(ก๊อปเอามาให้อ่าน ช่วยชี้แนะ ไม่อยากใ้ห้โจมตี แค่อยากหาความรู้จริงๆ)
ผลเสียจากการเลี้ยงกุมารทอง (รวมถึงเทพเจ้าต่างๆที่ไม่ใช่พระรัตนตรัย
ส่วนคนที่เลี้ยงกุมารทองก็จะคิดว่า สิ่งเหล่านี้เป็นที่พึ่ง ความคิดก็จะวนเวียนอยู่แต่เรื่องกุมารทอง ใจมาผูกพันกับเรื่องทรงเจ้าเข้าผี มักจะไม่ค่อยคิดเรื่องการทำความดีให้ยิ่ง ๆ ขึ้นไป ความคิดที่จะให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา หรือตั้งใจจะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวไม่มี เมื่อตายแล้วมักจะวนเวียนอยู่กับพวกนี้

บางรายก็มาเป็นพวกในเครือของวิทยาธรที่เกี่ยวกับเรื่องที่ตนสนใจ หรือไปเข้าสิง เข้าทรง อย่างที่ตนเคยทำ แต่ถ้าหากพอทำบุญบ้าง ไม่ได้ทำบาปอะไรมากมาย อย่างมากก็ไปเป็นวิทยาธรอยู่ในป่าหิมพานต์ จะไม่ไปสูงกว่านี้

แล้วก็มีสิทธิ์ไปเกิดเป็นกุมารทองให้เขาใช้ และเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์มักจะเป็นร่างทรง คือมีความรู้สึกชอบ จะมีคนชวน จะมีกระแสดึงดูดให้ไปเป็นร่างทรง พอไปเจอพวกร่างทรงก็บอกว่ามีองค์อยู่ข้างใน ถ้าไม่ยอมให้เป็นร่างทรงก็จะป่วยไข้ ทนไม่ไหว ถ้าจะหายป่วยก็ต้องยอมให้องค์เข้า

บทส่งท้าย บ๊ายบาย...กุมารทอง
เรื่องกุมารทอง และเรื่องต่าง ๆ ที่กล่าวมานั้น ล้วนเป็นสิ่งที่น่าศึกษา เพราะเกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งกรรม เราอย่าลืมว่า กายละเอียดเหล่านี้เคยเป็นอดีตมนุษย์ แต่เป็นอดีตมนุษย์ที่ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก

แต่ว่าชีวิตมีทุกข์ เมื่อมีทุกข์ก็ต้องหาที่พึ่ง เหมือนว่ายน้ำอยู่ในทะเลจะจมน้ำ หมดเรี่ยวแรง มีซากศพลอยมาก็ต้องเกาะ จะมีอะไรผ่านหน้ามาก็ต้องคว้าเกาะไปก่อน เพื่อให้ตัวไม่จมน้ำ แต่ถ้าแพลอยมาหรือเรือลอยมา ผู้ฉลาดต้องปล่อยซากศพแล้วก็ขึ้นแพขึ้นเรือกันไป คือ ยามใดที่ยังไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จะไปยึดถือสิ่งเหล่านี้ที่ไม่เป็นที่พึ่งไปก่อน

แต่ยามใดที่มีพระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นแล้ว ก็ควรจะทิ้งสิ่งเหล่านั้น หันมายึดถือพระรัตนตรัย เพราะสิ่งที่ไม่ใช่ที่พึ่งที่ระลึกอย่างแท้จริง ก็จะมีปัญหาอยู่ในตัว พูดง่าย ๆ ว่ามันมีโทษอยู่ในตัวด้วย ซึ่งโทษที่เกิดตัวก็ไม่เข้าใจเพราะขาดแคลนความรู้ตรงนี้ มีแต่ศรัทธาอย่างเดียวแต่ว่าขาดดวงปัญญา
โทษที่ตัวไม่เข้าใจ ตัวก็เลยยึดถือกันไป แต่ยุคนี้พระรัตนตรัยยังมีอยู่ เพราะฉะนั้น ถึงเวลาที่เราจะต้องทิ้งซากศพแล้วก็ขึ้นแพ ขึ้นเรือกัน เราจะได้หอบหิ้วกันไปถึงฝั่งพระนิพพานกันได้ พ้นจากวัฏฏะกันได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้จากการศึกษาเรื่องราวของกุมารทอง เราก็จะได้ข้อคิดกันอย่างนี้

สิ่งที่เคยเห็น

โดยส่วนตัว เคยเห็นตัวอย่าง หลายคนที่ออกฝันในฝัน เป็นสกู๊ป ปลดปล่อย กุมารทอง เทพเจ้าต่างๆหลายคน และเคยถามคนที่เคยปล่อยมาแล้ว ก็บอกว่าสบายใจดี โล่งดี

ถ้าเราทำถูกหลักวิชาไม่ต้องกังวลอะไร หักดิบตัดใจ จะได้ไม่มีเชื้อแห่งความหลงติดตัวไป ใครก็ปล่อยกันเยอะแยะ
เคยเห็นมาหลายท่านแล้ว

เอามือคว้าหุ่นกุมารทองทิ้งลงถุงขยะทันที อิอิ ปลดปล่อยตามใจ

...รับมาโดยที่เขาเต็มใจมาช่วยพ่อหรือแม่ให้ช่วยในทางที่ดี อีกทางคือช่วยหาเงินเข้าวัดสร้างสาธารณะกุศล ครูบาอาจารย์ได้รักษาวิชาของไทย นำมาสงเคราะห์ญาติโยมที่ยังต้องทำมาหากินและทำบุญ  การเอามาเลี้ยงเป็นลูก เอาอาหารให้เค้ากิน ทำบุญให้ ทำให้เกิดบารมี เมื่อถึงเวลาก็ไปในทางที่ดีขึ้น...
คงไม่บาปหรอก...

อย่าไปถือเลยบางที ครูบาอาจารย์บางองค์ ท่านมีหน้าที่ หรือมีความถนัดไม่เหมือนกัน

แต่อย่างว่า...เอาอารายมาก กะ...นี้ พวกเทพ พรหม เทวดา เจ้าอาวาสท่านยังไม่ให้บูชาเลย การมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึกสูงสุดเป็นสิ่งอันประเสริฐในฐานะของเราชาวพุทธ แต่ในบางครั้งผมก็คิดว่าก็เหมือนกับเราให้ความเคารพนับถือผู้หลักผู้ใหญ่ นับถือในคุณงามความดี...ตามหลักเทวตานุสสติ หนึ่งในอนุสติสิบของกรรมฐานก็ยังมีให้ระลึกถึงคุณความดีที่ทำให้เกิดเป็นเทวดาคือ หิริโอตัปปะ ...มีอะไรท่านพอจะช่วยได้ท่านก็ช่วยสงเคราะห์ให้... หลวงปู่ หลวงพ่อบางองค์ก็ยังเคยกล่าวไว้ หรือจะห้ามไม่ให้บูชาเคารพในอดีตพระมหากษัตริย์ หรือ นักรบวีรชนคนกล้าบรรพบุรุษผู้มีพระคุณทั้งหลายมันก็ไม่ถูกไม่ควรซะหมด ดั่งมงคลที่ว่า ปูชา จปูชนียานัง เอตัมมังคลมุตตะมัง การบูชาบุคลที่ควรบูชานั้นเป็นอุดมมงคล
เจ้าแม่กวนอิม ท่านยังบอกว่าไม่มีอยู่จริงเลย ห้ามไม่ให้บูชากันคนในนั้น ทั้งๆที่หลวงปู่ หลวงพ่อ ทั้งหลายผู้ปฏิบัติดีท่านก็เคยประสบพบเจอมาแล้ว

เคยได้ยินมาเหมือนบอกว่าว่าให้ไปอยู่ที่ เขตวงบุญพิเศษเขตดุสิตบุรี ซึ่งในพระไตรปิฎกมีแต่สวรรค์ชั้นดุสิต ซึ่งเป็นที่พำนักของเหล่าพระโพธิสัตว์ที่จะรอมาตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้า และพระอริยเจ้าตั้งแต่พระโสดาบัน และพระพุทธบิดา-มารดา

วัดนี้ห้ามเลี้ยงกุมารทอง ครับ แต่ ให้เอา เงิน ทั้งหมด ไป ซื้อ โมดุล เพราะว่าเด๋วตายไปจะไม่มีที่ สวรรค์ อยู่ ครับ

อ่านแล้วคันมือจัง......ขอเพิ่มเิติมนิด

เอาความเห็นส่วนตัวนะครับ...

ผมเองนับถือพุทธศาสนา อันมี พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์ (ก็คือพระรัตนตรัยนั่นแหละครับ) เป็นสิ่งยึดเหนี่ยวจิตใจ ไม่ใช่เป็นที่พึ่ง เพราะพุทธศาสนา คือ ศาสนาแห่งการลงมือปฏิบัติ (อัตตาหิ อัตโนนาโถ) ไม่ใช่ศาสนาแห่งการพึ่งพาใคร (ท่าน ว. เคยกล่าวไว้) แต่พึ่งทางใจได้

เพราะท้ายที่สุดแล้วเราเองนั่นแหละคือตัวบอกอนาคตที่ดีที่สุด เช่น ถ้าวันนี้คุณมีความเพียรพยายาม อนาคตคุณก็จะประสบความสำเร็จ

....แต่ที่ผมเลี้ยงกุมาร เพราะ เข้าใจว่าการเกิดเป็นมนุษย์นั้น ลำบากมาก ทั้งทางด้านกาย และจิตใจ เลยอยากให้ลูกกุมารเกิดอยู่ในภพภูมิที่ดีเมื่อถึงเวลาที่ต้องไปเกิด ไม่อยากให้เกิดเป็นมนุษย์ เพราะมนุษย์ทุกวันนี้วุ่นวายมาก รวยหรือจน เหมือนกันหมด

...มีความเชื่อว่าการที่เราๆท่านๆทำบุญ อุทิศส่วนกุศลให้ใครสักคนนึง หรือหลายคน เป็นประจำ  จะทำให้เขาคนนั้นมีความสุขในโลกอีกโลกนึง

(พระพุทธศาสนาสอนไว้แบบนั้น)

..ส่วนเรื่องบนบาน ก็มีกันบ้างไม่ได้บนแล้วนั่งๆ นอนๆ อยู่บ้าน ก็ทำงานปกติ ก็พึ่งทางใจเหมือนกัน

..สรุป..

เคารพ พระพุทธศาสนา

ไม่ใช่ เคารพกุมาร (กุมารไม่ใช่สิ่งที่จะแทน พระรัตนตรัย)

แต่ ทุกสิ่งที่ทำไป จากใจล้วนๆ

วัดที่พูดถึงนี้ผมเคยไปคลุกคลีอยู่เป็นปีสมัยเรียนอยู่มัธยม สุดท้ายก็ต้องปลีกตัวออกมาเพราะคำสอนแปลกๆ คนที่เข้าวัดนี้นานๆจะมีอคติสูง มองคนอื่นด้อยกว่าหมดในเรื่องคุณธรรม จะคิดว่าตัวเองมีธรรมะมากกว่าคนอื่นเค้า
เจ้าอาวาสก็สอนเพี้ยนๆ สอนว่านิพพานเป็นอัตตา แถมยังมาบอกว่าตอนพระพุทธเจ้าตรัสรู้ก็เข้าถึงธรรมกายไปโน่น ทั้งที่สิ่งที่ตัวเองปฎิบัติก็เป็นแค่สมถะภาวนาเอง ไม่เคยเดินตามมรรคแปดแล้วยังมาสอนคนให้ไปนิพพาน หมดจากความเป็นพระตั้งแต่ยักยอกเงินเข้ากระเป๋าแล้ว ใครเข้าวัดหมดตัวทุกคน สงสัยจะสอนคนให้เป็นพระเวสสันดร สอนให้คนเพ้อเจ้อคาดหวังแต่สวรรค์วิมาน เต็มไปด้วยความยึดมั่นถือมั่นในเรื่องภพเรื่องชาติ สุดท้ายกลายเป็นบ้าครับ....

อันนี้ ก๊อปมาจากเวปวัด ยิ่งอ่าน ยิ่งสนุก พระพุทธเ้จ้า รบ กับพระพุทธเจ้า มันส์ในวัดเลย
พระพุทธเจ้ามีสามชนิด
1พระพุทธเจ้าฝ่ายดำ
2พระพุทธเจ้า ฝ่ายไม่ดำ ไม่ขาว
หากฝ่ายดำกับฝ่ายขาวรบกัน ใครชนะ แบบที่สองนี้
เข้าสมทบข้างนั่น
3พระพุทธเจ้าฝ่าย ขาว
มีสองแบบ และ   สองภาค

สองแบบคือ
1พระพุทธเจ้าที่เข้านิพพานทั้งตัว เอาตัวเป็นๆไปเข้านิพพาน
2พระพุทธเจ้าที่ร่างกายนิพพาน(ตาย)  เข้านิพพานเฉพาะจิต

สองภาคคือ มีภาคโปรด และภาคปราบ
ภาคโปรดทำหน้าที่สั่งสอนธรรมะ
ภาคปราบ ทำหน้าที่ทำสงครามกับพระพุทธเจ้าฝ่ายดำ

วัดนี้เขาอลังการ บางทียังเคยเห็นจัดในห้องตามโรงแรมใหญ่โต

ดีใจที่เห็นข้อความของคุณขอแจมด้วยคน อย่างนี้เรียกว่า ทั้งไม่ประมาทและไม่งมงาย และเป็นผู้มีการปฎิบัติจริง เห็นได้เอง ผมชอบมากคับ