ได้ชื่อพระประธานกันแล้วนะค่ะ หลวงพี่ต้อมตั้งให้ว่า
'' พระศรีศาสดาโพธิสัตว์ธรรม ''
วัดโพธิสัตว์ธรรม ก.ม. 26 ใน ต. ตาเนาะปูเต๊ะะ อ.บันนังสะตา จังหวัดยะลา
พระที่พวกเราช่วยกัน สร้างพระประธานปางมารวิชัย ความหมายคือ
พระปางนี้ทำเป็นอนุสรณ์แสดงพุทธประวัติ เมื่อจะทรงบรรลุพระโพธิญาณเป็นสัมมาสัมพุทธเจ้า (พระผู้ตรัสรู้ชอบด้วยพระองค์เอง)
เนื้อเรื่องตอนนี้ ถ้ากล่าวเป็นนัยโดยบุคลาธิฏฐานก็ว่า มีพระยามารชื่อ วัสวดี ทรงช้างคีรีเมขล์ ยกพลโยธามารมาผจญพระพุทธองค์
พระพุทธองค์มิได้ทรงหวั่นไหวพระทัย ทรงเสี่ยงพระบารมี 10 ทัศที่ได้ทรงบำเพ็ญมาเป็นเครื่องคุ้มครอง และอ้างพระธรณีเป็นพยาน
ในการบำเพ็ญบารมีของพระองค์แต่อดีตกาลมา พระธรณีจึงสำแดงร่างเป็นนารี ปรากฏขึ้นเฉพาะพระพักตร์พระพุทธองค์ แล้วบีบมวยผม
มีน้ำหลั่งไหลออกมาท่วมพระยามารวัสวดีกับหมู่โยธาพ่ายแพ้ ยอมนอบน้อมแก่พระพุทธเจ้า เรื่องนี้ถ้ากล่าวโดยธัมมาธิษฐาน
(คือกล่าวตามสภาวะ) ก็มีความหมายว่า พระพุทธเจ้ามีชัยชนะแก่กิเลสเครื่องเศร้าหมองทั้งปวง
พระพุทธเจ้าตรัสรู้พระโพธิญาณแล้ว เสด็จอยู่ ณ ภายต้นไม้มหาโพธิ์เสวยวิมุตติสุข (สุขเกิดแต่ความพ้นจากกิเลสาสวะ)เป็นเวลา 7 วัน
พระพุทธรูปปางมารวิชัย ทำเป็นรูป พระนั่งขัดสมาธิ พระหัตถ์ซ้ายวางหงายบนพระเพลา พระหัตถ์ขวา วางคว่ำลงที่พระชานุ (เข่า)
นิ้วชี้พระธรณี ที่ฐานถ้ามีรูปประกอบมักทำเป็นรูปยักษ์มาร และพระนางธรณีบีบมวยผม (ปางนี้เรียกกันเป็นสามัญว่า ปางสะดุ้งมาร)
พระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นปางสำคัญยิ่งกว่าปางอื่นๆเพราะแสดงถึงการตรัสรู้ของพระพุทธเจ้า ฉะนั้น จึงถือเป็นคติมาแต่โบราณ
นิยมสร้างพระปางนี้เป็นพระประธานตามวัดต่างๆทั่วไป
และอีกอย่างที่สร้างเพราะอยากให้สามจังหวัด ได้สงบ เหมือนมารวิชัย(พ่ายแพ้)