http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,989,270
Page Views33,426,548
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« May 2024»
SMTWTFS
   1234
567891011
12131415161718
19202122232425
262728293031 

 


เรื่องเล่าจากโกสินทร์ ตอน 41 (ฉบับเปิดประสบการณ์พระธุดงค์) ++รูปประกอบ

(อ่าน 1273/ ตอบ 1)

โกสินทร์

ขอบคุณคุณอ้วนที่ให้กำลังใจ เมื่อ 9 มิถุนายน 2553 ท่านเจ้าอาวาสได้เรียกตัวผมไป เพื่อไปส่งพระจำนวน 4 รูปที่ท่าเรือเฟอร์รี่ เพื่อเดินไปยังเกาะฟาน ขณะนั่งในรถก็พูดคุยกันถึงเรื่องต่างๆ ทำให้ทราบว่าพระหนึ่งในสี่รูปนั้น ท่านได้บันทึกการเดินธุดงค์ไว้ ผมเลยขออนุญาติท่าน เพื่อนำบันทึกของท่านมาเผยแพร่ ท่านก็คิดอยู่นานกว่าจะอนุญาติ เพราะในบันทึกจะกล่าวถึงชื่อบุคคลต่างๆตลอดจนความคิดเห็นของท่านในขณะนั้น ว่าจิตและความรู้สึกนึกคิดอะไรอยู่ บางสิ่งบางอย่างอาจจะไม่เหมาะสม ผมก็กล่าวว่าดีเสียอีก พวกเราจะได้รู้ว่าในขณะที่พระเดินธุดงค์ สภาวะจิตในขณะก้าวย่าง ความคิดมันปรุงแต่งอะไรบ้าง ท่านไม่ขอเปิดเผยชื่อท่าน แต่ขอใช้นามแฝงว่า "นักพรตพเนจร" ต่อจากนี้ไป หากเป็นเรื่องเล่าของนักพรตพเนจร ผมจะมีวงเล็บไว้ว่า "ฉบับประสบการณ์ธุดงค์" หากเป็นเรื่องเล่าของผมจะไม่มีข้อความในวงเล็บนี้ ขอรับทราบตามนี้นะครับ . . . . หากท่านที่ต้องการฟังเรื่องราวภูติผีปีศาจ พญานาค คนธรรพ์ มีเทวดาตักบาตรพระในป่า ในเรื่องเล่าดังต่อไปนี้ ไม่มีพิศดารแบบนั้น จากนี้ไป ขอเชิญท่านสาธุชนทั้งหลาย น้อมกายและจิตของท่านร่วมกันเดินธุดงค์กับนักพรตพเนจร ณ บัดนี้

                                                                      คำนำ


          หนังสือเล่มนี้ไม่ใช่นิยาย ที่แต่งขึ้นเพื่อความบันเทิง แต่เป็นการถ่ายทอดประสบการณ์ชีวิตจริงของพระภิกษุรูปหนึ่งที่ได้จารึกธุดงค์ตามภูมิภาคต่างๆของประเทศไทย และได้เขียนบันทึกไว้เพื่อให้พุทธศาสนิกชนทุกท่านได้รับรู้ในชีวิตพระธุดงคืและข้อวัตรปฎิบัติของพระธุดงค์ จะได้ไม่ถูกมอมเมาจากการแอบอ้างเอาเครื่องหมายพระธุดงค์ไปหากินของกลุ่มมิจฉาชีพต่างๆ หวังว่าคงจะได้สาระบ้างไม่มากก็น้อย ความผิดพลาดบกพร่องประการใด ผู้เขียนขอน้อมรับและจะนำไปปรับปรุงแก้ไขในคราวต่อไป


                                                        ประสบการณ์ธุดงค์ครั้งแรกในชีวิต


          เริ่มต้นปีพ.ศ.2534 ผู้เขียนยังเป็นฆราวาสได้มีโอกาสสัมผัสชีวิตธุดงค์ครั้งแรก ด้วยการเดินธุดงค์หมู่คณะใหญ่ประมาณ 200 กว่าทั้งพระ แม่ชี สามเณร อุบาสก อุบาสิกา เริ่มจากวัดเจริญธรรม(ถ้ำภูตอง) ไปตามถนนหน้าวัด เดินทางสายในเมืองลพบุรี ไม่ได้ออกบิณฑบาต มีญาติโยม คณะครูอาจารย์ มาร่วมทำบุญตักบาตร และทางวัดก็จัดส่งอาหารมาเสริม สำหรับข้อวัตรในธุดงค์ก็มีสัจจะเดิน 10 วัน,ไม่รับเงินทอง,ไม่ขึ้นรถลงเรือ,ไม่นอนในเวลาเช้า เที่ยง ระหว่าง 2 ทุ่มถึง 4 ทุ่ม,สวดมนต์เช้าเย็น,ฉันภาชนะเดียว ยกเว้นของหวานและผลไม้,ไม่พูดเสียงดังเพ้อเจ้อ,สามัคคคีในหมู่คณะ,พิจารณาเหตุผลของโลกของธรรม,ไม่ยึดติดสถานที่และบุคคล ส่วนใหญ่ก็จะเดินตามริมคลอง พักเป็นจุดที่กำหนด และมีโยมนิมนต์ไว้ บางวันหลวงพ่อจะมาให้โอวาส ช่วงตอนเย็นหลังสวดมนต์แล้ว หรือบางครั้งก็จะมีหลวงน้านันท์ เจ้าอาวาส หลวงน้ามนตรีและพระรูปอื่น เปลี่ยนกันแสดงธรรมโปรดญาติโยม หมู่คณะพระ หมู่แม่ชี และผู้มาขอนิสัย ซึ่งการเดินธุดงค์ครั้งแรกก็ได้รับรู้และเข้าใจอะไรต่อมิอะไรหลายอย่าง มีเพื่อนสหธรรมมากมาย เป็นประสบการณ์ใหม่ในชีวิตที่ไม่มีในตำรา แต่ต้องค้นคว้าหาจากชีวิตจริงและต้องทำจริงและก็เป็นชีวิตในการธุดงค์ร่วมกัน เป็นชีวิตที่มีแต่ให้ ไม่ว่าจะเป็นธรรมมะหรือปัจจัย 4 ทุกคนยอมเสียสละ เพระเห็นถึงอานิสงส์ของการเดินธุดงค์และได้ส่งเสริมผู้สร้างบารมี ย่อมนำความสุขกายสุขใจ ทั้งผู้ให้และผู้รับโดยแท้จริง


                                                               ประสบการณ์ธุดงค์ครั้งที่ 2


          ประมาณปี พ.ศ.2534 หลังจากบวชได้ไม่นาน หลวงพ่อก้ได้นำพระ แม่ชี ญาติโยม เดินธุดงค์ไปทางสายแม่สะเรียง ซึ่งการเดินครั้งที่ 2 จะเข้มข้นกว่าครั้งแรก เพระหลวงพ่อจะพาเข้าป่าฝาดงค์ ตากแดดตากฝน เปียกปอนตามๆกัน แต่ตอนนั้นยังอยู่ในช่วงปิติ คือ ยังฮึกเหิมอยู่ ไม่ย่อท้อต่อความทุกข์ยากลำบากใดๆทั้งสิ้น ยิ่งมีหลวงพ่อพาเดิน ยิ่งทำให้จิตใจกล้าแกร่งเพิ่มขึ้น มีพระที่ตามไป 4 รูป คือ หลวงพี่ภิรมย์,หลวงพี่เปิ้ล,ตุ๊เสริฐ ( ตุ๊ หมายถึง พระสงฆ์ เป็นคำเรียก พระของทางภาคเหนือ ... โกสินทร์ ) และผู้เขียน สำหรับแม่ชีก็มี แม่ชีเหมียว,แม่ชีคำหล้า,คำปอง,เล็ก,แม่เนี้ย เดินไปกับหลวงพ่อ ช่วงแรกไม่ได้บิณฑบาต แม่ชีและหมู่คณะจัดอาหารมาถวาย เดินกับหลวงพ่อได้ 5 วันก็ต้องแยก เพระหลวงพ่อเดินกลับวัดพร้อมหลวงพี่ภิรมย์ มีหลวงพี่เปิ้ล ตุ๊เสริฐ และผู้เขียนเดินต่อไปที่แม่สะเรียง เพื่อไปโปรดญาติโยมที่บ้าน รวมระยะการเดินธุดงค์ครั้งที่ 2 ก็ประมาณ 20 วันกว่าวัน ก็นับว่าคุ้มค่ากับการเดินทาง เพราะหลวงพ่อท่านได้ให้โอวาสหลายอย่าง ในระหว่างที่ร่วมเดินทางไปกับท่าน ไม่ว่าจะให้พิจารณาในสิ่งที่ประสบพบเห็น หรือบางครั้งท่านก็ได้ เล่าประสบการณ์เดินธุดงค์ในชีวิตที่ผ่านมา ได้ประสบเจอกับเหตุการณ์มากมาย ทั้งในด้านดีหรือร้าย กว่าจะได้คำสอนมา ต้องลงทุนลงแรง ตากแดดอาบเหงื่อ อดหิวกระหายสารพัด ซึ่งไม่ใช่ของง่ายๆเลย ที่จะพ้นจากกองทุกข์ได้ ต้องผจญกับความทุกข์มากมายมหาศาล จนกว่าจิตจะชินชา และวางเฉยต่อความทุกข์นั้นได้ จึงจะผ่านไปได้ ถ้าหากจิตยังไม่ชินชาหรือวางเฉยต่อทุกข์ได้ ก็ต้องสู้ทนอุตสาหะ ฟันฝ่าต่อไป จนกว่าจะหมดลมหายใจ


                                                                เดินธุดงค์สู่ภาคอีสาน


          ประมาณปีพ.ศ.2534 หลังจากออกพรรษาแล้วก็ได้กลับขึ้นมาภาคเหนือ เพื่อมาเดินธุดงค์ เริ่มจากวัดแม่ลอง(เพียรกุศล) ขึ้นไปทางขุนแปะ แต่ไปไม่ถึงเพระหลงทางต้องย้อนกลับมาพักที่บ้านท่าเรือ ครั้งนี้เดินกัน 3 รูปมีหลวงพี่น้อย อดีตพระบุญชัยและผู้เขียน เดินขึ้นไปเชียงใหม่ หลวงพี่น้อยกับผู้เขียนได้เดินทางล่วงไปทางปากทางท่าลี่ ลงไปทางสายนี้แวะเข้าไปพระบาทห้วยต้ม โปรดญาติโยมชาวกะเหรี่ยง และไปโปรดญาติหลวงพี่น้อยที่ทุ่งเสลี่ยมและพิชัย แล้วก็เดินทางไปวัดโบสถ์วังทอง โปรดโยมสมศักดิ์บ้านสว่างบันเทิง อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก แล้วเดินทางต่อไปทางวังทรายพูน ออกชนแดนไปหนองไผ่เข้าบึงสามพัน แล้วเดินทางต่อเข้าอ.ภักดีชุมพล จ.ชัยภูมิ เป็นครั้งแรกในชีวิตที่ได้มาเยือนถิ่นอีสาน ญาติโยมทางอีสานก็ต้อนรับขับสู้ดี มาทำบุญใส่บาตรและฟังธรรม นั่งสมาธิบ้าง แต่เสียอยู่อย่างหนึ่งคือ ชอบขอหวย บางครั้งต้องหลบโยม จนหลงกลดตัวเองก็มี เดินไปหนองบัวแดง เกษตรชมภู ชุมแพ หนองเรือ ขอนแก่น มหาสารคาม ร้อยเอ็ด ยโสธร อุบลราชธานี อำนาจเจริญ มุกดาหาร นครพนม สกลนคร อุดรธานี เลย ไปพบโยมที่บ้านกุดดันจี่ช่วงสงกรานต์พอดี คือ โยมหนอม ตอนนี้อยู่สองพี่น้อง จ.สุพรรณบุรี ก่อนจากโยมน้ำตาไหลรินเหมือนกัน ทำให้ตื้นตันใจ ตอนหลังไปอีกครั้งไม่ได้พบกันอีกเลย แต่สำหรับโยมหนอมเจอกันบ่อย เพระเป็นศิษย์วัดเจริญธรรม ช่วงงานกฐินถ้าลงไปก็จะเจอบ่อย ช่วงขากลับเดินทางมาสายชาติตระการ นครไทย เขาพิชัยเหมือนเดิม แล้วแยกกับหลวงพี่น้อยที่ทุ่งเสลี่ยม รวมระยะเวลาการเดินทางก็ประมาณ 4-5 เดือน ครั้งนี้เดินไม่สวมรองเท้า เดินธุดงค์ขึ้นไปอีสาน ก้ได้ประสบการณ์หลายอย่าง คือ หนึ่งได้รู้จักทักทายญาติโยมและได้มีโอกาสแสดงธรรมบ้าง ได้รู้จักทักทายญาติโยม และได้มีโอกาสแสดงธรรมบ้าง ได้รู้จักขนบธรรมเนียมประเพณีความเป็นอยู่ของญาติโยมภาคอีสาน ซึ่งบางแห่งจะแห้งแล้งกันดารมาก หญ้าต้องแช่น้ำให้วัวควายกิน น้ำก็ตักไกลเป็นกิโล เดินไปแถวอ.เขื่องใน จะพบเจอน้ำบางแห่งจะเค็ม ดื่มไม่ได้ เอาไว้ใช้อย่างเดียว แต่สำหรับความศรัทธาของญาติโยมแล้วก็นับว่าใช้ได้ ในเรื่องทาน ศีล ภาวนา ก็พอพูดกันรู้เรื่อง ทางภาคอีสานจะมีพระสายวัดปฎิบัติมากเพราะหลวงปู่มั่นได้วางรากฐานไว้ให้ลูกศิษย์ รุ่นหลังได้เดินรอยตามอย่าง ซึ่งก็นับเป็นบุญบารมีของญาติโยมที่มีนักบวชปฎิบัติดีปฎิบัติชอบอยู่เป็นที่พึ่งที่อาศัย ได้กราบไหว้และเป็นเนื้อนาบุญแก่ชาวพุทธหั้งหลาย การเดินธุดงค์ต่างถิ่นแดนแคว้นต่างเมืองก็ชวนให้เพลิดเพลินไปอีกแบบหนึ่ง เพราะได้พบประสบเจออะไรใหม่ ๆ ก็เลยลืมวันลืมเดือนได้เหมือนกัน แต่บางครั้งบางคราวก็ท้อแท้เหมือนกัน เพราะว่าอารมณ์สามารถเปลี่ยนแปลงได้ตลอด 24 ช.ม. เพียงแต่ว่าเราจะรู้เท่าทันหรือเปล่าแค่นั้นเอง บางครั้งก็ดับได้ บางครั้งก็ดับได้ บางครั้งก็ดับไม่ได้เป็นธรรมดา สำหรับผู้ปฎิบัติซึ่งกำลังเดินทางอยู่ ไม่ใฃ่ผู้ถึงจุดหมายปลายทาง ย่อมสามารถปล่อยวางทุกอย่างได้แล้ว เพราะฉะนั้นความผิดพลาดย่อมเกิดขึ้นได้เสมอ แต่จงเอาความผิดพลาดเป็นบทเรียนให้เราเข้าใจและเป็นตำราสอนใจเราไม่ให้เกิดความผิดพลาดซ้ำสองอีก ก็นับว่าเป็นครูที่ยิ่งใหญ่ในชีวิตคนเรา ที่จะต้องจดจำและนำไปพิจารณาเป็นอุทาหรณ์สอนตนเองและผู้อื่นต่อไป


                                                                เดินธุดงค์ลงใต้


          ประมาณปี พ.ศ. 2537 ได้มีโอกาสเดินธุดงค์กับหลวงพี่สมคิดกับอดีตพระจ๊อด เริ่มต้นออกจากวัดแม่ลอง(เพียรกุศล) ไปทางแม่สะเรียง แล้วขึ้นไปโปรดญาติโยมชาวเขาเผ่ากะเหรี่ยงโชว์บนดอยแถวบ้านแม่สองแคว ขุนแม่คะตาน ห้วยกองมูล แล้วย้อนกลับมาทางสายตาก แยกเข้านาโบสถ์เข้าหนองแดง ไปทางคลองลานลงลาดยาว สว่างอารมณ์ทัพทันเข้าอ.บ้านไร่ ไปอ.ด่านช้าง เข้าเขื่อนกระเสียว แล้วไปทางหนองปรือ บ่อพลอย กาญจนบุรี ราชบุรี เพชรบุรี ประจวบ ชุมพร เจอฝนตกหนักช่วงเข้าเขตภาคใต้ ตั้งแต่ชุมพรลงมาทางหลังสวนเข้าพะโต๊ะออกระนอง พังงา ภูเก็ต เป็นที่สุดของการเดินทาง ช่วงขากลับแยกกับหลวงพี่สมคิดที่ภูเก็ตแถวอ.ถลาง เข้ามาทางกระบี่ แล้วเดินไปกับหลวงน้าต่วนไปนครศรีธรรมราช พัทลุง สงขลา ปัตตานี ญาติโยมทางใต้ก็ต้อนรับดี ไปบิณฑบาตรบางแห่งก็ใส่ดี บางทีก็ไม่ค่อยได้ อดบ้างอิ่มบ้างเป็นเรื่องธรรมดาของชีวิตพระธุดงค์ บรรยากาศที่ภาคใต้จะดีมาก ทางเป็นบางช่วงจะเดินริมทะเล อากาศเย็นสบาย แต่จะมีอุปสรรคคือ ฝนจะตกชุกและอากาศชื้น ทำให้ไม่ค่อยสนุกสักเท่าไหร่ สำหรับการเดินทางลงมายังภาคใต้ ก็จะทำให้รู้จักกับสภาพความเป็นอยู่ของญาติโยมทางใต้และพืชบางชนิดที่ไม่รู้จัก เช่น ยางพารา,ทุเรียน,เงาะ,ลองกอง,ลางสาด,มังคุด เหตุการณ์ที่เดินทางลงมาก็มีบางช่วงที่เจออันธพาลก่อกวน แต่ก็พ่ายแพ้กลับไป (ท่านเล่าให้ผมฟัง ขณะไปส่งท่านักพรตพเนจรที่ท่าเรือเฟอร์รี่ว่า ขณะท่านเดินธุดงค์ มีโยมเข้ามาถาม จะไปส่งไปไหม ท่านปฏิเสธไป โยมถามอีก รับเงินไหม ท่านปฏิเสธอีก เนื่องจาก ท่านตั้งสัจจะก่อนออกธุดงค์ว่า ไม่รับของเหล่านี้ขณะเดินธุดงค์ คราวนี้โยมควักปืนออกมา เหตุการณ์ต่อจากนี้เป็นอย่างไร ผมก็ลืมเสียแล้ว และเหตุการณ์นี้เกิดที่ภาคไหน จังหวัดไหน ก็ลืมอีกครับ . . โกสินทร์ ) บางช่วงจะเดินทางหลงเข้าป่า เขตคลองลาน-แม่วงค์ อดข้าวฉันแต่น้ำ และก็มีเหตุการณ์ทั้งดีและไม่ดีปะปนกันไป สิ่งเหล่านี้ถทอเป็นข้อสอบวัดจิตใจของเราว่าเข้มแข็งแค่ไหน เจอทั้งสิ่งสวยงามและสิ่งที่ไม่โสภา ลักษณะสองอย่างจะเป็นตัวชี้วัดระดับจิตใจของเราว่า สูงหรือต่ำลง ถ้าหากเราหลงในสิ่งที่พอใจและเกลียดในสิ่งที่ไม่พอใจ ถือว่าสอบไม่ผ่าน เพราะทั้งสองอย่างเป็นเพียงมายาที่เข้ามาปรุงแต่งกระแสจิตของเราเพียงชั่วขณะหนึ่ง วันใดวันหนึ่งอาจจะเปลี่ยนให้เราเกลียดในสิ่งที่เราชอบ และพอใจในสิ่งที่เราเกลียดก็ได้ เพราะฉะนั้นทุกสิ่งทุกอย่างเมื่อเกอดขึ้นมาแล้วต้องพิจารณาให้เป็นความจริงในสิ่งเหล่านั้น ไม่ว่าจะเกิดในลักษณะใดก็ให้พิจารณาให้รวมอยู่ในกฎไตรลักษณ์ให้ได้ คือ ให้เห็นในความเป็นทุกข์ของสิ่งทั้งปวง ให้เห็นในความเปลี่ยนแปลงของสิ่งทั้งปวง ให้เห็นถึงความไม่มีตัวตนในสิ่งปรุงแต่งไม่ว่าจะดีหรือเลว แล้วยกระดับจิตขึ้นสู่มัชฌิมา ไม่มีความยึดมั่นในสภาวะทั้งหลายทั้งปวงที่เข้ามากระทบทักษะต่างๆ เมื่อนั้นแลเราจะได้ชื่อว่า เป็นผู้รู้แจ้งเห็นจริงและปฏิบัติได้จริงตามคำสอนขององค์พระศาสดา ได้ชื่อว่าเป็นเนื้อนาบุญของโลกและเป็นโชคลาภของผู้ทีได้บำรุงผู้ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบตามกรอบของพระศาสนา ไม่เสียเวลาที่ลงทุนลงไปในการศึกษาปฏิบัติตามอริยมรรคสู่ความเป็นอริยชนอย่างแท้จริง   


          วันนี้ขอยุติเพียงเท่านี้ก่อน วันหลังค่อยมาฟังกันใหม่ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านเทอญ . . . .   


Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view