแจ้งชัดเจน และใกล้ชิดหลวงปู่มากขึ้นเพราะลูกศิษย์หลวงปู่บางคนอยู่ห่างไกลซึ่งยังไม่มีโอกาสเดินทางมากราบไหว้หลวงปู่ จะด้วยสาเหตุและปัจจัยใดๆก็ตามกระผมขอเป็นสื่อกลาง ทั้งนี้ทั้งนั้นเพื่อเป็นการหยั่งความสามัคคีให้เกิดขึ้นในหมู่ศิษย์ที่มีความเคารพนับถือหลวงปู่



หรือท่านที่มีวัตถุมงคลของหลวงปู่ชื่นไว้แล้ว ขอให้รู้ว่าเราทั้งหลายก็เป็นลูกศิษย์ของอาจารย์องค์เดียวกัน เพราะมีวัตถุมงคลที่มาจากการปลุกเสกจากหลวงปู่ด้วยกันทั้งนั้น ทั้งนี้เพื่อช่วยจรรโลงเกียรติคุณของหลวงปู่ชื่นให้แพร่หลายขจรไป ตลอดยั่งยืนนานต่อไปในภายภาคหน้านั้นเอง


Mr.google

หลวงพ่อแย้ม ฐานยุตฺโต เดิมชื่อ นายแย้ม เดชมาก เกิดเมื่อวันที่ ๕ มกราคม พ.ศ.๒๔๕๘ ปีเถาะ ที่ ต.ดอนตูม อ.บางเลน จ.นครปฐม เป็นบุตรของ นายแหยม และนางวงษ์ เดชมาก ครอบครัวมีอาชีพทำนา

เมื่ออายุ ๒๔ ปี ได้บรรพชาเป็นพระภิกษุในวันที่ ๑๗ พฤษภาคม พ.ศ.๒๔๘๑ เวลา ๑๕.๒๕ น. ณ วัดสามง่าม ต.สามง่าม อ.กำแพงแสน จ.นครปฐม โดยมี พระครูอุตตการบดี เป็นอุปัชฌาย์ พระครูอธิการเต๋ เป็นพระกรรมวาจาจารย์ และพระอาจารย์เพ็ชร์ เป็นพระอนุสาวนาจารย์

เมื่อบวชแล้ว จึงได้เล่าเรียนวิชา และปรนนิบัติรับใช้หลวงพ่อเต๋ที่วัดสามง่าม จึงถือได้ว่าหลวงพ่อแย้มเป็น "ศิษย์เอก" ผู้สืบทอดพุทธาคมจากหลวงพ่อเต๋เลยก็ว่าได้ นอกจาก ท่านจะมีวัตรปฏิบัติ และอุปนิสัยที่สงบเยือกเย็นเหมือนหลวงพ่อเต๋แล้ว ยังเป็นที่เล่าลือกันว่า วัตถุมงคลของหลวงพ่อแย้มก็บังเกิดความเข้มขลังไม่แตกต่างไปจากวัตถุมงคลของหลวงพ่อเต๋ องค์อาจารย์ที่ถ่ายทอดวิชาให้แก่ท่านเลย






Mr.google

ประวัติ อ.เปล่ง บุญยืน

อ.เปล่ง บุญยืน ปัจจุบัน อายุ 90 ปี อดีตคือผู้บริหารโรงเรียน ใน อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดคือเรื่องที่ผมได้รับรู้ด้วยตนเองทั้งหมด จะเล่าโดยละเอียดดังนี้

เมื่อคราว อ.เปล่ง ตอนสมัยเป็นหนุ่มๆ ท่านเคยเล่าว่า ตอนนั้นเป็นนักศึกษา ได้หลบหนีเข้าป่าเนื่องจากตอนนั้นรัฐบาลได้กวาดล้างซึ่งได้ถูกกล่าวหาว่าเป็นพวกคอมมิวนิสต์ ท่านได้หลบหนีเข้าป่า ไปเจอ อ.ภา ซึ่งอยู่ในป่า อ.ภา มีเชื้อสายเขมรและเป็นพระที่มีวิชาอาคมขลังมาก ได้ชักชวน อ.เปล่ง ให้บวชด้วยกัน เนื่องจาก อ.เปล่งท่านกลัวว่าจะถูกทางการจับ จึงบวชและเรียนวิชาอยู่กับ อ.ภา เป็นเวลากว่า 10 ปี ท่านต้องกินใบไม้แทนข้าว นอนในถ้ำที่มีงูเห่าชุกชุม และนั่งสมาธิเป็นประจำ ท่านเล่าว่างูเยอะมากแต่ไม่สามารถทำอะไรท่านได้ เพราะท่านค่อนข้างมีวิชาเหมือนกัน และอีกอย่างยุงที่อยู่ในป่า เวลาตกตอนค่ำมา ท่านเล่าว่ามาเหมือนฝน หลังจากสำเร็จวิชาทางผงพราย จาก อ.ภา ท่านก็ธุดงค์ในป่า และชอบเก็บสะสมพวกว่านชนิดต่างๆ ผมเคยถามท่านว่าพวกผงพรายนี้ไปเอามาจากไหน ท่านบอกว่าก็เอามาจากศพนักศึกษาที่ถูกยิงตายนั่นแหละ ท่านเก็บสะสมและเสกมาเรื่อยๆ จนวันที่ท่านออกจากป่า อ.ภา ก็ขอร้องท่านให้บวชจนตายด้วยกัน แต่ท่านไม่สามารถทำได้เพราะท่านมีเมียแล้ว จึงกลับมาสมัครสอบเป็นอาจารย์อยู่ที่
 อ.ท่าตูม ด้วยความสามารถทางจิตของท่าน บางทีท่านออกจะร้อนวิชา บางวันนอนในบ้านไม่ได้ต้องออกมานั่งสมาธิหน้าบ้านใต้ต้นไม้ เมื่อท่าน อายุ ได้ประมาณ 50 กว่า ปี คนแถวนั้น เขตอีสานใต้ได้รู้ถึงกิตติศัพท์ของท่าน มีครั้งหนึ่งชาวบ้านได้เชิญท่านเป็นเจ้าพิธีในงานเปิดสะพานแม่น้ำมูล ท่านได้บริกรรมอยู่บนเรือ ขณะท่านบริกรรมอยู่นั้นได้มีปลาจำนวนมากกระโดดขึ้นเรือเป็นจำนวนมากชาวบ้านที่ไปร่วมพิธีเห็นหมด จึงเป็นที่เลืองลือ และท่านเคยเปิดเสื้อให้ผมดูรอยกระสุน ที่พวกคนใต้มาท้าลองยิงใส่ตัวท่าน ด้วยความเป็นนิสัยนักเลงท่านก็ถอดเสื้อให้ยิงปรากฎว่าไม่เข้า


- อ.เปล่งท่านจึงเก่งทั้งคงกะพัน เมตตามหาเสน่ห์และทางพรายที่สุดยอดจริงๆหาใครเทียบยาก

Mr.google

ประวัติโดยย่อพระอาจารย์อำนาจ

-เดิมทีพระอาจารย์อำนาจเกิดที่ อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี เป็นบุตรของนางหรั่ง ศรีจันทร์แดง กับนายเทียน เยี่ยมเชื้อ มีพี่น้องทั้งหมด 5 คน พระอาจารย์อำนาจเป็นพี่คนที่ 2 เริ่มบวชเณร ตั้งแต่ พ.ศ.2530 และได้ศึกษาพระธรรมต่างๆ จนอายุได้ทหาร จึงเข้ารับราชการทหาร จน พ.ศ.2533 ต่อมาเมื่อปลดทหารแล้ว ออกมาช่วยพ่อแม่ทำนา ได้ระยะหนึ่ง แล้วได้เดินทางไปท่องเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ โดยเฉพาะทางแถบภาคอีสาน จนกระทั้งได้มาเที่ยวเขตชัยภูมิ ณ.บ้านเมืองกลาง อ.เกษตรสมบูรณ์ โดยในขณะนั้นอาจารย์ที่ท่านรู้จักมาจำพรรษาอยู่ที่สำนักสงฆ์พระเจ้าอุ้ย ซึ่งมีหลวงปู่คำมูล จันทิโม เป็นเจ้าสำนักสงฆ์ซึ่งใจดีมีเมตตาสูง พระอาจารย์อำนาจก็เกิดความศรัทธาเป็นอย่างมาก หลวงปู่คำมูลเป็นศิษย์เอกของหลวงปู่ผา วัดโนนทราย ซึ่งเป็นครูบาอาจารย์ของหลวงปู่คำมูลและเป็นที่เคารพศรัทธาของญาติโยมในเขตชัยภูมิ ขอนแก่น เลย โคราช ในแถบภาคอีสาน ซึ่งหลวงปู่ผาเก่งทางด้านอยู่ยงคงกระพัน และมหาเมตตา มหานิยมเป็นอย่างมาก หลังจากหลวงปู่ผาได้มรณภาพได้ไม่นาน ด้วยความศรัทธาพระอาจารย์อำนาจจึงอุปสมบทอยู่ที่วัดพระเจ้าอุ้ยซึ่งเป็นวัดร้างเก่าแก่อายุหลายร้อยปี (มีต้นตะเคียนทองอายุมาก 200 กว่าปี เฮี้ยนมากๆ) หลวงปู่คำมูลได้ถ่ายทอดวิชาต่างๆ ให้กับพระอาจารย์อำนาจจนหมดโดยเฉพาะทางด้านมหาเสน่ห์ เมตตามหานิยม พระอาจารย์อำนาจถนัดเป็นยิ่งนัก ต่อมาไม่นานหลวงปู่คำมูลได้มรณภาพลง ด้วยความที่ชอบใฝ่รู้พระอาจารย์อำนาจได้ธุดงค์บ่อยครั้งเพื่อศึกษาเล่าเรียนวิชาอาคมต่างๆ จากครูบาอาจารย์เรื่อยไป ไม่ใช่แต่เฉพาะสายพระอย่างเดียว ครูบาอาจารย์ที่เป็นสายพราหมณ์ ฆราวาส และฤาษีในป่าลึกในเขตเขมรและทางภาคอื่นๆ จนเชี่ยวชาญเป็นยิ่งนัก ส่วนวัตถุมงคลที่พระอาจารย์อำนาจสร้างและเสกออกมาทีไรคนชัยภูมิและพื้นที่ใกล้เคียงแย่งกันบูชา เนื่องจากมีประสบการณ์และเล่าบอกต่อๆ กันมา และที่สำคัญเครื่องรางของพระอาจารย์เป็นที่ต้องการอย่างมากทั้งในและต่างประเทศ

Mr.googel

แค่นี้ก่อนผู้มีบารมีโทรตาม ไว้จะมาใหม่ครับ

Lastman

โอว...ตัวจริงมาเองเลย
ขอบคุณครับ (*-*!)
Page : 1
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view