http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,986,199
Page Views33,423,447
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 

 


เรื่องเล่าจากโกสินทร์ตอน 39 (+++รูปประกอบ)

(อ่าน 5286/ ตอบ 40)

โกสินทร์















          เมื่อปี พ.ศ. 2549 ผมได้อ่านหนังสือของหมอดูพลังจิตเพศชาย ขอเรียกว่าหมอดูตาวิเศษก็แล้วกัน อ่านแล้วเลื่อมใสศรัทธาในตัวเค้า คนมีสัมผัสวิเศษ ไม่ต้องมาตั้งเลขหมอดูพยากรณ์เลข 7 ตัว ก็เลยโทรศัพท์ติดต่อ วันนั้น 26 มิถุนายน 2549 โอกาสดีเป็นของผม คิวว่างพอดี ทีมงานบอกให้ผมเดินทางไปได้เลย ปัจจุบันนี่ต้องจองคิวสองถึงสามเดือนถึงได้รับคำพยากรณ์ เพราะขณะที่ผมโทรสอบถาม เค้าถามว่าผมอยู่ณ.จุดไหนของกรุงเทพฯ บังเอิญสถานที่ใกล้กัน ก็เลยเดินทางไปพร้อมกับภรรยา เพื่อกันลืมว่าหมอดูตาวิเศษทำนายอะไรไว้บ้าง คนเดียวจำไม่หมดแน่ ผมก็ขอให้ภรรยาเข้าไปนั่งฟังด้วย ทันทีที่หมอดูตาวิเศษเห็นผมภรรยา เค้าก็พูดว่าคุณขาว ขาวมาก ทั้งสองคน เค้าอธิบายว่าทันทีที่เค้าเห็นใครก็ตามที่มานั่งตรงหน้าเค้า มันจะมีคล้ายจอภาพโทรทัศน์อยู่ข้างตัวบุคคลนั้น แล้วภาพเหตุการณ์ต่าง ๆ ก็จะปรากฎขึ้นตามลำดับทั้งอดีตและอนาคต บางคนที่ทำดีบ้าง ชั่วบ้างภาพที่ปรากฎจะเป็นสีเทา หากเป็นคนชั่วเต็มพิกัดภาพที่ออกมาจะเป็นสีดำ ซึ่งหมอดูตาวิเศษกล่าวว่าคนที่ทำชั่วมาก ๆ ภาพเป็นสีดำจะไม่มาพบกับเค้าหรอก อย่างมากก็แค่เทา ๆ  ภาพที่ปรากฎข้างตัวเราทำให้เค้ารู้ว่าในอดีตเราไปทำอะไรไว้บ้าง อนาคตจะเป็นอย่างไร อ้อผมเล่าข้ามขั้นตอนไป ก่อนเข้าไปนั่งฟังคำพยากรณ์ จะมีกระดาษให้เรากรอก ชื่อ นามสกุล เบอร์โทรศัพท์ วัน เดือน ปี เกิด ข้อที่จะถามเค้าให้ถาม 5 หรือ 10 ข้อ ลืมซะแล้วซิ แล้วบุคคลที่ไปกับเรา เค้าจะดูให้ฟรีแถมพกอีก 1 คน ก็มีน้ำใจดี ผมมาเสียความรู้สึกเล็ก ๆ ขณะกรอกแบบฟอร์มประวัติส่วนตัวของผมก็ตรงที่ ทำไมต้องถาม วัน เดือน ปี เกิด ด้วย ในเมื่อเป็นหมอดูพลังจิต ก็ไม่ต้องทราบข้อมูลอันนี้ของเราสิ
         



          
เล่ามาถึงตรงนี้ขอแทรกความรู้หมอดูพยากรณ์เลข 7 ตัว ซึ่งพ่อผมก็ได้รับการถ่ายทอดมาจากปู่ของผมอีกทีหนึ่ง ผมก็เลยมีความรู้ทางด้านหมอดูพยากรณ์เลข 7 ตัว แบบ งู ๆ ปลา ๆ เพราะขณะที่พ่อผมทำนายผู้คนที่มาหา ผมก็นั่งฟังอยู่ด้วยตั้งแต่เด็ก ๆ อย่างตอนที่ผมพบกับภรรยาของผม ผมจะตกที่นั่งพระรามได้นางสีดา หรือพระรามครองเมือง ทุกคนที่ตกที่นั่งนี้ หากเป็นคนโสดก็จะได้คู่ครอง หากมีคู่ครองแล้วก็จะได้ทรัพย์สมบัติ หรือได้งานทำที่ดีขึ้น หากตกที่นั่งนกสดายุปีกหัก ก็ให้ระวังคำพูดคำจาของเรา เพราะจะไปพูดไม่เข้าหูคน จะมีเรื่องทำให้เราเดือดร้อนเพราะปากของเราเอง เพราะตามประวัติ ในเรื่องรามเกียรติ์  นกสดายุหรือพระยาสดายุเป็นพระยาปักษาชาติ (นก) หนึ่งในตัวละครในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นสหายกับท้าวทศรถ เมื่อทศกัณฐ์ลักนางสีดาจากบรรณศาลา พาอุ้มเหาะจะนำไปไว้ ณ สวนขวัญ กรุงลงกา ขณะที่พระรามไม่อยู่ในอาศรม แต่นกสดายุบินผ่านมาเห็นเหตุการณ์จึงเข้ามาสกัดไว้ ผลสุดท้าย พระยาสดายุหรือ นกสดายุถูกทศกัณฐ์ขว้างด้วยแหวนของนางสีดาปีกหักตกลงมายังพื้นดินแต่ยังไม่ตาย รอคอยแจ้งเหตุกับ พระรามที่ออกติดตามหานางสีดา เมื่อทูลเรื่องราวทั้งหมดและถวายพระธำมรงค์แล้วก็สิ้นใจ เรื่องราวตกที่นั่งอะไรของหมอดูพยากรณ์เลข 7 ตัวนี่ เกี่ยวข้องกับเรื่องรามเกียรติ์ทั้งนั้น เมื่อแต่งงานแล้ว เราอยากรู้ว่าเรากับคู่ครองใครจะเหนื่อยกว่ากัน ก็ให้ดูนาคสมพงษ์ หากเราไปอยู่หัวนาค เราก็จะสบายไม่เหนื่อย แต่หากเราไปอยู่หางนาคก็จะเหนื่อย เพราะธรรมชาติของนาคใช้หางว่ายน้ำตลอดเวลา ไม่ว่ายก็จม ฉะนั้นหากต่อไปคุณกับคู่รักจะไปดูหมอพยากรณ์เลข 7 ตัว ถามหมอดูว่าเราตกตรงส่วนไหนของตัวนาค นาคในที่นี้หมายถึงพญานาคนะครับ หากตกหัวหรือตัวนาคก็ไม่เหนื่อย หากตกที่หางก็จะเหนื่อย ตอนเด็กๆผมนั่งฟังพ่อผมทำนายผู้คน ซึ่งส่วนใหญ่ก็จะเป็นคนรู้จักมักคุ้นกัน ปากต่อปาก ค่าดูก็ไม่ต้องเสีย ดูให้ฟรีๆ ผมเริ่มสนใพ่อก็บอกให้ไปอ่านเรื่องราวของรามเกียรติ์ก่อน หลังจากนั้นก็มาตั้งฐาน 3 ฐาน ฐานแรกมีอัตตะ หินะ ชานัง ปิตา มาตา โภคา มัชฌิมา  ฐานที่สอง มี อานุ กดุมภะ สหัชชะ พันธุ ปุตตะ อริ ปัตนิ  ฐานที่สาม ฐานปีเกิด มี มรณะ สุภะ กัมมะ ลาภะ พยายะ ทาสี ทาสา  เมื่อตั้งฐานเหล่านี้ ตัวเลขทั้ง 7 มันจะสัมพันธ์เอง เราสามารถพยากรณ์ได้เลย โดยที่เจ้าตัวไม่ต้องมาถามเรา เพราะตัวเลขทั้ง 7 ในสามฐานที่เราตั้งไว้มันคล้องจองกันหมดแล้ว เสียดายผมไม่ผ่านตรงจุดนี้เลยไม่สามารถพยากรณ์ได้ ไม่อย่างงั้นผมจะรับพยากรณ์ให้คุณฟรีๆเสียเลย วิชาหมอดูพยากรณ์เลข 7 ตัวของพ่อผมก็ไม่มีใครสืบทอด อาชายน้องของพ่อก็ไม่มีผู้สืบทอดอีก วิชาหมอดูของปู่ผมก็มาหมดที่พ่อกับอาผู้ชาย เอาละนอกเรื่องมาเสียนาน กลับมาที่เรื่องหมอดูตาวิเศษกันนะครับ หากคุณสนใจอ่านหนังสือพรหมชาติเล่มหนาๆคล้ายๆสมุดโทรศัพท์ หน้าปกเป็นรูปพิเภก

         
นี่เป็นสาเหตุที่ผมไม่สบายใจ หากหมอดูคนไหนอ้างว่ามีสัมผัสพิเศษ แล้วเอาวันเกิดปีเกิดเราไปทำไมล่ะ คราวนี้ก็มาถึงคำถามทีผมถามในใบประวัติที่ผมกรอกไว้ตั้งแต่ก่อนเข้ารับคำพยากรณ์ คำตอบที่ผมได้รับมันเฉียดไปเฉียดมา ไม่โชะเหมือนกับที่ผมอ่านในหนังสือที่เค้าเขียนเลย อย่างกรณีเรื่องเจ็บไข้ได้ป่วย ผมเข้ารพ.ครั้งแรกในชีวิตปีพ.ศ. 2547 ทำไมเค้าไม่ทายว่า คุณเคยเข้ารพ.มาแล้วนี่ หรือคิดในแง่ดี เหตุการณ์มันผ่านมาตั้งแต่ปี 2547 แต่ผมมารับคำพยากรณ์ปีพ.ศ.2549 แต่เค้าทายว่าผมเจ็บหลัง ก็จริงแฮะ . . ก่อนห้านั้นผมไปเล่นเครื่องบริหาร มันก็เลยเจ็บหลัง ข้อนี้ให้คะแนนเค้า คราวนี้มาถึงคำถามเกี่ยวกับรักยมกุมารทอง ผมถามว่ายังอยู่รึเปล่า เค้าตอบว่ามันอยู่ในมโนจิต เอาละสิ . . หากเป็นคุณ จะเข้าใจอย่างไรละ ก็ในหนังสือเค้าบอกว่า เค้าสามารถติดต่อกับภูติผีปีศาจได้ คุยกันได้ แล้วทีผม ทำไมมันอยู่ในมโนจิตละ ค่าดู ณ พ.ศ.นั้นก็ 500 บาท ผมหมดคำถามก็นั่งคุยกันเรื่อยๆหรือเราจะถามอะไรต่อนอกเหนือจากที่เราเขียนไว้ในตอนแรก เค้าก็ไม่ว่า ก็มีน้ำใจดี จนกระทั่งมีคนมารับคำพยากรณ์ต่อ ผมก็ต้องลา ก่อนกลับเค้าจะให้หนังสือที่เค้าเขียน ผมก็บอกผมมีแล้ว เค้าก็เลยให้นามบัตรพร้อมลายเซ็นมอบให้ผม เค้าบอกว่าทุกคนที่ได้นามบัตรเค้าไป วันหลังจะได้มีสื่อติดต่อกันได้ ผมก็เก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์จนกระทั่งทุกวันนี้


 


          11 กค. พ.ศ.2548  หมอดูพลังจิตคนที่สอง ตอนนั้นน้องเค้าอายุ 10 ปี ผมรู้จักชื่อเสียงของน้องเค้าจากในหนังสือ เห็นดูเป็นวิทยาทาน ก็ชื่นชมในการเสียสละเวลาของน้องเค้า ผมรู้จักแต่ที่อยู่ พอโทรไปถาม แม่ของน้องเค้าก็บอกทางไป แต่ผมก็ไม่รู้จักอีก เลยใช้บริการรถแท็กซี่ เค้าก็ไปไม่ถูกอีก แต่ก็วิทยุไปถามเพื่อนแท็กซี่ด้วยกัน ปรากฏว่าขับนานมาก เหมือนกับขับอ้อมยังไงยังงั้น เพราะตอนขากลับผมนั่งรถตู้ไม่นานก็ถึงที่พักแล้ว แท็กซี่คนนี้เหมือนบ้าระห่ำ แซงซ้ายปาดขวา ขับลงไหล่ทางก็มี บางครั้งเหมือนกับจะชนแต่ก็ไม่ชน ความเร็วสูงมาก พอถึงที่หมายยังมีหน้ามาถามผมอีก ผมขับเก่งไหมพี่ เออ . . ขอบใจ ไม่พาไปหายมบาลก็เป็นพระคุณอย่างยิ่งแล้ว แท็กซี่คนนี้น่าไปขับรถแข่ง ไม่เหมาะจะไปขับแท็กซี่ หลังจากอกสั่นขวัญระทึกเรื่องแท็กซี่ ผมเข้าไปในบ้านน้องเค้า มีโต๊ะหมู่บูชาใหญ่มาก และมีก้อนเหล็กไหลวางเรียงราย ทั้งก้อนเล็กก้อนใหญ่ พระพุทธรูปมากมายหลายองค์  ก่อนหน้าผมมีผู้หญิงมารับคำทำนายจากน้องเค้า เมื่อถึงคิว ผมก็ถามเรื่องโรคภัยไข้เจ็บที่ไม่สบายตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540 น้องเค้าก็แนะนำให้บูชาพระพิฆเนศและไหว้พระพิฆเนศ พร้อมถวายน้ำหนึ่งแก้ว นมเปรี้ยวหนึ่งแก้ว จุดธูปเก้าดอก กำยานหนึ่งแท่ง ทุกวัน โดยตั้งนะโมสามจบก่อน แล้วกล่าวว่า โอมศรี คะเนสา ยะนะมะฮา ” 9 จบ หากเป็นวันพระเพิ่มผลไม้ 9 อย่าง ขาดไมได้ มะพร้าวอ่อนหนึ่งลูกเปิดปาก กล้วย อ้อย ผลไม้อีก 6 ชนิด ผมมาคิดดู หากผมบูชาพระพิฆเนศแล้วไม่ได้ผล แล้วผมจะนำองค์พระพิฆเนศไปไว้ที่ไหน จะวางเฉยๆแบบพระพุทธรูปได้ไหม ผมไม่เคยบูชาองค์เทพ ไม่มีความรู้ ถ้าผ่านจุดนี้ได้ ผมก็น่าจะบูชาองค์พระพิฆเนศดูบ้าง เพราะในชีวิตของผมตั้งแต่เด็กจนโต ขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายไม่เคยได้ผลสักอย่าง ทุกอย่างผมต้องทำด้วยตนเองทั้งนั้น แปลกใจตัวเองเหมือนกัน ขากลับแม่ของน้องเค้าได้ให้พระผสมด้วยเหล็กไหลแก่ผมมาด้วยหนึ่งองค์ เนื่องจากพ่อของน้องเค้ามีความรู้ทางเหล็กไหลดีมาก ถึงกับเขียนหนังสือเกี่ยวกับเหล็กไหลหลายเล่มทีเดียว 


 


          หมอดูคนที่สาม ผมดูรายการชมรมขนหัวลุก ก็ได้รู้เรื่องราวของหมอดูพลังจิตคนนี้ เธอเป็นข้าราชการ ประกอบกับเดือนมกราคม  พ.ศ.2546 เธอได้เขียนหนังสือเรื่องราวของเธอ ผมก็ติดต่อกับทางสำนักพิมพ์ ทราบว่าเธอไม่ยอมติดต่อและพยากรณ์ให้กับลูกค้าผู้ชาย ซึ่งผมก็ทราบแล้วจากในหนังสือที่เธอเขียน คือ ผู้ชายที่เธอรู้จัก หน้าอย่าง นิสัยก็อีกอย่างหนึ่ง คำพูดที่ดีแต่ใจคิดแต่เรื่องกามารมณ์ ทำให้เธอไม่ชอบผู้ชาย ผมก็ลองติดต่อเธอดู พอเธอรับสายได้ยินเสียงผม เธอก็บอกว่าเดี๋ยวจะติดต่อมาใหม่ จนกระทั่งบัดนี้ 7 ปีมาแล้ว ผมยังไม่ได้รับการติดต่อจากเธอกลับมาเลย เรื่องราวของเธอ ผมนำมาเล่าให้หัวหน้าผมฟัง หัวหน้าผมสนใจ เพราะเธอก็มีปัญหาเหมือนกัน ผมก็เลยให้หัวหน้าผมลองติดต่อดู  พอเสียงผู้หญิง ทุกอย่างก็ผ่านฉลุย ณ พ.ศ.นั้น เธอคิดค่าดู 500 บาท และยังทราบอีกว่า หากจะให้ดูดวงผู้ชาย จะต้องให้ผู้หญิง นำภาพถ่ายของผู้ชาย พร้อมวันเดือนปีเกิดไปให้เธอ ห้ามผู้ชายไปพบเธอโดยตรง . . เรื่องราวของเธอ ผมก็ได้นำไปเล่าให้น้าผมฟัง 



         
ขณะนั้นมีภรรยานักการเมืองท้องถิ่น เค้าสนใจเรื่องราว ก็เลยติดต่อผมขอเบอร์และที่อยู่ที่จะติดต่อกับแม่หมอ เมื่อปัญหาของภรรยานักการเมืองท้องถิ่นคนนั้นจบสิ้นลง ไม่สู้จะดีนัก เพราะมีบางเรื่อง แม่หมอแนะนำให้ภรรยานักการเมือง เปลี่ยนชื่อลูกของเธอใหม่ ภรรยานักการเมืองไม่ยอม เนื่องจากชื่อลูกของเธอ พระผู้ใหญ่ระดับประเทศเป็นผู้ตั้งชื่อให้ ก็เลยปีนเกลียว แต่หมอดูรายนี้กลับถูกชะตากับน้าของผม ก็เลยจะดูให้น้าของผมฟรี น้าผมไม่สนใจเรื่องเหล่านี้ เลยบอกว่า ขอให้ดูดวงผมแทน เธอบอกว่าไม่เห็นอะไรเลย มันมืดไปหมด เลยให้น้าโทรถามวันเดือนปีเกิดของผม เมื่อมหอดูทราบ ภาพก็สว่าง ก็เริ่มทำนายคร่าวๆว่า ผมนี่ชอบความเงียบสงบ การดำเนินชีวิตจะเรียบง่าย สมถะ ให้สวดมนต์ ไหว้พระ นั่งสมาธิ ซึ่งสิ่งนี้ที่เธอแนะนำ น้าผมบอกว่าผมปฏิบัติมานานแล้ว ก็ดูอะไรไม่ได้มากมายนัก เพราะน้าผมไม่ได้เตรียมคำถามไป . .  ต่อมาหัวหน้างานของผมเธอก็ไปดูบ้าง หลังจากนัดวันและเวลาเรียบร้อยแล้ว หัวหน้าผมก็ออกเดินทางไปที่บ้านของแม่หมอ ก่อนเวลานัดหนึ่งชั่วโมง ต่อหาบ้านแม่หมอไม่เจอ ก็เลยโทรถาม ปรากฏว่าแม่หมออารมณ์เสีย ฉุนเฉียว บอกว่าทำไมไปก่อนเวลานัด หัวหน้าผมก็เดือดเหมือนกัน ก็เลยบอกว่าหากไม่มาก่อนแล้วจะหาบ้านถูกเหรอ อย่างที่เป็นอยู่ขณะนี้ มาก่อนหนึ่งชั่วโมงยังหาไม่เจอเลย แม่หมออารมณ์เสียแล้วก็เลยบอกยกเลิกไม่ดูให้แล้ว หัวหน้าผมก็เลยกลับที่พัก ขณะเดินทางกลับ แม่หมอก็โทรมาบอกให้กลับไปดูใหม่ หัวหน้าผมอารมณ์เสียเหมือนกันเลยบอกไม่ไปแล้ว ต่างคนต่างใช้อารมณ์ เรื่องราวก็เลยจบลงด้วยความขุ่นมัว


 


          หลังจากผมทราบข้อมูลจากบุคคลต่างๆแล้ว 18 พค. พ.ศ.2550 ภรรยาและลูกก็ได้นำภาพถ่ายของผมไปให้เธอทำนาย โดยที่ผมรออยู่บริเวณใกล้บ้านเธอ ห่างไปราว 50 เมตร ขณะเธอทำนายก็จะเขียนคำทำนายลงในกระดาษ เพราะเราไม่สามารถจำรายละเอียดต่างๆได้แน่  ซึ่งในคำทำนาย เธอแนะนำให้ผมศึกษาโหราศาสตร์ เช่น ไพ่ยิปซี เพราะผมมีพรสวรรค์ทางด้านนี้อยู่ ห้ามทำธุรกิจอื่น ขาดทุน เจ๊งแน่นอน คำทำนายข้อนี้ ตรงกับหมอดูตาวิเศษ ข้อต่อไป ผมถามเกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บ ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2540 เธอบอกว่าไม่มีอะไร คิดไปเอง ให้ผมไปไหว้ ขอพรเทพารักษ์ต้นไม้ใหญ่ ขอให้ร่างกายแข็งแรงเหมือนต้นไม้ ให้ปกปักรักษา ทำสังฆทานอุทิศส่วนกุศลให้เทพารักษ์ พระแม่ธรณี ให้กรวดน้ำใต้ต้นไม้ใหญ่ โดยกล่าวว่า ขออุทิศส่วนกุศลให้เทพารักษ์ พระแม่ธรณี และวิญญาณอื่นได้รับรู้และยังทายอีกว่า อดีตชาติของผมเป็นพวกนักบวช ฤาษี ชอบอยู่ในที่เงียบๆ ตัวคนเดียว ไม่สุงสิงกับผู้คนมากนัก พอจะลากลับ ลูกบอกว่าผมชื่นชอบแม่หมอมาก อยากจะมาคุยด้วย เธอก็ทำหน้ากระอักกระอ่วนใจ จะให้มาพบดีหรือไม่พบดี ในที่สุดเธอก็ไม่ให้มาพบ แต่ก็มอบหนังสือที่เธอเขียนเล่มที่ 2 เซ็นมอบให้ผม ตอบแทนน้ำใจแทน ปัจจุบันเธอเขียนถึงเล่มที่ 5 แล้วครับ ผมก็เสียดาย ทำไมเธอไม่อนุญาต ในเมื่อเห็นภาพถ่ายผม ก็ต้องรู้สิว่าผมมีนิสัยอย่างไร ไม่เหมือนกับผู้ชายที่เธอเคยพบมาหรอก หากได้พบกัน ผมคงสอบถามอะไรหลายๆอย่าง เพราะหมอดูพลังจิตแบบเธอหาได้ไม่ง่ายนัก ช่วงนั้นเธอทำนายว่า ห้ามผมไปงานศพ ให้เวลาผ่านไปหนึ่งปีถึงจะไปได้ ปรากฏว่าช่วงนั้น พ่อของเพื่อนเสียชีวิต ผมก็ออกเดินทางไปงานศพในตอนกลางคืน เดินทางไปได้สักประมาณ 5 กม. อยู่ๆผมก็ได้กลิ่นเหม็นไหม้ภายในรถ ผมก็จอดรถข้างถนนและเปิดฝากระโปรงรถดู ปรากฏว่า สายพานไหม้ ต้องจอดสถานเดียว บนความโชคร้ายก็มีโชคดีมาแฝง กล่าวคือ ตรงที่รถผมเสียใกล้กับร้านซ่อมรถพอดี ผมก็เลยนำรถไปทิ้งไว้ที่ร้านนั้น ตกลงงานศพก็เลยไม่ได้ไป กลับบ้านดีกว่า นึกถึงคำห้ามของเธอขึ้นมาทันที มันเหตุบังเอิญหรือว่าเธอทายแม่นกันแน่ อ้อ . . ที่เธอทายนิสัยผมตรงกับที่ท่านเจ้าวาสทายในเรื่องอดีตชาติที่ผมเป็นอะไร แต่ท่านเจ้าอาวาสรู้จักนิสัยใจคอของผมอยู่แล้ว แต่เธอไม่รู้จัก ถ้าจะรู้ก็รู้จากวันเดือนปีเกิดนี่ละ มันฟ้องทุกสิ่งทุกอย่างเกี่ยวกับตัวเรา เธอยังทายภรรยาผมว่า ให้นำพระออกจากกระเป๋า อัญเชิญไว้หน้าพระ ผมมาค้นดูก็พบพระและเหรียญจำนวนหนึ่ง กล่าวคือ ภรรยาผมเขาไปงานต่างๆ ทางเจ้าภาพเขาก็แจกพระ ภรรยาผมก็เก็บไว้ในกระเป๋าจนหลงลืม เออ . . ทายแม่นหรือเหตุบังเอิญกันอีก


 


          เมื่อ 19 ต.ค. พ.ศ.2551 ผมได้รับหมายกำหนดการทอดกฐินของวัดถ้ำเสือ ก่อนถึงวันทอดกฐิน ผมก็ออกเดินทางไปร่วมทำบุญ ได้พบกับแม่ชีรูปหนึ่งสอบถามว่า แม่ชีพุ่ม (ผู้ที่ระลึกชาติได้) ที่เคยอยู่วัดถ้ำเสือ เดี๋ยวนี้ท่านไปอยู่ที่ไหนแล้ว ก็ได้รับคำตอบว่า ลูกบุญธรรมของท่านได้สร้างกุฎิให้ที่วัดท้าวโคตร ขณะเดียวกันผมก็มองเห็นป้ายประกาศของทางวัดที่เขียนหมายกำหนดการของผู้ที่จองวันเลี้ยงอาหารพระในแต่ละวัน ในนั้นมีชื่อหลวงพี่เมฆชัย ทำให้ผมแปลกใจมาก เพราะในปีพ.ศ. 2526 ที่ผมบวชและไปจำพรรษา ณ วัดถ้ำเสือ ถ้ำที่ผมอยู่มีหลวงพี่เมฆชัยท่านอยู่ก่อนแล้ว พอผมไปอยู่ในบริเวณเดียวกับท่าน ท่านก็ปลีกวิเวกไปอยู่ในถ้ำตีนเชา (ซึ่งเงียบและวิเวกวังเวงมาก ไม่มีผุ้คนอยู่ในบริเวณนั้นเลย ) ซึ่งต้องเดินจากถ้ำเดิมไปเป็นกิโลเหมือนกัน เวลาหลวงพี่เมฆชัยนอน ท่านไม่นอนเหมือนคนอื่น ท่านจะนำเก้าอี้เหล็กที่มีพนักพิงจำนวน 3 ตัว มาวางเรียงกัน แล้วท่านก็นอนบนนั้น วันที่ท่านเลี้ยงพระ เป็นวันที่ผมเดินทางไปถึงวัดถ้ำเสือพอดี ทราบจากแม่ชีรูปเดิมว่า หลวงพี่เมฆชัยไปอยู่ที่ป่าช้ากระจาย จ.สงขลา วันนั้นผมเดินหาหลวงพี่เมฆชัย แต่ไม่พบ ก็บริเวณวัดกว้างมาก จะพบได้อย่างไรละ ก็นึกศรัทธาและอนุโมทนาในตัวหลวงพี่ ตั้งแต่ปีพ.ศ. 2526 จนถึงปัจจุบัน พ.ศ.2553 เป็นเวลา 27 ปีมาแล้วที่ท่านอยู่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ เดิมท่านเป็นช่างตัดผ้าชาวนครศรีธรรมราช แต่เหตุผลที่ท่านมาบวช ผมก็ลืมเสียแล้ว ปกติผมเป็นคนพูดน้อยเมื่อมาพบกับหลวงพี่เมฆชัย ผมยอมแพ้ไปเลย มีบางกุฎิที่วัดถ้ำเสือแห่งนี้ หน้ากุฎิเขียนไว้ว่า เสร็จธุระ รีบกลับอ่านแล้วไม่กล้าคุยกับเจ้าของกุฎิเลย เจ้าของกุฎิคงอยากจะปฏิบัติธรรมให้มากๆ เลยไม่อยากจะพูดคุยกับใคร พระบางรูปตลอดพรรษาอยู่แต่ในกุฎิ ( ซึ่งเล็กเท่ากับส้วม) ขอโทษนะครับ ผมไม่อยากเปรียบเทียบเช่นนี้เลย แต่ว่ามันเล็กจริงๆจนไม่รู้จะเปรียบเทียบกับอะไร มีโยมบางคนเรียกกุฎิพระเหล่านี้ว่า ตู้กับข้าวก็มี


 


          จนกระทั่ง 24 ม.ค. พ.ศ.2552  ผมก็ได้เดินทางไปหาแม่ชีพุ่มที่วัดท้าวโคตร เมื่อพบหน้ากันผมก็แนะนำตัวว่า ผมเคยจำพรรษาที่วัดถ้ำเสือเมื่อปีพ.ศ.2526 ในพรรษานั้นผมอยากมาสนทนาธรรมกับแม่ชีพุ่ม แต่แม่ชีไปจำพรรษาที่อื่น . . . 27 ปีแห่งการรอคอย กว่าผมเพียรพยายามที่จะมาสนทนาธรรมกับแม่ชี แม่ชีก็เล่าประวัติการปฏิบัติความเพียร ตั้งแต่ท่านอยู่ป่าช้าเสียเป็นส่วนใหญ่ จนกระทั่งแม่ชีเป็นมะเร็งที่ตรงไหนผมก็ลืมเสียแล้วสิ ความเจ็บปวดทรมานก็มาบั่นทอนการปฏิบัติธรรมของท่าน เมื่อความอดทนมาถึงขีดสุด คืนหนึ่งแม่ชีตั้งใจเด็ดเดี่ยวว่าคืนนี้ตายเป็นตาย หากรอดก็ขอให้รอด หากตายให้ตายภายในคืนนี้เสียเลย ท่านก็คิดว่าหากท่านตายจะเป็นภาระแก่ผู้อื่นในการที่จะอุ้มศพไปเผา อย่ากระนั้นเลยท่านไปนอนในเชิงตะกอนเผาศพเสียเลย จะได้ไม่เป็นภาระให้กับใคร เตาเผาศพในที่นี้อยู่กลางแจ้งไม่มีอะไรมุงบัง ไม่ใช่เตาเผาศพแบบตามวัดทั่วๆไปนะครับ แม่ชีก็นั่งสมาธิทำความเพียรตลอดทั้งคืน จนกระทั่งสว่างตอนไหนแม่ชีไม่รู้ตัวเลย เมื่อถึงเวลาเช้าแม่ชีรู้สึกปลอดโปร่งสดชื่น หลังจากผ่านคืนนั้นมาได้ แม่ชีไปตรวจหามะเร็งที่โรงพยาบาลอีกที ปรากฏว่าท่ายหายจากโรคมะเร็งแล้ว . . .  แล้วผมก็ถามปัญหาที่ค้างคาหัวใจในเหตุการณ์ของวันที่ 30 ส.ค. พ.ศ.2526 ดังที่ผมเล่าไว้ในตอน 8 ลงวันที่ 31 ต.ค. พ.ศ.2551 ( คงกลับไปอ่านไม่ได้ เรื่องเล่าของผม ณ วันนี้อ่านได้แค่ตอนที่ 14 เป็นต้นไปเท่านั้น )  ตอนก่อนหน้านั้นหายไปหมด ไม่สามารถเข้าไปอ่านได้ ก็ขอเท้าความย่อๆ ในวันดังกล่าว ผมนั่งสมาธิข้างสระน้ำแล้วมีเสียงโยนก้อนหินลงน้ำ พอผมลืมตาเสียงก็หายไปไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอผมหลับตาเสียงดังกล่าวก็เกิดขึ้นอีก เป็นอยู่อย่างนี้จำนวน 3 ครั้ง แม่ชีพุ่มให้ความเห็นว่า น่าจะเกิดจากลิงโยนก้อนหินลงไปในน้ำ ผมอุตส่าห์ตั้งใจฟังคำเฉลย นึกว่าเป็นเรื่องลี้ลับ แต่ก็ไม่ใช่เสียนี่ ก็นานาจิตตัง สำหรับผมผู้ประสบเหตุการณ์เอง ผมว่าไม่ใช่ลิงหรอก ผมปรึกษาแม่ชีว่าขณะผมนั่งสมาธิ แม่ชีสามารถมาตรวจสอบจิตการนั่งสมาธิของผมได้หรือไม่  แม่ชีตอบว่าได้ แต่เนื่องจากวัดท้าวโคตรไม่ใช่วัดแบบวัดถ้ำเสือ ซึ่งเป็นวัดวิปัสสนา การที่จะมาทำอะไรแบบนี้มันไม่เหมาะ ผมก็นึกเสียดาย ช่วงที่ผมจำพรรษาที่วัดถ้ำเสือ หากผมได้พบกับแม่ชีพุ่ม ณ ตอนนั้น การนั่งสมาธิของผมต้องก้าวหน้ากว่าเดิมเป็นแน่  เมื่อผมจะลากลับ แม่ชีก็มอบหนังสือที่ระลึก 65 ปีเกี่ยวกับบการปฏิบัติธรรมของท่าน ทำให้ทราบว่าปัจจุบันแม่ชีพุ่มอายุ 82 ปี ขณะที่สนทนาธรรมกันอยู่ผมพยายามสอบถามว่า การที่แม่ชีระลึกชาติได้เป็นอย่างไร สองครั้งแรกแม่ชียิ้มลูกเดียว พอถึงครั้งที่สาม ผมถามอีกแบบไม่ยอมเลิกรา แม่ชีท่านก็ตอบแบบยิ้มๆว่า มันไม่มีประโยชน์อะไรที่จะรู้ ผมคิดว่าเราเพิ่งพบกันครั้งแรก ความสนิทสนมยังไม่มี เรื่องแบบนี้มันต้องใช้เวลา ไว้เวลาผมไปหาท่านอีกครั้ง หากท่านตอบ คงได้นำมาเล่าสู่กันฟังต่อไป


 


          วันนี้ขอยุติเพียงเท่านี้ ตอนหน้าผมจะมาเล่าเรื่องหลวงพ่อสงฆ์ถูกลองดี มีคนปล่อยวัวธนูมาของลอง แล้วค่อยมาติดตามตอนต่อไป อ้อ !!! ท่านที่เข้ามาอ่านเรื่องราวของผมในตอนนี้ เข้ามาในหัวข้อไหนรบกวนช่วยบอกผมด้วยนะครับ จักเป็นพระคุณยิ่ง ผมเข้าทั้ง 4 หัวข้อ ถามตอบ, ห้องแกลลอรี่, ห้องระบาย, ห้องท่องเที่ยว, คลังกระทู้เก่า  ไม่มีเรื่องของผมเลยครับ ต้องใช้วิธีพิมพ์ในช่องค้นหาว่า โกสินทร์นั่นละ . . เรื่องของผมถึงได้ปรากฏ แต่ก็เฉพาะตั้งแต่ตอนที่ 14 ถึงตอนปัจจุบันเท่านั้น ตอน 1 -13 หายไปหมด ก็ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่าน ขอบคุณครับ


 


         


 


   


โกสินทร์


ไม้ไผ่ตันของศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ ญาติของยายผมให้มา

โกสินทร์


เสื้อยันต์(ด้านหน้า) สามเณรวิเศษณ์ สิงห์คำ วัดป่าสัก ต.บ้างกลาง


อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ได้มาประมาณปี 2519-2520

โกสินทร์


เสื้อยันต์(ด้านหลัง) สามเณรวิเศษณ์ สิงห์คำ วัดป่าสัก ต.บ้างกลาง


 


อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ได้มาประมาณปี 2519-2520

โกสินทร์


คู่มือการใช้เสื้อยันต์สามเณรวิเศษณ์ สิงห์คำ วัดป่าสัก ต.บ้างกลาง


 


 


 


อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ได้มาประมาณปี 2519-2520

โกสินทร์

หมายเหตุ : ความเห็นที่ 2-4 วัดป่าสัก แก้ไขจาก ต.บ้างกลาง เป็น ต.บ้านกลาง

โกสินทร์


เสื้อยันต์(ด้านหน้า)ของหลวงพ่อแก่น วัดทุ่งหล่อ จ.นครศรีธรรมราช  หลวงพ่อเขียนด้วยมือ ได้มาสมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ประมาณ ปี 2519-2520

โกสินทร์


เสื้อยันต์(ด้านหลัง)ของหลวงพ่อแก่น วัดทุ่งหล่อ จ.นครศรีธรรมราช  หลวงพ่อเขียนด้วยมือ ได้มาสมัยที่หลวงพ่อยังมีชีวิตอยู่ ประมาณ ปี 2519-2520

โกสินทร์


เสื้อยันต์(ด้านหน้า)พิชัยสงครามหลวงพ่อชื่น อินทสุวัณโณ วัดใหม่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้มาปีไหน ผมก็ไม่ไ่ด้บันทึกไว้เสียด้วย

โกสินทร์


เสื้อยันต์(ด้านหลัง)พิชัยสงครามหลวงพ่อชื่น อินทสุวัณโณ วัดใหม่ อ.ทุ่งใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช ได้มาปีไหน ผมก็ไม่ไ่ด้บันทึกไว้เสียด้วย

โกสินทร์


หอยที่เปลี่ยนสภาพเป็นหิน(ด้านบน) ของศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ ญาติของยายผมให้มาหลายปีแล้ว

โกสินทร์


หอยที่เปลี่ยนสภาพเป็นหิน(ด้านล่าง) ของศักดิ์สิทธิ์ตามธรรมชาติ ญาติของยายผมให้มาหลายปีแล้ว

โกสินทร์


เสื้อยันต์(ด้านหน้า)หลวงปู่ปุ่น วัดป่าบ้านสังข์ จ.ร้อยเอ็ด ได้มาเมื่อ 13 มิ.ย. 2551

โกสินทร์


สื้อยันต์(ด้านหลัง)หลวงปู่ปุ่น วัดป่าบ้านสังข์ จ.ร้อยเอ็ด ได้มาเมื่อ 13 มิ.ย. 2551

โกสินทร์


เสื้อยันต์(ด้านหน้า) วัดศรีโยธิน อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ได้มาปีไหนไม่ได้บันทึกไว้

โกสินทร์


เสื้อยันต์(ด้านหลัง) วัดศรีโยธิน อ.เมือง จ.กำแพงเพชร ได้มาปีไหนไม่ได้บันทึกไว้


คัดจากเสื้อยันต์แจกทหาร สงครามอินโดจีน

โกสินทร์


เสื้อยันต์คลาดแคล้วหลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ พ.ศ.2530

โกสินทร์


เสื้อยันต์(ด้านหลัง)คลาดแคล้วหลวงพ่อประเทือง วัดหนองย่างทอย อ.ศรีเทพ จ.เพชรบูรณ์ พ.ศ.2530

โกสินทร์


เสื้อยันต์ ไม่ระบุวัด (ด้านหน้า)

โกสินทร์


เสื้อยันต์ ไม่ระบุวัด (ด้านหลัง)

โกสินทร์


เสื้อยันต์(ด้านหน้า)หลวงพ่อเดิม วัดชุมพลสามัคคี จ.นครสวรรค์ ได้มาเมื่อ 6 ตค.2538

Page : 1 2 [Next]
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view