ดังที่ท่านจะเห็นได้จากบทสวดพระสังฆคุณ ตั้งแต่ สุปฎิปนฺโน จนถึง โลกสฺสาติ นั้น เขาก็บรรยายพระอริยบุคคลเหล่านี้ คือ
๑. สุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ หมายถึง พระโสดาบัน
๒. อุชุปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ หมายถึง พระสกทาคามี
๓. ญายปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ หมายถึง พระอนาคามี
๔. สามีจิปฏิปนฺโน ภควโต สาวกสงฺโฆ หมายถึง พระอรหันต์
เพราะฉะนั้น ท่านจะใช้คำอะไรก็ควรใช้ให้ถูก เพราะภาษาบาลีนั้นเป็นภาษาชั้นสูง ที่บันทึกคำสั่งสอนของพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ภาษาในอินเดียนั้นมีมากมาย แต่พระองค์ทรงเลือกภาษาบาลีมาใช้สั่งสอนพุทธบริษัท
และอีกอย่างหนึ่ง ผู้ที่จะไปเรียกหรือไปพยากรณ์ผู้อื่นว่า "ท่านเป็นพระโสดาบัน - ท่านเป้นพระอรหันต์แล้ว " ท่านผู้นั้นต้องได้บรรลุธรรม ในระดับนั้นหรือสูงกว่านั้นเสียก่อน เช่น ผู้ได้พระโสดาบัน ก็จะรู้แค่ว่าคนไหนได้บรรลุพระโสดาบัน ผู้ได้พระอนาคามี ย่อมรู้ว่าผู้ใดได้โสดาบัน สกทาคามี และอนาคามี แต่จะไม่มีสิทธิ์ที่จะรู้ว่าคนไหนได้พระอรหันต์ เพราะรู้ได้แค่ระดับเสมอกันและต่ำกว่าเท่านั้น
ในทางพระวินัย หรือศีลของพระภิกษุ ๒๒๗ ข้อ ในข้อที่ ๔ บอกไว้ว่า ภิกษุใดดอวดคุณพิเศษที่ไม่มีในตน เช่น ได้บรรลุฌาน สมาบัติ หรือ อริยบุคคล ไปจนถึงพระนิพพาน ถ้าเรื่องนั้นไม่เป็นความจริง ภิกษุนั้นต้องอาบัติปาราชิก ไม่ใช่ภิกษุอีกต่อไป