หัวข้อ :คาถาหมา
12/11/2009
, 11:36
Quote
วันนี้เอาคาถาหมามาแจกครับ เชิญนำไปใช้กันได้ตามศรัทธา
คาถาหมา ของชาวล้านนา
มนต์คาถาที่เกี่ยวกับหมา ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นคาถาป้องกันหมาทำร้ายและคาถามหานิยม สำหรับชื่อคาถาจะเรียกชื่อต่างกันไปเช่น คาถาป้องกันหมาจะเรียกว่า คาถากั๋นหมาหรือคาถากั้งก่าหมาขบ และคาถามหานิยม เช่น คาถาหัวใจหมา คาถาสิเนหาหมาเถ้า เป็นต้น ซึ่งบทคาถามีตัวอย่างดังนี้
คาถากั้งก่าหมาขบอย่าอย่า นะพุทธัง สุนักขัง
ปะรายันติ ปิติอิ เถ็กฯ
(ใช้ภาวนาเมื่อหมาจ้องจะทำร้าย)
คาถาหัวใจหมา
หมา หมา หมา สุนักขา จิตติฯ
(ใช้ภาวนาเมื่อจะเข้าไปทักทายหญิงสาว)
คาถาสิเนหาหมาเถ้า
โอม อะยัง ราชา
กูนี้ชื่อว่าพญาหมาเถ้า กูไปต่างด้าวนางก็รักกูดั่งใจ
กูอธิษฐานเปนดอกไม้ นางก็ลู่กันชิงชม
กูเนรมิตเปนผม นางก็ลู่กันมาเกล้า
กูเนรมิตเปนเข้า (ข้าว) นางก็ลู่กันกิน
กูเนรมิตเปนดิน นางก็ลู่กันชิงกันย่ำ
ฅ่ำ ๆ ไห้หากู ร้อยวันพันมื้อ
หมื่นตื้ออย่าลืมกู อื่อเนอ นางเนอ
เออรัก...เสมอรัก โอม สวาหุมติดฯ
(ใช้เสกใส่อาหารให้หญิงสาวกิน เชื่อว่าจะทำให้สาวลุ่มหลง)
นอกจากนี้ยังมีมนต์บทหนึ่งเขียนด้วยอักษรธรรมล้านนา สามารถปริวรรตเป็นอักษรไทยได้ว่า "ทุถุลา อุตุลา ทันธุลา ปัณฑะลา บุปผาลา การะกาติ" ในตำราระบุว่าหากต้องการให้ผู้ใดรักใคร่ชอบพอ ให้เขียนชื่อผู้นั้นใส่ในแผ่นยอดใบตองกล้วย แล้วเสกด้วยมนต์ดังกล่าว ๗ คาบ นำไปสอดไว้ใต้ที่นอนตนหรือเผาไฟแล้วนำเอาขี้เถ้าไปคลุกข้าวให้หมากิน เชื่อว่าผู้ถูกกระทำจะหลงรักตน
เรื่องของหมาในด้านความเชื่อดังที่ได้เสนอมาจะเห็นได้ว่าทัศนะของชาวล้านนา มีทั้งบวกและลบแต่ลึกๆ จริงๆ แล้ว ชาวล้านนาโดยทั่วไปยังเห็นว่าหมาเป็นสัตว์ชั้นต่ำ ซึ่งอาจสังเกตจากค่านิยมบางประการ เช่น การบริโภคเนื้อหมา ถือเป็นอัปมงคล แม้กระทั่งใครทำบาปตามคติความเชื่อทางศาสนาก็จะถูกเทวดาบันทึกชื่อลงบนหนังหมาเน่า แต่หากทำบุญจะถูกบันทึกชื่อลงในแผ่นเงินหรือแผ่นทองคำที่เรียกว่า "หลาบเงิน หลาบคำ"
ความเชื่อเรื่องความเป็นอัปมงคลอีกอย่างที่โบราณกล่าวเป็นคำคล้องจองกันว่า "บ้านติดวัด ไม้ปัดหลังคา หมาหยื้อปล่อง" คือบ้านใดมีเนื้อที่ติดกับเขตวัด มีกิ่งไม้พัดโบ กสัมผัสกับหลังคาหรือหมาเขย่งขาชะโงกหน้าเข้าหน้าต่าง บ้านหลังนั้นเป็นอัปมงคลยิ่ง
วันนี้เอาคาถาหมามาแจกครับ เชิญนำไปใช้กันได้ตามศรัทธา
คาถาหมา ของชาวล้านนา
มนต์คาถาที่เกี่ยวกับหมา ส่วนใหญ่ที่พบจะเป็นคาถาป้องกันหมาทำร้ายและคาถามหานิยม สำหรับชื่อคาถาจะเรียกชื่อต่างกันไปเช่น คาถาป้องกันหมาจะเรียกว่า คาถากั๋นหมาหรือคาถากั้งก่าหมาขบ และคาถามหานิยม เช่น คาถาหัวใจหมา คาถาสิเนหาหมาเถ้า เป็นต้น ซึ่งบทคาถามีตัวอย่างดังนี้
คาถากั้งก่าหมาขบอย่าอย่า นะพุทธัง สุนักขัง
ปะรายันติ ปิติอิ เถ็กฯ
(ใช้ภาวนาเมื่อหมาจ้องจะทำร้าย)
คาถาหัวใจหมา
หมา หมา หมา สุนักขา จิตติฯ
(ใช้ภาวนาเมื่อจะเข้าไปทักทายหญิงสาว)
คาถาสิเนหาหมาเถ้า
โอม อะยัง ราชา
กูนี้ชื่อว่าพญาหมาเถ้า กูไปต่างด้าวนางก็รักกูดั่งใจ
กูอธิษฐานเปนดอกไม้ นางก็ลู่กันชิงชม
กูเนรมิตเปนผม นางก็ลู่กันมาเกล้า
กูเนรมิตเปนเข้า (ข้าว) นางก็ลู่กันกิน
กูเนรมิตเปนดิน นางก็ลู่กันชิงกันย่ำ
ฅ่ำ ๆ ไห้หากู ร้อยวันพันมื้อ
หมื่นตื้ออย่าลืมกู อื่อเนอ นางเนอ
เออรัก...เสมอรัก โอม สวาหุมติดฯ
(ใช้เสกใส่อาหารให้หญิงสาวกิน เชื่อว่าจะทำให้สาวลุ่มหลง)
นอกจากนี้ยังมีมนต์บทหนึ่งเขียนด้วยอักษรธรรมล้านนา สามารถปริวรรตเป็นอักษรไทยได้ว่า "ทุถุลา อุตุลา ทันธุลา ปัณฑะลา บุปผาลา การะกาติ" ในตำราระบุว่าหากต้องการให้ผู้ใดรักใคร่ชอบพอ ให้เขียนชื่อผู้นั้นใส่ในแผ่นยอดใบตองกล้วย แล้วเสกด้วยมนต์ดังกล่าว ๗ คาบ นำไปสอดไว้ใต้ที่นอนตนหรือเผาไฟแล้วนำเอาขี้เถ้าไปคลุกข้าวให้หมากิน เชื่อว่าผู้ถูกกระทำจะหลงรักตน
เรื่องของหมาในด้านความเชื่อดังที่ได้เสนอมาจะเห็นได้ว่าทัศนะของชาวล้านนา มีทั้งบวกและลบแต่ลึกๆ จริงๆ แล้ว ชาวล้านนาโดยทั่วไปยังเห็นว่าหมาเป็นสัตว์ชั้นต่ำ ซึ่งอาจสังเกตจากค่านิยมบางประการ เช่น การบริโภคเนื้อหมา ถือเป็นอัปมงคล แม้กระทั่งใครทำบาปตามคติความเชื่อทางศาสนาก็จะถูกเทวดาบันทึกชื่อลงบนหนังหมาเน่า แต่หากทำบุญจะถูกบันทึกชื่อลงในแผ่นเงินหรือแผ่นทองคำที่เรียกว่า "หลาบเงิน หลาบคำ"
ความเชื่อเรื่องความเป็นอัปมงคลอีกอย่างที่โบราณกล่าวเป็นคำคล้องจองกันว่า "บ้านติดวัด ไม้ปัดหลังคา หมาหยื้อปล่อง" คือบ้านใดมีเนื้อที่ติดกับเขตวัด มีกิ่งไม้พัดโบ กสัมผัสกับหลังคาหรือหมาเขย่งขาชะโงกหน้าเข้าหน้าต่าง บ้านหลังนั้นเป็นอัปมงคลยิ่ง
|