วิธีปลดปล่อยกุมารทอง [Engine by iGetWeb.com]

วิธีปลดปล่อยกุมารทอง

(อ่าน 26694/ ตอบ 9)

สุนันท์ เชียงราย sunan_rao@hotmail.com 111.84.85.35	หัวข้อ :วิธีปลดปล่อยกุมารทอง 07/07/2011 , 08:40 Quote วิธีปลดปล่อยกุมารทอง ��วิธีปลดปล่อยแรงงานเด็กกุมารทอง เพื่อไม่ให้มีเชื้อเวรกรรม ซึ่งเป็นเชื้อวิบัติติดตัวไปนั้น เชื้อวิบัติเป็นอย่างไร เชื้อวิบัติก็คือเชื้อที่จะทำให้ไปเจอพวกทรงเจ้าเข้าผี พอไปนับถืออย่างนั้นเข้า ก็จะห่างไกลจากพระรัตนตรัย จะไม่อยากทำความดีเพิ่มขึ้น ผู้ที่ปล่อยจะต้องหมดกรรมแล้ว คือจะไม่มีความรู้สึกผูกพันกับสิ่งนี้ เกิดความกลัวไม่อยากเอาไว้ เพราะมีแล้ว ก็มีโครมคราม ลูกหลานก็อยู่ไม่เป็นสุข แต่ไม่รู้จะเอาไปทำอย่างไร หรือบางทีได้รับต่อมาจากผู้ที่เคารพนับถือ ผู้เป็นที่รัก เป็นญาติบ้าง เป็นพรรคพวกกันบ้างก็เกรงใจรับสืบทอดกันมา เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ��วิธีการปลดปล่อยจะต้องทำดังนี้ คือ ให้พูดดีๆ กับกุมารทอง เอารูปปั้นกุมารทองก็ดี รักยมก็ดี ลูกกรอกก็ดี ถ้าเป็นผู้ชายก็เรียกตัวเองว่าพ่อ ผู้หญิงเรียกตัวเองว่าแม่ สมมุติว่า เป็นผู้หญิงก็แล้วกัน แม่เห็นว่าลูกกุมารทอง ถึงเวลาจะหมดกรรมแล้ว ไปเกิดใหม่นะลูกนะ ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่านี้ อย่าอยู่ในภพภูมินี้เลย เพราะรักหรอกจึงบอกลูก ทำอย่างนี้ก็จะทำให้ กุมารทองรักยมหรือลูกกรอกดีใจ เพราะการที่จะคลายความผูกพันกันได้จะต้องประกอบด้วย ��๑. ผู้ที่เลี้ยงหมดจากเชื้อวิบัติ เชื้อเวรกรรมนี้แล้ว ��๒. กุมารทองก็หมดจากกรรมนี้ด้วย ��แล้วให้นำกุมารทองหรือรักยมหรือลูกกรอกไปฝัง โดยขุดหลุมโตพอประมาณ วางลงไป โปรยดอกไม้ของหอม ดอกไม้จะเป็นดอกอะไรก็ได้ แล้วก็พูดว่า สิ่งนี้คือซากของลูกที่ไม่ใช้แล้ว เหมือนซากศพที่ตายแล้ว สมควรที่จะขจัดซากนี้ให้สลายกลายไปเป็นซากดิน พ่อและแม่ก็จะกลบร่างนี้ เพื่อให้ลูกไปเกิดในภพภูมิที่ดี แต่ก่อนที่ลูกจะไป ให้ลูกรับศีล ๕ เหมือนพระให้ศีลอย่างนั้น ข้อหนึ่ง เว้นจากการฆ่าสัตว์ ข้อ ๒ เว้นจากการลักทรัพย์อย่างนี้ เป็นต้น กล่าวไป จนครบ ๕ ข้อ ลูกๆ รับศีล ๕ จากแม่นะ แล้วแม่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ��วันรุ่งขึ้นก็ไปใส่บาตร ถวายสังฆทาน แล้วก็อุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ที่มีกรรมเวรทางนี้ เสร็จแล้วเราก็กลบอย่างดีเรียบร้อย เพราะถ้าเอาไว้ที่ต้นไม้ ใครเห็นเข้า เกิดมีรสนิยมทางด้านนี้ คว้าไปอีก ก็ไม่ดี รักต้องกลบ ทำแค่นี้แล้วกุมารทองก็จะพ้นจากสภาพนี้ ไปเป็น ภุมมเทวาอีกระดับหนึ่ง ที่พ้นจากการควบคุมของวิทยาธร หรือถ้าเราให้บุญไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นรุกขเทวดา หรือสามารถไปเป็นอากาศเทวาได้ ก็เหมือนเราทำบุญแผ่ส่วนกุศลไปให้ หมู่ญาติของเราที่ละโลกแล้ว หรืออาจจะไปเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ และหลังจากนี้ให้ห่างไกลจากสิ่งเหล่านี้ ��หลังจากนั้น ให้เราไปขอศีลจากพระ แล้วก็ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ แล้วก็ยึดถือตลอดไป เรียกว่า หันไปกันคนละด้านไปเลย ถ้าใครไปเจอแบบนี้ เราชวนให้เขาเลิก เราไม่เชื่อแต่เราก็ไม่ลบหลู่ เราชวนให้เขาพ้นจากเชื้อวิบัติและเชื้อเวรกรรมที่จะตามผูกพันไม่จบสิ้น ��นอกจากวิธี รักต้องกลบแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่ง รักต้องลอย คือ เราฝากแม่พระคงคาไว้ เวลาจะนำไปปล่อย ให้จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้เรียบร้อย มีดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น เหมือนเราลอยอัฐิลอยอังคารอย่างนั้น และจะต้องพูดดีๆ กล่าวว่าเราไม่ได้ลบหลู่ดูหมิ่นท่าน แต่ว่าตอนนี้เรามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จะขอคืนสิ่งนี้ให้กับครูผู้รักษาสิ่งเหล่านี้เอาไว้ ซึ่งเคยดูแลเรามาระยะหนึ่ง ขณะนี้หมดความจำเป็นแล้ว วิธีนี้ก็ทำลักษณะคล้ายกับการฝากแม่พระธรณีไว้ ��การปลดปล่อยกุมารทอง เมื่อเราหมดความจำเป็นที่จะต้องใช้แล้ว เพราะเรามาเข้าใจซาบซึ้งว่า พระรัตนตรัยเท่านั้นเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของชีวิต เราจึงได้สละสิ่งเหล่านี้ไป ไม่ได้ลบหลู่ดูแคลน เพราะฉะนั้นก็จะมี ๒ วิธี คือ ฝากแม่พระธรณีกับฝากแม่พระคงคา ซึ่งต้องทำให้ถูกหลักวิชา มีถ้อยคำดีๆ ต้องพูดไพเราะ เพราะระหว่างที่เรากำลังทำพิธี เจ้าของ วิชาเขายืนดูอยู่ว่าทำถูกหลักวิชาหรือไม่ ถ้าถูกหลักวิชาไม่มีปัญหา เพราะเมื่อไม่เรียนวิทยาศาสตร์ แต่จะเรียนภาษาอังกฤษหรือคณิตศาสตร์ก็ตกลง หมายความว่าเราก็วางวิชาหนึ่ง แล้วก็ต้องมาเรียนวิชาหนึ่งนั่นเอง รู้ได้อย่างไรว่า...กุมารทองไปเกิดใหม่แล้ว ��เราจะรู้ได้อย่างไรว่าปล่อยกุมารทองไปแล้ว ก็ให้สังเกตดูว่า ไม่ได้ยินเสียงเดิน เสียงวิ่งเล่นของเขา หรือเสียงที่เขามากระซิบข้างหู หรือมาเข้าฝัน หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเขาอยู่รอบตัว อีกทั้งสังเกตที่ใจของเราว่าไม่มีความผูกพันอาลัยอยู่เลย แถมใจชุ่มไปด้วยบุญกุศลและมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่แน่นแฟ้นในใจอย่างเดียว ก็สรุป ได้ว่าเขาถูกปลดปล่อยไปแล้ว ��และถ้ามีคนเอามาให้อีกก็รับเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขาเสียน้ำใจ แล้วก็เอาไปปลดปล่อยอีก แบบเดิม หรือเป็นกัลยาณมิตรให้กับบุคคลนั้น โดยแนะนำเรื่องราวที่ได้ยินมาจากฝันในฝันวิทยา ให้เขาได้รับทราบและเรียนรู้ ซึ่งถ้าเขามีบุญพอ เขาก็จะปลดปล่อยตัวเอง แบบเดียว กับที่เราได้ปล่อยเขาไปอย่างนั้น วิธีปลดปล่อยกุมารทอง ��วิธีปลดปล่อยแรงงานเด็กกุมารทอง เพื่อไม่ให้มีเชื้อเวรกรรม ซึ่งเป็นเชื้อวิบัติติดตัวไปนั้น เชื้อวิบัติเป็นอย่างไร เชื้อวิบัติก็คือเชื้อที่จะทำให้ไปเจอพวกทรงเจ้าเข้าผี พอไปนับถืออย่างนั้นเข้า ก็จะห่างไกลจากพระรัตนตรัย จะไม่อยากทำความดีเพิ่มขึ้น ผู้ที่ปล่อยจะต้องหมดกรรมแล้ว คือจะไม่มีความรู้สึกผูกพันกับสิ่งนี้ เกิดความกลัวไม่อยากเอาไว้ เพราะมีแล้ว ก็มีโครมคราม ลูกหลานก็อยู่ไม่เป็นสุข แต่ไม่รู้จะเอาไปทำอย่างไร หรือบางทีได้รับต่อมาจากผู้ที่เคารพนับถือ ผู้เป็นที่รัก เป็นญาติบ้าง เป็นพรรคพวกกันบ้างก็เกรงใจรับสืบทอดกันมา เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ��วิธีการปลดปล่อยจะต้องทำดังนี้ คือ ให้พูดดีๆ กับกุมารทอง เอารูปปั้นกุมารทองก็ดี รักยมก็ดี ลูกกรอกก็ดี ถ้าเป็นผู้ชายก็เรียกตัวเองว่าพ่อ ผู้หญิงเรียกตัวเองว่าแม่ สมมุติว่า เป็นผู้หญิงก็แล้วกัน แม่เห็นว่าลูกกุมารทอง ถึงเวลาจะหมดกรรมแล้ว ไปเกิดใหม่นะลูกนะ ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่านี้ อย่าอยู่ในภพภูมินี้เลย เพราะรักหรอกจึงบอกลูก ทำอย่างนี้ก็จะทำให้ กุมารทองรักยมหรือลูกกรอกดีใจ เพราะการที่จะคลายความผูกพันกันได้จะต้องประกอบด้วย ��๑. ผู้ที่เลี้ยงหมดจากเชื้อวิบัติ เชื้อเวรกรรมนี้แล้ว ��๒. กุมารทองก็หมดจากกรรมนี้ด้วย ��แล้วให้นำกุมารทองหรือรักยมหรือลูกกรอกไปฝัง โดยขุดหลุมโตพอประมาณ วางลงไป โปรยดอกไม้ของหอม ดอกไม้จะเป็นดอกอะไรก็ได้ แล้วก็พูดว่า สิ่งนี้คือซากของลูกที่ไม่ใช้แล้ว เหมือนซากศพที่ตายแล้ว สมควรที่จะขจัดซากนี้ให้สลายกลายไปเป็นซากดิน พ่อและแม่ก็จะกลบร่างนี้ เพื่อให้ลูกไปเกิดในภพภูมิที่ดี แต่ก่อนที่ลูกจะไป ให้ลูกรับศีล ๕ เหมือนพระให้ศีลอย่างนั้น ข้อหนึ่ง เว้นจากการฆ่าสัตว์ ข้อ ๒ เว้นจากการลักทรัพย์อย่างนี้ เป็นต้น กล่าวไป จนครบ ๕ ข้อ ลูกๆ รับศีล ๕ จากแม่นะ แล้วแม่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้ ��วันรุ่งขึ้นก็ไปใส่บาตร ถวายสังฆทาน แล้วก็อุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ที่มีกรรมเวรทางนี้ เสร็จแล้วเราก็กลบอย่างดีเรียบร้อย เพราะถ้าเอาไว้ที่ต้นไม้ ใครเห็นเข้า เกิดมีรสนิยมทางด้านนี้ คว้าไปอีก ก็ไม่ดี รักต้องกลบ ทำแค่นี้แล้วกุมารทองก็จะพ้นจากสภาพนี้ ไปเป็น ภุมมเทวาอีกระดับหนึ่ง ที่พ้นจากการควบคุมของวิทยาธร หรือถ้าเราให้บุญไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นรุกขเทวดา หรือสามารถไปเป็นอากาศเทวาได้ ก็เหมือนเราทำบุญแผ่ส่วนกุศลไปให้ หมู่ญาติของเราที่ละโลกแล้ว หรืออาจจะไปเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ และหลังจากนี้ให้ห่างไกลจากสิ่งเหล่านี้ ��หลังจากนั้น ให้เราไปขอศีลจากพระ แล้วก็ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ แล้วก็ยึดถือตลอดไป เรียกว่า หันไปกันคนละด้านไปเลย ถ้าใครไปเจอแบบนี้ เราชวนให้เขาเลิก เราไม่เชื่อแต่เราก็ไม่ลบหลู่ เราชวนให้เขาพ้นจากเชื้อวิบัติและเชื้อเวรกรรมที่จะตามผูกพันไม่จบสิ้น ��นอกจากวิธี รักต้องกลบแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่ง รักต้องลอย คือ เราฝากแม่พระคงคาไว้ เวลาจะนำไปปล่อย ให้จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้เรียบร้อย มีดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น เหมือนเราลอยอัฐิลอยอังคารอย่างนั้น และจะต้องพูดดีๆ กล่าวว่าเราไม่ได้ลบหลู่ดูหมิ่นท่าน แต่ว่าตอนนี้เรามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จะขอคืนสิ่งนี้ให้กับครูผู้รักษาสิ่งเหล่านี้เอาไว้ ซึ่งเคยดูแลเรามาระยะหนึ่ง ขณะนี้หมดความจำเป็นแล้ว วิธีนี้ก็ทำลักษณะคล้ายกับการฝากแม่พระธรณีไว้ ��การปลดปล่อยกุมารทอง เมื่อเราหมดความจำเป็นที่จะต้องใช้แล้ว เพราะเรามาเข้าใจซาบซึ้งว่า พระรัตนตรัยเท่านั้นเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของชีวิต เราจึงได้สละสิ่งเหล่านี้ไป ไม่ได้ลบหลู่ดูแคลน เพราะฉะนั้นก็จะมี ๒ วิธี คือ ฝากแม่พระธรณีกับฝากแม่พระคงคา ซึ่งต้องทำให้ถูกหลักวิชา มีถ้อยคำดีๆ ต้องพูดไพเราะ เพราะระหว่างที่เรากำลังทำพิธี เจ้าของ วิชาเขายืนดูอยู่ว่าทำถูกหลักวิชาหรือไม่ ถ้าถูกหลักวิชาไม่มีปัญหา เพราะเมื่อไม่เรียนวิทยาศาสตร์ แต่จะเรียนภาษาอังกฤษหรือคณิตศาสตร์ก็ตกลง หมายความว่าเราก็วางวิชาหนึ่ง แล้วก็ต้องมาเรียนวิชาหนึ่งนั่นเอง รู้ได้อย่างไรว่า...กุมารทองไปเกิดใหม่แล้ว ��เราจะรู้ได้อย่างไรว่าปล่อยกุมารทองไปแล้ว ก็ให้สังเกตดูว่า ไม่ได้ยินเสียงเดิน เสียงวิ่งเล่นของเขา หรือเสียงที่เขามากระซิบข้างหู หรือมาเข้าฝัน หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเขาอยู่รอบตัว อีกทั้งสังเกตที่ใจของเราว่าไม่มีความผูกพันอาลัยอยู่เลย แถมใจชุ่มไปด้วยบุญกุศลและมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่แน่นแฟ้นในใจอย่างเดียว ก็สรุป ได้ว่าเขาถูกปลดปล่อยไปแล้ว ��และถ้ามีคนเอามาให้อีกก็รับเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขาเสียน้ำใจ แล้วก็เอาไปปลดปล่อยอีก แบบเดิม หรือเป็นกัลยาณมิตรให้กับบุคคลนั้น โดยแนะนำเรื่องราวที่ได้ยินมาจากฝันในฝันวิทยา ให้เขาได้รับทราบและเรียนรู้ ซึ่งถ้าเขามีบุญพอ เขาก็จะปลดปล่อยตัวเอง แบบเดียว กับที่เราได้ปล่อยเขาไปอย่างนั้น Tweet
สุนันท์ เชียงราย 111.84.85.35	ความคิดเห็นที่ 1 07/07/2011 , 08:48 Quote คาถาสวดให้กุมารทอง ทุกวัน หลังไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิ เสร็จแล้ว � (นะโม 3 จบ) คาถาชุมนุมธาตุ โอม นะโม พุทธายะ นะมะพะธะ จะภะกะสะ เอหิ ปฐวี พรหมมา เอหิ อาโป อินทรา เอหิ เตโช นะรายะ เอหิ วาโย อิสะรา (คาถาเรียก) กุมาระจิจา จิเจรุนิ เอ่ยชื่อกุมารทอง.......จงมา บูชากุมารทอง (ทั่วไป) สุวัณโณปิยะกุมาโร มหาภูโต มะหิทธิโก สัพพะทิ เสสุวัตติโก สัพพะคาเมสุ โคจะโร สัพพะชะนานัง หะทะเย มหาเตโช ประวัตติโก รัตตะนะตะ เตตะสา เทวานังอิทธิพะเลนะ กุมาโรจะ มะหิทธิโก นะมะพะทะ นะโม พุทธายะ จะภะกะสะ จิเจรุนิ นะออแอ โมออแอ พุทออแอ ธาออแอ ยะออแอ มะอะอุ พุทธะสังมิ อิติกุมาโร ประสิทธิเม. คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ (สาธุ) สวดเพิ่ม(กำกับของแต่ละที่มา) � คาถาบูชากุมารทอง (วัดเตาเหล็ก) สุวัณโณปิยะกุมาโร มหาภูโต สัพเพทิเส สุวัตติโก สัพพะคาเมสุ โคจะโร สัพพะชะนานัง มหาติโก ปวัตติโก รัตะนะจะ เตชะสา เทวานัง อิทธิ พะเลนะ กุมาโรจะ มะหิทธิโก เอหิตาตะ ปิยะปุตตะ ปาระมิน หะทะยัง วะโรคะ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ เอหิมามา คาถาบูชากุมารทอง (วัดปู่ฮ้อ) อาคัจ ฉาหิ จิตติ เอหิ เอหิ นะมะพะทะ เอหิต๋า ตะปิยะ พุทธะ ตะปิยะ ปุเรณะ มะมะ ปะระมิ๋ง อัตถะยัง เม ตะโรถะ วะจะรังมะมะ คาถาบูชากุมารทอง (วัดถ้ำแฝด) วิญญาโน กุมารัส สะชาโต เอหิ อาคะมะ อาคัจฉัยยะ อาคัจฉาหิ กุมาระ กุมาเร พุทธะ สังมิ จิเจรุนิ นะชาลิติ ปิยังมะมะ คาถาบูชากุมารทอง (วัดตาอี) สุวัณโณ ปิยะกุมาโร มหาภูโต มหิทธิโก สัพพะทิเสสุ วัตติโก สัพพะคาเมสุ โคจะโรสัพพะ ชนานัง หะเทเย มหาเตโช ประวัติโก รัตตะนะตะยา นุภาเวนะ รัตนะตะยะเตสา เทวานัง อิทธิพะเลนะ กุมาโรจะ มหิทธิโก ............................. พูดคุยกับกุมารทอง (บอกทุกวันจะดี) เจ้ากุมารทองที่รัก (ทั้งหลาย) เจ้าเป็นหนึ่งแห่ง มหาภูติ มีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่นัก สามารถไปเที่ยวได้ในทุกทิศ ไปได้ในทุกสถานที่ ไปได้ในทุกบ้านเรือน เจ้า(พวกเจ้า) ไปสู่จิตคนได้ เจ้า(พวกเจ้า) ท่องเที่ยวไปด้วยเดช เจ้า(พวกเจ้า)มีฤทธิ์ มีเดชด้วยอนุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย ครูบา-อาจารย์ เจ้า(พวกเจ้า)นำโชค เจ้า(พวกเจ้า)นำลาภ มาเพิ่มให้พ่อ(ป๊า)ทุกวัน เจ้า(พวกเจ้า)คุ้มครองบ้าน เจ้า(พวกเจ้า)เฝ้าทัพย์สิน เจ้า(พวกเจ้า)นำเงิน นำทอง(พวกเจ้า)เข้าบ้านทุกวัน ขอเจ้า(พวกเจ้า)จงเป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อ(ป๊า) คุ้มครองพ่อ(ป๊า) ช่วยกันทำมาหากิน ช่วยกันค้าขาย ให้เงินทองไหลมาเทมา ไปไหนไปด้วยกัน กลับให้กลับด้วยกัน ไม่ต้องรอเรียก รอบอก กินให้กินด้วยกัน กินพร้อมกันกับพ่อ(ป๊า) ไม่ต้องรอเรียก รออนุญาต ขอให้เจ้า(พวกเจ้า) จงมีความสุข พร้อมด้วยพลังบารมี สาธุ ........................ หมายเหตุ จะพุดอะไรแล้วแต่จะคิดนึก สำคัญต้องดูแลและรักเหมือนลูกครับ คาถาสวดให้กุมารทอง ทุกวัน หลังไหว้พระสวดมนต์ ทำสมาธิ เสร็จแล้ว � (นะโม 3 จบ) คาถาชุมนุมธาตุ โอม นะโม พุทธายะ นะมะพะธะ จะภะกะสะ เอหิ ปฐวี พรหมมา เอหิ อาโป อินทรา เอหิ เตโช นะรายะ เอหิ วาโย อิสะรา (คาถาเรียก) กุมาระจิจา จิเจรุนิ เอ่ยชื่อกุมารทอง.......จงมา บูชากุมารทอง (ทั่วไป) สุวัณโณปิยะกุมาโร มหาภูโต มะหิทธิโก สัพพะทิ เสสุวัตติโก สัพพะคาเมสุ โคจะโร สัพพะชะนานัง หะทะเย มหาเตโช ประวัตติโก รัตตะนะตะ เตตะสา เทวานังอิทธิพะเลนะ กุมาโรจะ มะหิทธิโก นะมะพะทะ นะโม พุทธายะ จะภะกะสะ จิเจรุนิ นะออแอ โมออแอ พุทออแอ ธาออแอ ยะออแอ มะอะอุ พุทธะสังมิ อิติกุมาโร ประสิทธิเม. คาถามงกุฏพระพุทธเจ้า อิติปิโส วิเสเสอิ อิเสเส พุทธะนาเมอิ อิเมนาพุทธะตังโสอิ อิโสตัง พุทธะปิติอิ (สาธุ) สวดเพิ่ม(กำกับของแต่ละที่มา) � คาถาบูชากุมารทอง (วัดเตาเหล็ก) สุวัณโณปิยะกุมาโร มหาภูโต สัพเพทิเส สุวัตติโก สัพพะคาเมสุ โคจะโร สัพพะชะนานัง มหาติโก ปวัตติโก รัตะนะจะ เตชะสา เทวานัง อิทธิ พะเลนะ กุมาโรจะ มะหิทธิโก เอหิตาตะ ปิยะปุตตะ ปาระมิน หะทะยัง วะโรคะ อาคัจฉายะ อาคัจฉาหิ เอหิมามา คาถาบูชากุมารทอง (วัดปู่ฮ้อ) อาคัจ ฉาหิ จิตติ เอหิ เอหิ นะมะพะทะ เอหิต๋า ตะปิยะ พุทธะ ตะปิยะ ปุเรณะ มะมะ ปะระมิ๋ง อัตถะยัง เม ตะโรถะ วะจะรังมะมะ คาถาบูชากุมารทอง (วัดถ้ำแฝด) วิญญาโน กุมารัส สะชาโต เอหิ อาคะมะ อาคัจฉัยยะ อาคัจฉาหิ กุมาระ กุมาเร พุทธะ สังมิ จิเจรุนิ นะชาลิติ ปิยังมะมะ คาถาบูชากุมารทอง (วัดตาอี) สุวัณโณ ปิยะกุมาโร มหาภูโต มหิทธิโก สัพพะทิเสสุ วัตติโก สัพพะคาเมสุ โคจะโรสัพพะ ชนานัง หะเทเย มหาเตโช ประวัติโก รัตตะนะตะยา นุภาเวนะ รัตนะตะยะเตสา เทวานัง อิทธิพะเลนะ กุมาโรจะ มหิทธิโก ............................. พูดคุยกับกุมารทอง (บอกทุกวันจะดี) เจ้ากุมารทองที่รัก (ทั้งหลาย) เจ้าเป็นหนึ่งแห่ง มหาภูติ มีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่นัก สามารถไปเที่ยวได้ในทุกทิศ ไปได้ในทุกสถานที่ ไปได้ในทุกบ้านเรือน เจ้า(พวกเจ้า) ไปสู่จิตคนได้ เจ้า(พวกเจ้า) ท่องเที่ยวไปด้วยเดช เจ้า(พวกเจ้า)มีฤทธิ์ มีเดชด้วยอนุภาพแห่งคุณพระศรีรัตนตรัย ครูบา-อาจารย์ เจ้า(พวกเจ้า)นำโชค เจ้า(พวกเจ้า)นำลาภ มาเพิ่มให้พ่อ(ป๊า)ทุกวัน เจ้า(พวกเจ้า)คุ้มครองบ้าน เจ้า(พวกเจ้า)เฝ้าทัพย์สิน เจ้า(พวกเจ้า)นำเงิน นำทอง(พวกเจ้า)เข้าบ้านทุกวัน ขอเจ้า(พวกเจ้า)จงเป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อ(ป๊า) คุ้มครองพ่อ(ป๊า) ช่วยกันทำมาหากิน ช่วยกันค้าขาย ให้เงินทองไหลมาเทมา ไปไหนไปด้วยกัน กลับให้กลับด้วยกัน ไม่ต้องรอเรียก รอบอก กินให้กินด้วยกัน กินพร้อมกันกับพ่อ(ป๊า) ไม่ต้องรอเรียก รออนุญาต ขอให้เจ้า(พวกเจ้า) จงมีความสุข พร้อมด้วยพลังบารมี สาธุ ........................ หมายเหตุ จะพุดอะไรแล้วแต่จะคิดนึก สำคัญต้องดูแลและรักเหมือนลูกครับ
สุนันท์ เชียงราย 111.84.85.35	ความคิดเห็นที่ 2 07/07/2011 , 08:52 Quote ส่วนใหญ่คนที่มาให้หลวงปู่เจิมใหม่นั้นมีอยู่หลายความเชื่อหลายเหตุผล เช่น 1. ขอบนกุมารแล้วไม่ได้ตามที่ขอก็จะนำมาให้หลวงปู่ลงให้ใหม่ หรือรู้สึกว่ากุมารนั้นเงียบมาก ซึ่งก็ด้วยเหตุที่ว่าขออะไรไม่ได้ ( เท่าที่ทราบจะเป็นเรื่องที่เกินความเป็นจริง เช่น เรื่องหวย เรื่องการพนัน) 2. เชื่อว่าเจิมบ่อยๆยิ่งเพิ่มพลัง ( จริงๆแล้วไม่เกี่ยวกันครับ กุมารจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่ผู้บูชาเอง) 3. กุมารทองชำรุด แตกหักเสียหาย (อันนี้ก็สามารถนำมาให้หลวงปู่ท่านเจิมใหม่เพื่อความสบายใจได้ครับ ดีกว่าไปทิ้งที่ไหน) สรุปแล้วการพากุมารมาให้หลวงปู่เจิมหรือปลุกบ่อยๆนั้น ไม่ได้ทำให้กุมารเก่งหรือดีขึ้น หลวงปู่ท่านทำให้ดีเรียบร้อยตั้งแต่ต้นแล้ว อยู่ที่ผู้บูชาที่รับกุมารต่อจากท่านไปจะดูแลได้ดีแค่ไหนมากกว่า .. ปกติทางวัดสามง่ามก็จะมี "งานไหว้ครู" ประจำทุกปีอยู่แล้ว ก็สามารถนำกุมารเข้าพิธีได้เช่นกันครับ ซึ่งส่วนตัวผมเองก็เอากุมารที่บ้านไปทุกปีเช่นกัน แต่เนื่องด้วยหลังๆผมมีกุมารค่อนข้างเยอะจึงอธิษฐานบอกลูกๆให้ติดรถผมมาเองก็ได้ครับ หากไม่สะดวกจริงๆ แต่หากไม่สะดวกหรือไม่สามารถมาได้ ก็สามารถพากุมารมาเที่ยว(ผมใช้คำว่าเที่ยว)มาเจอหลวงปู่วันหลังก็ได้ครับ .. ไม่จำเป็นว่ามากี่ครั้งต้องพามาให้หลวงปู่ท่านเจิมทุกครั้งน๊ะครับ ส่วนใหญ่คนที่มาให้หลวงปู่เจิมใหม่นั้นมีอยู่หลายความเชื่อหลายเหตุผล เช่น 1. ขอบนกุมารแล้วไม่ได้ตามที่ขอก็จะนำมาให้หลวงปู่ลงให้ใหม่ หรือรู้สึกว่ากุมารนั้นเงียบมาก ซึ่งก็ด้วยเหตุที่ว่าขออะไรไม่ได้ ( เท่าที่ทราบจะเป็นเรื่องที่เกินความเป็นจริง เช่น เรื่องหวย เรื่องการพนัน) 2. เชื่อว่าเจิมบ่อยๆยิ่งเพิ่มพลัง ( จริงๆแล้วไม่เกี่ยวกันครับ กุมารจะดีหรือไม่ดีอยู่ที่ผู้บูชาเอง) 3. กุมารทองชำรุด แตกหักเสียหาย (อันนี้ก็สามารถนำมาให้หลวงปู่ท่านเจิมใหม่เพื่อความสบายใจได้ครับ ดีกว่าไปทิ้งที่ไหน) สรุปแล้วการพากุมารมาให้หลวงปู่เจิมหรือปลุกบ่อยๆนั้น ไม่ได้ทำให้กุมารเก่งหรือดีขึ้น หลวงปู่ท่านทำให้ดีเรียบร้อยตั้งแต่ต้นแล้ว อยู่ที่ผู้บูชาที่รับกุมารต่อจากท่านไปจะดูแลได้ดีแค่ไหนมากกว่า .. ปกติทางวัดสามง่ามก็จะมี "งานไหว้ครู" ประจำทุกปีอยู่แล้ว ก็สามารถนำกุมารเข้าพิธีได้เช่นกันครับ ซึ่งส่วนตัวผมเองก็เอากุมารที่บ้านไปทุกปีเช่นกัน แต่เนื่องด้วยหลังๆผมมีกุมารค่อนข้างเยอะจึงอธิษฐานบอกลูกๆให้ติดรถผมมาเองก็ได้ครับ หากไม่สะดวกจริงๆ แต่หากไม่สะดวกหรือไม่สามารถมาได้ ก็สามารถพากุมารมาเที่ยว(ผมใช้คำว่าเที่ยว)มาเจอหลวงปู่วันหลังก็ได้ครับ .. ไม่จำเป็นว่ามากี่ครั้งต้องพามาให้หลวงปู่ท่านเจิมทุกครั้งน๊ะครับ
สุนันท์ เชียงราย 111.84.85.35	ความคิดเห็นที่ 3 07/07/2011 , 09:02 Quote ��ผมเคยถามหลวงปู่ว่ามีคาถาอะไรไหมที่จะท่องให้กุมารเราเฮี้ยนแบบออกมาซน ขลัง ท่านบอกว่าก็ให้ท่องตามแผ่นที่ให้ไว้นั่นแหละ หมั่นบนหมั่นท่องจะเข้มขลัง ถ้าบนขอแล้วไม่ได้ก็ไม่ต้องให้ของบน ท่านพูดเพียงเท่านี้ ถึงแม้กุมารจะเงียบแต่บนแล้วได้ ก็พอแล้วครับ ��ผมเคยถามหลวงปู่ว่ามีคาถาอะไรไหมที่จะท่องให้กุมารเราเฮี้ยนแบบออกมาซน ขลัง ท่านบอกว่าก็ให้ท่องตามแผ่นที่ให้ไว้นั่นแหละ หมั่นบนหมั่นท่องจะเข้มขลัง ถ้าบนขอแล้วไม่ได้ก็ไม่ต้องให้ของบน ท่านพูดเพียงเท่านี้ ถึงแม้กุมารจะเงียบแต่บนแล้วได้ ก็พอแล้วครับ
เก๋า 223.205.236.176	ความคิดเห็นที่ 4 07/07/2011 , 13:11 Quote ไปอยู่ไหนมา เค้ารู้กันหมดแล้ว (สงสัยจะเพิ่งหัดเลี้ยง) ไปอยู่ไหนมา เค้ารู้กันหมดแล้ว (สงสัยจะเพิ่งหัดเลี้ยง)
สุนันท์ เชียงราย 1.47.184.158	ความคิดเห็นที่ 5 07/07/2011 , 15:04 Quote ก็อยู่ที่บ้านไงครับ ถ้ารู้ก็แล้วไป คนไม่รู้ก็มีไง ไม่ได้หนักหัวใครสักหน่อยน่ะ ก็อยู่ที่บ้านไงครับ ถ้ารู้ก็แล้วไป คนไม่รู้ก็มีไง ไม่ได้หนักหัวใครสักหน่อยน่ะ
สุกัญญา suk_suk_jung@hotmail.com 124.120.156.225	ความคิดเห็นที่ 6 16/08/2017 , 01:17 Quote ทำขวดรักยมของพ่อเพื่อนแตก โดยไม่รู้ว่าคืออะไร ก็เอาไปทิ้งขยะ ทำไงดีค่ะไม่สบายใจเลย. แก้ไขไงรบกวนผู้รู้บอกที่ค่ะ ทำขวดรักยมของพ่อเพื่อนแตก โดยไม่รู้ว่าคืออะไร ก็เอาไปทิ้งขยะ ทำไงดีค่ะไม่สบายใจเลย. แก้ไขไงรบกวนผู้รู้บอกที่ค่ะ
สุกัญญา suk_suk_jung@hotmail.com 124.120.156.225	ความคิดเห็นที่ 7 16/08/2017 , 01:19 Quote ทำขวดรักยมของพ่อเพื่อนแตก โดยไม่รู้ว่าคืออะไร ก็เอาไปทิ้งขยะ ทำไงดีค่ะไม่สบายใจเลย. แก้ไขไงรบกวนผู้รู้บอกที่ค่ะ ทำขวดรักยมของพ่อเพื่อนแตก โดยไม่รู้ว่าคืออะไร ก็เอาไปทิ้งขยะ ทำไงดีค่ะไม่สบายใจเลย. แก้ไขไงรบกวนผู้รู้บอกที่ค่ะ
ธรรศ anattarateam@gmail.com 27.55.99.41	ความคิดเห็นที่ 8 21/08/2017 , 16:14 Quote กำ แล้ว อย่าเอาไปทิ้งขยะนะ แตกก้หาขวดใหม่มาเปลี่ยน กำ แล้ว อย่าเอาไปทิ้งขยะนะ แตกก้หาขวดใหม่มาเปลี่ยน