http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,935,845
Page Views33,372,315
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« March 2024»
SMTWTFS
     12
3456789
10111213141516
17181920212223
24252627282930
31      

 


ต้นนารีผล

(อ่าน 9189/ ตอบ 24)

วิท


Lastman

จากเรื่องบอกว่าย้อนไปหลายหมื่นปี
ผมคงไม่ใช่ (เพราะน่าจะเป็นคนละช่วงเวลากับมนุษย์ปัจจุบัน)


แต่ก็ขอบคุณสำหรับข้อมูลนะครับ



สำหรับรูป เดี๋ยวนี้คงทำแบบดังรูปง่ายครับ
เหมือนแตงโมรูปดาว หรือสี่เหลี่ยม เป็นต้น

Mon

เหมืือนมากเลย น่ามีบุรุษผลบ้าง เหอๆ

นาท

เรื่องเล่ามักกะลีผล  จากหลวงพ่อจรัล สิงค์บุรี






เรื่อง มักกะลีผล โดย พระราชสุทธิญาณมงคล


เมื่อสมัยเป็นเด็ก อาตมาอยู่กับคุณยาย ตอนนั้นอาตมาไม่ได้สนใจเรื่องบุญกุศล และเรื่องพระเวสสันดรแต่ประการใด แต่คุณยายสนใจมากในเรื่องเทศน์คาถาพัน และเทศน์มหาชาติ ฟังจบถือว่าได้บุญมาก


คุณยายนิมนต์พระมา ๓ องค์ องค์หนึ่งเดินพระคาถาพันจบหนึ่งพัน อีกสององค์ปุจฉาวิสัชนา แล้วว่าแหล่ว่าทำนองด้วย ตั้งแต่บ่ายโมงถึงห้าโมงเย็น ทุกรายการจบลงในวันนั้น ปีหนึ่งคุณยานจะต้องมีคาถาพัน ๒ ครั้ง อาตมาเป็นเด็กก็ไม่เข้าใจ ยายให้ฟังก็คอยรีบวิ่งไปเล่น ยายจึงเอาเชือกผูกขาไว้กับเสาให้จบหนึ่งพัน เลยฟังแย่แลย ฟังส่งเดชไม่รู้เรื่อง ตอนมาบวชจึงได้ทราบข้อเท็จจริง ได้ฟังเรื่องพระเวสสันดรจอมปราชญ์ มีป่าหิมพานต์ พอดีคุณยายมาซักไซ้อาตมา จึงได้บอกกับคุณยายว่า เรื่องพระเวสสันดรโกหก ไม่จริง ไม่ยอมรับและไม่ยอมเชื่อ คุณยายจึงได้เล่าให้ฟังว่า หลานเอ๋ย ตอนยายเป็นสาว ๆ เคยทำปิ่นโตไปส่งหลวงพ่อช้าง หลวงพ่อช้างเคยไปป่าหิมพานต์ ท่านได้สำเร็จญานสมาบัติ เป็นเจ้าอาวาสอยู่วัดตึกราชา อำเภอเมือง จังหวัดสิงห์บุรี ยายไปส่งปิ่นโตทุกวัน ท่านฉันข้าวเวลาเดียวอยู่ในป่าช้า


วันหนึ่งไปพบแขกคนหนึ่งมาจากไหนไม่ทราบ ยายถามหลวงพ่อ ท่านบอกว่า แขกมันเหาะมาจากป่าหิมพานต์มาตกขาแข้งหักไปไม่ได้ ท่านจึงรักษาให้ ยังอยู่ด้วยกันที่นี่ ยายก็รับฟัง เพราะยายยังเป็นรุ่น ๆ สาว ไปส่งปิ่นโตแทนยายชวด


ในที่สุดแขกหายแล้วก็เล่าให้หลวงพ่อฟังว่า ตัวเขาเป็นโยคี เหาะมาจากป่าหิมพานต์ เหาะมา ๒ คน คนหนึ่งสำเร็จฌาน แต่แขกคนนี้สำเร็จปรอทจากพระโยคีที่สำเร็จฌาน ทำปรอทให้อม แล้วก็เหาะมาได้ พอดีเกิดมาเถียงกัน เลยปรอทหล่น แขกก็เลยตากขาหัก เชื่อไม่เชื่อไม่เป็นไรนะ


ผลสุดท้ายแขกก็อ้อนวอนหลวงพ่อช้างให้ไปส่งที่ป่าหิมพานต์ และบอกว่าที่ป่าหิมพานต์สนุกสนาน มีผู้หญิง มีทั้งต้นมักกะลีผลอยู่ปากทางที่จะเข้าไปเฝ้าองค์พระเวสสันดรจอมปราชญ์ ผู้มีปัญญา อยู่ที่ป่าหิมพานต์โน้น เลยเขาหิมาลัย ๑๖ โยชน์ แขกเล่าไว้ชัด


หลวงพ่อช้างก็บอกว่าไม่อยากไปรู้ แต่แขกก็อ้อนวอนมาตามลำดับ ก็เสียอ้อนวอนแขกไม่ได้ แขกบอกว่าถ้าหลวงพ่อไปนะ ไปรับประเคนของใคร อย่าฉัน ถ้าฉันจะกลับไม่ได้แน่นอน ถ้าหลวงพ่อสำเร็จแค่ฌานสมาบัติไม่ให้ฉัน


ในเมื่อเป็นเช่นนี้ หลวงพ่อช้างบอกไม่ไป แขกบอกมีมักกะลีผล แขกก็คิดถึงบ้านในป่าหิมพานต์ของเขา ก็ให้ตำราปรอท ขอให้หลวงพ่อช้างทำปรอทให้ ใส่ปากอมก็เหินไปได้ หลวงพ่อช้างก็บอกว่ายังงั้นได้ ท่านสำเร็จฌานไปได้องค์เดียว แต่เอาแขกใส่ย่ามไปคงไม่ได้


ในที่สุดก็ให้ยายของอาตมาไปซื้อปรอท ซื้อยาซัด อาตมายังได้ตำราไว้ ณ บัดนี้ ซัดปรอทแล้วก็ไปส่งแขกที่ป่าหิมพานต์ ไปพบมักกะลีผลก็มาเล่าให้ยายฟัง ตอนนั้นอาตมายังเป็นเด็ก เวลาต่อมายายอายุ ๙๙ ก็ถึงแก่ความตาย อาตมาก็ฝังใจเรื่องนี้ตลอดมาเคยเห็นรูปที่ เหม เวชกร เขียนไว้ที่ฝาผนังวัดพระปรางค์มุนี เขียนต้นมักกะลีผลเหมือนของจริงด้วย ใบเหมือนใบมะม่วง มีลูกพวงหนึ่ง ๕ ผล แต่อาตมาก็เชื่อแน่ไม่ได้ว่าต้นไม้ออกลูกเป็นคน เสพสังวาสได้เหมือนคนเรา ก็ไม่ยอมเชื่อด้วยประการใด


ในเวลาต่อมา อาตมามาบวช จิตสำนึกเดิมมันยังนึกถึงเรื่องนี้อยู่ เพราะยายเล่าทุกวัน เล่าละเอียดด้วย เพราะมีคาถาพันปีละ ๒ ครั้ง มีพระเทศน์ปุจฉาวิสัชนา ว่าทำนองด้วย ยายว่าได้ครบทั้ง ๑๓ กัณฑ์ ตั้งแต่ทศพรถึงนครกัณฑ์ ยายไม่ค่อยรู้หนังสือแต่ว่าได้ เพราะจำพระเทศน์ได้


ต่อมา พ.ศ. ๑๕๑๕ อาตมามาอยู่วัดอัมพวันแล้ว พอดี หม่อมเจ้าหญิงพูนพิศมัย กับ นายสัญญา ธรรมศักดิ์ นายกพุทธสมาคมแห่งประเทศไทย ในพระบรมราชูปถัมภ์ ในสมัยนั้น มานิมนต์อาตมาไปประชุมพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกที่ประเทศศรีลังกา ไปตรงกับช่วงวันวิสาขบูชาพอดี

เบน

พี่คับ เล่าต่อจิคับ ยังไม่จบเลยอะ

นาท

ต่อๆอีกนิด



อาตมาก็จดบันทึกหลักฐานว่า ข้าพเจ้าจะไปประเทศศรีลังกานั้นจะไปที่ไหนบ้าง

๑. ข้าพเจ้าฝังใจนัก อยากจะขึ้นไปดูเขาสีคิริยา ที่พวกทมิฬหินชาติจับองค์พระมหากษัตริย์ขังไว้ แล้วฆ่าพระเณรตายหมดทั้งศรีลังกา นอกเหนือจากวงศ์ลังกาที่หนีเข้าป่าไปเท่านั้น พระมหากษัตริย์ก็กลับกูพระนครมาได้ จึงมีศุภราชสารตราส่งมายังกรุงสยามแห่งพระนครศรีอโยธยา ได้ขอพระอุบาลีวงศ์ ไปดำรงตำแหน่งสังฆนายก และเป็นสังฆราชแห่งประเทศศรีลังกา ต่อจากสยามวงศ์ศรีอยุธยา มีพระสังฆราชถึง ๑๕ พระองค์ เรียกว่าสยามวงศ์มาจนทุกวันนี้

๒. ต้องการไปบูชาและนมัสการเวียนเทียนศรีมหาโพธิ์ ที่นางศรีอมิตตาลูกสาวของพระเจ้าอโศกมหาราชเอาไปจากอินเดียต้นเดิม เอามาปลูกไว้ในประเทศศรีลังกา

๓. ต้องการไปทัศนศึกษาเกี่ยวกับวัดกรณีให้จงได้ ทราบข่าวมาว่า สมภารวัดกรณีได้ฆ่านายกรัฐมนตรีตาย นางศิริมาโวจึงได้เป็นนายกรัฐมนตรีแทนสามี

๔. ต้องกาจจะไปนมัสการพระเขี้ยวแก้วในวันวิสาขปุณมีดิถีเพ็ญกลางเดือน ๖ และได้เขาไปโดยอัศจรรย์ดลบันดาลหลายประการ แต่จะไม่ขอเล่าเรื่องนั้น

๕. ต้องการจะพิสูจน์ภาษาไทยจากไทยอาหม เป็นต้น ว่าเขาพูดอย่างไร ใช้หนังสือหลักฐานอย่างไร

ต้องการจะไปพิสูจน์ ๕ รายการก็ได้ครบจบทั้ง ๕ รายการที่ตั้งใจอธิษฐานไปทุกประการ

การเดินทางไปขึ้นเขาสีคิริยา ไปพร้อมกันทั้งรถบัสประมาณ ๓๐ กว่าคน พอถึงตีนเขาสีคิริยา หาคนขึ้นเขาไม่มี อาตมากับแม่เนื่อง อิ่มสมบัติ อดีตเลขาของนายสัญญา ธรรมศักดิ์ ตอนนั้นอายุ ๗๐ เศษแล้ว

นาท

คอมเม้น จากคุณ ชนะ ศริไพโรจน์ จากเวปพลังจิต


ขอนำเรื่องมักกะลีผล มาเสริมต่อเพื่อความสมบูรณ์ ในส่วนที่เกี่ยวข้องกับพระเดชพระคุณ

พระธรรมสิงหบูราจารย์ (หลวงพ่อจรัญ วัดอัมพวัน)



เมื่อประมาณปี ๒๕๒๓ ผมได้มีโอกาสไปกราบหลวงพ่อจรัญเป็นครั้งแรกที่วัดอัมพวัน

ในสมัยนั้นไม่มีคนมาวัดมากมายเหมือนปัจจุบัน ที่กุฏิของท่านจะมีตู้กระจกอยู่ตู้หนึ่ง

ภายในตู้จะมี มักกะลีผลอยู่ ๒ ผล ความสูงประมาณ ๑ คืบมีลักษณะหน้าตารูปร่าง

เหมือนคน แต่บริเวณศรีษะมีลักษณะคล้ายจุกของผลไม้



หลวงพ่อได้เล่าให้ฟังว่าท่านเคยไปพบมักกะลีผลในขณะที่ยังเป็นผลสดๆ ที่ถ้ำบนเขาสิคิริยาในประเทศศรีลังกา

ท่านไปประชุมพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลก ท่านไปพบพระชาวสิงหลในถ้ำ โดยมีแม่เนื่อง อิ่มสมบัติ เป็นล่ามแปล

ท่านถามพระสิงหลว่านี่คืออะไร ท่านตอบว่ามักกะลีผล ท่านนำมาจากป่าหิมพานต์ นำมาเพื่อพิจารณากรรมฐาน

หลวงพ่อจรัญบอกว่ามักกะลีผลมีรูปร่างสวยงามมาก ผมสีทอง ตาขาวสีฟ้า ตาดำสีทอง ผิวสวย มีกลิ่นหอม

และท่านก็อธิษฐานว่าขอให้เจอมักกะลีผลในประเทศไทย และท่านก็เจอจริงๆ



หลวงพ่อท่านเล่าให้ฟังถึงความเป็นมาของมักกะลีผลคู่นี้ว่า

ท่านได้มักกะลีผลมาจากนายสำเริง นำมาฝากไว้ นายสำเริงเป็นลูกชายของสมภารตุ๊

อยู่ที่จังหวัดลพบุรี วันหนึ่งซึ่งเป็นวันพระ ๑๕ ค่ำ ขณะกำลังทำบุญกันอยู่ ก็มีชายคนหนึ่ง

แต่งตัวสกปรกผมเผ้ารุงรังคล้ายฤาษีชีไพร เข้ามาในวัดและมาขอพักอาศัย สมภารตุ๊

ท่านก็อนุญาติด้วยความเมตตา ตอนจะกลับชายคนนี้ได้มอบห่อผ้าพร้อมกล่องใบหนึ่ง

ให้สมภารตุ๊และสั่งว่าให้เขาไปก่อนค่อยเปิดดูและอย่าให้คนอื่นเห็น สมภารตุ๊ก็เข้าไปในกุฏิ

และเปิดห่อผ้าดูก็เห็นเป็นรูปผู้หญิง ๒ คน ตอนนั้นท่านก็ไม่รู้ว่าเป็นอะไร จนนำไปให้

หลวงพ่อบุญมีดู ท่านก็บอกว่านี่เป็นมักกะลีผล เป็นผลไม้ในป่าหิมพานต์ ต่อมาสมภารตุ๊

ก็มอบมักกะลีผลให้นายสำเริงบุตรชาย นายสำเริงได้นำไปฝากไว้กับหลวงพ่อจรัญ

ต่อมาเขาก็ขอคืนและนำไปมอบไว้ที่วัดพระปรางค์มุณี จ.สิงห์บุรี อยู่มาจนถึงปัจจุบัน

ท่านใดสนใจก็ไปชมได้ วัดพระปรางค์มุณีอยู่เลยวัดอัมพวันไปทางสิงห์บุรีประมาณ

๓ ก.ม.อยู่ด้านขวามือครับ



เคยมีแพทย์นำมักกะลีผลไปผ่าพิศูจน์ พบว่ามีอวัยวะภายในเหมือนคนเราทุกประการ

แต่แห้งฝ่อเหมือนผลไม้แห้ง มักกะลีผลตอนยังสดอยู่จะมีขนาดเท่ากับคนอายุประมาณ

๑๕-๑๖ ปี แต่เนื่องจากไม่มีโครงกระดูก จึงยุบตัวลงมาเหลือประมาณคืบกว่าๆ



พระเดชพระคุณหลวงพ่อจรัญ ได้กล่าวว่า ต้นมักกะลีผลเกิดขึ้นในสมัยพระเวสสันดร

ทรงไปบำเพ็ญพรตที่เขาวงกต ในป่าหิมพานต์ พระอินทร์ได้ให้พระวิษณุกรรม เนรมิต

บรรณศาลาและกุฏิที่พักถวายพระเวสสันดร และพระอินทร์ได้เนรมิต ต้นมักกะลีผลเพื่อป้องกันพระนาง

มัททรี จากอันตรายจากพวกฤาษีชีไพร หรือพวกวิทยาธรที่อยู่ในบริเวณนั้น



ท่านกล่าวว่า ณ ปัจจุบัน กุฏิที่พระเวสสันดรพักปฏิบัติธรรม และต้นมักกะลีผล ยังคงสภาพอยู่

จนกว่า พระพุทธศาสนาจะอยู่ครบ ๕๐๐๐ ปี สิ่งที่เนรมิตทั้งหมดจะสลายไป

และพระบรมสารีริกธาตุขององค์สมเด็จพระบรมศาสดาสัมมาสัมพุทธเจ้า ไม่ว่าจะอยู่ที่ใดในโลกนี้

จะไปรวมตัวกันเป็นพระวรกายของพระพุทธเจ้า ณ จุดที่พระพุทธองค์ทรงตรัสรู้อนุตรสัมมาสัมโพธิญาณ

ทรงแสดงธรรมเป็นครั้งสุดท้ายจากนั้นก็จะสลายตัว

นาท

คอมเม้นท์จาก สมาชิก เวปพลังจิต


เคยเห็นของจริงแล้วที่สิงห์บุรีนี่แหล่ะ จับมาแล้ว ลักษณะเหมือนผลไม้เลยแหล่ะ และมีกลิ่นผลไม้แห้งด้วย เราก็ช่างสังเกตอยู่แล้วเนอะ ก็จับพลิกคว่ำพลิกหงาย ดูทุกซอกทุกมุม มันเป็นผลไม้จริง ๆ อ่ะนะ แบบว่าถ้าจะทำขึ้นมาหรืออะไรเนี่ย พวกขนน่ะ มันละเอียดมาก ๆ มันเป็นขนบาง ๆ ของผลไม้ที่แห้งแล้วน่ะ และก็เหมือนคนมาก ๆ เลย แปลกเนอะ

นาท

โทษทีจากตอนแรกของหลวงพ่อจรัล มันไม่ต่อกัน

เอาใหม่



หลวงพ่อช้างได้ซัดปรอทและพาโยคีแขกเหาะ ไปป่าหิมพานต์ ได้เห็นต้นมักกะลีผลจริงๆ เมื่อกลับมา หลวงพ่อช้างได้เล่าเรื่องนี้ให้คุณยายฟัง เวลานั้นหลวงพ่อจรัญ ยังเด็ก รับฟังเรื่องนี้อย่างฝังใจจำ เพราะเป็นเรื่องแปลก ต่อมาเมื่ออุปสมบทเป็นภิกษุแล้ว จิตสำนึกเดิมๆ ในเรื่องมักกะลีผลก็ยังค้างคาใจอยู่ พระสิงหลเจ้าของมักกะลีผล ปีพ.ศ.2515 หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม (พระครูภาวนาวิสุทธิ) ได้รับนิมนต์ให้ไปประชุมพุทธศาสนิกสัมพันธ์แห่งโลกที่ประเทศศรีลังกา ท่านได้ไปในสถานที่สำคัญหลายแห่ง รวมทั้ง เขาสีคิริยา ที่พวกทมิฬ หินชาติจับพระมหากษัตริย์กังขังไว้ และฆ่าพระเณรตายหมด 



            ระหว่าง ที่ท่านเดินไปตามทางที่เป็นป่า ได้พบถ้ำแห่งหนึ่ง ภายในถ้ำมีกลิ่นหอมประหลาดล้ำอบอวลไปทั่ว ที่นั่น หลวงพ่อจรัญได้พบกับพระชาวสิงหล นุ่งห่มผ้าสีดำ ปล่อยหนวดเครารุงรัง นั่งเจริญกรรมฐานอยู่ หลวงพ่อจรัญได้มนัสการก่อนในฐานะผู้มาเยือนประกอบกับท่าทางจะมีอาวุโสกว่า ท่าน พระชาวสิงหลได้พูดกับหลวงพ่อจรัญและชี้ไปที่มุมถ้ำด้านหนึ่ง ตรงนั้นมีสตรีเพศซึ่งงดงามมาก ทอดกายนอนอยู่โดยปราศจากอาภรณ์ใดๆปิดบัง หลวงพ่อจรัญคิดตำหนิอยู่ในใจว่า พระรูปนี้แย่มาก เอาสีกามาไว้ในถ้ำในชุดวันเกิด มองรอบๆถ้ำพบแต่ความเงียบสงัด ไม่มีผู้อื่นอยู่ร่วมอีก 



            พระชาวสิงหลพูดว่า “พระคุณเจ้าพิจารณาด้วยวรญานเถิด” หลวงพ่อได้พิจารณาดูด้วยวรญาน จึงได้รู้ว่าสีกาที่นอนเปลือยกายอยู่นั้นมิใช่มนุษยธรรมดา หากเป็นผลไม้ ชื่อ... “มักกะลีผล !!” คราวนี้หลวงพ่อจึงกล้าพิจารณาโดยละเอียดและเข้าไปดูใกล้ๆ เพราะเป็นเรื่องอัศจรรย์เหลือล้ำเกินคำกล่าวใดๆ ที่ได้มีวาสนามาพบเห็นภาวะเหนือโลกเช่นนี้ 



            “มักกะลีผล” มีขนาดส่วนเท่ากับหญิงสาวอายุ 16 ปี ใบหน้ารูปไข่ มีเส้นผมยาวสยายเป็นสีทองเหมือนผู้หญิงฝรั่ง ตรงกลางกระหม่อมมีลักษณะเหมือนขั้วผลไม้เทียบได้กับมังคุด นัยน์ตาใหญ่ได้รูป ส่วนที่เป็นนัยน์ตาดำมีประกายระยิบระยับคล้ายเจือเกร็ดทอง นัยน์ตาขาวเป็นสีฟ้าใส จมูกโด่งรับกับปาก ช่วงลำคอ เป็นปล้อง 3 ปล้อง ไม่มีไหปลาร้า ดูอิ่มเต็มเนียนไปหมด ผิวพรรณหรือผิวหนังตึงเต่งเหมือนผิวมะปรางสุก นิ้วมือเรียวลงไปเหมือนนิ้วมนุษย์ แต่ปลายนิ้วทั้ง 4 ยาวเสมอกัน เว้นหัวแม่มือ หลังมือก็อิ่มเต็มเกลี้ยงเกลา ข้อมือข้อเท้ากลมกลึงไม่มีปุ่มกระดูกเหมือนคนทั่วไป


 และกลิ่นหอมที่อวลตลบอยู่ในถ้ำ แท้จริงเป็นกลิ่นดอกไม้ที่ระเหยมาจากมักกะลีผลนี่เอง เมื่อพระสิงหลเห็นหลวงพ่อจรัญ พิจารณาจนพอใจแล้ว จึงเล่าให้ฟังว่า ท่านได้มักกะลีผลนี้มาจากป่าหิมพานต์  มักกะลีผล เป็นต้นไม้ที่ออกดอกมาเป็นพวงๆหนึ่งมี 5 ผล รูปร่างเป็นผู้หญิงสาวทั้งนั้น พอ 7 วันจะหมดอายุร่วงหล่นพร้อมๆกัน 



            นี่คือความ มหัศจรรย์เหนือโลก ที่พระเดชพระคุณหลวงพ่อพระราชสุทธิญานมงคล (หลวงพ่อจรัญ ฐิตธมฺโม) ได้ไปพบเห็นมักกะลีผล ด้วยตาเนื้อของท่านที่ประเทศศรีลังกา เมื่อหลวงพ่อจรัญพบเห็นมักกะลีผลที่ประเทศศรีลังกาแล้ว ท่านได้อธิษฐานจิตขอพบมักกะลีผลในประเทศไทย “เหตุมหัศจรรย์” ก็เกิดขึ้นอีกครั้งที่วัดอัมพวัน

นาท

 ผู้ครอบครอง “มักกะลีผล” ในไทย ที่จังหวัดลพบุรี...



            มี วัดแห่งหนึ่งตั้งอยู่บนที่ดอนกลางท้องทุ่ง เจ้าอาวาสเป็นพระภิกษุสงฆ์ผู้ปฏิบัติชอบ มีศีลาจารวัตรงดงาม เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านในละแวกนั้น ชายชราผู้หนึ่งแต่งกายคร่ำคร่า ค่อนไปทางสกปรกสะพายย่ามใบใหญ่ใส่ของไว้จนโป่ง เดินเข้ามาหามนัสการเจ้าอาวาส และพูดว่า “กระผมเดินทางมาไกล จะเดินทางกลับบ้านก็ยังอยู่ไกลเหลือเกิน อยากจะขอความเมตตาจากพระคุณเจ้าพักทีวัดนี้สัก 7 วัน พอให้มีเรี่ยวแรงก็จะเดินทางต่อไป” 



            ท่านเจ้า อาวาสมีจิตเมตตาจึงเอ่ยปากอนุญาตให้พักที่ศาลา ให้ทายกวัดจัดสำรับกับข้าวมาให้คนจรสูงอายุกินด้วย แต่ทายกทำท่ารังเกียจเดียดฉันท์ เพราะเห็นเป็นคนสกปรกมอมแมมไม่อยากต้อนรับ เจ้าอาวาสจึงเป็นผู้จัดการเสียเอง เมื่อครบกำหนด 7 วัน ชายชราก็มาหาเจ้าอาวาสบอกว่าขอนมัสการกราบลา และ ขอบพระคุณที่ท่านเจ้าอาวาสมีเมตตาให้กินอยู่หลับนอนตลอด 7 วัน 



            ท่าน เจ้าอาวาสก็ยิ้มแย้มไม่ว่ากระไร และมีน้ำใจเดินไปส่งจนถึงประตูหลังวัด ก่อนจะออกนอกเขตวัด ชายชราคนจรได้มนัสการท่านเจ้าอาวาส แล้วกล่าวว่า “พระ คุณเจ้าเป็นผู้มีเมตตา กระผมอยากจะทดแทนพระคุณของท่าน ก่อนอื่นกระผมขอเตือนพระคุณเจ้าว่า หากมีความต้องการจะทำอะไรเพื่อบำรุงพระพุทธศาสนา ก็ให้รีบลงมือทำทันทีให้แล้วเสร็จภายใน 4 ปี หลังจากนี้พระคุณเจ้าจะไม่ได้อยู่ทีวัดนี้แล้ว ประการต่อมากระผมขอถวายสิ่งที่อยู่ในย่ามนี้ให้พระคุณเจ้าเก็บรักษาไว้ ถือว่าเป็นสิ่งแทนน้ำใจของกระผมก็แล้วกัน” 



            ชาย ชราคนจรปล่อยย่ามจากหัวไหล่ และมอบให้ท่านเจ้าอาวาส แล้วก็กราบลาไป สมภารเจ้าอาวาสเปิดย่ามดูเห็นของประหลาดอยู่ในย่าม มีกระดาษเขียนข้อความว่า “มักกะลีผล 2 ผลนี้ ข้าพเจ้าได้มาจากป่าหิมพานต์ เป็นของฝากของขวัญมอบให้สมภารไว้ที่นี่” 



            นอก จากนั้นยังทำนายเหตุการณ์ และสั่งความไว้อีกพอควร เมื่อท่านสมภารเห็นมักกะลีผลและข้อความที่เขียนไว้เป็นอัศจรรย์ จึงตะโกนเรียกคนในวัดให้วิ่งไปตามชายชราคนจรกลับมาโดยเร็ว ลูกศิษย์วัดก็รีบลนลานออกประตูหลังวัดไปทันที ทั้งที่ชายชราผู้นั้นเดินจากไปไม่นานและบริเวณหลังวัดก็เป็นทุ่งนาโล่งไป ตลอดสุดสายตา แต่ลูกศิษย์ที่วิ่งไปตามชรากลับไม่เห็นใครเลย ราวกับชายชราผู้นั้นหายตัวไปเสียแล้ว 



            เมื่อท่านสมภารกลับมาดูยังที่พักของชายชรา เสื่อหมอนที่ใช้นอน ใช้หนุน แทนที่จะเหม็นสาบ เพราะผู้ใช้สกปรกซอมซ่อเหลือกำลัง กลับระเหยกลิ่นหอมคล้ายกลิ่นธูปเทียนและน้ำมันจันทน์ตลบอบอวล ท่าน เจ้าอาวาสได้เก็บรักษามักกะลีผลไว้อย่างมิดชิด แล้วเร่งสร้างกุฏิกรรมฐานจนแล้วเสร็จ เป็นที่ปลาบปลื้มยินดีสำหรับท่าน เมื่อครบเวลา 4 ปี เจ้าอาวาสก็ถึงแก่มรณภาพ เป็นไปตามคำของชายชราคนจรซึ่งเคยเตือนไว้ 



            เจ้าอาวาสรูป นี้บวช 2 ครั้ง บวชครั้งแรกตามประเพณี แล้วก็สึกออกไปเป็นฆราวาส มีครอบครัวลูกเมียไปตามปกติ ครั้นอายุมากขึ้นเกิดความเบื่อหน่ายในชีวิตทางโลก จึงได้กลับมาบวชอีก กระทั่งได้รับการแต่งตั้งเป็นเจ้าอาวาสวัด ลูกชายของท่านเจ้าอาวาสองค์นี้เป็นลูกศิษย์ของหลวงพ่อจรัญตั้งแต่เล็กๆ หลวงพ่อได้อุปการะเลี้ยงดูและส่งเสียให้เรียนหนังสือและบวชให้ เมื่อเป็นพระภิกษุก็ได้ศึกษาเล่าเรียนที่วัดอัมพวัน จนกระทั่งสึกไป

 

            เมื่อ ท่านสมภารมรณภาพ ลูกชายก็ไปทำศพ  ไปได้มักกะลีผล 2 ผล ของหลวงพ่อสมภารกลับมา แล้วนำมาถวายให้หลวงพ่อจรัญ อธิษฐานจิตที่หลวงพ่อจรัญได้กำหนดไว้ที่ภูเขาสีคิริยา ได้ปรากฏเป็นอัศจรรย์ขึ้นแล้วที่วัดอัมพวัน หลวงพ่อจรัญได้เก็บรักษามักกะลีผลนี้ไว้เงียบๆ 



            ขณะเดียวกัน ก็ได้เห็นความเปลี่ยนแปลงของมักกะลีผลตามกฎอนิจจังเป็นลำดับ ธรรมชาติของมักกะลีผลเป็นพืชผล แม้จะอุบัติขึ้นด้วยความมหัศจรรย์เหนือโลก ก็ไม่อาจหนีพ้นความเสื่อมไปได้ คราวแรกที่หลวงพ่อจรัญได้รับมักกะลีผลทั้งสองผลมานั้น ยังมีขนาดใหญ่พอควร ต่อมาก็ค่อยๆ แห้งเฉาลดขนาดลงไปเรี่อยๆ จนกระทั่งเหลือความสูงประมาณ 10 นิ้วฟุต และเมื่อแห้งเฉาถึงสุดแล้ว ก็เหลือเพียงรูปถ่ายซึ่งได้บันทึกเก็บไว้เท่านั้น

หนูมาลี

ต้นไม้จำลองอยู่ที่ไหน อยากไปดูบ้างค่า

นายเก่งจัง

นายเก่งจัง

บางเรื่องสิ่งที่เรามองไม่เห็นเราอาจไม่รู้หรอกว่ามันมีอยู่จริงมันขึ้นอยู่กับศัทธาและการปฎิบัติดีปฎิบัติชอบในทางที่ดีมากกว่า

www.hotmail.com

ปอ


ผมบูชามาเป็นตัวผู้จากลาว  พอนำมาก็สวดคาถาที่ได้มา บูชาด้วยดอกบัวสามดอกถวายนำดื่ม ตกกลางคืนออกมาเป็นชายหนุ่มรูปงาม มาหยอก ดึงขาเล่น เรียกเราว่าพ่อ หลายคืนก็ออกมาบอกว่ากมาอยู่กับพ่อแล้วอย่าขายลูกให้ใครนะ เหมือนปาฏิหารย์ เหลือเชื่อจริงๆ วันที่บูชามามีทั้งหมด6ตัว มีแท้แค่2ตัวหนึ่งในนั้นผมหยิบมา ที่ว่าคือเขามีจิตวิณญาณสื่อสารกับเราด้ายโดยเฉพาะคนจิตอ่อน มีบุญ ไม่กินเหล้าไม่เล่นการพนัน ให้คุณด้านเสน่ห์ เมตตามหานิยม โชคลาภและขอให้ช่วยได้ทุกๆเรื่อง


สนใจสอบถาม 0819650684


 

Page : 1
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view