หลักธรรมในการกินเจ
ในทัศนะของคนกินเจ มนุษย์กินแต่อาหารพืชผักก็สามารถมีชีวิตอยู่ได้ คนกินเจไม่กินเนื้อไม่ใช่เพราะรังเกียจหรือหวาดกลัวโรคภัยจากสัตว์แต่เป็นเพราะ ต่างพากันสะเทือนใจที่ได้ยินเสียงร้องคร่ำครวญจากสัตว์ไม่มีคนกินเจคนไหน ทนเห็นผู้อื่นต้องถูกฆ่าโดยไม่รู้สึกเวทนาสงสาร
คนประเภทไหนกัน ที่สามารถมองดูผู้อื่นถูกฆ่าตายอย่างทุกข์ทรมาน ได้ยินเสียงร้องขอชีวิตแล้วนิ่งเฉยไม่ทำอะไรเลยบรรดาสัตว์ทั้งหลายพูดวิงวอนไม่ได้ เพียงแต่มนุษย์ไม่กินเนื้อก็ช่วยให้สัตว์นับพันนับหมื่นชีวิตรอดตายได้ การกินเจ ตั้งอยู่หลักธรรมสำคัญ ๒ ประการ คือ
ข้อที่ ๑ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนผู้อื่นกล่าวคือ
๑.ไม่เอาชีวิตของสัตว์ทั้งหลายมาต่อเติมบำรุงเลี้ยงชีวิตของตน
๒.ไม่เอาเลือดของสัตว์ทั้งหลาย มาเป็นเลือดของตน
๓.ไม่เอาเนื้อของสัตว์ทั้งหลาย มาเป็นเนื้อของตน
ข้อที่ ๒ ดำรงชีวิตอยู่ด้วยอาหารที่ไม่เบียดเบียนตนเอง
การรับประทานสิ่งใดก็ตาม ที่ทำลายสุขภาพร่างกายของตนให้ทรุดโทรม คือการเบียดเบียนตนเอง ปัจจุบันวิทยาการเจริญก้าวหน้าได้พิสูจน์ยืนยันว่าเลือด และเนื้อของสัตว์ที่ถูกฆ่าตายเต็มไปด้วยพิษภัยมากมาย
นอกจากนี้คนกินเจไม่บริโภคพืชผักฉุนทั้ง ๕ ได้แก่กระเทียม หัวหอม หลักเกียว กุ้ยฉ่าย และใบยาสูบ พืชผักทั้ง ๕ ชนิดนี้ แม้ไม่ใช่เนื้อสัตว์ แต่ให้ผลร้ายต่ออวัยวะสำคัญของร่างกาย
การกินเจ ไม่ใช่เพื่อให้เกิดผลดีแก่จิตใจเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไป ถึงการมีสุขภาพทีดีอีกด้วย ร่างกายและจิตใจเป็นของคู่กัน มีความสัมพันธ์ ส่งผลถึงกัน คนเราไม่อาจจะรู้สึกเบิกบานสดชื่นร่าเริงได้ในขณะที่ร่างกาย ทรุดโทรมย่ำแย่