ถ้าจะคิดบวก ไม่คิดมากอะไร ก็เหมือนการสะสมของทั่วไป แม่ที่บ้านชอบสะสมเครื่องครัวจานถ้วยเต็มตู้ บางคนชอบสะสมพระเครื่อง การสะสม ความปราถนา ความทะยานอยาก เป็นกิเลสก็จริง แต่ใช่ว่าไร้ประโยชยน์ ยังทำให้คนรู้จักสร้างสรร ประดิษฐ์ พัฒนา ทำให้ตัวเองดีขึ้น สภาพแวดล้อมในสังคมดีขึ้น คนมันหิวข้าวคุณบอกว่าอันนี้ดีสำหรับร่างกาย มาก - น้อย อย่างไร บางทีคนเขาก็ไม่ฟังหรือฟังก็แบบผ่านๆ เด็กเล่นสเก็ต หัดเต้นบี-บอย ร้องเพลง เค-ป๊อบสไตย์ คุณมาบอกว่าเด็กดีควรตั้งใจเรียนหนังสือ ช่วยพ่อ-แม่ทำงานบ้าน ตั้งใจเรียน ว่านอนสอนง่าย อย่างนั้นมันถูกก็จริง แต่สำหรับอีกด้านหนึ่งเขาก็ว่าเขาไม่ผิด หลายสิ่ง-อย่าง สามารถควบคู่กันไปได้(ถึงแม้ควบคู่กันแบบคู่ขนานไปอาจมาบรรจบกันได้ก็ตาม) เหมือนคน พุทธ คริส อิสลาม ก็ร่วมสังคมกันได้ ทั้งที่หลักบางอย่างขัดกัน พระ-ผี , พุทธศาสตร์(วิชาที่ว่าด้วยการตื่น)-ไสยศาสตร์(วิชาที่ว่าด้วยการหลับไหล) , ขาว - ดำ , หมอ - คนป่วย , ไม่มี\"ผิด\"คนอาจไม่รู้ว่าอะไรคือ\"ถูก\"ก็ได้ พระพุทธพจน์(ธรรม)ผมก็ศึกษาและน้อมนำมาใช้ในชีวิตประจำวันแต่จะมากน้อยขึ้นกับจริตแต่ละคน อย่าง พระ เครื่องรางของขลัง กุมารทอง ฯลฯ (วัตถุ กิเลสของผม)ผมก็ชอบสะสมเป็นงานอดิเลก แฟนชอบเพราะผมอยู่กับของพวกนี้แล้วไม่ไปไหนอยู่บ้าน ถ้าไปไหน นอกจากธุระทั่วไป ผมก็ไปทำบุญที่วัดแม้บางครั้งจะไม่บริสุทธิ (เพราะทำบุญบางครั้งอยากได้ของขลัง)แต่ก็ยังประโยชน์อยู่เพราะวัดก็ได้ปัจจัยไปบำรุงศาสนะพัฒนาวัด นี่เพราะกิเลสของผม \"ถ้าใครได้ดวงตาเห็นธรรมแล้วสูงส่งแล้วยังกรุณาเมตตา มาโปรดสั่งสอนคนอื่นอีก ก็ยิ่งดี และจะดีที่สุดถ้าถูกที่ถูกทาง ผมเข้าใจถึงปาถนาดีอันสูงส่งของพี่ แต่..... มันอาจเพียวไป รับยาก .. เหมือนยาขมนั้นแหละรู้ว่าดี แต่น่าเบื่อ.... ผมเองชอบวัตถุมงคลหลายอย่าง กุมารทองก็อย่างหนึ่ง แต่ก่อนจะเก็บจะนำมา(เลี้ยง) ตามความเชื่อนี่ผมศึกษาอยู่เป็นปี กลัวอย่างที่พี่บอกว่านั้นแหละ ในทางลึก.....ผมจะเล่านิทานให้ฟัง(พี่อาจจะไม่ชอบนิทาน) มีจิตวิญญานหนึ่งที่ไม่ทันจะอุบัติ สนธิ กับร่างใด หรือ สนธิกับร่างและเกิดมาแล้ว ตามแรง บุญกรรม เมื่อหมดบุญ(ตามกรรม)หรือมีกรรม(เจ้ากรรม)มาตัดก่อนเวลาอันควร ที่เรียกหมดบุญ เหมือนเราเดิมทางมากึ่งหนึ่ง ระยะหนึ่่ง ก็ไม่มีเงินค่ารถไปต่อ(บุญ) ถ้ามีใครเมตตาให้-ทานเงิน(บุญ) ก็อาจไปต่อได้และถึงที่หมาย(ภพภูมิที่เป็นสุขติ) ในโลกนี้ไม่มีญาติทำบุญให้พูดง่ายๆว่าไม่มีใครให้่ารถ(อุทิศบุญ) ให้เขา แล้วเขาจะถึงภพภูมิที่ดีได้อย่างไร เรามองเห็นอย่างนี้แล้ว(ผี เทวดา คนเป็นๆ เราอุทิศบุุญให้ได้)เราช่วยได้แต่ไม่ช่วยก็ยังไงอยู่ การเลี้ยงกุมารนี้ ตามความเชื่อคุณจะให้เขาช่วย...(ต่างๆนาๆ)..เขาต้องมีแรงแรงเขาก็คือเมื่อคุณทำบุญส่วนหนึ่งคุณต้องอุทิศให้เขาด้วย (ทานบารมีขั้นสูงคือ ไดับุญแล้วก็ไว้เก็บไว้เองแต่ตวเองพวกพ้องแต่อุทิศต่ออีก) แต่ก็ใช่ว่าจะช่วยได้ทั้งหมด นั้นหมายถึงเราก็ต้องช่วยตัวเองด้วย ถ้าทานเรามีมากคือถือศิลแล้วทานบุญส่วนหนึ่งให้กับเขาเขาก็มีกำลังช่วยเราแบบ ทวิ( ทะ-วิ ) ยิ่งถ้าเรา ทานบุญ ถือศีล ภาวนา แล้วทานบุญอีก เรา เขา ฯลฯ ยิ่งได้มาก (บุญคุณภาพสูง) มากเข้าเขา(กุมาร) ก็อาจไปจุติเป็น(ภพภูมิ)เทพเลยทีเดียว ยิ่งมีพลังช่วยเรามาก กุมาร(จิตวิญญานภายใน)อาจเคยเป็ญญาติเจ้ากรรมนายเวรเรามา ฉนั้นเมื่อมีบุญทำบุญ อุทิศเลย ให้ คนเป็นๆ(พ่อแม่ ครู อาจารย์ ญาติ ฯลฯ) ผี(ญาติผู้ล่วงลับ เจ้ากรรมนายเวร กุมาร ฯลฯ) เทวดา(พระภูมิเจ้าที่ เทวดาประจำตัวเรา เทพ พรหม กุมารเทพฯ ฯลฯ) ไม่งั้นก็..ถ้าใครคิดมากก็ไม่ต้องทำอะไรเลยเดี๋ยวจะผิด ถ้าจะทำคิดว่าดีก็ทำไป คนชอบกุมาร นิยมกุมาร หรือนับถือบูชาผี ก็ไม่เห็นเดือดร้อนใครยกเว้น..... ยังอยู่ในกรอบสังคมกฎหมายเหมือนเดิมไม่มีข้อห้าม ถ้าฆ่าเด็กลูกใครมาทำกุมารผิดแน่... เชื่อว่าพี่ๆหลายคนที่เลี้ยงกุมารก็ บูชาพระด้วย ทำบุญมากด้วย ใครไม่บชาพระ ไม่ทำบุญ เลี้ยงกุมาร(ตามความเชื่อ)ไม่ได้แน่ กุมารต้องคนมีบุญจึงเลี้ยงได้ เพราะใช้บุญเลี้ยงเป็นหลัก (ส่วนการบูชาข้าวขนมนั้น ก็ตามอุทานสัญญาเดิมที่เราและเขามีร่วมกัน ว่าอย่างนี้อย่างนั้น) ส่วนใครมีบุญแล้วเก็บไว้เป้ยนบารมีของตนเอง หรือ อุทิศไม่อุทิศ ก็แล้วแต่บุญใครบุญมัน ผมนี่มีแล้วส่วนหนึ่งอุทิศให้เขา(กุมาร) ครับ ความหวังดีของคุณพี่ที่กรุณาช่วยมาสั่งสอนขอ อนุโมธนา และ ขอบคุณครับ ..