Sudteerak
|
หัวข้อ :สงสัยเรื่องการขออนุญาติ และเชิญกุมารทอง เข้าที่พัก
15/03/2011
, 21:03
Quote
**อาจจะมีคนเคยถามแล้ว ต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่ถามอีกครั้ง** เนื่องจากมีความคิดที่จะเลี้ยงกุมารทอง แต่ที่พัก คือพักเป็นหอพักค่ะ แล้วอย่างนี้จะไว้เจ้าที่ ปักธูปอย่างไรคะ เพราะหอพักอยู่ในซอย และไม่มีอาณาเขตที่ชัดเจนติดกับถนนของซอยเลย จะปักธูปขอเจ้าที่ และอัญเชิญกุมารทองอย่างไรดีคะ รบกวนหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
**อาจจะมีคนเคยถามแล้ว ต้องขอโทษด้วยค่ะ ที่ถามอีกครั้ง** เนื่องจากมีความคิดที่จะเลี้ยงกุมารทอง แต่ที่พัก คือพักเป็นหอพักค่ะ แล้วอย่างนี้จะไว้เจ้าที่ ปักธูปอย่างไรคะ เพราะหอพักอยู่ในซอย และไม่มีอาณาเขตที่ชัดเจนติดกับถนนของซอยเลย จะปักธูปขอเจ้าที่ และอัญเชิญกุมารทองอย่างไรดีคะ รบกวนหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ
|
ด.ช.เกรียน>ป.6/1
|
ความคิดเห็นที่ 1
15/03/2011
, 21:12
Quote
ท่า มี ที่เเจ้ง เเถว หอ ก็ ขอ เจ้าที่เจ้าทาง เลย ครับ ใช้ ธูป 16 ดอก ครับ หรือตามใบที่กุมาร ของ ผู้ จัดสร้างกุมาร บอกครับ พี่สาวคนสวย [ว่าเเต่ของวัดไหนครับพี่สาวคนสวย]
ท่า มี ที่เเจ้ง เเถว หอ ก็ ขอ เจ้าที่เจ้าทาง เลย ครับ ใช้ ธูป 16 ดอก ครับ หรือตามใบที่กุมาร ของ ผู้ จัดสร้างกุมาร บอกครับ พี่สาวคนสวย [ว่าเเต่ของวัดไหนครับพี่สาวคนสวย]
|
พรายกุมาร
|
ความคิดเห็นที่ 2
16/03/2011
, 19:56
Quote
ไม่ต้องบอกเจ้าที่ครับ เพราะกุมารทองนั้นมีฤทธิ์ได้โดยอ้างบารมีพระรัตนตรัย ที่ใดไม่มีพระรัตนตรัย ที่นั่น กุมารทองก็ไปไม่ได้ครับ เช่น ไปอิรักอย่างนี้เป็นต้น... แต่สำหรับประเทศไทย เมืองพุทธ กุมารไปได้ในทุกแห่งหนครับ (ยกเว้นโบสศาสนาอื่นและสถานที่อันชั่วร้าย)
ไม่ต้องบอกเจ้าที่ครับ เพราะกุมารทองนั้นมีฤทธิ์ได้โดยอ้างบารมีพระรัตนตรัย ที่ใดไม่มีพระรัตนตรัย ที่นั่น กุมารทองก็ไปไม่ได้ครับ เช่น ไปอิรักอย่างนี้เป็นต้น... แต่สำหรับประเทศไทย เมืองพุทธ กุมารไปได้ในทุกแห่งหนครับ (ยกเว้นโบสศาสนาอื่นและสถานที่อันชั่วร้าย)
|
น๊อตโพลีเทค
|
ความคิดเห็นที่ 3
16/03/2011
, 20:16
Quote
มีงี้ด้วยหล๊อ ไม่ต้องบอกเจ้าที่
มีงี้ด้วยหล๊อ ไม่ต้องบอกเจ้าที่
|
แม็ก ทางสามแพร่ง
|
ความคิดเห็นที่ 4
16/03/2011
, 20:23
Quote
นั่นน่ะสิครับ
มีด้วยเหรอครับ
นั่นน่ะสิครับ
มีด้วยเหรอครับ
|
ด.ช.เกรียร>ป.6/1
|
ความคิดเห็นที่ 5
16/03/2011
, 20:38
Quote
เอาตำราไหนมาครับ ผมขอข้อมูลที่เด่นชัดหน่อยครับว่า ไม่ต้องขอเจ้าที่ กุมารก็เข้าบ้านได้
เอาตำราไหนมาครับ ผมขอข้อมูลที่เด่นชัดหน่อยครับว่า ไม่ต้องขอเจ้าที่ กุมารก็เข้าบ้านได้
|
แม็ก ทางสามแพร่ง
|
ความคิดเห็นที่ 6
17/03/2011
, 10:27
Quote
คิดง่ายๆครับ
คุณเป็นเจ้าของบ้าน
แล้วอยู่ดีๆ มีคนแปลกหน้าจะเข้ามาในบ้าน
ทั้งที่คุณไม่รู้จักไม่เคยเห็น
แล้วมาอ้างว่า รู้จักกับญาติของคุณ
คุณจะอนุญาตให้เข้าบ้านหรือเปล่าครับ
คิดง่ายๆครับ
คุณเป็นเจ้าของบ้าน
แล้วอยู่ดีๆ มีคนแปลกหน้าจะเข้ามาในบ้าน
ทั้งที่คุณไม่รู้จักไม่เคยเห็น
แล้วมาอ้างว่า รู้จักกับญาติของคุณ
คุณจะอนุญาตให้เข้าบ้านหรือเปล่าครับ
|
พรายกุมาร
|
ความคิดเห็นที่ 7
17/03/2011
, 18:35
Quote
ความเชื่อที่ถูกต้อง คือ หากคุณคิดจะเลี้ยงกุมารทอง ให้ตัดเรื่องเจ้าที่ไปได้เลยครับ เพราะกุมารทองนั้นแบ่งแยกเป็นหลายประเภทมากมาย ซึ่งประเภทนั้นก็ไม่จำกัด กุมารทองที่ใครๆ บอกว่าต้องขออนุญาติเจ้าที่นั้น ก็มีครับ แต่แค่ 1 ในล้านเท่านั้นครับ เพราะกุมารทองประเภทนี้ เขาเกิดขึ้นด้วยตัวเอง หมายถึง วิญญาณที่มีกรรม แล้วอยู่ๆ เกิดเป็นกุมารทอง ซึ่งกุมารประเภทนี้ไม่ค่อยพบเห็นและไม่นิยมอยู่กับผู้คน ส่วนมากมักจะไปอยู่ตามวัดวา อารามหรือ มีที่สถิตให้คนโดยรวมมาบูชาเขา ซึ่งเขาก็จะสงเคราะห์ไป และรอเวลาที่ตนเองจะพ้นจากสภาพกุมารนั้น แล้วไปเกิดครับ ยกตัวอย่างเช่น กุมารดังๆ ตามศาลต่างๆ ที่คนนิยมไปไหว้บูชาครับ อย่างพี่จุกวัดสวนหลวง เป็นต้น ซึ่งกุมารประเภทนี้ ไม่มีทางที่ใครจะเลี้ยงได้ ส่วนกุมารที่เรามีเลี้ยงกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองนั้น จัดอยู่ในกุมารประเภทปลุกด้วยอาคมและพิธีกรรม ซึ่งหมายความว่า ผู้ปลุกเสกอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ปลุกไปมีกุมารหรือไม่ ก็ขอให้ทำตามกรรมวิธีของโบราณจารย์ก็พอ ซึ่งผลที่ได้มี 2 แบบ ครับ คือ 1. กุมารอาคม กุมารพวกนี้เป็นเพียงแค่อาคมที่กำกับอยู่ในร่างเท่านั้น พอผ่านไปไม่นาน อาคมนั้นก็เสื่อมไป 2. กุมารวิญญาณ กุมารประเภทนี้เป็นวิญญาณที่ถูกเรียกเข้าสถิตในร่างกุมารทอง ซึ่งก็เป็นวิญญาณเด็กที่ตายโหงตายห่าทั่วไป ซึ่งเมื่อถูกพิธีกรรมดูดไปอยู่ในร่างนั้นแล้ว ก็จะถูกคาถาปลุกกุมารสะกดไว้ ทำให้มีภาวะที่ต้องเป็นกุมารทอง และมีฤทธิ์อำนาจได้ก็โดยอาคมอีก ซึ่งอาคมนั้นก็อ้างเอาบารมีพระรัตนตรัย จึงทำให้มีฤทธิ์ขึ้นนิดหน่อยเหนือกว่า ภาวะที่เป็นผีธรรมดา ซึ่งกุมาร 2 แบบนี้พบเห็นเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง หากเป็นกุมารอาคมแบบที่ 1 สิ่งที่พิสูจน์ได้ คือ ความเงียบ สัมผัสไม่ได้เลย นั่นแหล่ะ ที่พบเห็นมากที่สุด ส่วนแบบที่ 2 แบบวิญญาณ ก็มีให้เห็นเล็กๆ น้อยๆ เช่น ขนลุกซู่ เสียงก๊อกแก๊ก ซึ่งก็พิสูจน์ไม่ได้ ซึ่งทั้งสองแบบนี้ก็ไม่ต่างกันมากนัก เพราะช่วยอะไรเจ้าของไม่ได้เลย ส่วนที่ว่ากุมารไปได้ทุกที่นั้น คือ แบบที่ 2 แบบวิญญาณ นั่นเพราะกุมารอาศัยอยู่ในร่างนั้นได้ เพราะอ้างเอาบารมีพระรัตนตรัยตอนปลุกเขาขึ้นมา จึงทำให้ เขามีฤทธิ์และอยู่ได้ด้วยอำนาจพระรัตนตรัย จึงไม่เกี่ยวกับเจ้าที่เลย เพราะอำนาจพระรัตนตรัยสูงกว่าเจ่้าที่ เมื่อกุมารจะไปที่ใดก็ไปได้ เพราะในสภาวะวิญญาณแบ่งออกเป็นหลายมิติ มิติที่อ้างเอาพระรัตนตรัยนั้น เจ้าที่จะเห็นกุมารเป็นผู้ที่บวชแล้ว จึงไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะอยู่คนละสภาวะ และมีหน้าที่คนละอย่างกัน เจ้าที่ก็เฝ้าที่ไป กุมารก็อยู่กับเจ้าของโดยอยู่ได้เพราะอำนาจพระรัตนตรัย ไม่เกี่ยวกับสิ่งใดทั้งสิ้น ส่วนในภาวะที่เจ้าที่นั้นไม่รู้จักพระรัตนตรัย กุมารทองก็ไปได้ เพราะอยู่คนละสภาวะ เช่น หากคุณนำกุมารทองไปในบ้านของคนอิสลาม กุมารก็เข้าได้ (บ้านอิสลามในประเทศไทย เขตพุทธาวาสนะ) ผีอิสลามก็ไม่เห็นกุมาร กุมารก็ไม่เห็นผีอิสลาม เพราะคนละความเชื่อ จึงมีคนละมิติเป็นต้น แต่กุมารยังไปได้ เพราะ บ้านนั้นอยู่ในเขตพุทธาวาส แต่หากคุณนำกุมารไปอิรัก อย่างนี้เป็นต้น เขาก็ไปไม่ได้ เพราะที่นั่นไม่มีพระรัตนตรัย ก็เปรียบเสมือนที่นั่นไม่มีประตู กุมารก็ไปไม่ได้เป็นต้น ความเชื่อนี้นั้นไม่มีตำราอ้างอิง แต่ความเชื่อที่พิสูจน์ได้ทางวิญญาณ ผู้ใดสามารถถอดวิญญาณออกจากกายได้ และพบเห็นกุมารทอง ลองชวนเขาไปดูสิ บางเขตเขาไปไม่ได้หรอก ไม่ใช่เพราะมีเจ้าที่หรืออะไรขวางกัน ที่ไปไม่ได้ เพราะ ไม่มีบารมีพระรัตนตรัยเป็นทางส่องไปนั่นเอง...สุดท้ายนี้ขอย้ำว่า กุมารทองไม่ใช่ของวิเศษหรอก แต่เป็นกรรมผูกกัน ท่านทั้งหลายที่เลี้ยงกุมารในวันนี้ วันหน้าท่านก็คือกุมารทองที่จะถูกเขาเลี้ยงนั่นเอง มันคือ ชาติภพที่ท่านจะต้องไปเกิดเป็นนั่นเอง เมื่อท่านได้เกิดเป็นชาติกุมารนั้นแล้ว ท่านก็จะเข้้าใจเองว่า แม้ท่านจะพยายามทำให้เจ้าของเห็นแค่ไหน ก็ทำไม่ได้ แล้วสุดท้ายท่านก็ต้องมีชะตากรรมที่น่าอนาจ...สวัสดี
ความเชื่อที่ถูกต้อง คือ หากคุณคิดจะเลี้ยงกุมารทอง ให้ตัดเรื่องเจ้าที่ไปได้เลยครับ เพราะกุมารทองนั้นแบ่งแยกเป็นหลายประเภทมากมาย ซึ่งประเภทนั้นก็ไม่จำกัด กุมารทองที่ใครๆ บอกว่าต้องขออนุญาติเจ้าที่นั้น ก็มีครับ แต่แค่ 1 ในล้านเท่านั้นครับ เพราะกุมารทองประเภทนี้ เขาเกิดขึ้นด้วยตัวเอง หมายถึง วิญญาณที่มีกรรม แล้วอยู่ๆ เกิดเป็นกุมารทอง ซึ่งกุมารประเภทนี้ไม่ค่อยพบเห็นและไม่นิยมอยู่กับผู้คน ส่วนมากมักจะไปอยู่ตามวัดวา อารามหรือ มีที่สถิตให้คนโดยรวมมาบูชาเขา ซึ่งเขาก็จะสงเคราะห์ไป และรอเวลาที่ตนเองจะพ้นจากสภาพกุมารนั้น แล้วไปเกิดครับ ยกตัวอย่างเช่น กุมารดังๆ ตามศาลต่างๆ ที่คนนิยมไปไหว้บูชาครับ อย่างพี่จุกวัดสวนหลวง เป็นต้น ซึ่งกุมารประเภทนี้ ไม่มีทางที่ใครจะเลี้ยงได้ ส่วนกุมารที่เรามีเลี้ยงกันไปทั่วบ้านทั่วเมืองนั้น จัดอยู่ในกุมารประเภทปลุกด้วยอาคมและพิธีกรรม ซึ่งหมายความว่า ผู้ปลุกเสกอาจจะไม่รู้ด้วยซ้ำว่าที่ปลุกไปมีกุมารหรือไม่ ก็ขอให้ทำตามกรรมวิธีของโบราณจารย์ก็พอ ซึ่งผลที่ได้มี 2 แบบ ครับ คือ 1. กุมารอาคม กุมารพวกนี้เป็นเพียงแค่อาคมที่กำกับอยู่ในร่างเท่านั้น พอผ่านไปไม่นาน อาคมนั้นก็เสื่อมไป 2. กุมารวิญญาณ กุมารประเภทนี้เป็นวิญญาณที่ถูกเรียกเข้าสถิตในร่างกุมารทอง ซึ่งก็เป็นวิญญาณเด็กที่ตายโหงตายห่าทั่วไป ซึ่งเมื่อถูกพิธีกรรมดูดไปอยู่ในร่างนั้นแล้ว ก็จะถูกคาถาปลุกกุมารสะกดไว้ ทำให้มีภาวะที่ต้องเป็นกุมารทอง และมีฤทธิ์อำนาจได้ก็โดยอาคมอีก ซึ่งอาคมนั้นก็อ้างเอาบารมีพระรัตนตรัย จึงทำให้มีฤทธิ์ขึ้นนิดหน่อยเหนือกว่า ภาวะที่เป็นผีธรรมดา ซึ่งกุมาร 2 แบบนี้พบเห็นเกลื่อนบ้านเกลื่อนเมือง หากเป็นกุมารอาคมแบบที่ 1 สิ่งที่พิสูจน์ได้ คือ ความเงียบ สัมผัสไม่ได้เลย นั่นแหล่ะ ที่พบเห็นมากที่สุด ส่วนแบบที่ 2 แบบวิญญาณ ก็มีให้เห็นเล็กๆ น้อยๆ เช่น ขนลุกซู่ เสียงก๊อกแก๊ก ซึ่งก็พิสูจน์ไม่ได้ ซึ่งทั้งสองแบบนี้ก็ไม่ต่างกันมากนัก เพราะช่วยอะไรเจ้าของไม่ได้เลย ส่วนที่ว่ากุมารไปได้ทุกที่นั้น คือ แบบที่ 2 แบบวิญญาณ นั่นเพราะกุมารอาศัยอยู่ในร่างนั้นได้ เพราะอ้างเอาบารมีพระรัตนตรัยตอนปลุกเขาขึ้นมา จึงทำให้ เขามีฤทธิ์และอยู่ได้ด้วยอำนาจพระรัตนตรัย จึงไม่เกี่ยวกับเจ้าที่เลย เพราะอำนาจพระรัตนตรัยสูงกว่าเจ่้าที่ เมื่อกุมารจะไปที่ใดก็ไปได้ เพราะในสภาวะวิญญาณแบ่งออกเป็นหลายมิติ มิติที่อ้างเอาพระรัตนตรัยนั้น เจ้าที่จะเห็นกุมารเป็นผู้ที่บวชแล้ว จึงไม่เกี่ยวข้องกัน เพราะอยู่คนละสภาวะ และมีหน้าที่คนละอย่างกัน เจ้าที่ก็เฝ้าที่ไป กุมารก็อยู่กับเจ้าของโดยอยู่ได้เพราะอำนาจพระรัตนตรัย ไม่เกี่ยวกับสิ่งใดทั้งสิ้น ส่วนในภาวะที่เจ้าที่นั้นไม่รู้จักพระรัตนตรัย กุมารทองก็ไปได้ เพราะอยู่คนละสภาวะ เช่น หากคุณนำกุมารทองไปในบ้านของคนอิสลาม กุมารก็เข้าได้ (บ้านอิสลามในประเทศไทย เขตพุทธาวาสนะ) ผีอิสลามก็ไม่เห็นกุมาร กุมารก็ไม่เห็นผีอิสลาม เพราะคนละความเชื่อ จึงมีคนละมิติเป็นต้น แต่กุมารยังไปได้ เพราะ บ้านนั้นอยู่ในเขตพุทธาวาส แต่หากคุณนำกุมารไปอิรัก อย่างนี้เป็นต้น เขาก็ไปไม่ได้ เพราะที่นั่นไม่มีพระรัตนตรัย ก็เปรียบเสมือนที่นั่นไม่มีประตู กุมารก็ไปไม่ได้เป็นต้น ความเชื่อนี้นั้นไม่มีตำราอ้างอิง แต่ความเชื่อที่พิสูจน์ได้ทางวิญญาณ ผู้ใดสามารถถอดวิญญาณออกจากกายได้ และพบเห็นกุมารทอง ลองชวนเขาไปดูสิ บางเขตเขาไปไม่ได้หรอก ไม่ใช่เพราะมีเจ้าที่หรืออะไรขวางกัน ที่ไปไม่ได้ เพราะ ไม่มีบารมีพระรัตนตรัยเป็นทางส่องไปนั่นเอง...สุดท้ายนี้ขอย้ำว่า กุมารทองไม่ใช่ของวิเศษหรอก แต่เป็นกรรมผูกกัน ท่านทั้งหลายที่เลี้ยงกุมารในวันนี้ วันหน้าท่านก็คือกุมารทองที่จะถูกเขาเลี้ยงนั่นเอง มันคือ ชาติภพที่ท่านจะต้องไปเกิดเป็นนั่นเอง เมื่อท่านได้เกิดเป็นชาติกุมารนั้นแล้ว ท่านก็จะเข้้าใจเองว่า แม้ท่านจะพยายามทำให้เจ้าของเห็นแค่ไหน ก็ทำไม่ได้ แล้วสุดท้ายท่านก็ต้องมีชะตากรรมที่น่าอนาจ...สวัสดี
|
น๊อตโพลีเทค
|
ความคิดเห็นที่ 8
17/03/2011
, 20:00
Quote
|
Sudteerak
|
ความคิดเห็นที่ 9
18/03/2011
, 18:09
Quote
ขอขอบคุณทุก โพสที่ตอบมาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ เอาเป็นว่าตอนไปรับน้องกุมารทองมาเลี้ยงจะลองถามคนให้ดูว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แล้วจะมาบอกต่อให้ทราบกันนะคะ
ขอขอบคุณทุก โพสที่ตอบมาและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันนะคะ เอาเป็นว่าตอนไปรับน้องกุมารทองมาเลี้ยงจะลองถามคนให้ดูว่าต้องทำอย่างไรบ้าง แล้วจะมาบอกต่อให้ทราบกันนะคะ
|
jj
|
ความคิดเห็นที่ 10
26/05/2011
, 14:43
Quote
รบกวนถามคุณพรายกุมารหน่อค่าา มีคนบอกว่าที่ตัวมีกุมารีอยู่ด้วยค่ะ อยู่ด้วยมาตั้งแต่เกิด เป็นวิญญาณที่ผูกพันกันมา เขาเกิดมาพร้อมกันเพื่อปกปักรักษาและคุ้มครอง ตอนนี้ซื้อสังขารมาให้เขาแต่ยังไม่ได้เบิกเนตร อย่างนี้เราสามารถ จุดธูปแล้วบอกเขาเองได้ไหมค่ะ
รบกวนถามคุณพรายกุมารหน่อค่าา มีคนบอกว่าที่ตัวมีกุมารีอยู่ด้วยค่ะ อยู่ด้วยมาตั้งแต่เกิด เป็นวิญญาณที่ผูกพันกันมา เขาเกิดมาพร้อมกันเพื่อปกปักรักษาและคุ้มครอง ตอนนี้ซื้อสังขารมาให้เขาแต่ยังไม่ได้เบิกเนตร อย่างนี้เราสามารถ จุดธูปแล้วบอกเขาเองได้ไหมค่ะ
|