ขออนุญาต...ลงรายละเอียดเกี่ยวกับนิทรรศการ เพื่อจะได้เข้าใจกันมากขึ้นก่อนไปชมนะคะ
 

สิ่งที่อยู่คู่กับคนไทยมาช้านาน ที่นอกเหนือจากวัฒนธรรมประเพณีแล้ว ก็ยังมีความเชื่อ ที่เกิดจากความกลัว โดยเฉพาะสิ่งเร้นลับ สิ่งที่มองไม่เห็นหรือที่เราเรียกว่า"ผี" แต่คุณผู้ชมเชื่อไหมคะว่ามนุษย์สามารถนำความกลัว มาแปลเป็นความคิดสร้างสรรค์และผันให้เป้นหนทางทำเงินและธุรกิจที่สร้างรายได้มากมายมหาศาลค่ะ


 เพราะมนุษย์เกิดมาพร้อมกับความกลัว และความกลัวนั้นก็ได้สร้างให้มนุษย์มีจินตนาการ ในสิ่งที่มนุษย์มองไม่เห็นและไร้ตัวตน เมื่อมนุษย์อึดอัดกับความกลัวจึงคิดวิธีที่จะเอาชนะความกลัว ผ่านจินตนาการอันสร้างสรรค์ จนในที่สุดก็กลายเป็นการสร้างรายได้อย่างไม่รู้จบ "นิทรรศการ ผี ความกลัว จัดการได้ ด้วยจินตนาการสร้างสรรค์" ได้มีการรวบรวมเอาสิ่งที่มนุษย์สร้างสรรค์ขึ้นมาเเละสร้างมูลค่าขึ้นจากความกลัวของตนเองมาไว้เป็น2ส่วน ซึ่งส่วนที่1ก็คือ อยู่กับผี ที่เป็นการจัดแสดงเหตุเเห่งความกลัว ที่เป็นการถ่ายทอดเรื่องราวความกลัวของมนุษย์ในแต่ละยุคสมัยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และก็นำมาสู่ผลผลิตทางวัฒนธรรม โดยแปลเป็นประเพณีต่างๆ เช่น การเชิดสิงโต / การลอยโคมยี่เป็ง / งานบุญบั้งไฟ หรือเเม้แต่การปลุกเสกเครื่องรางของขลัง ซึ่งมีงานวิจัยโดยศูนย์วิจัยกสิกรไทยว่า ธุรกิจดอกไม้ พวงมาลัย หรือพวงหรีด ทำรายได้ถึงปีละ368.1ล้านบาท ในขณะที่ธุรกิจพระเครื่องมีเงินหมุนเวียนถึง ปีละ40,000ล้านบาท

ส่วนในการจัดแสดงส่วนที่2 เมื่อเรื่องของผีเเละวิญญาณไม่อาจจับต้องได้ มนุษย์จึงเปลี่ยนจินตนาการ มาเป็นภาพเเละเสียง จนเกิดธุรกิจสื่อบันเทิงแขนงต่างๆ เช่น ภาพยนตร์ ที่ทำรายได้เป็นร้อยล้านอย่าง นางนาก/ชัตเตอร์/แฝด หรือรายการวิทยุ รายการผีต่างๆ และส่วนสุดท้ายนั่นคือ ความคิดเห็นของผู้คนที่เกี่ยวข้องกับโลกของวิญญาณ ซึ่งเชื่อมต่อกับโลกธุรกิจ ไปจนถึงความคิดเห็นจากผุ้คนในสังคมทั่วไป ที่หลีกหนีจากสัญชาติญาณความกลัวไปไม่พ้น แต่ในที่สุดก็สามารถหาทางออกและจัดการได้อย่างสร้างสรรค์ค่ะ

นิทรรศการผี ความกลัว จัดการได้ ด้วยจินตนาการสร้างสรรค์ จัดขึ้นที่ศูนย์สร้างสรรค์งานออกแบบTCDCชั้น6 ดิเอ็มโพเรียมค่ะ ตั้งแต่วันนี้ถึง21พ.ย.นี้ค่ะ

------------------------------
ไม่น่าเชื่อว่า ความกลัวของมนุษย์ จะถูกมนุษย์เองนำมาสร้างสรรค์ผ่านสื่อต่างๆ และนำมาซึ่งโอกาสทางธุรกิจที่สามารถสร้างมูลค่าเพิ่มต่อไปได้ อย่างไม่มีวันหมดสิ้น