1.เรื่องโทรศัพท์นั้นทุกวันนี้มีมือถือ เด็กวัดลูกศิษย์ที่มีหน้าที่รับผิดชอบกุฎิก็ไม่ได้อยู่เฝ้ากุฎิตลอดเวลา ด้วยสุขภาพหลวงปู่ท่านก็ชราภาพแล้ว เวลาพักผ่อนก็ไม่อยากให้อะไรมารบกวนเวลาพักผ่อน คนชราภาพกับสุขภาพที่ไม่ค่อยแข็งแรง นอนก็หลับๆตื่นๆเมื่อเวลาหลับสนิทก็อยากให้ท่านพักเต็มที่ ผมว่าบางเขาก็ถอดสายออกนะครับ
2.ต้องถามตัวเราเองก่อนครับว่าเราไปด้วยศรัทธา หรือกระแส กุมารทองที่อยู่ในตู้นั้นท่านคิดว่าจะมีจิตต่อเมื่อตอนเจิมหรือ ท่านคิดว่าก่อนหน้านั้นก็ก้อนดินธรรมดาเหรอ แต่หากอยากเจิมก็หลวงตาขวัญก็เป็นศิษย์ท่านหนึ่งที่ทันหลวงพ่อเต๋ ถ้าไม่แน่จริงหลวงพ่อแย้ม และคนในวัดคงไม่วางใจปล่อยให้ทำแทน สิ่งสำคัญถ้าท่านทันหลวงพ่อเต๋คงทราบว่าก่อนเข้าไปหรือหลังออกมาแม้ไม่ได้เจิมก็มาขอต่อหน้าสรีระของหลวงพ่อเต๋ก็แน่มั่นใจได้ครับ นอกจากตามกระแส อีกประการหลวงปู่บ่นเสมอว่าท่านจะมีโอกาสอยู่ทันภาระที่สร้างไว้เสร็จทันไหม หลวงปู่เองท่านก็ถนอมตัวเองไม่ใช่กลัวมรณะภาพแต่กลัวไม่มีใครทำต่อให้เสร็จได้ ในมุมมองศิษย์อย่างเราก็ต้องทราบครับ(หากเป็นการปรามาสหลวงพ่อต้องกราบขอโทษท่านด้วย) ที่ท่านกลัวไม่ทันก็เพราะกลัวหาจจัยไม่ทันสำเร็จ ผู้ตั้งกระทู้ก็บอกอยู่แล้วว่าผู้เข้าไปน่าจะมีกระตังแบบกล้าร่วมถวาย มิได้แค่มาบูชากุมารตามราคาวัดเท่านั้น ปรการที่สำคัญหลวงพ่อคงไม่ได้เป็นผู้กำหนดว่าให้ใครเข้าได้หรือไม่ นอกจากดุลพินิจของลูกศิษย์ที่หว่งในสุขภาพ เราศรัทธาก็อนุโมทนาที่ร่วมบูชากุมาร แต่จำเป็นมากเหรอครับที่ต้องขอศิษย์เข้าหาให้เสมอภาค
3.เรื่องพิพิฒภัณฑ์ มีความหมายอยู่ในคำแล้ว ท่านครับมองในแง่ดีหากเปิดตลอดเวลานั่นหมายถึงต้องใช้แรงงานที่ต้องดูแลหรือเฝ้าและทำความสะอาด ในช่วงเวลาที่ไม่จำเป็นมากนักก็อาจปิดเพื่อลดความรับผิดชอบลงไปบ้างก็ได้ อย่าคิดเล็กคิดน้อยกับหลวงพ่อเลยครับ ศรัทธาเป็นสิ่งแรกก่อเกิดความมั่นใจ
4.คำตอบข้อนี้อยู่ในต้นๆแล้ว สมัยหลวงพ่อเต๋ คงทอง ไม่มีแม้การเจิมทำไมเข้มขลังทั้งคุณภาพและราคา ถึงแม้ทุกวันนี้จะมีองค์จิตอยู่หรือไม่ก็ไม่เห็นมี ใครที่บูชาของหลวงพ่อเต๋อยู่ทุบทิ้ง หรือให้กันฟรีๆ
*ขอโทษกับข้อความนี้หากผิดใจท่านใด*