1. เพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นในเชิงสร้างสรรค์


2. เพื่อช่วยเหลือคนที่ต้องการความช่วยเหลือ


3. แลกเปลี่ยนประสบการณ์ ต่างๆของน้องๆกุมาร


4. เป็นศูนย์รวมข้อมูลข่าวสาร

ผมเข้ามาเพื่อการศึกษาหาความรู้หรือแลกเปลี่ยนในรูปแบบเชิงวิชาการ เพราะบ้างอย่างเราเองอาจจะยังไม่เข้าใจไม่ใช่เพื่อหาค้าขายกุมารหรือเกรงกำไรจากกุมาร

คำถามอันไหนที่ไม่เข้าใจก็ควรถามเพื่อจะได้รู้หรือเข้าใจเพื่อเป็นแนวทางเดียวกัน เพราะไม่มีใครรู้ตั้งแต่เกิด

คำตอบไหนที่ตอบได้ก็จะตอบอันไหนตอบไม่ได้ก็ขอให้คนอื่นที่มีความรู้มาตอบ เพื่อให้คนอื่นได้มีความรู้ความเข้าใจ

ดีกว่ามาข่มคนอื่นที่เข้าไม่รู้หรือไม่เข้าใจ ถามว่าแล้วได้อะไรขึ้นมาหรือทำให้ตัวเองมีคุณค่ามากขึ้นหรืออย่างไร หรือเด่น หรือดัง ชนิดแบบพุแตก แล้วได้อะไรขึ้นมา สู้เรามาแลกเปลี่ยนมุมมอง แลกเปลี่ยนความรู้ ให้ความรู้กับคนที่เขาไม่รู้จะดีกว่า

ที่กล่าวมาเป็นความรู้สึกส่วนตัวนะคับ

รักุมาร แลกเปลี่ยน ข้อมูลกัน หาข้อมูลเพิ่มเติมเพื่อนำไปเลี้ยงลูกกุมารให้ดียิ่งขึ้น ผิดด้วยหรอค่ะ

1. เข้ามาหาความรู้ในการเลี้ยงดูน้องกุมารทองให้ถูกต้อง

2. หาเพื่อน คนหัวอกเดียวกัน คนที่พูดคุยเรื่องกุมารทอง ที่สามารถคุยกันได้

3. หาข้อมูล กุมารทองสำนักต่างๆ

ในเมื่่อลูกๆ มีสังคมกุมารทองแล้ว ทำไมพ่อแม่จะมีสังคมคนเลี้ยงกุมารทองบ้างไม่ได้{icon4}

เพราะรักจึงเลี้ยงและอยู่คู่กันมานานมาก..เหมือนกัน คนรักพระก็ไปดูเวปพระ คนชอบเครื่องรางของขลัง ก็ดูเวปเครื่องรางของขลัง ส่วนคนชอบกุมารก็ต้องมีเวปแลกเปลี่ยนความรู้เรื่องกุมาร ความจริงกุมารมีมานานกว่าทีวีอีกแต่ทุกวันนี้เทคโนโลยีสูงจนคนเราปัจจุบันหาว่าคนอย่างเรางมงาย แต่สมัยโบราณ วิชาต่างๆ  ไม่ว่าจะเป็นไสยเวทย์หรือพระเครื่องเช่นพระชินราชอินโดจีนที่คุณพ่อคล้องคอไปรบที่เวียดนาม ฝรั่ง(ไอ้กัน) เห็นทหารไทยโดนลูกปืนเวียด กง จนเสื้อพรุนแต่ไม่เข้าถึงกับโดดกอดเอาทหารไทยเป็นโล่กันลูกปืนแล้วพอกลับมาเมืองไทย ราคาพระชินราชอินโดจีนพู่งแรงขนาดซื้อรถดัสสัน120Yได้สบายๆในสมัยนั้น และยุคนั้นการคมนาคมไม่สะดวกเวลาเจ็บป่วยก็ยังไปหาพระที่วัดแล้วต้องนอนที่วัดก็เจอดีอยู่เรื่อย(สมัยนั้นยังเด็กๆอยู่เลย)หลวงพ่อที่ วัดก็บอกอย่าไปแกล้งน้องซิ่เขามารักษา(หลวงพ่อพูดลอยๆ)แล้วเข้ามาเป่าหัวให้ตั้งแต่นั้นมาก็มองเห็นสิ่งต่างๆที่คนอื่นมองไม่เห็นเราเห็น(บางครั้งน่ะ) จนทุกวันนี้ คิดว่าไสยศาสตร์ด้านนี้คงหมดไปจากเมืองไทยแล้วจนมาพบหลวงปู่แย้มนี่แหละ แม้นไม่ได้พุดคุยแต่ได้ไปกราบไหว้มาสามครั้งแค่มองกันก็รู้ว่าหลวงปู่แย้มมีเมตตาสูงมากและพลังจิตสูงมากทุกครั้งที่ไปกราบไหว้ ปิติจะเกิดทุกครั้ง(ปิติเช่นขนลุก ใบหน้าร่างกายรู้สึกมีกระแสมากระทบ เมื่อกระทบน้ำพุทธมนต์รู้สึกเย็นวาบไปทั้งกายฯลฯ)....