http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,989,460
Page Views33,426,739
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 

 


เรื่องเล่าจากโกสินทร์ ตอน 40 ( มีภาพประกอบ ++++ )

(อ่าน 5965/ ตอบ 15)

โกสินทร์

ตามคำเรียกร้องของชาวบ้านได้เรียกพระภิกษุวัย 30 เศษรูปนี้ว่า พ่อหลวง หมายถึง พระภิกษุที่มีอายุ ความจริงอีกมุมหนึ่งของวัดร้างเจ้าฟ้าศาลาลอยนี้มีพระภิกษุอยู่ก่อนหน้านี้แล้วองค์หนึ่งมีลูกศิษย์ลูกหาพอสมควรคือ หลวงพ่อบ่าว  ท่านอยู่อีกมุมหนึ่งมีกุฎิเล็ก ๆ พอได้อาศัยจำวัด หลวงพ่อบ่าวเป็นพระภิกษุที่มีวิฃาอาคมพอตัว มีลูกศิษย์ลูกหาและได้รับความเคารพนับถือจากชาวบ้านตามสมควร แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ค่อยชอบเพราะลูกศิษย์ของท่านบ่าวจะเป็นนักเลงไปสักหน่อยด้วยถือดีว่ามีพระอาจารย์คงกระพัน

          การมาของหลวงพ่อสงฆ์นั้น พ่อหลวงบ่าวทราบดีทุกระยะ ท่านก็สงบนิ่งไม่ว่าอะไร เพราะต่างคนต่างอยู่ ว่ากันไปน้ำคลองไม่ปะปนกับน้ำบ่อฉันใดฉันนั้น เมื่อพ่อหลวงสงฆ์มาอยู่ได้นานวัน ก็มีคนฝากตัวเป็นศิษย์ ท่านก็รับไว้เพราะการมีลูกศิษย์นั้นเป็นของดีมิใช่ของเน่าเสียแต่ประการใด ต่อมาปรากฎว่าลูกศิษย์ของหลวงพ่อสงฆ์เกิดมีเรื่องกับลูกศิษย์ของหลวงพ่อบ่าวถึงขนาดลงไม้ลงมือกัน ลูกศิษย์หลวงพ่อสงฆ์เป็นฝ่ายชนะไม่บอบช้ำ บรรดาคนหนุ่มต่างก็มาเฮมาหาหลวงพ่อสงฆ์กันมากขึ้น และนั่นคือต้นเหตุของเมฆหมอกของความขุ่นมัวเริ่มขึ้น น้ำบ่อเริ่มไหลเข้าสู่น้ำคลอง


          ด้วยความรู้สึกที่ว่าตัวเองมีวิชาอาคมจะไปเกรงกลัวทำไมกับหลวงพ่อสงฆ์ จากแรงยุกระตุ้นของศิษย์จึงทำให้เกิดศึกไสยเวทย์ ระหว่างพ่อหลวงพ่อบ่าวกับพ่อหลวงสงฆ์ขึ้นด้วยประการฉะนี้ กุฎิของหลวงพ่อสงฆ์สำเร็จด้วยความศรัทธาของชาวบ้าน เป็นกุฎิที่พออยู่ได้ไม่ใหญ่โตอะไรมากนัก คืนนั้นขณะที่หลวงพ่อสงฆ์กำลังนั่งเจริญภาวนาอยู่ภายในกุฎิของท่านดึกพอสมควร สักสองสามยามเห็นจะได้ ท่านก็ได้ยินเสียงแมลงชนิดหนึ่งบินวนไปวนมาอยู่หน้าประตูกุฎิ เมื่อท่านลืมตาขึ้นมองออกไป เสียงแมลงนั้นก็ตกลงตรงหน้าประตู


          หลวงพ่อสงฆ์ยิ้มให้กับตัวเองในความมืดแล้วเปิดประตูออกมาดู ตรงหน้าประตูมีใบไม้สดหล่นอยู่หนึ่งใบ ท่านก็หยิบใบไม้สดนั้นขึ้นมาพิจารณาแล้วขยี้ขว้างทิ้งลงไปจากกุฎิ สิ่งนั้นเตือนให้พ่อหลวงสงฆ์ได้ทราบว่า บัดนี้ฝ่ายตรงข้ามได้เริ่มทักทายท่านแล้วด้วยใบไม้ที่เสกเป็นแมลง หวังจะให้มาต่อยท่าน แต่หมดแรงลงเสียก่อน นี่อาจจะเป็นยกแรกของการต่อสู้แบบไสยเวทย์ เป็นธรรมดาของคนเล่นอาคม เมื่อผิดหวังครั้งแรกก็ต้องมีครั้งที่สองและครั้งต่อไป จนกว่าจะชนะไม่ยอมแพ้แก่กัน เพราะถือว่าเป็นการชิมลางสำหรับครั้งแรก พ่อหลวงสงฆ์ก็รู้ว่าจะต้องมีต่อไปจนกว่าฝ่ายนั้นจะพบความสำเร็จในวิชาทีตนเองร่ำเรียนมา


          คืนต่อมาในเวลาดึกสงัดพ่อหลวงสงฆ์ยังหาได้จำวัดไม่ ท่านกำลังนั่งเจริญภาวนาตามแนวทางของวิปัสสนากสิณในความแจ่มจ้าของดวงจิตที่สะอาดบริสุทธิ์ในเพศสมณะ พ่อหลวงสงฆ์ได้มองเห็นสิ่งหนึ่งดำมะเมื่อมลอยเคว้งคว้างตรงมายังกุฎิท่าน ความรู้สึกของตัวเองว่า "มันมาอีกแล้ว" ท่านก็หาหวั่นไหวแต่อย่างใดไม่ คงหลับตา แต่ท่านก็สามารถมองเห็นสิ่งผิดปกติที่ลอยเลื่อนตัวตรงเข้ามาหา แต่ว่าไม่อาจจะลอยเข้ามาในกุฎิได้ สิ่งนั้นวนเวียนอยู่ชั่วระยะหนึ่งก็หล่นวูบตกลงหน้ากุฎินั่นเอง


          เมื่อหลวงพ่อสงฆ์เปิดประตูกุฏิออกมาดูก็พบว่า สิ่งนั้นคือ หนังควาย แผ่นใหญ่เท่าฝ่ามือหล่นอยู่หน้ากฏิ อันวิชานี้เป็นมนต์ดำหรืออวิชชาในด้านการเสกเข้าท้องฝ่ายตรงข้าม ในตอนเช้าเมื่อญาติโยมลูกศิษย์ลูกหามาที่วัด ท่านก็ไม่พูดอะไร แต่ได้พูดคุยเป็นปริศนาธรรมแก่ญาติโยมในเรื่องเกี่ยวกับมนต์ดำ ทำนองว่าคนที่เรียนวิชานี้ไม่ควรจะนำมาใช้ทำร้ายผู้อื่น เพราะเป็นบาป ถ้าหากนำมาใช้ประโยชน์ในการรักษาโรค ช่วยเหลือผู้คนดีกว่า มิฉะนั้นจะเป็นบาปและเข้าตัวเองได้ การพูดทำนองตักเตือนพ่อหลวงบ่าว เพราะหลวงพ่อสงฆ์รู้ว่า ในกลุ่มชาวบ้านที่มานั่งรายล้อมอยู่นี้ น่าจะมีลูกศิษย์พ่อหลวงบ่าวอยู่บ้าง อาจจะเป็นเพราะวิชาอาคมของพ่อหลวงบ่าว ยังไม่ถึงหรือเป็นเพราะการเทศน์ปริศนาธรรมกระทบมามิทราบได้


          ในคินนั้นเองพ่อหลวงสงฆ์ก็ได้รับการเยี่ยมเยียนอีกครั้งจากมนต์ดำที่ลอยมากระทบประตู ในตอนเช้าท่านเปิดประตูออกมา เพื่อจะออกบิณฑบาตร ก็ได้เห็นหนังหมูที่มีเข็มเย็บผ้าจำนวนมากหล่นอยู่หน้าประตูกุฏิ ท่านจึงนำไปฝังที่โคนต้นไม้ ศิษย์ของพ่อหลวงสงฆ์มีอยู่ 2 คน คือ ผู้ใหญ่บ้านคนหนึ่ง ซึ่งอยู่คนละหมู่บ้าน และนายเกตุ ผู้ใหญ่บ้านคนแรกนั้นได้รับวิชาไปจากพ่อหลวงสงฆ์ไปหลายอย่างและมีอายุสูงกว่านายเกตุ  มีความสุขุมและยึดมั่นในหลักคำสอนของพ่อหลวงสงฆ์เป็นอย่างดี เรียกว่า พอจะมีความรู้ทางไสยศาสตร์พอคุ้มตัวได้


          ส่วนลูกศิษย์อีกท่านนั้นวิชายังอ่อนอยู่ จะต้องฝึกฝนไปอีกนานพอสมควรทีเดียว ในคืนต่อมานั่นเอง พ่อหลวงสงฆ์ก็พลาดท่า เพราะสิ่งที่พ่อหลวงบ่าวส่งมานั้นได้เล็ดลอดเข้ามาจากประตูผ่านเข้ามาจนกระทั่งถึงตัว และเข้าไปสู่ท้องของพ่อหลวงสงฆ์ ท่านต้องเอามือกุมไว้ ไม่ยอมให้สิ่งนั้นหมุนอยู่ในท้อง เพราะมันเป็นมีดหมออาคม ถ้าหากให้มันหมุนได้ ตับไตไส้พุงจะฉีกขาดหมด พ่อหลวงสงฆ์เก็บความเจ็บปวดเอาไว้ จนรุ่งขึ้นบรรดาลูกศิษย์ใกล้ชิดมาพบแล้วช่วยกันนำเอาสิ่งนั้นออกมาจากท้องท่าน สิ่งที่ออกมาจากปากของพ่อหลวงสงฆ์ก็คือ มีด 2 คม ท่านให้มันออกมาทางปากท่าน ท่ามกลางความตกตะลึงของลูกศิษย์ที่เห็นอยู่ในขณะนั้น พ่อหลวงไม่พูดอะไรถึงเรื่องนี้ เพียงแต่สั่งให้ลูกศิษย์ไปตัดไม้ไผ่มาเหลาให้บางๆ " พ่อหลวงจะเอาไปทำอะไร" ลูกศิษย์ผู้นั้นเอ่ยถามอย่างสงสัย พ่อหลวงสงฆ์นั่งนิ่ง เอ่ยปากขึ้นว่า "ควายธนู" "เขาทำเราหลายครั้งแล้ว ถ้าเราไม่ตอบโต้เขา จะว่าเราขี้ขลาดตาขาว เราต้องสั่งสอนเขาบ้าง"


          เมื่อลูกศิษย์ตัดไม้ไผ่มาแล้ว พ่อหลวงสงฆ์ก็ลงมือเหลาจนบางเบาด้วยมือของท่านเอง ระหว่างการเหลานี้ได้มีลูกศิษย์ของพ่อหลวงบ่าวได้รับคำสั่งให้มาดูว่าพ่อหลวงสงฆ์เป็นอย่างไรบ้างจากผลการส่งมีด 2 คมมาทักทายเมื่อคืน แต่เมื่อมาถึงกุฏิกลับมาเห็นพ่อหลวงสงฆ์นั่งเหลาไม้อยู่ ก็กลับไปบอกแก่พ่อหลวงบ่าว ทันทีที่ท่านได้รับรายงานก็นั่งสะดุ้ง รู้ด้วยจิตสำนึกทันทีว่าพ่อหลวงสงฆ์นั่นอาคมสูงกว่า เพราะส่งมาหลายครั้งแล้วไม่ได้ผล แม้แต่มีด 2 คม ก็ไม่อาจระคายผิวของพ่อหลวงได้ พ่อหลวงบ่าวไม่รู้ว่ามีด 2 คมนั้นได้ผล แต่ยังไม่ถึงกับทำให้พ่อหลวงสงฆ์มรณภาพทันที ท่านแก้ได้ในเวลาอันรวดเร็วหรือเรียกว่าพลาดท่าไปแล้วก็ได้ ถ้าหากไม่ใช่พ่อหลวงสงฆ์ รับรองว่าบุคคลนั้นจะต้องตาย เพราะ 2 คมมีดกรีดไส้พุงขาด


          เพราะข่าวที่ว่า พ่อหลวงสงฆ์เตรียมรับมือด้วยควายธนูอย่างแน่นอน พ่อหลวงบ่าวจึงเผ่นหนีออกจากวัดหายไปแต่บัดนั้น ความจริงพ่อหลวงสงฆ์หามีเจตนาจะทำร้ายถึงเลือดตกยางออกไม่ เพียงแต่ต้องการสั่งสอนให้พ่อหลวงบ่าวได้ทราบว่า เพราะความใจเสาะของพ่อหลวงบ่าวทำให้เผ่นหนีเตลิดไปจากวัด ข่าวนี้พ่อหลวงสงฆ์ได้รับทราบจากชาวบ้านที่มาหา พ่อหลวงสงฆ์ไม่ได้พูดอะไรได้แต่หัวเราะหึๆ เก็บควายธนูที่สานไว้เอาไว้ในกุฏิ


          ฝ่ายพ่อหลวงบ่าวออกจากวัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ก็ไปอยู่ที่วัดพิหารที่ห่างออกมาจากบางลึกพอสมควร ความเจ็บแค้นเรื่องนี้กลายเป็นอาฆาต พ่อหลวงบ่าวจัดว่าเป็นผู้ที่มีวิชาอาคมสูงองค์หนึ่ง ได้เตรียมแผนใหม่ที่จะเล่นงานพ่อหลวงสงฆ์ด้วยการเอาข้าวเหนียวดำที่สุกแล้วมาปั้นเป็นตัวคน สมมุติเป็นพ่อหลวงสงฆ์แล้วทำพิธีสวดอภิธรรมอาคมมีกำหนด7วัน7คืน เมื่อครบแล้วไม่แน่ว่าพ่อหลวงสงฆ์อาจถึงฆาตก็ได้


          วันที่ 6 ของการเสกรูปปั้นข้าวเหนียวดำ ตอนเย็นของวันนี้พ่อหลวงบ่าวได้ลงจากกุฏิมากวาดลานวัดเช่นเคย ปรากฏว่าได้เกิดพายุหมุนอย่างรุนแรง จนทำให้ต้นยางหน้าวัดกิ่งหักกระเด็นลงมา เหมือนมีคนเอากิ่งยางทุ่มใส่พ่อหลวงบ่าว กิ่งยางหล่นลงมาทับร่างพ่อหลวงบ่าว ซึ่งกำลังกวาดลานวัดถึงแก่มรณภาพทันที 


          หลายวันต่อมา ข่าวมาถึงพ่อหลวงสงฆ์ ท่านก็ไม่พูดอะไรได้แต่อธิษฐานจิต ขออย่าได้จองเวรต่อกันและทำการอโหสิแก่พ่อหลวงบ่าว ด้วยใจจริงแล้วท่านหาได้อาฆาตอะไรถึงขั้นทำให้ตายจากกันไปไม่ และเมื่อพ่อหลวงบ่าวจากไปแล้วท่านก็ไมได้นึกถึงอะไร ได้แต่ปฏิบัติกิจของท่านต่อไป


                                             ................................................................


          ผมได้มีโอกาสรู้จักกับพระธุดงค์รูปหนึ่ง ท่านได้เขียนบันทึกการเดินทางธุดงค์ทั่วประเทศและผมได้ขออนุญาตนำบันทึกของท่านมาเผยแพร่ ไว้ตอนหน้าเรามาอ่านกันนะครับ  ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านเทอญ ....... 


โกสินทร์


รูปถ่ายหลวงพ่อสงฆ์ วัดเจ้าฟ้าศาลาลอย ผมนำใส่กรอบตั้งแต่สมัยเรียนหนังสือ ปัจจุบันรูปก็ขาดไปตามสภาพของกาลเวลา

โกสินทร์


ผ้ายันต์ของพ่อหลวงสงฆ์ พ่อของผมได้มาสมัยย้ายไปทำงานที่นั่น สมัยที่พ่อหลวงยังมีชีวิตอยู่

โกสินทร์


ยาฉุนของพ่อหลวงสงฆ์ เป็นเครื่องรางของขลังของท่านอีกชิ้นหนึ่งที่มีชื่อเสียง

โกสินทร์


ภาพโฆษณาให้เช่าวัวธนูทรงเครื่องของหลวงพ่อแสนเมือง วัดท่าแหน อ.แม่ทะ จ.ลำปาง


ผมนำใส่กรอบไว้ตั้งแต่สมัยยังเรียนหนังสือ ดูคำโฆษณา ณ พ.ศ.นั้น แปลกๆดีนะครับ


ของจริงหาดูได้ในตอนท้ายเรื่องเล่าของโกสินทร์ แต่ตอนที่เท่าไหร่ ผมก็จำไม่ได้เสียด้วย

โกสินทร์


ภาพโฆษณาให้เช่าวัวธนูของหลวงปู่คำแสน วัดดอนมูล อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่


ผมเช่ามารุ่นที่ 2  ของจริงหาดูได้ในตอนท้ายเรื่องเล่าของโกสินทร์ แต่ตอนที่เท่าไหร่ ผมก็จำไม่ได้เสียด้วย

โกสินทร์


รูปควายธนูของหลวงพ่อหลวง วัดป่าสำราญนิวาส อ.เกาะคา จ.ลำปาง


ของจริงหาดูได้ในตอนท้ายเรื่องเล่าของโกสินทร์ แต่ตอนที่เท่าไหร่ ผมก็จำไม่ได้เสียด้วย

โกสินทร์


วัวธนูสานด้วยไม้ไผ่ เป็นวัวตัวครู สร้างเพียง 50 ตัวของอุณมิลิต รับเมื่อ 12 มิ.ย.53

โกสินทร์


ด้านหน้าของวัวตัวครู

โกสินทร์


ด้านหลังของวัวตัวครู

โกสินทร์


วัวธนูจ่าฝูง สร้างเพียง 4 ตัวของวัดดอยอี่ฮุ้ย อ.แม่ทา จ.ลำพูน


รับเมื่อ 19 เม.ย.2553

โกสินทร์


ด้านหน้าของวัวธนูจ่าฝูง

โกสินทร์


ควายธนูครูบาเดช สำนักสงฆ์ป่าช้ารัตนโกสินทร์ อ.แม่ทะ จ.ลำปาง


รับเมื่อ 15 พ.ค.2553

โกสินทร์


ด้านหลังของควายธนูครูบาเดช

โกสินทร์


หลวงพ่อนวม วัดแจ้งเจริญ จ.ราชบุรี ท่านได้เดินธุดงค์ถึงถิ่นกะเหรี่ยง หัวหน้ากะเหรี่ยงเชิญหลวงพ่อทำพิธีที่บ้าน ขณะทำธี ผีน้องชายหัวหน้าที่อยู่ในขวดตกลงมาจากหิ้งแตก ผีน้องชายก็ออกมาจากขวด หัวหน้ากะเหรี่ยงคิดว่าเป็นการกระทำของหลวงพ่อนวม ทั้งที่ขวดอยู่บนหิ้งอยู่ๆก็ตกลงมา หัวหน้ากะเหรี่ยงเลยปล่อยผีและควายธนูมาทำร้าย แต่หลวงพ่อไม่เป็นอะไร หัวหน้ากะเหรี่ยงเลยนับถือหลวงพ่อนวม จนกระทั่งถึงบัดนี้ ทั้งที่หลวงพ่อนวมมรณภาพเมื่อ พ.ศ.2478 ชนชาวกะเหรี่ยงก็ยังนับถือหลวงพ่อนวมมาจนกระทั่งถึงทุกวันนี้

Page : 1
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view