เรื่องเล่าจากโกสินทร์ ตอน 46 (มีภาพวัว , ควายธนู)
เมื่อปี พ.ศ. 2541 ผมได้รับจดหมายจากญี่ปุ่น ผมงงเป็นไก่ตาแตกเลย เอ๊ะเราไม่รู้จักใครที่ต่างประเทศเลยนี่น่า อ้อลืมไปเดี๋ยวอาจารย์สอนมวยจีนจะเสียใจ อาจารย์ผมอยู่ประเทศจีนผืนแผ่นดินใหญ่ ก็มีเพียงคนเดียวที่ผมรู้จัก พอเปิดจดหมายจึงถึงบางอ้อกล่าวคือผมเขียนปัญหาไปสอบถามเกี่ยวรักยม, กุมารทองนั่นล่ะครับในหนังสือเกี่ยวกับพระฉบับหนึ่ง ปรากฏว่าปัญหาของผม เจ้าของคอลัมน์เค้าชอบปัญหาแบบผมเพราะไม่ค่อยมีใครถามปัญหาแบบผมเลย เค้ายังเชิญชวนให้ผมสอบถามไปใหม่ ในหนังสือดังกล่าวเค้าลงที่อยู่ของผมด้วย เพื่อนผมเค้าไปทำงานที่ญี่ปุ่นก็จริงอยู่ แต่แฟนเค้าส่งหนังสือดังกล่าวไปที่ญี่ปุ่นให้สมมาตร์อ่าน พระเครื่องที่สมมาตร์สะสมเป็นพระที่ทำก่อนปี พ.ศ. 2500 พระดัง ๆ ยอดนิยมทั้งนั้น เค้าหมดไปกับการเช่าพระหลายล้านบาทเพราะสะสมตั้งแต่เริ่มทำงาน ที่คอเค้าแขวนสมเด็จวัดปากน้ำเนื้อผงรุ่นที่ 2 ตอนแรกเค้าไม่รู้ว่าเป็นพระอะไร มาทราบจากพ่อเค้าว่าเป็นพระวัดปากน้ำซึ่งพ่อเค้ารับมาจากมือหลวงพ่อสดเลยทีเดียว ทางวัดเลี่ยมเงินมาเสร็จเรียบร้อยพร้อมห้อยคอ อีกทั้งมีประสบการณ์เสียด้วยซิ สมัยเรียนพณิชยการ สมมาตร์เป็นลูกมือของเพื่อนร่วมชั้นชื่อพินคนทำระเบิดขวด เหตุที่ทำระเบิดขวดสมัยนั้นนักเรียนอาชีวะต่างโรงเรียนมักจะยกพวกมาทำร้ายบรรดานักเรียนโรงเรียนผม แม้นกระทั่งในสมัยนี้เวลาผ่านไปแล้วตั้ง 38 ปี นักเรียนยกพวกตีกันก็ยังดำเนินการอยู่ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ไม่รู้มันจะตีกันไปถึงไหน พอเข้ากลุ่มซ่ากันใหญ่ ทีชกกันเดี่ยว ๆ ไม่มีใครกล้า อยากต่อสู้กันนัก ขึ้นเวทีมวยชกกันให้สลบกันไปสักข้างหนึ่ง ยังมีความเป็นลูกผู้ชายซะอีก แล้วนักเรียนโรงเรียนพณิชยการผู้หญิงครึ่งค่อนโรงเรียนไปแล้ว ที่เหลือก็เป็นชายเรียบร้อยหน่อมแน้มเป็นส่วนใหญ่ ไอ้ที่ซ่า ๆ มีเพียงน้อยนิด พวกอาชีวะอุปกรณ์การเรียนของเค้าก็พร้อมจะเป็นอาวุธได้เช่น ไม้ที, เหล็กฉาก, เหล็กฟุต, มีดคัตเตอร์ ส่วนใหญ่มักจะซุกซ่อนมีดและปืนด้วย แต่ละคนอยู่น่ากลัวไม่กล้าเสวนาด้วย
จากเหตุการณ์ที่นักเรียนอาชีวะมาตีนักเรียนโรงเรียนผมในวันนั้น ทำให้เกิดเหตุการณ์ที่รักยมมาบอกผมในตอนกลางคืนก่อนไปโรงเรียนหนึ่งวันดังที่ผมเล่าไปแล้วในตอน 1 ลว. 15 มิ.ย. 51 ตอนทำระเบิดขวดนี่พินเป็นคนผสมสูตรทำระเบิดขวด พอผสมเสร็จก็โยนมาให้สมมาตร์รับกองไว้รวมกันเนื่องจากทำหลายลูก มีอยู่ลูกหนึ่งสมมาตร์รับพลาด ทำให้ระเบิดขวดตกลงสู่พื้นทันที สมมาตร์รู้แล้วว่าจะเกิดอะไรขึ้นในไม่กี่วินาทีข้างหน้านี้ กระจกหน้าต่างสูงจากพื้นพอประมาณ กรอบเป็นเหล็ก สมมาตร์ไม่รู้ว่าตัวเองมาอยู่ในห้องได้อย่างไร ตอนทำระเบิดขวดอยู่นอกห้อง กระจกบานนั้นแตกกระจัดกระจายด้วยตัวสมมาตร์พุ่งทะลุกระจกนั่นเอง แต่เนื้อตัวสมมาตร์ไม่เป็นอะไรเลย ผลปรากฏว่าระเบิดลูกนั้นไม่ทำงาน ไม่ระเบิดครับ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะพุทธคุณของพระที่สมมาตร์ห้อยคอหรือเพราะพินคนทำระเบิดขวดฝีมือไม่ได้มาตรฐานระเบิดบ้างไม่ระเบิดบ้าง หากระเบิดลูกนั้นระเบิดป่านนี้ทั้งสมมาตร์และพินคงนอนวัดฟังพระสวดแล้วล่ะครับ จากเหตุการณ์ดังกล่าวทำให้สมมาตร์มั่นใจในพุทธคุณของสมเด็จวัดปากน้ำรุ่น 2 พระที่สมมาตร์ใช้ประจำในญี่ปุ่นคือ ตะกรุดหลวงพ่อเผือกกื่งแก้ว, ปลัดหลวงพ่ออี๋, สิงห์หลวงพ่อเดิม, เขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน สร้อยคออีกเส้นมี กริ่งวัดสุทัศน์(สีดำมัน), พระร่วงรางปืน, กริ่งไพรีพินาศ(บวร), หนุมานหลวงพ่อปาน, รูปหล่อหลวงพ่อเดิม, หลวงปู่ภูปิดตา, พระนาคปรก, สมเด็จพระบางขุนพรหม(เกศทะลุซุ้ม), หลวงพ่อวัดปากน้ำรุ่นที่ 2 ....สมมาตร์นี่ก็อยู่ในเหตุการณ์ที่นักเรียนอาชีวะมาตีนักเรียนโรงเรียนผมในวันนั้นด้วย เค้าอยู่ในรถโรงเรียนคันหลังต่อจากผม ทำให้ถูกนักเรียนอาชีวะตีฟันหัก เลยเป็นเหตุให้สมมาตร์โมโหจะเอาคืนเลยมาเป็นลูกมือพินทำระเบิดขวด พระแต่ละองค์เครื่องรางแต่ละชนิดที่สมมาตร์สะสม จะเห็นได้ว่าไม่น่าแปลกใจว่าทำไมเค้าหมดเงินไปหลายล้านบาทกับบรรดาพระเครื่องและของขลัง เลยทำให้เค้าไม่มีบ้านที่จะอยู่ในเมืองไทย แต่กลับกันเค้ามีพระเครื่องและของขลังระดับประเทศแทน ผมมัวเงื้อง่าราคาแพงอยู่ทำจดหมายสมมาตร์หาย (เก็บไว้ดีเกินไป) หาไม่พบ เวลาผ่านไปหลายปีผมไปหาของอื่นก็ไปพบจดหมายสมมาตร์ฉบับนั้น แต่เวลามันผ่านไปนานแล้ว สมมาตร์คงกลับมาประเทศไทยแล้วล่ะ เนื่องจากในจดหมายเค้าบอกว่าเค้าจะทำงานที่ญี่ปุ่นเพื่อเก็บไว้มาสร้างบ้านในประเทศไทย.........
พูดถึงพุทธคุณของพระสมเด็จวัดปากน้ำแล้วผมมีเรื่องราวอันน่าระทึกใจของคุณอ้วนมาเล่าสู่กันฟัง
สมัยที่คุณอ้วนเป็นทหารอากาศอยู่ที่กองบิน56 จังหวัดสงขลา ประมาณเกือบ30ปีแล้วคุณอ้วนแขวนพระวัดปากน้ำรุ่นสาม แม่คุณอ้วนเป็นคนมอบให้ คุณอ้วนขี่มอเตอร์ไซด์ของเพื่อน ซึ่งหัวหน้าคุณอ้วนเค้าใช้ให้คุณอ้วนขับไปส่งที่สถานีรถไฟหาดใหญ่ ช่วงเวลานั้นเป็นเวลาบ่ายแก่ๆแล้ว รถที่ขับโซ่มันหลุดบ่อยเพราะว่าสเตอร์รถมันเก่าแล้ว ฟันมันสึกหมด กว่าคุณอ้วนจะพาเจ้านายไปส่งที่สถานีรถไฟได้ มือคุณอ้วนก็เปื้อนน้ำมันไปหมด เวลาบิดคันเร่งเร็วๆแล้วโซ่จะหลุดทันที พอคุณอ้วนส่งเจ้านายเสร็จ ก็แวะเที่ยวดูหนัง พอหนังเลิกก็ขับรถกลับกองบิน เวลาประมาณ 4 ทุ่ม พอผ่านหาดใหญ่ในบริเวณหน้าสถานีไฟฟ้าย่อย คุณอ้วนก็เห็นรถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งขับซ้อนสอง ตามหลังรถกระบะแล้วคุณอ้วนก็ได้ยินเสียงดังปัง แต่ไม่ได้คิดอะไร นึกว่าท่อไอเสียรถคันนั้นมันคงแตก คนร้ายก็ขับรถตีขึ้นมาคู่กับมอเตอร์ไซด์คุณอ้วน พอขับไปข้างเขา คนข้างหลังก็ชักปืนออกมาจากเสื้อคลุม (คนนั่งใส่หมวกไหมพรมคลุมหน้ามองเห็นแต่ลูกตา) คุณอ้วนก็ตกใจ รีบบิดคันเร่งหนีทันที
คุณอ้วนได้ยินเสียงดังปังตามหลังมา เข้าใจว่าคนร้ายคงยิงปืนใส่แต่ไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร เพราะช่วงเวลานั้นก็ก้มตัวแนบกับเบาะรถแน่น แล้วก็ขับกลับไปถึงกองบินได้อย่างรวดเร็วและปลอดภัย ที่ว่ารวดเร็วเพราะกลัวและตื่นเต้นมาก คุณอ้วนไม่ได้ไปแจ้งความอะไรเพราะมันดึกมากแล้ว คุณอ้วนคิดว่าเป็นปาฏิหาริย์ของพระสมเด็จวัดปากน้ำรุ่นสามแน่นอน เพราะโซ่รถไม่หลุดเลยทั้งๆที่เคยทดลองบิดคันเร่งเร็วๆแบบทันทีทันใด มันจะหลุดทุกครั้ง นี่แหละที่เขาเรียกว่า แคล้วคลาด วันนั้นคุณอ้วนไม่ได้ไปแจ้งความเพื่อให้ตำรวจมาจัดการกับพวก โจรพวกนี้ มาทราบทีหลังว่าพวกมันได้ก่อกรรมกับคนอื่น คือ ดักปล้นเอารถมอเตอร์ไซด์ของเพื่อนน้องคุณอ้วนไป เป็นรุ่นไฟท์เตอร์ ฮอนด้า แล้วโจรก็ตีหัวเจ้าของรถจนตาย คุณอ้วนเล่าเรื่องนี้ให้พี่ๆและเพื่อนๆที่เป็นคนท้องถิ่นฟัง เขาบอกว่าแถวนั้นมันมาดักปล้นเป็นประจำเลย........
พูดถึงเรื่องโจรปล้นรถมอเตอร์ไซค์ก็อยากจะกล่าวถึงเพื่อนน้องผมชื่อชายอาชีพซ่อมรถมอเตอร์ไซค์ เค้าได้สอนวิธีเอาตัวรอดจากคนร้ายหลายวิธี อย่างกรณีถูกคนร้ายขับรถมอเตอร์ไซค์ไล่ตามประกบเพื่อจะถีบรถเราให้ล้มมีวิธีแก้ดังนี้ เวลาเราขับรถมอเตอร์ไซค์ไปในที่เปลี่ยวหรือตอนกลางคืน ให้หมั่นขยันมองกระจกข้างสำหรับมองรถคันหลัง หากเป็นคนธรรมดาเค้าจะขับห่างเราเว้นระยะไว้ แต่หากเป็นคนร้ายมันจะขับเข้ามาประชิดประกบรถเราในระยะใช้เท้าถีบรถเราให้ล้ม วิธีนี้รายการ นาทีฉุกเฉิน ทางช่อง 5 นำมาออกรายการคนร้ายถีบรถที่ผู้หญิงขับมา พอรถล้มก็จะชิงทรัพย์บ้าง หากหน้าตาดีก็ข่มขืนเสียนี่ คนร้ายสองคนนี้ทำเป็นนิสัย ทำผิดซ้ำซาก ข้อหาเดิม ๆ มันน่ายิงทิ้งเสียจริง ๆ ในที่สุดคนร้ายรายนี้ก็ถูกทางตำรวจจับได้ อ้าว เรากลับมาที่เรื่องของนายชายกันใหม่ พอคนร้ายเข้ามาระยะประชิดรถของเรา ให้เรารีบชิงถีบรถคนร้ายเสียก่อน เรียกว่า เกลือจิ้มเกลือ วิธีของคนร้ายที่มาทำกับเรา เรารีบชิงทำเสียก่อน มีอยู่ครั้งหนึ่ง นายชายถูกคนร้ายขวางถนน ปล้นชิงรถ เมื่อนายชายขับรถไปถึงจุดดังกล่าว คนร้ายเรียกให้หยุด ไม่หยุดก็ไม่ได้ เพราะคนร้ายขวางถนนอยู่ นายชายมีความสามารถมาก ใช้วิธีเจรจาและทำตัวเหมือนกับโจรปล้นรถเสียเอง ใช้ความสามารถสุด ๆ จนคนร้ายคิดว่า เป็นโจรปล้นรถเหมือนกัน และคนร้ายก็เปลี่ยนใจปล่อยตัวไป นายชายก็เลยรอดปลอดภัยทั้งชีวิตและทรัพย์สิน ความสามารถของนายชายนี่สุด ๆ เลย เขายังบอกผมว่า หากผมซื้อรถยนต์คันใหม่ เขามีวิธีป้องกันคนร้ายขโมยรถ โดยการใช้อุปกรณ์บางอย่างใส่เพิ่มเติมเข้าไปในรถยนต์ ราคาไม่ถึง 100 บาท เป็นระบบตัดน้ำมัน หากเราถูกคนร้ายปล้นชิงรถ ทั้งขณะที่เราทิ้งรถไว้ก็ตาม หรือเราอยู่บนรถแล้วคนร้ายปล้นรถเราก็ตาม ทุกครั้งที่เราจอดรถ ให้เรากดสวิตซ์ลับที่เราทำไว้ รถเราจะวิ่งไปได้สักระยะหนึ่ง รถก็จะหยุดวิ่งเพราะสวิตซ์ตัดน้ำมันเรียบร้อยแล้ว นายชายเป็นช่างทำจนช่ำชอง อนึ่งรถมอเตอร์ไซค์หากไปซ่อมที่ร้านเขา เขาจะหาสาเหตุจนเจอ จะไม่ยอมเปลี่ยนอุปกรณ์เด็ดขาด เขาถือว่ารถที่เสียด้วยกรณีต่าง ๆ มาท้าทายความสามารถของเรา นอกจากสุดวิสัยของเขาจริง ๆ ก็จะเปลี่ยนเป็นทางออกสุดท้าย นอกจากนี้เขายังมีประสบการณ์ลี้ลับ ภรรยาของเขาได้ไปเสียชีวิตที่เนปาล ก็ที่ยอดเขาที่คนทั่วโลกนิยมไปปีนเขากันนั่นละ มีเหตุการณ์แปลก ๆ เหลือเชื่อเกิดขึ้นมากมาย ผมนัดเขาจะคุยเรื่องนี้ แต่เขาไม่มีเวลาว่างเลย จันทร์-ศุกร์ต้องทำงาน เสาร์อาทิตย์ก็ต้องพักผ่อนด้วยการขับเรือไปตกปลาเป็นวัน ๆ แม้นกระทั่งวันครบรอบปีของทุกปีที่ภรรยาเค้าเสียชีวิต มีอยู่ปีหนึ่งขณะที่ทำพิธีทางศาสนาอุทิศส่วนกุศลให้ภรรยาเค้า ขณะที่พระกำลังสวดอยู่นั้น มีผีเสื้อตัวหนึ่งไม่กลัวคนบินมาเกาะที่รูปเป็นเวลานาน แล้วก็บินไปเกาะตัวลูก แล้วผละไปเกาะที่แม่ สุดท้ายไปเกาะที่ตัวนายชาย นับเป็นเหตุการณ์มหัศจรรย์ พระเห็นเช่นนั้นถึงกับหยุดสวดต่างพากันนั่งมองผีเสื้อตัวนั้น (หากเรื่องผีเสื้อผมเคยเล่าไปแล้วขออภัยด้วยครับ ลุงแก่แหล่ว) ……….
เมื่อ มีนาคม 2553 น้องผมคนที่มีประสบการณ์ยามที่สำนักงานเค้าเห็นผู้หญิงนั่งบนรถ แต่พอผ่านประตูยามชะโงกเข้ามาดูในรถกลับไม่เห็นผู้หญิงคนนั้นดังที่ผมเล่าไปแล้วในตอนที่ 19 ลว. 4 เม.ย. 2552 เค้าได้ติดตามพระธุดงค์ที่ภาษาในสายของพวกเราเรียกกันว่า “ตามพระ” เพื่อติดตามคอยช่วยเหลือพระ เมื่อพระพักเหนื่อย น้องผมจะนำน้ำสำหรับดื่ม หรือน้ำสำหรับล้างหน้า หรือสำหรับสรงน้ำ ช่วงที่พระเดินบรรดาเพื่อน ๆ น้องผมเค้าก็จะเดินตามหลังพระตามแต่กำลังของแต่ละบุคคลจะอำนวย วันนั้นเค้าไปติดตามรับใช้พระแถวคันธุลี เมื่อกลับมาถึงบ้านก็มีอาการแปลก ๆ เกิดอาการสั่นขึ้นมาเฉย ๆ บังคับร่างกายไม่ได้ ก็ไปโรงพยาบาล หมอ 3 คนมายืนดูอาการข้างเตียงก็หาสาเหตุสมมติฐานของโรคไม่พบ แต่สุดท้ายก็บอกว่าเป็นโรคระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ(โรคเดียวกับผมที่เกิดในปี 2540 แต่คนละอาการกัน) หลังจากกินยาตามที่หมอสั่ง อาการมันก็ยังเป็นอยู่ไม่ดีขึ้น เป็น ๆ หาย ๆ บังเอิญนายปลาคนที่มีประสบการณ์เลี้ยงกุมารแล้วเฮี้ยนดังที่ผมเล่าไปแล้วในตอนที่ 10 ลว.14 พย.2551 เค้ารู้เรื่องว่าน้องผมติดตามพระแถวคันธุลี เค้าก็ออกความเห็นว่าแถวนั้นผีมันแรง เค้าก็เคยโดนมาแล้ว เนื่องจากว่าน้องผมพอทำบุญหลังจากติดตามพระเสร็จทุกครั้งพอถึงตอนอุทิศส่วนกุศลให้บรรดาผี ๆ ทั้งหลาย น้องผมอุทิศให้แต่เจ้ากรรมนายเวรเท่านั้น ไม่เคยเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ให้บรรดาสัมภเวสีเร่ร่อนแถวนั้นเลย ผีมันก็เลยตามมาขอส่วนบุญ ในเมื่อรักษาทางวิทยาศาสตร์มันไม่หาย ก็ต้องมาพึ่งสิ่งลี้ลับสายไสยศาสตร์ ผมก็อาสาพาน้องไปหาท่านเจริญที่ท่านเคยตรวจรักยมของผมว่ายังอยู่หรือไม่ดังที่ผมเล่าไปแล้วในตอนที่ 16 ลว.20 มค.2552 สรุปว่าวันที่ 24 เม.ย.2553 ก็ไปหาท่านเจริญ เมื่อไปถึงวัดจังหวะดีอะไรเช่นนั้น ไม่มีคนอื่นอยู่เลย น้องผมก็ไปเล่าอาการให้ท่านเจริญฟัง ท่านนั่งนิ่ง ๆ สักพักก็เอาพลู หมากนำมาให้น้องผมกิน ท่านบอกว่าเคี้ยวให้แหลก ห้ามคายทิ้งให้กลืนเข้าไปเลย แหม น้องผมนี่คนไม่เคยกินหมากเลยในชีวิต มันผะผืดผะอมน่าดู จะอ้วกเสียให้ได้ แต่ก็ฝืนเคี้ยวจนแหลกละเอียด เมื่อกลืนเข้าไปแล้ว ท่านเจริญก็ถามว่าเป็นอย่างไร รสชาติฝาดหรือขม น้องผมตอบไปว่ายังไง ลืมเสียแล้วสิ ท่านก็บอกว่าน้องผมโดนทำเสน่ห์ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นรุนแรง เพราะยังมีสติอยู่ หากโดนมาก ๆ ถึงขั้นไม่ได้สติเป็นบ้าเอาง่าย ๆ ท่านก็ถามว่าไปกินอะไรที่ไหนบ้าง หมายถึงคนคุ้นเคยกิน น้องผมก็มานั่งคิด เอ๊ะ ก็มีที่สำนักงานแห่งเดียวเท่านั้น เพราะเค้าจะกินกาแฟทุกวัน ก็สันนิษฐานกันว่าคงเอาของใส่ในกาแฟ หลังจากนั้นท่านเจริญก็ทำพิธีแก้ไข เมื่อเสร็จจากพิธีแล้ว ท่านเจริญก็นำแหวนวงหนึ่งเป็นสีเงินรูปหัวกะโหลกผี พร้อมกับบอกว่าแหวนวงนี้มาจากเขมร เจ้าของประสบกับความฉิบหายทั้งทรัพย์สิน ชีวิตของครอบครัว ประสบกับความหายนะอย่างสุดแสนสาหัส เพราะเจ้าแหวนวงนี้ เจ้าของแหวนเลยนิมนต์ท่านเจริญไปตรวจสอบที่บ้านดูว่าทำไมจึงมีเหตุการณ์ร้ายต่าง ๆ มากมายถาโถมเข้ามาในชีวิตเค้ามากนัก ก็พบเจ้าตัวปัญหา คือ แหวนวงนี้ แล้วใครล่ะจะเก็บแหวนวงนี้เอาไว้ เป็นคุณ ๆ ท่าน ๆ จะเก็บเอาไว้หรือ แหวนวงนี้ก็เลยต้องมาอยู่ในลิ้นชักของท่านเจริญ ผมจะถ่ายรูปแหวนวงนี้มาแล้วแต่แบตหมดเสียนี่ ไม่ทราบว่าเป็นเพราะอภินิหารของแหวนไม่ต้องการให้ผมถ่ายภาพหรือแบตมันหมดเองตามปกติก็เลยไม่ได้นำมาให้ชมกัน น่าเสียดายนะครับ ..........
หลังวันวิสาขบูชาของปีนี้ ผมสังเกตเห็นข้างบ้านของพี่หนู เค้าตั้งศาลใหม่และมีหมอมาทำพิธีไสยศาสตร์ สอบถามได้ความว่า หลังจากพี่หนูกลับมาจากหนองคาย เมื่อมาถึงบ้านก็มีอาการแปลก ๆ อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน คือ จะมีเสียงคนพูดข้างหูด้วยภาษาที่ฟังไม่รู้เรื่อง พอนอนก็มีความรู้สึกว่า เตียงสั่นและพลิกโยกไหวเหมือนกับแผ่นดินไหวยังไงยังงั้น พี่หนูถามแฟนเค้าว่า แผ่นดินไหวรึเปล่า แฟนเค้าก็บอกว่าไม่มีอะไรนี่ ปกติดีทุกอย่าง อาการนี้พี่หนูสัมผัสได้อยู่คนเดียว หลานของพี่หนูที่อยู่บ้านเดียวกันก็ไม่รู้สึกเหมือนพี่หนู สามีพี่หนูเป็นครู มีลูกศิษย์ที่มีความรู้ทางไสยศาสตร์ก็เชิญมาที่บ้าน ศิษย์พี่หนูก็บอกว่า มีวิญญาณร้ายตามพี่หนูมาจากหนองคาย วิธีแก้คือ เค้าจะตั้งศาลเพื่ออัญเชิญฤาษีตาไฟมาปกป้องคุ้มครองบ้าน ขณะทำพิธีตั้งศาลฤาษีตาไฟนั้น พี่หนูเล่าว่า ท้องฟ้าสีแดงฉานและแดงเฉพาะเหนือศาลฤาษีตาไฟเท่านั้น ศิษย์พี่หนูเห็นดังนั้นก็บอกพี่หนูให้เปลี่ยนผ้าปูโต๊ะหน้าศาลจากเดิมสีแดงเป็นสีขาว พี่หนูเล่าถึงตอนนี้ถึงกับออกอาการขนลุกในปรากฏการณ์เหนือธรรมชาติ สิ่งแปลก ๆ เหนือคำบรรยาย พอตั้งศาลเสร็จ ในเมื่อมีฤาษีตาไฟคอยปกป้องคุ้มครองรักษาบ้านเพื่อป้องกันผีร้ายเข้ามาในบ้าน ฤาษีตาไฟก็ต้องมีบริวารคอยรับใช้ และบริวารของฤาษีตาไฟเป็นใครไปไม่ได้ นอกจากกุมารทองเท่านั้น แต่การนำกุมารทองเข้ามาในบ้านพี่หนูจะต้องไปทำพิธีที่บ้านพ่อหมอ ขณะที่พ่อหมอกำลังทำพิธีอัญเชิญกุมารทองมาเป็นบริวารของฤาษีตาไฟ พี่หนูได้ยินเสียงคนกดปุ่มบังคับต่าง ๆ ภายในรถยนต์เสียงดังกุกกัก ๆ ทั้งที่เป็นเวลากลางวัน พ่อหมอก็บอกว่ากุมารอย่าซนนักนะ เดี๋ยวแม่ (หมายถึงพี่หนู) เค้าจะกลัว เสียงกุก ๆ กัก ๆ ก็เงียบหายไป แหม กุมารทองนี่ เฮี้ยนจริง ๆ กุมารทองมีลักษณะเป็นรูปหล่อทองเหลือง พี่หนูยังเล่าอีกว่า พ่อหมอคนนี้ไม่เคยเรียกร้องเงินจากใคร หากไปช่วยก็ไปช่วยด้วยใจจริง บรรดาของขลังต่าง ๆ หากใครไปขอความช่วยเหลือได้จังหวะดี พ่อหมอก็จะแจกให้ฟรี ๆ นี่ผมยังคิดอยู่ในใจว่า หากผมได้รู้จักพ่อหมอคนนี้ จะเชิญมาดูเหล่ากุมารทอง, รักยมของผมทั้งหลายว่าเป็นอย่างไรบ้าง แล้วจะมาเล่าให้ฟังวันหลังนะครับ อ้อ ลืมไป เหตุการณ์ต่าง ๆ ที่พี่หนูประสบมาเค้าไม่สบายใจเป็นอันมาก เพราะทุกสี่ปีบ้านเค้าจะมีคนตาย 1 คนเริ่มจากพ่อเค้าก่อน แล้วมาแม่ แล้วมาน้องสาวเค้า ปีนี้ก็ครบ 4 ปีอีกแล้วก็เลยทำให้เค้าไม่สบายใจ .........
วันนี้ขอยุติเพียงเท่านี้ไว้เดือนหน้าค่อยมาเล่าสู่กันฟังใหม่ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านเทอญ........