http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,950,723
Page Views33,387,789
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    

 


เรื่องเล่าจากโกสินทร์ตอนที่ 50 (+++รูปประกอบของเรื่องและภาพวัวธนู ควายธนู)

(อ่าน 18609/ ตอบ 22)

โกสินทร์

เรื่องเล่าจาก โกสินทร์ตอนที่ 50 (+++รูปประกอบของเรื่องและภาพวัวธนูควายธนู)











 


     ขอบคุณครับคุณอ้วน รายการ survival ตัวพิธีกรและทีมงานไปกันหลายคน ทั้งรถยนต์, คอปเตอร์ และวิทยุสื่อสาร (ไม่รู้รายการเดียวกันหรือเปล่า) เวลามีอันตรายอะไรก็สามารถช่วยเหลือกันเองได้ หากเกินความสามารถที่จะช่วยเหลือกันเองได้ ก็สามารถติดต่อโลกภายนอกได้ แต่กรณีของพระธุดงค์ทั้ง 3 ใช้ชีวิตเป็นเดิมพัน หากไม่มีเข็มทิศและประสบการณ์ธุดงค์ในป่าของท่านนิพจน์ก็คงออกจากป่าไม่ได้แน่ เพราะพระธุดงค์ทั้ง 3 ต่างนึกถึงท่านหมู พระสายนี้ที่ธุดงค์ก่อนหน้านี้จนกระทั่งมรณภาพในป่า กล่าวมาถึงตรงนี้ก็ขอเล่าเรื่องท่านหมูเลยนะครับ


     ท่านหมูเป็นชาวนครสวรรค์ ขณะท่านเป็นพระธุดงค์มีเมตตาสูงมาก ขณะท่านเดินธุดงค์ หากท่านเห็นชาวบ้านจับสัตว์ป่าหรือปูดำเพื่อนำไปเป็นอาหาร ท่านจะขอบิณฑบาตโดยไม่เกรงกลัวว่าชาวบ้านจะโกรธ ซึ่งชาวบ้านก็ยินยอมทำตามที่ท่านหมูร้องขอ บางครั้งขณะเดินธุดงค์ ท่านเห็นปลาดิ้นอยู่ในน้ำที่แห้งขอด ท่านหมูจะรีบนำปลาเหล่านั้นใส่ในกาน้ำของท่าน เพื่อนำไปปล่อยในแหล่งน้ำอื่นที่อุดมสมบูรณ์ การกระทำของท่านหมูทำให้พระธุดงค์รูปอื่นที่ร่วมธุดงค์ด้วยกันต้องรีบปฏิบัติตามท่าน ท่านหมูเริ่มธุดงค์จากสุราษฏร์ธานีมุ่งหน้าสู่ทุ่งแสลงหลวง จ.พิษณุโลก เนื่องจากท่านหมูธุดงค์รูปเดียว จึงไม่มีใครทราบข่าวคราวของท่าน จนกระทั่งวันหนึ่งท่านนิพจน์ได้รับการติดต่อจากกำนัน ผู้ใหญ่บ้านว่าพบบัตรประชาชนพระพร้อมกองกระดูก ซึ่งในบัตรระบุว่าเป็นของพระศุภกร ก็คือท่านหมูนั่นเอง ท่านนิพจน์จึงเดินทางไปทันที ป่าลึกมาก เมื่อสุดทางรถยนต์ต้องเดินเท้าจากเช้าถึงเย็น ไม่มีทางรถยนต์เข้าถึงเลย พรานป่าเล่าว่าตอนกลางคืน พรานจะมาล่าสัตว์ ได้ยินเสียงกรอบแกรบอยู่ในพุ่มไม้ พรานป่าคิดว่าเป็นสัตว์ป่าจึงเฝ้าอยู่ตรงจุดนั้น รอเวลาเช้าจะได้เห็นตัวสัตว์ชัดเจน แต่ครั้งพอสว่างกลับเห็นกะโหลกคน ต่อมาก็พบบาตร, กาน้ำ, รัดประคด พบบัตรประชาชนพระ จีวรและหลักฐานอื่น ๆ โดนไฟป่าไหม้เป็นบางส่วน แต่โชคดีหรือบุญช่วยก็ไม่ทราบที่บัตรประชาชนพระไหม้ไม่มากนัก พอให้เห็นว่าเป็นใคร ท่านหมูเป็นพระสายนี้รูปแรกที่มรณภาพขณะเดินธุดงค์ เล่ามาถึงตรงนี้ก็อยากจะเสริมเรื่องที่ท่านเจ้าอาวาสเล่าให้ฟังว่าพระสายนี้รูปหนึ่ง เมื่อท่านมรณภาพแล้ว ต้องไปเกิดเป็นหนอน ด้วยความเป็นห่วง ท่านเลยมาติดต่อท่านเจ้าอาวาสว่าให้ช่วยบอกพระรุ่นหลังด้วยให้ปฏิบัติจงหนัก อย่าทำเหมือนกับท่าน เพราะสมัยที่ท่านมีชีวิตอยู่ ท่านทำหน้าที่เกี่ยวกับเก็บขยะภายในวัด เรียกว่าทำแต่งานไมได้ปฏิบัติธรรมเลย ท่านไม่ได้นั่งสมาธิเดินจงกรม เมื่อมรณภาพจึงไม่มีบุญคอยช่วยเหลือ ต้องเกิดเป็นหนอน……..


        เมื่อวันที่ 20 มิ.ย. 2554 ผมได้ไปหาหมอดูหูวิเศษ เกี่ยวกับโรคภัยไข้เจ็บของผม ซึ่งเป็นมาตั้งแต่ปี 2540 เป็น ๆ หาย ๆ รักษาหมอแผนปัจจุบัน ร.พ.เอกชนมีชื่อในกทม.  2 แห่ง บ้างก็ว่าเป็นสมองผิดปกติคล้ายโรคลมชัก, บ้างก็ว่าหัวใจเต้นผิดจังหวะ นี่ไม่นับร.พ.รัฐที่ผมไปตรวจรักษาครั้งแรกเมื่อปี 2540 ซึ่งหมอว่าเป็นโรคระบบประสาทอัตโนมัติทำงานผิดปกติ ร.พ.วินิจฉัยว่าเป็นโรคที่ไม่เหมือนกันคนละทิศคนละทาง แล้วนี่เราเป็นโรคอะไรกันแน่ แต่ดีหน่อยที่ร.พ.เอกชนในกรุงเทพฯแถวพระราม 9 บอกว่าหากคุณรำคาญเราจะให้ยาคุณไป แสดงว่าโรคที่ผมเป็นไม่ร้ายแรงอะไร จากการที่ไปตรวจที่ร.พ.ดังกล่าวทำให้ผมทราบว่าผมมีโคเลสเตอรอล ไขมันในเส้นเลือดสูง ผมเลยกลับมากินกระเทียมมื้อละ 1 หัว สามมื้อก็ตกกินวันละ 3 หัว กระเทียมที่กล่าวถึงนี่กระเทียมไทยนะครับ พอได้ระยะกำหนดก็ไปตรวจใหม่ ปรากฏว่าไขมันอยู่ในระดับปกติ นอกจากนี้น้องผมเค้าอ้วน เค้ากินกระเทียมไทยเช่นกันมื้อละ 1 หัว ตกวันละ 3 หัว หากกำหนดไม่ได้ว่าหัวขนาดไหน ก็แกะกระเทียมให้เป็นกลีบเล็ก ๆ ใส่ในช้อนชงของหวาน  1 ช้อน  ผลน้องผมซึ่งเป็นผู้ชายลดความอ้วนได้ ร่างกายอยู่ในระดับปกติ สุขภาพแข็งแรง เค้าไปบริจาคเลือดให้ร.พ.เป็นประจำ อาหารที่เค้ากินก็ส่วนใหญ่เป็นแป้ง พวกคาร์โบไฮเดรท โดยไม่ได้จำกัดอาหารเลย แต่สามารถลดความอ้วนได้เพราะกระเทียมแท้ ๆ ข้อเสียก็มีคือมีกลิ่นกระเทียมหลังกินใหม่ ๆ กินมาก ๆ กลิ่นกระเทียมก็จะออกจากตัวเรา แต่ปัญหานี้แก้ได้กินกระเทียมชนิดแคปซูล สามารถลดไขมันในเส้นเลือดได้เหมือนกัน ผมไปคุยกับคนที่กินชนิดแค๊ปซูลมาแล้ว ได้ผลเช่นเดียวกับกินดิบ ๆ  ตอนแรกผมยังคิดว่ากระเทียมชนิดแค๊ปซูลจะไม่ได้ผลเพราะต้องผ่านกรรมวิธีทางวิทยาศาสตร์ ผลที่ออกมาดีเช่นกัน นอกเสียดายน้อง ๆ วัยรุ่นที่กินยาลดความอ้วน แล้วยามันมีผลข้างเคียง บางคนก็ทำไม่สำเร็จถึงกับฆ่าตัวตาย กว่าจะเกิดมาเป็นคนยากเย็นแสนเข็ญกลับมาฆ่าตัวเอง ไม่รักตัวเอง แต่ทำให้พ่อแม่ พี่น้องคนรอบด้านเสียใจกับการกระทำของคนฆ่าตัวตาย เอานอกเรื่องไปซะอีกกลับมาเรื่องผมไม่สบายอีกครั้งครับ พอผมเข้ากรุงเทพฯเที่ยวที่แล้วช่วงเดือนมิถุนายน ถึงกรุงเทพฯได้ 2 วัน ต้องนอนซม มึนหัวจัง ใจก็หวิว ๆ เหมือนหัวใจมันจะหยุดเต้น (ความรู้สึกนะครับ หากหยุดจริง ๆ ผมก็คงขึ้นสวรรค์ไปแล้วล่ะ) ก็เลยติดต่อหมอดูคนนี้ ผมติดต่อจองคิววันอาทิตย์ เช้าวันจันทร์เค้าก็นัดให้ไป ผมถึงสถานที่แห่งนั้น 10 โมงเป็นคนแรกเลย และก็นั่งรอคิวจนกระทั่งเที่ยง ผมจึงถูกเรียกตัวไปทั้งที่ผมเป็นคิวที่หนึ่ง ขึ้นไปชั้นบนผมก็ต้องนั่งรอสักครู่ เนื่องจากหมอดูเค้าต้องสวดมนต์ไหว้พระและนั่งสมาธิ  ก่อนขึ้นชั้นบนผู้หญิงเค้าจะอธิบายคร่าว ๆ ว่าจะต้องปฎิบัติตัวอย่างไรเมื่อขึ้นไปพบพ่อหมอ ผมถามว่าคุยกันได้ไม๊ ก็ได้รับคำตอบว่าถามได้ ที่ไหนได้เมื่อขึ้นไปในห้องซึ่งมีทั้งพระพุทธรูป ฤาษี เศียรหลวงพ่อแก่ พ่อหมอจะอ่านกระดาษซึ่งผมเขียนตอนนั่งรออยู่ข้างล่าง มีชื่อ นามสกุล วัน เดือน ปีเกิด ราศีเกิด เวลาเกิด ที่อยู่ บ้านเลขที่เราอยู่ รถยนต์ทะเบียนอะไร เมื่อเข้าไปในห้องพ่อหมอสวมเสื้อขาว กางเกงสีน้ำเงิน พูดเบา ๆ ให้ผมเอามือทั้งสองวางบนโต๊ะเตี้ย ๆ  เราทั้งสองนั่งบนพื้นนะครับ พ่อหมออ่านใบกระดาษผมเสร็จก็พยักหน้า แล้วก็เขียนคำพยากรณ์ทันที ผมเขียนถามไปสองข้อเกี่ยวกับสุขภาพตัวเอง เรื่องที่สองสอบถามพ่อแม่ลุง ผมซึ่งเสียชีวิตหมดแล้วว่าเป็นอย่างไรกันบ้าง พ่อหมอเขียนคำพยากรณ์เสร็จก็อวยพรให้ผม อ้าว นี่เสร็จแล้วเหรอ ไม่ได้พูดคุยกับพ่อหมอเลย ก่อนขึ้นชั้นบน ผู้หญิงคนที่อยู่ข้างล่างก็บอกว่าคุยได้ทุกเรื่อง เอ๊ะ ยังไงกัน กระดาษที่พ่อหมอเขียนมามีดังนี้


- ดวงบริเวณหน้าตกกรรมพันธู ให้ทำการนำน้ำมนต์ไปล้างหน้า 3 ครั้ง 3 วันโกน อธิษฐานให้แคล้วคลาดปลอดภัย


- บริเวณหน้าบ้านเป็นจุดตกของไฟแรง เป็นทางผ่านไม่ดี ให้ทำการปรับด้วยการจัดวางน้ำ วางหิน วางดิน วางทราย จะเป็นการทำให้ครบธาตุ


ปีนี้ปีชง ให้ระวังเรื่องกระดูกแขนขา การทำงานใช้กำลังแขน


ให้บูชาพระปางมารวิชัย จะดีต่อโฉลก


โชควาสนา จะมีจากทางเรือนชาน


ราวท้องขวามีตำหนิ อย่ากดทับ


     เมื่อวางมาถึงชั้นล่าง ผู้หญิงก็นำใบพยากรณ์มาดู พร้อมถามผม หน้าบ้านผมมีจุดตกของไฟฟ้าแรงสูงหรือไม่ ผมตอบว่าไม่มี หน้าบ้านไม่มีสายไฟฟ้าเสียด้วยซ้ำ ฟากถนนตรงข้ามก็มีเพียงสายไฟธรรมดา ก็สายไฟตามข้างถนนทั่ว ๆ ไป คำถามที่ 2 ราวท้องขวาผมมีตำหนิหรือไม่ ก็เปล่าอีก ไม่มีรอยแผลเป็นอะไรทั้งสิ้น คำถามที่ 3 พระปางมารวิชัยจะรับไหม ที่นี่มี ผมบอกว่าที่บ้านมีแล้ว ผมถามกลับว่า ทำไมผมไม่ได้พูดคุยกับพ่อหมอเลย ทั้งที่ก่อนขึ้นไปบอกว่าคุยได้ทุกเรื่อง เค้าบอกว่าพ่อหมอไม่คุยกับใคร อ้าว เป็นงั้นไป ขกลับผมก็เอาขวดไปนำน้ำมนต์ในโอ่งหน้าสำนักไว้ล้างหน้าทุกวัน 3 วันโกน ทั้งที่ตอนที่เค้าออกรายการโทรทัศน์ พ่อหมอพูดคุยกับผู้ชมได้ โดยผู้ชมถามคำถาม สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่พ่อหมอนับถือบอกพ่อหมอ พ่อหมอก็มาบอกผู้ชมอีกที แต่พอทียังงี้กลับไม่พูดคุยด้วย ก็แปลกดี ขณะนั่งแท็กซี่กลับที่พัก ผมก็สนทนาเรื่องนี้กับภรรยา แท็กซี่ได้ยินก็ร่วมแจมด้วย เค้าถามผมว่า สมัยนี้ยังเชื่อเรื่องยังงี้อีกเหรอ ผมตอบว่า เป็นคุณแท็กซี่ไปหาหมอแผนปัจจุบัน 3-4 โรงพยาบาลไม่หาย รักษามา 14 ปีไม่หาย ก็ต้องลองรักษาทางสิ่งลี้ลับบ้าง เป็นคุณแท็กซี่ไม่ทำตามผมหรือคุณแท็กซี่ก็เงียบไป ของยังงี้ไม่โดนกับตัวเองไม่รู้หรอก เหมือนเราอยู่กลางทะเล มีอะไรลอยมาก็ต้องคว้าไว้หมด หมอดูที่มีสัมผัสพิเศษ ผมดูมา 3 หมอแล้ว รวมทั้งพ่อหมอคนปัจจุบันก็เป็น 4 อาการของโรคก็ยังไม่หาย ก็ต้องลองหมอรายใหม่ต่อไป ไว้ผมไปหาหมอที่มีสัมผัสพิเศษรายใหม่ ค่อยมาเล่าสู่กันฟังนะครับ


ปัญหาที่ผมอยากจะถามเกี่ยวกับลุงผมที่เสียชีวิต เมื่อเผาศพเสร็จ สัปเหร่อก็เปิดเตาเผาเพื่อเก็บกระดูกไปลอยอังคารของเช้ามืดวันที่ 19 ต.ค.2532 ทันทีที่เปิดเตาเผาศพ มีนก 1 ตัวนอนอยู่ในเตาเผา สัปเหร่อเห็นเช่นนั้น หันหลังวิ่งอ้าวทันที เค้าบอกว่า ในชีวิตที่เค้าเป็นสัปเหร่อมาหลายปี ไม่เคยพบเห็นเหตุการณ์เช่นนี้ นกอะไรอยู่ในเตาเผา แถมไม่ไหม้ไฟอีกต่างหาก สัปเหร่อวิ่งไปหาลุงหลวงสง่า สำหรับลุงหลวงสง่า หากท่านไม่ได้บวชก็นามสกุลเดียวกันกับผม ก็เป็นญาติกัน ลุงหลวงสง่าเรียนวิชามาพอสมควร อาจรย์ของลุงหลวงสง่าท่านหนึ่งอยู่เชียงใหม่ และยังมีอีกหลายท่าน ลุงหลวงบอกให้สัปเหร่อไปเอานกออกจากเตาเผา ห้ามใช้มือหยิบเด็ดขาด แล้วนำไปให้ลุงหลวงเพื่อทำพิธีต่อไป น่าแปลกไหมละครับ ท่านผู้อ่านเคยได้ยินเรื่องแบบนี้ที่ไหนบ้าง ผมมาคิดดู นกมันเข้ามาทางไหน คงจะเข้าจากรู 4 รูบนยอดเมรุที่เผาทำให้ควันไฟออกไป แล้วปล่องควันไฟออกมันมีความร้อน นกไม่กลัวความร้อนหรือ แถมศพนกไม่ไหม้ไฟอีกต่างหก ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ นกเข้าไปทำไม หรือเป็นนกฆ่าตัวตาย แต่นกเป็นสัตว์ มันทำตามสัญชาติญาณ หิวกิน มีภัยหนี ง่วงนอน มันคงไม่มีสมองคิดที่จะฆ่าตัวตายหรอก น่าแปลกมาก ๆ พอหลายปีผ่านไป พอถึงงานศพพ่อผม ผมก็ถามเรื่องนี้กับสัปเหร่อคนเดิม เค้าก็เลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องนี้ บอกเพียงแต่ว่าจำไม่ได้ ลุงหลวงสง่ามีวิชาดี ท่านเล่าว่าบางครั้งผีรู้ว่าสามารถติดต่อกับท่านได้ ก็จะมาดึงจีวร ตามหลังท่านตลอดเวลา เพราะสมัยนั้นลุงหลวงมีหน้าที่เกี่ยวกับงานศพ  หมายความว่าใครก็ตามตาย ญาติต้องไปตามลุงหลวง เวลาไปลอยอังคารก็ต้องนิมนต์ลุงหลวงอีก ลุงหลวงจึงมีประสบการณ์แนวนี้เพียบ เสียดายไม่ได้บันทึกเอาไว้ จดจำได้เพียงบางเรื่อง พอผมไปถามถึงเรื่องเหล่านี้ ปัจจุบันลุงหลวงพูดอยู่ในลำคอ ฟังไม่ค่อยรู้เรื่อง เวลาท่านพูด ผมก็ต้องทวนคำที่ท่านพูด หากถูกท่านก็พยักหน้า หากผิดท่านส่ายหน้าพร้อมพูดใหม่ ผมก็ต้องทวนคำใหม่ เป็นเสียอย่างนี้ ก็เลยไม่ถามดีกว่า เสียดายครับ ถ้าถามตอนงานศพพ่อผม และบันทึกเอาไว้ คงมีเรื่องแปลก ๆ เพียบ ในฐานะที่ลุงหลวงบวชมานานหลาย 10 ปี ท่านอยู่ในนิกายธรรมยุต ผมก็ถามว่าหากคนธรรมดาจะรู้ได้อย่างไรว่าพระรูปไหนเป็นธรรมยุตหรือมหานิกาย ท่านก็บอกว่าดูยาก ยกเว้นพระที่บวชหลายพรรษา พูดง่าย ๆ ชาวบ้านหมดสิทธิ์ครับ มีแต่พระที่บวชหลายพรรษาเท่านั้น ลุงหลวงก็บอกพอสังเขปว่า พระธรรมยุต เวลาห่มจีวร ม้วนจีวรจากซ้ายเข้าขวา, จีวรจะเป็นสีคล้ำ, สวด 2 อย่าง คือ มคธ และสังโยชน์ พูดถึงเรื่องสวดนี่ พ่อผมเคยเล่าให้ฟัง ท่านก็บวชวัดเดียวกับลุงหลวงสง่านั่นละ เวลาสวด นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมบุดธัสสะแต่พระทั่วไปจะสวด นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมาสัมพุทธัสสะ ฉะนั้นถ้าพระธรรมยุตกับมหานิกายมาสวดในงานของโยม จะสวดร่วมกันไม่ได้ เพราะสวดไม่เหมือนกัน โยมจะต้องรู้ หากจะนิมนต์ธรรมยุตก็ต้องธรรมยุตทั้งหมด หากมหานิกายก็ต้องมหานิกายทั้งหมด มาเล่าถึงลุงหลวงสง่ากันต่อ สมัยที่ญาติผมเสียชีวิต คือ ป้าไสว ลุงหลวงสง่ามาบอกว่า โน่น วิญญาณของป้าไสวไปนั่งอยู่บนขื่อ บนหลังคาในงานศพ แต่พวกเราไม่มีใครเห็นกันหรอก ตอนสมัยที่พ่อผมเสียชีวิต ก็มีเรื่องแปลก ๆ ค่อยเล่าวันหลังก็แล้วกัน เรื่องต่าง ๆ หากเป็นคนนอก ลุงหลวงสง่าจะไม่เล่าให้ฟัง แต่กับญาติพี่น้องก็จะเล่า เดี๋ยวจะโดนเรื่องอวดอุตริมนุสธรรม เรื่องห่มจีวรนี่ ท่านเจ้าอาวาสบอกผมว่าไม่แน่นอนเสมอไป สีจีวรก็ไม่แน่อีกเหมือนกัน เลยเอาเป็นบรรทัดฐานไม่ได้


     พอพูดถึงเรื่องผมไม่สบาย ทำให้นึกถึงเมื่อปี พ.ศ.2547 ภรรยาผมย้ายไปทำงานที่จังหวัดแห่งหนึ่ง ก็ได้รู้จักกับน้องอี๊ด เมื่อน้องอี๊ดทราบว่าผมไม่สบาย ก็โรคที่ 2 คือ โรคปลายประสาทอักเสบ (จีรังบัลเล่ย์ซินโดรม) ดังที่เล่าไปแล้ว น้องอี๊ดก็พูดคุยกับสุวิชผู้เป็นสามี สำหรับสุวิชนี่ ผมรู้จักตั้งแต่สมัยที่ผมเข้ามาเรียนใน กทม. เพราะพ่อของผมกับพ่อของสุวิชทำงานลักษณะเดียวกัน แต่อยู่คนละจังหวัด สมัยที่เราต่างเป็นนักเรียน เวลาสุวิชพูด ผมสังเกตว่า เค้าอมอะไรบางอย่างไว้ในปาก ทราบว่าเป็นของเกี่ยวกับทางเมตตา เค้าถือเคร่งขนาดนั้น เวลาพูดกับใคร ๆ เค้าจะอมวัตถุมงคลนี้ไว้ในปาก เป็นอันไม่ต้องห่วงว่า สุวิชต้องมีอาจารย์ดีแน่ และเมื่อวันที่ 26 เม.ย.2547 สุวิชก็ส่งโทรสารมาให้น้องอี๊ดผู้เป็นภรรยา สาระในโทรสารนั้น กล่าวถึงคำทำนายของตัวผมล้วน ๆ ดังนี้ครับ มีผีตองเหลืองอยู่ในตัวผม 2 ตัว ชายชื่อ ตอแผะหญิงชื่อ มาแหมะผีทั้ง 2 ตนอยู่บ้านหลังนี้มานานแล้ว บ้านนี้เคยมีคนตายหลายคนแล้ว บ้านนี้สร้างไม่สบาย ผู้สร้างไม่รู้ ยกวันไม่ดี ผีจึงเข้ามาอยู่ และที่นี่เดิมเขาเรียกว่า บ้านผีเป็นที่อาศัยของผี ถึงจับผีออกแล้วก็ไม่แน่ใจว่าจะอยู่ได้หรือไม่ ตอนนี้ผีผู้ชายกำลังดูดสมองผม ผีผู้หญิงช่วยให้มือเท้าอ่อนแรง ผีทั้ง 2 จะดูดเลือดจนตายในไม่นาน และได้ทำให้คนตายมาแล้ว 5 คน ผมจะเป็นคนที่ 6 จะให้ตายภายใน 6 วัน แต่ผมจะอายุยืนถึง 90 ปี (ข้อนี้ดีจังผมดีใจมาก) เวลานี้ยังไม่ถึงที่ตาย ตอนนี้อาจารย์ได้จับผีทั้ง 2 ไปอยู่นรกชั้น 9 เป็นเวลา 600 ปี ที่บ้านให้พรมน้ำมนต์ให้ทั่ว จากข้างในออกข้างนอก เวียนจากซ้ายไปขวา ขณะพรมให้ภาวนาว่า พุทธังพาไป ส่วนผมให้พรมน้ำมนต์ที่หัวและตัว กินน้ำมนต์ 3 วันจะฟื้นตัวและหาย น้ำมนต์ที่กล่าวถึงนี้ให้ไปเอาเฉพาะที่วัดบ่อผุด วัดนี้จังหวัดที่ผมอยู่ไม่มี ใบโทรสารยังบอกอีกว่า หากเอาที่วัดบ่อผุดไม่ได้ ให้ไปเอาที่วัดแจ้งอยู่ในตัวจังหวัด ซึ่งวัดนี้ก็ไม่มีอีก แต่วัดแจ้งอยู่ในเกาะแห่งหนึ่ง วัดแจ้งอีกแห่งก็อยู่ในตัวจังหวัดของอาจารย์ที่แนะนำผมนี่ละ ผมก็เลยเดินทางข้ามน้ำข้ามทะเลไปวัดแจ้งซึ่งอยู่ในเกาะ วัดแจ้งอีกแห่งหนึ่งที่อยู่ในตัวจังหวัดของอาจารย์ก็ไปเอาน้ำมนต์ ขณะไปเอาน้ำมนต์ที่วัดแจ้งที่อยู่ในเกาะ ดินฟ้าอากาศไม่เป็นใจเลย ฝนตกหนักมาก จนผมเปียกโชกไปทั้งตัว ไปเองก็ไปไม่ถูก ต้องให้ลูกของอาพาไป อ่านมาถึงตรงนี้น่ากลัวไหมละครับท่าน แต่บ้านที่ผมอยู่เป็นบ้านจัดสรร ผมเป็นเจ้าของบ้านคนที่ 2 เจ้าของคนแรกผมก็รู้จักเค้าดี ทำงานในวงการเดียวกัน ไม่มีใครตายในบ้านหลังนี้เลย และหากผีมีจริง บ้านผมมีวัวและควายธนูเป็นโขลง ผี 2 ตนนั้นมิป่นปี้ไปแล้วหรือ แต่ก็เอาละ ทั้งน้องอี๊ดและสุวิชต่างก็หวังดีกับผม ผมก็ปฏิบัติตามคำแนะนำของอาจารย์ของสุวิช ไม่เสียหายอะไรนี่ เงินทองเค้าก็ไม่เรียกร้อง เรียกว่าช่วยสุดตัว ด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ ผมก็ได้แต่ขอบคุณในความปรารถนาดีเหล่านั้นด้วยความคารวะ


        ช่วงที่ผมเล่าในตอนที่แล้ว (ตอนที่ 49) ลืมเล่าเรื่องโยมอริยะ ไปปฏิบัติธรรมที่วัดของท่านเจ้าอาวาสช่วงเดือน พ.ค. ตกกลางคืนประมาณหลัง 4 ทุ่ม กฎข้อหนึ่งของวัดนี้ ห้ามนอนก่อน 4 ทุ่ม ขณะโยมอริยะกำลังเคลิ้มจะหลับ ก็เห็นผู้ชายสวมเสื้อสีส้มออกแดง กางเกงสีเทา หน้าเห็นไม่ชัด ยืนอยู่ตรงปลายเท้าของโยมอริยะ ล้มตัวลงมาทับโยมอริยะ โยมอริยะตกใจ ใช้เท้าถีบจนผีตกจากเตียงลงไปนอนอยู่ที่พื้น แล้วก็อันตรธานหายไป สักพักมีเสียงตุ๊กแกร้อง พอถึงตอนนี้ โยมอริยะถึงได้มีอารมณ์ตกใจ ตอนต่อสู้กับผีกลับไม่รู้สึกกลัว จากเหตุการณ์ดังกล่าว ผมไปสอบถามท่านเจ้าอาวาสว่า ทำไมผีที่ไม่มีกายหยาบ เวลาโยมอริยะถีบผีจึงมีน้ำหนักด้วย ท่านเจ้าอาวาสจึงบอกว่า เป็นอุปาทานของโยมอริยะเองที่รู้สึกว่าผีมีน้ำหนัก โยมอริยะนี่ เคยเดินตามพระธุดงค์ร่วมกับผม 2 ครั้ง อยากเห็นหน้าตาเค้าก็กลับไปดูในตอนท้ายเรื่องที่ผมเล่าเกี่ยวกับการติดตามท่านประเสริฐ วัดท่านเจ้าอาวาสมีโยมผู้หญิงมาปฏิบัติธรรมเช่นเดียวกับโยมอริยะ เห็นแม่ชีที่ไม่รู้จักเดินทะลุกำแพงห้อง โยมคนนี้รับไม่ได้ รุ่งขึ้นออกจากวัดเลย


     สมัยผมเป็นนักเรียนอยู่ที่ กทม. ประมาณช่วง พ.ศ.2516-2518 พี่ทรงฤทธิ์และพ่อแม่ตระเวนเที่ยวในจังหวัดต่าง ๆ จนกระทั่งถึง กทม. ลุงห่วงผู้พ่อรู้สึกไม่สบาย ก็เข้ารพ.ศิริราชเพื่อทำการรักษา ผลปรากฏว่า เป็นโรคเม็ดเลือดขาวกินเม็ดเลือดแดง ก็นอนพักรักษาตัวที่รพ. การรักษาพอให้เลือดอาการก็กระเตื้องดีขึ้นมาครั้งหนึ่ง พอหลังจากนั้นอาการก็ทรุด พอให้เลือดใหม่ก็ดีขึ้นอีก เป็นอยู่อย่างนั้นจนกระทั่งเข็มไม่สามารถฉีดเข้าร่างกายได้อีก ขณะที่อยู่ที่รพ. พี่ทรงฤทธิ์ก็เทียวไล้เทียวขื่อระหว่างบ้านพักโพธิ์สามต้นแถวฝั่งธนบุรีและรพ. ในเย็นวันหนึ่งพี่ทรงฤทธิ์รู้สึกเดินหนักเท้า เหมือนมีอะไรมาถ่วงขาไว้อย่างนั้น ป้าเมียดผู้แม่ก็แนะนำให้ไปไหว้อนุสาวรีย์พระเทพบิดร อาการก็ยังเหมือนเดิม พี่ทรงฤทธิ์ ป้าเมียด ผม นอนห้องเดียวกัน เนื่องจากบ้านหลังนี้มีลูกหลานและญาติพี่น้องมาก เจ้าของบ้านจึงสร้างห้องให้ญาติ ๆ ที่มาจากต่างจังหวัดได้นอนกันหลายคน ตกดึกป้าเมียดก็ปลุกผม พอผมลืมตาเห็นพี่ทรงฤทธิ์มีอาการแปลก ๆ สะลึมสะลือเหมือนคนงัวเงีย พี่ทรงฤทธิ์บอกว่าหูแกได้ยินเสียงผ่างของเซียนทั้ง 8 ซึ่งพี่ทรงฤทธิ์ก็เห็นเซียนทั้ง 8 มาด้วย ซึ่งตีดังมากจนแสบแก้วหู ป้าเมียดก็รีบเอาผ้ายันต์ของก๋ง ซึ่งได้มาจากศาลเจ้าปากกระแดะ ซึ่งครอบครัวนี้นับถือมาก พร้อมกับกล่าวว่า เออ ก๋งมาช่วยลุงห่วงให้หายป่วยแล้วละ ป้าเมียดยังบอกให้ผมลงไปชั้นล่างของบ้าน ไปจุดธูป 16 ดอกกลางแจ้ง เอาละสิ งานเข้าผมเสียแล้ว ดึก ๆ แบบนั้น สถานการณ์อย่างนั้น ใครจะกล้าลงไปชั้นล่างเล่า เพราะบ้านหลังนี้มีคนตายเสียด้วย สุดท้ายผมก็ไม่กล้าลงไปหรอกครับ ใครลงไปจุดธูป ผมก็จำไม่ได้แล้ว ผมนั่งดูเหตุการณ์อย่างอกสั่นขวัญระทึกอยู่บนห้อง หลังจากนั้นไม่นาน ลุงห่วงก็เสียชีวิต ตรงกับที่ผมคิดไว้เมื่อมีเหตุการณ์ในคืนนั้นว่า ก๋งคงจะมารับลุงห่วง คงไม่มาช่วยหรอก เมื่อพี่ทรงฤทธิ์กลับบ้าน พี่ทรงฤทธิ์ก็ไปไหว้ก๋งที่ศาลเจ้า ซึ่งขณะนั้นจิตพี่ทรงฤทธิ์อยากจะไปมาก โดยไม่มีสาเหตุ ก่อนหน้านั้นพี่ทรงฤทธิ์ฝันว่า คล้ายกับพี่ทรงฤทธิ์เคยเป็นบริวารของก๋ง ก๋งต้องการจะพาไปเป็นบริวารเช่นเดิม เมื่อถึงศาลเจ้า พี่ทรงฤทธิ์มีอาการแปลก ๆ คล้ายเจ้าเข้าประทับทรง แต่จนแล้วจนรอด เจ้าไม่สามารถใช้ร่างพี่ทรงฤทธิ์เป็นม้าทรงได้ เนื่องจากพี่ทรงฤทธิ์เกิดวันเสาร์นั่นเอง ซึ่งเชื่อกันว่าคนเกิดวันเสาร์ เป็นวันแข็ง


     เมื่อวานนี้เป็นวันอาสาฬหบูชา ผมก็พาครอบครัวไปทำบุญไหว้พระ เวียนเทียนที่วัดปทุมวนาราม ก็ดีใจครับมีพุทธศาสนชิกชนมาร่วมทำบุญกันมากมาย เห็นแล้วชื่นใจ ดินฟ้าอากาศก็เป็นใจ ฝนไม่ตก . . . ไว้เดือนหน้าผมค่อยมาเล่าเรื่องใหม่นะครับ ขอความสุขสวัสดีจงมีแก่ทุกท่านเทอญ . . . . .


โกสินทร์


กุฎิที่โยมอริยะเจอผี

โกสินทร์


เตียงนอนที่โยมอริยะเจอผี

โกสินทร์


ภาพกองไฟที่ศาลเจ้ากระแดะที่ครอบครัวพี่ทรงฤทธิ์นับถือ สังเกตุมีลักษณะคล้ายรูปเจ้าแม่กวนอิม เมื่อผมเตรียมเรื่องที่จะเล่าเกี่ยวกับพี่ทรงฤทธิ์ และได้ไปทานอาหารที่ร้านแห่งหนึ่ง และได้พบกับภาพนี้ เมื่อสอบถามเจ้าของร้าน ก็ทราบว่าเป็นภาพจากศาลเจ้ากระแดะ นับว่าเป็นเรื่ืองแปลกมาก

โกสินทร์


ภาพเดียวกับความคิดเห็นที่ 3

โกสินทร์


พบภาพนี้ที่วัดถ้ำพญานาคราช ผมมองว่าเป็นภาพเจ้าแม่กวนอิม แต่ท่านเจ้าอาวาาสบอกว่า ส่วนใหญ่ที่คนเค้ามองกันจะมองเป็นภาพของพระพุทธเจ้า

โกสินทร์


ภาพเดียวกับความคิดเห็นที่ 5

โกสินทร์


ภาพวัวธนูพระอาจารย์เตชรังสี วัดสันมะเกี๋ยง จ.เชียงใหม่ ได้รับเมื่อ 22 มิ.ย.54 . . . . . ซาน ซีโร่ซีโร่

โกสินทร์


อีกด้านหนึ่งของวัวธนูพระอาจารย์เตชรังสี

โกสินทร์


ควายธนูหลวงพ่อเคน วัดเกาะภู จ.กาฬสินธุ์ รุ่นนี้ปั้นด้วยมือ แต่ละตัวจะไม่เหมือนกัน ได้รับเมื่อ 25 มิ.ย.54 . . . . . เอ้อ อู่ ซีโร่

โกสินทร์


อีกด้านหนึ่งของควายธนูหลวงพ่อเคน

โกสินทร์


ควายธนูหลวงพ่อจ่าง วัดน้ำรอบ จ.สุราษฏร์ธานี เป็นควายธนูเนื้อทองแดง ซึ่งสมัยที่ควายยังมีชีวิตอยู่ มีแค่ 3 ขาเท่านั้น เมื่อชาวบ้านของหาย ไปบอกควาย ควายจะเดินนำไปหาของที่หาย ก็จะสำเร็จตามความปรารถนาของชาวบ้าน ได้รับเมื่อ 30 มิ.ย.54 . . . . . อิ๊ จิ่ว จิ่ว

โกสินทร์


อีกด้านหนึ่งของควายธนูหลวงพ่อจ่าง

โกสินทร์


ควายธนูหลวงพ่อจ่าง วัดน้ำรอบ จ.สุราษฏร์ธานี เนื้อทองเหลือง ได้รับเมื่อ 30 มิ.ย.54 . . . . . อิ๊ จิ่ว จิ่ว

โกสินทร์


อีกด้านหนึ่งของควายธนูหลวงพ่อจ่าง

โกสินทร์


วัวธนูของอาจารย์ฆราวาส สร้างตามสายอ.แผ้ว ได้รับเมื่อ 25 มิ.ย.54 . . . . . อีเชียน

โกสินทร์


อีกด้านหนึ่งของวัวธนูของอาจารย์ฆราวาส

โกสินทร์


วัวธนูของอ.ฆราวาสเดียวกันในครอบแก้ว เนื่องจากมวลสารมีน้อย รุ่นนี้จึงสร้างเพียง 40 ตัวเท่านั้น

โกสินทร์


เสื้อยันต์หลวงพ่อจ่างรุ่นที่1 วัดน้ำรอบ จ.สุราษฏร์ธานี ได้รับเมื่อ 30 มิ.ย.54 . . . . . อีเชียน

โกสินทร์


ด้านหลังของเสื้อยันต์หลวงพ่อจ่างรุ่นที่ 1

โกสินทร์


ข้าวตอกพระร่วงของอุณมิลิต ได้รับเมื่อ 3 ก.ค.54
Page : 1
Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view