กุมารทองรุ่นพกพา ตอนนี้มีหรือเปล่าครับ [Engine by iGetWeb.com]

กุมารทองรุ่นพกพา ตอนนี้มีหรือเปล่าครับ

(อ่าน 1341/ ตอบ 22)

จ๊ะ ทิง จา 118.173.248.214	หัวข้อ :กุมารทองรุ่นพกพา ตอนนี้มีหรือเปล่าครับ 22/08/2011 , 09:25 Quote มิทราบว่า กุมารทองรุ่นพกพา ยังมีอยู่หรือเปล่าครับ...ผมจะไปวัน อังคารที่ 23 ส.ค.หนะครับ ถ้าไม่มีผมจาได้ไม่ต้องลางานไปครับ - -."..ใครทราบรบกวนบอกทีนะครับ ขอบคุณครับ มิทราบว่า กุมารทองรุ่นพกพา ยังมีอยู่หรือเปล่าครับ...ผมจะไปวัน อังคารที่ 23 ส.ค.หนะครับ ถ้าไม่มีผมจาได้ไม่ต้องลางานไปครับ - -."..ใครทราบรบกวนบอกทีนะครับ ขอบคุณครับ Tweet
กุมารทอง 202.91.19.195	ความคิดเห็นที่ 1 22/08/2011 , 10:21 Quote วัตถุมงคล 1.กุมาร รุ่นมหาเศรษฐี เล็ก 500 บาท 2.กุมาร พกพา 95� 300 บาท 3.พระสีวลี 1000 บาท 4.กุมาร รุ่น เจริญลาภ 10,000 บาท 5.พระเครื่อง ทั่วไป 6.ตอนนี้วัดรับจอง พระเหรียญ อายุ97ปี ลป.แย้ม เนื้อ นวโลหะ 500บาท รับของ ตอนวันเกิด ลป ปีหน้า ผมจองมา1เหรียญละ ด้านล่างหน้าตู้ของมูลนิธิก็เช่าได้นะครับ น่ารักดี ตามนั้นครับ วัตถุมงคล 1.กุมาร รุ่นมหาเศรษฐี เล็ก 500 บาท 2.กุมาร พกพา 95� 300 บาท 3.พระสีวลี 1000 บาท 4.กุมาร รุ่น เจริญลาภ 10,000 บาท 5.พระเครื่อง ทั่วไป 6.ตอนนี้วัดรับจอง พระเหรียญ อายุ97ปี ลป.แย้ม เนื้อ นวโลหะ 500บาท รับของ ตอนวันเกิด ลป ปีหน้า ผมจองมา1เหรียญละ ด้านล่างหน้าตู้ของมูลนิธิก็เช่าได้นะครับ น่ารักดี ตามนั้นครับ
จ๊ะ ทิง จา 118.173.248.214	ความคิดเห็นที่ 2 22/08/2011 , 11:50 Quote ขอบคุณครับ...ผมว่าจะไปเช่า รุ่นพกพา 1 องค์ และ วิ่งไปที่ วัดขวาง หลวงตาช้วน ว่าจะไปเช่ากุมารทองดำ อีก 1 องค์ ครับ...(ตามคำแนะนำของ คุณกุมารทอง ) ไม่ทราบว่ามีประสบการณ์ กับกุมารทองดำ นี้หรือเปล่าครับ ขอบคุณครับ...ผมว่าจะไปเช่า รุ่นพกพา 1 องค์ และ วิ่งไปที่ วัดขวาง หลวงตาช้วน ว่าจะไปเช่ากุมารทองดำ อีก 1 องค์ ครับ...(ตามคำแนะนำของ คุณกุมารทอง ) ไม่ทราบว่ามีประสบการณ์ กับกุมารทองดำ นี้หรือเปล่าครับ
กุมารทอง 1.46.212.241	ความคิดเห็นที่ 3 22/08/2011 , 12:44 Quote ประสบการณ์จากคนในพื้นที่ เขาบอกว่าแรงครับ หลวงตาช้วนจึงทำผ้ายันต์แดงเอาไว้ครับ อีกมวลสารก็แรงไม่น้อยครับจากป่าช้าล้วนๆ ประสบการณ์จากคนในพื้นที่ เขาบอกว่าแรงครับ หลวงตาช้วนจึงทำผ้ายันต์แดงเอาไว้ครับ อีกมวลสารก็แรงไม่น้อยครับจากป่าช้าล้วนๆ
องค์สีดำ 223.24.137.54	ความคิดเห็นที่ 4 22/08/2011 , 13:11 Quote กุมาร รุ่นมหาเศรษฐี เล็ก สีดำ ที่วัดมีหรือเปล่าครับ ตอนนี้มีองค์สีทองแล้ว หยากได้องค์สีดำเพิ่มจะได้ไปไม่เสียเที่ยวนะครับ....ขอบคุณครับ กุมาร รุ่นมหาเศรษฐี เล็ก สีดำ ที่วัดมีหรือเปล่าครับ ตอนนี้มีองค์สีทองแล้ว หยากได้องค์สีดำเพิ่มจะได้ไปไม่เสียเที่ยวนะครับ....ขอบคุณครับ
จ๊ะ ทิง จา 118.173.248.214	ความคิดเห็นที่ 5 22/08/2011 , 13:26 Quote กุมารทองดำ แรงอย่างนี้ เทพหรือพราย หนะครับ...และถ้าเช่ามารับจากมือหลวงตาแก เองหรือเปล่าครับ...และจะมาอยู่รวมกับพวกน้องๆ จากวัดสามง่าม ได้หรือเปล่าอ่ะครับ... กุมารทองดำ แรงอย่างนี้ เทพหรือพราย หนะครับ...และถ้าเช่ามารับจากมือหลวงตาแก เองหรือเปล่าครับ...และจะมาอยู่รวมกับพวกน้องๆ จากวัดสามง่าม ได้หรือเปล่าอ่ะครับ...
กุมารทอง 1.46.212.241	ความคิดเห็นที่ 6 22/08/2011 , 13:35 Quote หลวงตาช้วน นิยมเรียกกุมารทองของท่านว่า "ไอ้ทองดำ" เป็นสูตรการสร้างกุมารทองเฉพาะของท่าน "ไอ้ทองดำ" มีสีดำขำเป็นประกายออกสีนิลกาฬ คนเลี้ยงขึ้นเห็นชัด จับทางในรู้ ด้วยตาทิพย์บอกได้ หลวงตาช้วน ได้ประกอบพิธีเชิญจิตเทพชั้นสูงผู้ทรงศีล ที่ต้องการช่วยเหลือสร้างกองบุญกองกุศลมาสถิตประจำในกุมารทององค์ดำ เหตุที่เป็นกุมารทององค์ดำ เพราะหล่อจากของอาถรรพ์ "สูตรตะปูโลงผี สังกะสีวัดร้าง" การปลุกเสกต้องปลุกเสกในโลงศพในกองฟอน ในเถ้าถ่าน มีสิ่งที่เห็นบนตาเนื้อว่าเป็นสีดำ แต่ญาณที่แฝงมาอยู่ในกุมาร นั้นมีร่างกายโปร่งแสงใสสว่าง เพราะเป็นเทพที่บริสุทธิ์ อีกคำหนึ่งที่แฝงโดยนัย ในการเลี้ยงกุมารทองดำ คือ กุมารที่แกร่งแข็ง มีฤทธิ์ เป็นลูกโทน หรือหมายถึงเก่งนั้นเอง อุดด้วยของมีอาถรรพ์ 7 อย่างคือ 1.ดินเจ็ดป่าช้า เป็นดินที่มีพลังงานมากที่สุด เพราะเป็นดินสองภพ ผ่านวิญญาณ เปิดประตูโลกธาตุ 2.ดินเจ็ดโป่ง, ดินขุยปู เป็นดินขุดจากรูปู และจอมปลวก ถือว่าเป็นมวลสารที่วิเศษยิ่ง เพราะจะมีเทวดาอารักษ์รักษา ตามตำรับใบลานทอง ที่แต่โบราณ ขุยปูเหมือนขุมทองรวยไว 3.ดินเจ็ดท่า เป็นดินที่ได้จากท่าน้ำต่างๆ 7 แห่ง มีคนสัญจรไปมาค้าขาย หรือเดินทาง จะมีพลัง ทำให้กิจการค้าดี มีคนนิยม คนชมคนชอบ 4.ดินเจ็ดสวน, เจ็ดไร่, เจ็ดนา ดินงอก งาม ดินออกผล เหมาะแก่การเพาะปลูก สวนไหน ไร่ไหน ผลิดอกออกผลมากก็จะนำดินของสวนนั้นๆ มาเป็นมวลสาร 5.ดินเจ็ดวัด, เจ็ดไคล ถือว่าเป็นดินขลังมีอิทธิฤทธิ์ มีเทวดารักษา ไคลเสมา เจดีย์ ดินหน้าโบสถ์ เป็นของสูง เพราะรับพลังสวดมนต์แรงบวชพระ มาเป็นร้อยๆ ปี มีความศักดิ์สิทธิ์มาก 6.ดินเจ็ดถ้ำ เป็นดินที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะถือว่าเป็นที่สถิตของเหล่าฤาษีเทวดา เจ้าป่า เจ้าเขา ถือว่าเป็นดินพิเศษอย่างยิ่ง 7.เถ้ากระดูก สิ่งสำคัญที่สุด เพราะเป็นมวลสารที่เหมือนร่างกายของมนุษย์ ต้องมีกระดูกบรรจุอยู่เป็นธาตุที่ขาดไม่ได้ โดยใช้ขี้เถ้ากระดูกเด็ก ปลุกธาตุขันธ์ให้เป็นผงพราย (เอามาแต่ธาตุให้แรงเท่านั้น ไม่เอาวิญญาณมาเกี่ยว) ให้กุมารทองดำ มีฤทธิ์เดชมากขึ้น สำหรับคาถาปลุกกุมารทองดำ ท่องนะโม 3 จบ แล้วว่า กุมารดำ อมฤทธิ์ พิชิตชัย พิชิตโชค โภคผล มนต์ชนะ เอหิชัยโย เอหิชัยยะ มหาลาภะ มหาลาภัง จิตติ จิตตัง ปิยังมะมะ ให้กุมารช่วยอะไรให้ว่าไป ข้าวน้ำ หาให้ตามสมควร ให้จุดธูป 5 ดอกบอกเจ้าที่ จุดธูป 3 ดอกบอกพระที่บ้านในวันแรกที่เอากุมารเข้าบ้าน บูชากุมารจุดธูป 9 ดอก หลวงตาช้วนทำผ้ายันต์แดงเขียนด้วยดินสอกำกับ หลวงตาช้วน นิยมเรียกกุมารทองของท่านว่า "ไอ้ทองดำ" เป็นสูตรการสร้างกุมารทองเฉพาะของท่าน "ไอ้ทองดำ" มีสีดำขำเป็นประกายออกสีนิลกาฬ คนเลี้ยงขึ้นเห็นชัด จับทางในรู้ ด้วยตาทิพย์บอกได้ หลวงตาช้วน ได้ประกอบพิธีเชิญจิตเทพชั้นสูงผู้ทรงศีล ที่ต้องการช่วยเหลือสร้างกองบุญกองกุศลมาสถิตประจำในกุมารทององค์ดำ เหตุที่เป็นกุมารทององค์ดำ เพราะหล่อจากของอาถรรพ์ "สูตรตะปูโลงผี สังกะสีวัดร้าง" การปลุกเสกต้องปลุกเสกในโลงศพในกองฟอน ในเถ้าถ่าน มีสิ่งที่เห็นบนตาเนื้อว่าเป็นสีดำ แต่ญาณที่แฝงมาอยู่ในกุมาร นั้นมีร่างกายโปร่งแสงใสสว่าง เพราะเป็นเทพที่บริสุทธิ์ อีกคำหนึ่งที่แฝงโดยนัย ในการเลี้ยงกุมารทองดำ คือ กุมารที่แกร่งแข็ง มีฤทธิ์ เป็นลูกโทน หรือหมายถึงเก่งนั้นเอง อุดด้วยของมีอาถรรพ์ 7 อย่างคือ 1.ดินเจ็ดป่าช้า เป็นดินที่มีพลังงานมากที่สุด เพราะเป็นดินสองภพ ผ่านวิญญาณ เปิดประตูโลกธาตุ 2.ดินเจ็ดโป่ง, ดินขุยปู เป็นดินขุดจากรูปู และจอมปลวก ถือว่าเป็นมวลสารที่วิเศษยิ่ง เพราะจะมีเทวดาอารักษ์รักษา ตามตำรับใบลานทอง ที่แต่โบราณ ขุยปูเหมือนขุมทองรวยไว 3.ดินเจ็ดท่า เป็นดินที่ได้จากท่าน้ำต่างๆ 7 แห่ง มีคนสัญจรไปมาค้าขาย หรือเดินทาง จะมีพลัง ทำให้กิจการค้าดี มีคนนิยม คนชมคนชอบ 4.ดินเจ็ดสวน, เจ็ดไร่, เจ็ดนา ดินงอก งาม ดินออกผล เหมาะแก่การเพาะปลูก สวนไหน ไร่ไหน ผลิดอกออกผลมากก็จะนำดินของสวนนั้นๆ มาเป็นมวลสาร 5.ดินเจ็ดวัด, เจ็ดไคล ถือว่าเป็นดินขลังมีอิทธิฤทธิ์ มีเทวดารักษา ไคลเสมา เจดีย์ ดินหน้าโบสถ์ เป็นของสูง เพราะรับพลังสวดมนต์แรงบวชพระ มาเป็นร้อยๆ ปี มีความศักดิ์สิทธิ์มาก 6.ดินเจ็ดถ้ำ เป็นดินที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาก เพราะถือว่าเป็นที่สถิตของเหล่าฤาษีเทวดา เจ้าป่า เจ้าเขา ถือว่าเป็นดินพิเศษอย่างยิ่ง 7.เถ้ากระดูก สิ่งสำคัญที่สุด เพราะเป็นมวลสารที่เหมือนร่างกายของมนุษย์ ต้องมีกระดูกบรรจุอยู่เป็นธาตุที่ขาดไม่ได้ โดยใช้ขี้เถ้ากระดูกเด็ก ปลุกธาตุขันธ์ให้เป็นผงพราย (เอามาแต่ธาตุให้แรงเท่านั้น ไม่เอาวิญญาณมาเกี่ยว) ให้กุมารทองดำ มีฤทธิ์เดชมากขึ้น สำหรับคาถาปลุกกุมารทองดำ ท่องนะโม 3 จบ แล้วว่า กุมารดำ อมฤทธิ์ พิชิตชัย พิชิตโชค โภคผล มนต์ชนะ เอหิชัยโย เอหิชัยยะ มหาลาภะ มหาลาภัง จิตติ จิตตัง ปิยังมะมะ ให้กุมารช่วยอะไรให้ว่าไป ข้าวน้ำ หาให้ตามสมควร ให้จุดธูป 5 ดอกบอกเจ้าที่ จุดธูป 3 ดอกบอกพระที่บ้านในวันแรกที่เอากุมารเข้าบ้าน บูชากุมารจุดธูป 9 ดอก หลวงตาช้วนทำผ้ายันต์แดงเขียนด้วยดินสอกำกับ
กุมารทอง 1.46.212.241	ความคิดเห็นที่ 7 22/08/2011 , 13:52 Quote รับเลี้ยงรวมกันได้ ไม่เป็นไรครับ เท่าที่สอบถามผู้เลี้ยงมาเป็นกึ่งเทพกึ่งพรายครับ ท่านปลุกเสกดีแล้วครับ รับเลี้ยงรวมกันได้ ไม่เป็นไรครับ เท่าที่สอบถามผู้เลี้ยงมาเป็นกึ่งเทพกึ่งพรายครับ ท่านปลุกเสกดีแล้วครับ
สนใจ 203.131.208.117	ความคิดเห็นที่ 8 22/08/2011 , 14:29 Quote กุมารทองดำ เดินทางไปยังไงครับ แนะนำหน่อย สนใจอยากไปรับที่วัด กุมารทองดำ เดินทางไปยังไงครับ แนะนำหน่อย สนใจอยากไปรับที่วัด
จ๊ะ ทิง จา 118.173.248.214	ความคิดเห็นที่ 9 22/08/2011 , 15:40 Quote คืนนี้ว่าจะไป จุดธูปถามน้องๆที่บ้านก่อนครับ...ว่าน้องๆเขาจะว่ายังไงถ้าไปเช่ากุมารทองดำมาเลี้ยง...ถ้าไม่มีปัญหา วันพุธผมก็จะลางาน...บึ่งรถไปที่ วัดขวางเลยครับ...จะไปรับกับมือ หลวงตาแกเองเลย... คืนนี้ว่าจะไป จุดธูปถามน้องๆที่บ้านก่อนครับ...ว่าน้องๆเขาจะว่ายังไงถ้าไปเช่ากุมารทองดำมาเลี้ยง...ถ้าไม่มีปัญหา วันพุธผมก็จะลางาน...บึ่งรถไปที่ วัดขวางเลยครับ...จะไปรับกับมือ หลวงตาแกเองเลย...
จ๊ะ ทิง จา 118.173.248.214	ความคิดเห็นที่ 10 22/08/2011 , 15:55 Quote รบกวนถามอีกนิดครับ...การจุดธูปบูชานี่...ของวัดสามง่าม 2 ดอก...ของกุมารทองดำ 9 ดอก...ต้องจุดแยกกันใช่เปล่าครับ...คือ จุดบอกกุมารทองวัดสามง่าม 2 ดอกก่อน แล้วค่อยจุดบอกกุมารทองดำ 9 ดอกใช่หรือเปล่าครับ..ขอบคุณครับ รบกวนถามอีกนิดครับ...การจุดธูปบูชานี่...ของวัดสามง่าม 2 ดอก...ของกุมารทองดำ 9 ดอก...ต้องจุดแยกกันใช่เปล่าครับ...คือ จุดบอกกุมารทองวัดสามง่าม 2 ดอกก่อน แล้วค่อยจุดบอกกุมารทองดำ 9 ดอกใช่หรือเปล่าครับ..ขอบคุณครับ
กุมารทอง 111.84.210.30	ความคิดเห็นที่ 11 22/08/2011 , 16:11 Quote �� การเลี้ยงกุมารบางคนมีหลายตนหลายสำนัก ตอนจุดธูป ท่องคาถา ก็ต่าง สำนัก บางสำนักจุด 2 บางสำนัก จุด 1 ดอก บางที่จุด�3 ดอก �บางคนก็สับสน อันนี้อาจเป็นเหตุให้จิตไม่เป็นสมาธิตอนเรียกกุมารทำให้การสื่อถึงกุมารไม่ได้ผล �� หลักการปฏิบัติ จะจุด 9 ดอก ท่องคาถาของพี่จุกก่อน 3 จบ อธิษฐานบอกพี่จุกช่วยกิจการงาน เสร็จแล้วจะปักธูปและเอาเหลือไว้� 2 ดอก ท่องคาถา ของวัดสามง่าม และท่องเรียกมารับอาหาร ว่า มามะปริภุญชันตุ ฯ.................. เอหิมะมะมามา. และท่องแบบรวม จิเจรุนิ เจตสิกังรูปัง นิตมิตตัง กุมาโรวา อาคัจฉายะ� อาคัจฉาหิ�เอหิ จิตตัง ปิยังมะมะ มามา /และก็�� กุมาโรมา มะมะ�� เอหิจิตัง ปิยังมะมะ�� 3 จบ จากนั้น ก็เรียกกุมารทองออกชื่อทั้งหมดที่เราตั้งชื่อให้ มารับข้าวน้ำแดงที่พ่อ จัดไว้ให้ �� การเลี้ยงกุมารบางคนมีหลายตนหลายสำนัก ตอนจุดธูป ท่องคาถา ก็ต่าง สำนัก บางสำนักจุด 2 บางสำนัก จุด 1 ดอก บางที่จุด�3 ดอก �บางคนก็สับสน อันนี้อาจเป็นเหตุให้จิตไม่เป็นสมาธิตอนเรียกกุมารทำให้การสื่อถึงกุมารไม่ได้ผล �� หลักการปฏิบัติ จะจุด 9 ดอก ท่องคาถาของพี่จุกก่อน 3 จบ อธิษฐานบอกพี่จุกช่วยกิจการงาน เสร็จแล้วจะปักธูปและเอาเหลือไว้� 2 ดอก ท่องคาถา ของวัดสามง่าม และท่องเรียกมารับอาหาร ว่า มามะปริภุญชันตุ ฯ.................. เอหิมะมะมามา. และท่องแบบรวม จิเจรุนิ เจตสิกังรูปัง นิตมิตตัง กุมาโรวา อาคัจฉายะ� อาคัจฉาหิ�เอหิ จิตตัง ปิยังมะมะ มามา /และก็�� กุมาโรมา มะมะ�� เอหิจิตัง ปิยังมะมะ�� 3 จบ จากนั้น ก็เรียกกุมารทองออกชื่อทั้งหมดที่เราตั้งชื่อให้ มารับข้าวน้ำแดงที่พ่อ จัดไว้ให้
กุมารทอง 111.84.210.30	ความคิดเห็นที่ 12 22/08/2011 , 16:23 Quote 1. เราต้องพร้อมที่จะเลี้ยงดูเค้าคำว่าพร้อมก็คือ ตนเองมีเวลาเลี้ยงดู ที่บ้านยอมรับ 2. พึงระลึกไว้ว่าเค้าคือลูกของเราจริงๆ คนส่วนใหญ่ที่หัดเลี้ยงมักจะลืมไปว่าเค้ามีจิตวิญญานเป็นเด็กเหมือนกันเพียงแต่ว่าเราไม่รู้ไม่เห็นว่าเคาอยู่ตรงไหน จึงลืมไปว่าเค้ามีชีวิต ข้อนี้ต้องละรึกไว้เสมอเลย 3. หมั่นคุยเล่นกับเค้า อย่างที่บอกครับว่าเค้าคือลูกของเราจริงๆ เราก็ต้องหมั่นคุยเล่นกับเขาบ้าง 4. หาของเล่นหรือขนมให้ลูกๆเราตามสมควร เมื่อเวลาเราใช้งานให้เค้าทำงานเช่น บน หรือ ถึงวันพระวันสำคัญ เราก็ควรหาขนมหรือของเล่นไปให้เขาบ้าง (ตุ๊กตาทองของ หลวงปู่แย้ม วัดสามง่ามนั้น ควรจะต้องถวายข้าวทุกๆวันตามตำรับของ หลวงปู่ท่าน) 5. รู้จักดุกำราบหากว่ากุมารทองดื้อซน แน่นอนครับเป็นเด็กก็ต้องซน เวลาซนก็ต้องดุกำราบบ้างไม่ให้ซนหรือดื้อ โดยปกติแล้วผู้เลี้ยงส่วนใหญ่จะใช้คาถากำราบเอาแต่การใช้คาถากำราบนั้นก็เหมือนเอาไม้มาเฆี่ยนตีนี่แหละครับ ผมจึงแนะนำให้เราใช้คำพูดคำจากับเขาก่อนหรือดุด้วยวาจาก่อน หากยังไม่หยุดซนค่อยใช้คาถาเป็นครับ การ ที่คุณจะ เลี้ยงกุมารทองนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความพร้อม ทั้งกายและใจ สาเหตุที่ต้องพร้อมนั้นเพราะว่า ศาสตร์ในการปลุกเสกกุมารทอง ท่านได้นำเอาวิญญานเด็ก หรือเจตภูติ มาผูกไว้กับร่างกุมาร และเชิญญานเทพคุ้มครองหรือสร้างอิทธิฤทธิ์ ในรูปแบบต่าง ๆ แล้วแต่สำนักผู้สร้าง สิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อในเรื่องของภพภูมิโลกวิญญาน กุมารทองเค้าก็จะมีสังคมในอีกรูปแบบหนึ่ง ดูแลโดยครูวิทยาธร และครูบาอาจารย์ผู้ปลุกเสก ซึ่งเราเป็นมนุษย์ทั่วไปจะไม่สามารถมองเห็นได้ และรับรู้ได้อยู่แล้ว จึงขอให้ตัดข้อสงสัยที่ว่า "เช่ามาบูชาแล้วไม่เห็นมีไรเลย เงียบจัง หรือว่า อยากเจอน้องเค้าจังเลย ทำไงดี" เพราะคนที่ต้องการจะบูชากุมารทอง เพื่อการจะติดต่อกับภูติผีวิญญาน หรืออยากเห็นอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์ต่าง ๆ นั้น มักจะสื่อกันไม่ถึงครับ เพราะจิตไปผูกอยู่กับความอยากรู้อยากเห็น เกิดเป็นความสงสัยแทนที่จะเป็น ความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราบูชา บารมีกุมารไม่เกิดครับ อยากให้ปรับความคิดซะใหม่ก่อน ว่าการที่เราเลี้ยงกุมารทองนั้นด้วยจุดประสงค์อะไร 1.เพื่อช่วยในการค้าขาย�� 2.เพื่อให้เกิดโชคลาภสักการะ�� 3.เพื่อปกป้องคุ้มครองตัวเราจากภยันตรายแค่เพียงสามสิ่งนี้ไม่จำเป็นเลยที่กุมารทองต้องออกมาปรากฎกายให้เราเห็น จริงมั๊ยครับ สาเหตุเพราะว่า ช่วยในการค้าขาย เค้าก็จะดลใจให้คนมาซื้อของเรามาก ๆ ช่วยให้เกิดโชคลาภ เค้าก็จะดลใจเราให้ไปในทางที่ดีมีโชค เพื่อปกป้องคุ้มครอง เค้าก็จะคุ้มครองเราตลอดเวลาเปรียบเสมือนเงา นั่นไม่ได้หมายความว่า เค้าจะออกมากระโดดโลดเต้นให้เห็นเป็นที่อึกทึกนะครับ บางคนคิดแต่ว่าอยากให้เค้าแสดงฤทธิ์เสียอย่างเดียว พอไม่ทำก็ห่างเหินไม่สนใจ ทิ้งขว้างไว้ หากคุณทำแบบนั้นแล้วเท่ากับสร้างอกุศลกรรมใหม่ขึ้นแล้วหล่ะ สาเหตุเพราะคุณรับเค้ามาเลี้ยงดูนั้น เป็นเหมือนสัญญาว่าจะดูแล แต่ไม่ดูแลจนเค้าต้องหนีกลับวัด หรือหนีกลับภพภูมิของตน คุณจะกลายเป็นคนบาปในทันที บาปในที่นี้คือศีลข้อ 4 ในการพูดโป้ปดต่อสัญญานั้นเองสำหรับ คนที่มี เวลาจริง ๆ และสนใจอยากบูชาจริง ๆ นั้นคุณต้องทราบก่อนว่าคุณพร้อมแล้ว 100% ที่จะรับเค้ามาดูแล ในที่นี้ผมจะกล่าวไว้เล็กน้อยสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองพร้อมแล้วจริง ๆ แต่สำหรับคนที่ยังลองผิดลองถูกอยู่ อย่านำเค้ามาทรมานเป็นดีที่สุดครับการ เลี้ยงกุมาร ทองหรือตุ๊กตาทองนั้นเป็นเหมือนสัญญาผูกพันระหว่างจิตของผู้เลี้ยง และวิ ญญานของกุมารทอง โดยผ่านทางกายเนื้อของเราไปสู่สังขาร หรือรูปปั้นองค์ตุ๊กตาทอง, กุมารทองนั้นเอง จงอย่าได้มโนภาพหรือสร้างภาพไปเอง ให้เราตั้งใจบูชาที่รูปปั้นนั้น เวลาภาวนาขออะไรก็ให้มโนภาพถึงรูปปั้นนั้น ถ้าเค้าจะแสดงตนในลักษณะไหนเราก็จะเห็นได้เองในเวลาต่อมา การถวายอาหารก็ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีเวลา และมีกำลังมากเพียงไหน หากสามารถทำได้แค่อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง ก็ต้องจุดธูปบอกกล่าวให้ดีว่า จะไหว้ทุกวันอะไร และจะต้องทำให้ได้ตามนั้น โดยอาหารจะมากจะน้อยนั้นก็ขอให้ศรัทธาและให้จากใจ เค้าจะได้รับในสิ่งที่เราถวายแน่นอน สำหรับเรื่องที่ว่าจะพากุมารไปไหนต่อไหนนั้น ทำได้เช่นกัน ก็ด้วยใจเรานี่แหล่ะ สิ่งที่อยากจะเน้นคือว่า อย่ามโนภาพเพ้อฝันไปเองว่าเค้านั่งทำอะไรอยู่ตรงตรงนี้ ตรงนั้น ตรงไหน ตัวอย่างเช่นเรานั่งกินข้าว แต่จิตเรากลับคิดไปว่าเค้านั่งอยู่ข้าง ๆ เรานี่แหล่ะเค้าตักคำ เราตักคำนึง��หรือว่า ขับรถไปเที่ยว ก็มโนภาพไปว่าเค้านั่งข้าง ๆ เรานี่แหล่ะ นั่งฟังเพลงเพลนเชียว (ทั้งที่จริงแล้วเค้าอาจจะเหาะอยู่บนหลังคาก็ได้) อะไรแบบนี้นั้นเค้าเรียกว่ามโนภาพไปเองคิดเองเออเอง (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า"บ้า") สิ่งที่ถูกต้องคือให้คิด อยู่ในใจว่าเนี่ยเราเดินออกจากบ้าน เค้าก็ตามเรามานะแต่เค้าอยู่ตรงไหนเราไม่รู้หรอก แต่เรามั่นใจว่าเค้าตามเรามา��เราจะกินข้าว เราก็เรียกเค้ากินนะ เค้ากินหรือไม่กินเราไม่รู้หรอก แต่เราต้องเรียกเค้ากิน เราไปในร้านอาหารที่มีศาลเจ้าที่อยู่หน้าร้าน เราไม่รู้หรอกว่าเค้าเข้ามากับเราได้หรือไม่ได้ แต่เราก็ต้องยกมือไหว้บอกศาลเจ้าที่นั้นนะ ว่าขออนุญาติพากุมารทองเข้าไปด้วยนะครับ/คะ��เป็นต้น เรื่องนี้แบ่งแยกชัดเจนระหว่าง "มโนภาพ และ ความเชื่อมั่น" การ มโนภาพ คือการสร้างภาพขึ้นในจิต คิดไปเองสร้างรูปไปเอง (ทั้งที่ความจริงแล้วมันอาจไม่เป็นอย่างนั้น) แต่ ความเชื่อนั้นคือความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เราบูชา จะเกิดเป็นสัญญาเป็นความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นได้ในเวลาต่อมา สาเหตุที่อยากให้แบ่งแยกระหว่างมโนภาพและความเชื่อมั่น ออกจากกันเพราะว่า มโนภาพจะก่อให้เกิดความระแวงสงสัย "เอ นั่งอยู่ตรงนี้หรือเปล่าหว่า" "เอ .. เดินตามเรามาแน่หรือเปล่าหว่า" อะไรทำนองนี้ แต่ความเชื่อมั่นจะทำให้เราคิดแบบสบาย ๆ ใจว่า "อืม เค้าดูแลเรานะ" "อืม .. เราเชื่อนะว่าเค้าตามเรามา" อย่างนี้เป็นต้น แต่ สิ่งที่สำคัญมากคือ เราต้องระลึกเสมอว่า เราชวนเค้ามาด้วย จะทำอะไรก็ต้องนึกถึงเค้าด้วยเช่นกัน ต้องบอกต้องกล่าวตลอดเวลา ขึ้นรถลงเรือ ก็ต้องบอกต้องเรียก เค้าจะตามหรือไม่ตาม จะอะไรก็แล้วแต่อย่าสงสัย ให้เชื่ออยู่ในใจว่าเราต้องทำเท่านั้นก็พอ และ จงอย่าหมดศรัทธา หากว่าเราเดินไปแล้วตกท่อ ก็อย่านึกโทษเค้าว่า เค้าไม่ช่วยเรา นั่นเป็นเพราะว่า เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเสมอไป หกล้ม หัวคะมำ ก็ทำกันไป อย่าถือโทษโกรธกุมารทองเด็ดขาด เรื่องบางเรื่องเค้าก็ช่วยไม่ได้ แต่ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ครับเรื่องการนำเข้าบ้าน และการตั้งหิ้งบูชาไม่ขอเอ่ยถึงนะครับ เพราะว่าในเว๊ปนี้ทำไว้ละเอียดดีมาก ๆ แล้วครับทีนี้ มาพูดถึง เรื่องการจุดธูปจุดเทียนบูชา ตามตำราโบราณแน่นอนว่า เทียนสองเล่ม จุดขวามือของกุมารก่อน แล้วค่อยจุดเล่มซ้าย ส่วนเรื่องธูปนั้นหลากหลายตำรามาก ๆ บางสำนักว่าบูชา 2 บางสำนักว่าบูชา 3 บางสำนักว่าบูชา 5 บางสำนักว่าบูชา 6 บางสำนักว่าบูชา 9 ก็มี เพราะฉะนั้นเราอย่าไปกังวลสงสัย ให้ยึดกฎใดกฎหนึ่งใช้กับตัวเองไปเลย เช่นว่า ถ้าไหว้ธรรมดา ฉันจะจุด 2 ดอก ถ้าจะบนบาน ฉันจะจุด 5 ดอก เป็นต้น แล้วก็ทำเป็นกิจวัตรไปซะ อย่าลังเลสงสัย เพราะความลังเลสงสัยนั่นแหล่ะ จะทำให้เราส่งไปไม่ถึงเค้า เรื่องคาถาบูชากุมาร ให้ยึดเอาตามสำนักที่เราบูชามา จะมีใบแนบบอกอยู่แล้ว แต่ สำหรับ คนที่บูชามาจากต่างสำนัก ไม่มีคาถาบูชา ท่านก็ยึดเอาคาถากลางบูชาได้เลย คือ "เอหิกุมารโร เอหิกุมารี เอหิรัก-ยม เอหิพรายทอง ปิยังมะมะ ปุตตังวะชายะติ เจ้ารักยม กุมารทอง กุมารี ลูกกรอกเอ๋ย จงมา จงมา เอหิมะมะ" ใช้ในการเรียกกินข้าว เรียกไปนอกบ้าน เรียกไปนู่นไปนี่ ใช้รวมได้หมดทุกประเภท หรือประเภทไหนที่เราไม่ได้เลี้ยงก็ตัดออกไปจากบทคาถาได้ ไม่ผิดครับ ใช้ได้หมด อยู่ที่ใจเราเป็นสำคัญ อย่ากังวล อย่าคิดมากครับ ส่วนในเรื่องคาถาปลุกเสกนั้น ก็สวดบทอานิสงฆ์ทั่วไปนี่แหล่ะ สวดมนต์ไหว้พระทำได้หมด แต่ก่อนสวดให้เอื้อนเอ่ยว่าจาก่อนว่า "ขอให้อานิสงฆ์ และอานุภาพของการสวดเจริญพระพุทธมนต์เหล่านี้ จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและกุมารทอง เจ้ารักเจ้ายม กุมารี พรายทอง ที่ข้าพเจ้าบูชานี้ทั้งหมดทั้งสิ้นเถิด" เท่านี้เค้าก็จะได้อานิสงฆ์ไปกับเราแล้วครับ บางคนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเวลาสวดมนต์กุมารไม่ชอบฟัง ก็เพราะคุณไม่ได้ชักนำเค้าตั้งแต่ก่อนสวด เค้าก็ไม่ได้รับอานิสงฆ์ไม่เกิดศรัทธา และไม่เกิดอิทธิฤทธิ์ครับ ( แต่ให้ยกเว้นบางบทที่เป็นการสวดไล่วิญญาน หรือการบูชาเทพที่เค้าเกรงกลัว เช่น ท้าวเวสสุวัณ พยายม เหล่านี้เป็นต้น ถ้าจะสวดให้สวดบทอานิสงฆ์สรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าทั่ว ๆ ไปดีที่สุด ) เรื่อง ของการ ติดต่อกับกุมารทอง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าของหลาย ๆ คนอยาก (หลาย ๆ คนนะครับไม่ใช่ทุกคน) และพยายามทำกันมากเหลือเกิน ขอให้ตั้งสติทำใจให้สบายครับ อย่าไปคิดระแวงสงสัย ภาษาโบราณเค้าเรียกว่า "อย่ากังขา" ให้ เชื่อมั่นศรัทธาไว้เป็นที่ตั้ง ถ้าจะให้แนะนำสำหรับคุณที่อยากติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนครับว่า คุณมีศีลบริสุทธิ์แล้วหรือยัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จะติดต่อกับคนที่มีศีลบริสุทธิ์เท่านั้น (ยกเว้นสำหรับคนที่มีลักษณะพิเศษ เป็นผู้ถูกเลือกมาตั้งแต่เกิด หรือตั้งแต่อดีตชาตินะครับ) เราต้องหมั่นฝึกหมั่นภาวนา หมั่นปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ กรรมฐาน เป็นนิจ จึงจะได้ความสามารถพิเศษเหล่านี้ โดยปกติแล้วกุมารทองจะมาติดต่อกับเราด้วยอาการหลาย ๆ อย่างเช่น การเข้าฝัน หรือผ่านทางอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มาอย่างไรนั้นจะยกตัวอย่างคร่าว ๆ ดังนี้ 1. มาเข้าฝันคงไม่ต้องบอก น่าจะทราบดี แต่ฝันนี้ต้องดูด้วยนะครับ ส่วนใหญ่ที่เชื่อถือได้คือฝันตอนกลางคืนนะครับ ฝันกลางวันนั้นท่านว่า กินมาก อิ่มมาก ก็จินตนาการกันไปเอง 2. ตา - คือการมองเห็น อาจเป็นออร่า หรือเป็นแสงพุ่งไปมา หรือเป็นเงา หรือกระทั้ง เป็นตัวเป็นตน อันนี้ก็ว่ากันไป��3. หู - คือการได้ยิน อาจมีเสียงกระซิบ หรือเสียงก้องกังวาลตอนที่เราจิตตก ก็เป็นไปได้ 4. จมูก - คือการได้กลิ่น ส่วนมากจะเป็นกลิ่นมวลสาร หรือกลิ่นธูป กลิ่นดอกไม้ ถ้าทางไหนไม่ดีก็จะเป็นกลิ่นเหม็นเน่า บอกให้เรารู้ว่า ทางนี้อย่าเดินเป็นต้น 5.��ลิ้น - คือการสัมผัสอาหาร อันนี้สำหรับคนที่จิตผูกกับกุมารเป็นสัญญาแน่นเหนียวว่า "กินก็กินด้วยกัน" เพราะฉะนั้น อาหารบางอย่างที่เค้าไม่ชอบกิน เราก็อาจจะอาเจียนได้ไม่รู้ตัว ��6. กาย - เรื่องนี้ง่ายมาก คือการสัมผัส การสัมผัสจากวิญญานจะเป็นกึ่งร้อนกึ่งเย็น เราจะทราบได้เอง เมื่อมีประสบการณ์นี้ อาจจะเป็นการจี้เอว แตะบ่า หรือรู้สึกหนัก ๆ อึ้ง ๆ บนบ่า หรือคอ นั่นก็ทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ นะครับ คงไม่ต้องให้บอก 7. ใจ - นี่สิสำคัญ ใจเรานี่แหล่ะ ก็อย่างที่อธิบายไปแล้ว ในเรื่องของมโนภาพ และความเชื่อมั่น ก็ของให้ใช้ใจไปในทางที่ถูกต้อง แล้วอายตนะอื่น ๆ ก็จะสื่อได้เองครับ�� แนะนำ การเข้าฌาน เบื้องต้น บอกกล่าวกุมารก่อนว่า เราอยากพูดคุยกับเค้าให้เค้ามาหาเราเป็นนิมิตด้วยเถิด แล้วให้กำหนดลมหายใจ เข้าออกลึก ๆ 5 นาที โดยหายใจเข้า 2 วิ หายใจออก 3 วิ ทำไปเรื่อย ๆ อาจเกิดอาการชาหรือมึนหัวเล็กน้อย หลังจากครบ 5 นาทีก็ให้กำหนดสภาวะทน ให้ผ่านพ้นอาการชา หน้ามืด มึนหัวเหล่านั้นไป แล้วจิตจะเป็นสมาธิเอง ทำใจให้สบาย อย่าไปผูกติดกับเรื่องที่จะเจอเค้า ให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ เมื่อจิตหยั่งถึงสมาธิเมื่อไหร่ ปาฏิหารย์จะเกิดขึ้นเองครับ 1. เราต้องพร้อมที่จะเลี้ยงดูเค้าคำว่าพร้อมก็คือ ตนเองมีเวลาเลี้ยงดู ที่บ้านยอมรับ 2. พึงระลึกไว้ว่าเค้าคือลูกของเราจริงๆ คนส่วนใหญ่ที่หัดเลี้ยงมักจะลืมไปว่าเค้ามีจิตวิญญานเป็นเด็กเหมือนกันเพียงแต่ว่าเราไม่รู้ไม่เห็นว่าเคาอยู่ตรงไหน จึงลืมไปว่าเค้ามีชีวิต ข้อนี้ต้องละรึกไว้เสมอเลย 3. หมั่นคุยเล่นกับเค้า อย่างที่บอกครับว่าเค้าคือลูกของเราจริงๆ เราก็ต้องหมั่นคุยเล่นกับเขาบ้าง 4. หาของเล่นหรือขนมให้ลูกๆเราตามสมควร เมื่อเวลาเราใช้งานให้เค้าทำงานเช่น บน หรือ ถึงวันพระวันสำคัญ เราก็ควรหาขนมหรือของเล่นไปให้เขาบ้าง (ตุ๊กตาทองของ หลวงปู่แย้ม วัดสามง่ามนั้น ควรจะต้องถวายข้าวทุกๆวันตามตำรับของ หลวงปู่ท่าน) 5. รู้จักดุกำราบหากว่ากุมารทองดื้อซน แน่นอนครับเป็นเด็กก็ต้องซน เวลาซนก็ต้องดุกำราบบ้างไม่ให้ซนหรือดื้อ โดยปกติแล้วผู้เลี้ยงส่วนใหญ่จะใช้คาถากำราบเอาแต่การใช้คาถากำราบนั้นก็เหมือนเอาไม้มาเฆี่ยนตีนี่แหละครับ ผมจึงแนะนำให้เราใช้คำพูดคำจากับเขาก่อนหรือดุด้วยวาจาก่อน หากยังไม่หยุดซนค่อยใช้คาถาเป็นครับ การ ที่คุณจะ เลี้ยงกุมารทองนั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือความพร้อม ทั้งกายและใจ สาเหตุที่ต้องพร้อมนั้นเพราะว่า ศาสตร์ในการปลุกเสกกุมารทอง ท่านได้นำเอาวิญญานเด็ก หรือเจตภูติ มาผูกไว้กับร่างกุมาร และเชิญญานเทพคุ้มครองหรือสร้างอิทธิฤทธิ์ ในรูปแบบต่าง ๆ แล้วแต่สำนักผู้สร้าง สิ่งเหล่านี้เป็นความเชื่อในเรื่องของภพภูมิโลกวิญญาน กุมารทองเค้าก็จะมีสังคมในอีกรูปแบบหนึ่ง ดูแลโดยครูวิทยาธร และครูบาอาจารย์ผู้ปลุกเสก ซึ่งเราเป็นมนุษย์ทั่วไปจะไม่สามารถมองเห็นได้ และรับรู้ได้อยู่แล้ว จึงขอให้ตัดข้อสงสัยที่ว่า "เช่ามาบูชาแล้วไม่เห็นมีไรเลย เงียบจัง หรือว่า อยากเจอน้องเค้าจังเลย ทำไงดี" เพราะคนที่ต้องการจะบูชากุมารทอง เพื่อการจะติดต่อกับภูติผีวิญญาน หรืออยากเห็นอิทธิฤทธิ์ปาฎิหารย์ต่าง ๆ นั้น มักจะสื่อกันไม่ถึงครับ เพราะจิตไปผูกอยู่กับความอยากรู้อยากเห็น เกิดเป็นความสงสัยแทนที่จะเป็น ความเชื่อมั่นในสิ่งที่เราบูชา บารมีกุมารไม่เกิดครับ อยากให้ปรับความคิดซะใหม่ก่อน ว่าการที่เราเลี้ยงกุมารทองนั้นด้วยจุดประสงค์อะไร 1.เพื่อช่วยในการค้าขาย�� 2.เพื่อให้เกิดโชคลาภสักการะ�� 3.เพื่อปกป้องคุ้มครองตัวเราจากภยันตรายแค่เพียงสามสิ่งนี้ไม่จำเป็นเลยที่กุมารทองต้องออกมาปรากฎกายให้เราเห็น จริงมั๊ยครับ สาเหตุเพราะว่า ช่วยในการค้าขาย เค้าก็จะดลใจให้คนมาซื้อของเรามาก ๆ ช่วยให้เกิดโชคลาภ เค้าก็จะดลใจเราให้ไปในทางที่ดีมีโชค เพื่อปกป้องคุ้มครอง เค้าก็จะคุ้มครองเราตลอดเวลาเปรียบเสมือนเงา นั่นไม่ได้หมายความว่า เค้าจะออกมากระโดดโลดเต้นให้เห็นเป็นที่อึกทึกนะครับ บางคนคิดแต่ว่าอยากให้เค้าแสดงฤทธิ์เสียอย่างเดียว พอไม่ทำก็ห่างเหินไม่สนใจ ทิ้งขว้างไว้ หากคุณทำแบบนั้นแล้วเท่ากับสร้างอกุศลกรรมใหม่ขึ้นแล้วหล่ะ สาเหตุเพราะคุณรับเค้ามาเลี้ยงดูนั้น เป็นเหมือนสัญญาว่าจะดูแล แต่ไม่ดูแลจนเค้าต้องหนีกลับวัด หรือหนีกลับภพภูมิของตน คุณจะกลายเป็นคนบาปในทันที บาปในที่นี้คือศีลข้อ 4 ในการพูดโป้ปดต่อสัญญานั้นเองสำหรับ คนที่มี เวลาจริง ๆ และสนใจอยากบูชาจริง ๆ นั้นคุณต้องทราบก่อนว่าคุณพร้อมแล้ว 100% ที่จะรับเค้ามาดูแล ในที่นี้ผมจะกล่าวไว้เล็กน้อยสำหรับคนที่คิดว่าตัวเองพร้อมแล้วจริง ๆ แต่สำหรับคนที่ยังลองผิดลองถูกอยู่ อย่านำเค้ามาทรมานเป็นดีที่สุดครับการ เลี้ยงกุมาร ทองหรือตุ๊กตาทองนั้นเป็นเหมือนสัญญาผูกพันระหว่างจิตของผู้เลี้ยง และวิ ญญานของกุมารทอง โดยผ่านทางกายเนื้อของเราไปสู่สังขาร หรือรูปปั้นองค์ตุ๊กตาทอง, กุมารทองนั้นเอง จงอย่าได้มโนภาพหรือสร้างภาพไปเอง ให้เราตั้งใจบูชาที่รูปปั้นนั้น เวลาภาวนาขออะไรก็ให้มโนภาพถึงรูปปั้นนั้น ถ้าเค้าจะแสดงตนในลักษณะไหนเราก็จะเห็นได้เองในเวลาต่อมา การถวายอาหารก็ต้องถามตัวเองก่อนว่ามีเวลา และมีกำลังมากเพียงไหน หากสามารถทำได้แค่อาทิตย์ละหนึ่งครั้ง ก็ต้องจุดธูปบอกกล่าวให้ดีว่า จะไหว้ทุกวันอะไร และจะต้องทำให้ได้ตามนั้น โดยอาหารจะมากจะน้อยนั้นก็ขอให้ศรัทธาและให้จากใจ เค้าจะได้รับในสิ่งที่เราถวายแน่นอน สำหรับเรื่องที่ว่าจะพากุมารไปไหนต่อไหนนั้น ทำได้เช่นกัน ก็ด้วยใจเรานี่แหล่ะ สิ่งที่อยากจะเน้นคือว่า อย่ามโนภาพเพ้อฝันไปเองว่าเค้านั่งทำอะไรอยู่ตรงตรงนี้ ตรงนั้น ตรงไหน ตัวอย่างเช่นเรานั่งกินข้าว แต่จิตเรากลับคิดไปว่าเค้านั่งอยู่ข้าง ๆ เรานี่แหล่ะเค้าตักคำ เราตักคำนึง��หรือว่า ขับรถไปเที่ยว ก็มโนภาพไปว่าเค้านั่งข้าง ๆ เรานี่แหล่ะ นั่งฟังเพลงเพลนเชียว (ทั้งที่จริงแล้วเค้าอาจจะเหาะอยู่บนหลังคาก็ได้) อะไรแบบนี้นั้นเค้าเรียกว่ามโนภาพไปเองคิดเองเออเอง (ภาษาชาวบ้านเรียกว่า"บ้า") สิ่งที่ถูกต้องคือให้คิด อยู่ในใจว่าเนี่ยเราเดินออกจากบ้าน เค้าก็ตามเรามานะแต่เค้าอยู่ตรงไหนเราไม่รู้หรอก แต่เรามั่นใจว่าเค้าตามเรามา��เราจะกินข้าว เราก็เรียกเค้ากินนะ เค้ากินหรือไม่กินเราไม่รู้หรอก แต่เราต้องเรียกเค้ากิน เราไปในร้านอาหารที่มีศาลเจ้าที่อยู่หน้าร้าน เราไม่รู้หรอกว่าเค้าเข้ามากับเราได้หรือไม่ได้ แต่เราก็ต้องยกมือไหว้บอกศาลเจ้าที่นั้นนะ ว่าขออนุญาติพากุมารทองเข้าไปด้วยนะครับ/คะ��เป็นต้น เรื่องนี้แบ่งแยกชัดเจนระหว่าง "มโนภาพ และ ความเชื่อมั่น" การ มโนภาพ คือการสร้างภาพขึ้นในจิต คิดไปเองสร้างรูปไปเอง (ทั้งที่ความจริงแล้วมันอาจไม่เป็นอย่างนั้น) แต่ ความเชื่อนั้นคือความยึดมั่นถือมั่นในสิ่งที่เราบูชา จะเกิดเป็นสัญญาเป็นความศักดิ์สิทธิ์ขึ้นได้ในเวลาต่อมา สาเหตุที่อยากให้แบ่งแยกระหว่างมโนภาพและความเชื่อมั่น ออกจากกันเพราะว่า มโนภาพจะก่อให้เกิดความระแวงสงสัย "เอ นั่งอยู่ตรงนี้หรือเปล่าหว่า" "เอ .. เดินตามเรามาแน่หรือเปล่าหว่า" อะไรทำนองนี้ แต่ความเชื่อมั่นจะทำให้เราคิดแบบสบาย ๆ ใจว่า "อืม เค้าดูแลเรานะ" "อืม .. เราเชื่อนะว่าเค้าตามเรามา" อย่างนี้เป็นต้น แต่ สิ่งที่สำคัญมากคือ เราต้องระลึกเสมอว่า เราชวนเค้ามาด้วย จะทำอะไรก็ต้องนึกถึงเค้าด้วยเช่นกัน ต้องบอกต้องกล่าวตลอดเวลา ขึ้นรถลงเรือ ก็ต้องบอกต้องเรียก เค้าจะตามหรือไม่ตาม จะอะไรก็แล้วแต่อย่าสงสัย ให้เชื่ออยู่ในใจว่าเราต้องทำเท่านั้นก็พอ และ จงอย่าหมดศรัทธา หากว่าเราเดินไปแล้วตกท่อ ก็อย่านึกโทษเค้าว่า เค้าไม่ช่วยเรา นั่นเป็นเพราะว่า เรื่องบางเรื่อง ก็ไม่จำเป็นต้องช่วยเสมอไป หกล้ม หัวคะมำ ก็ทำกันไป อย่าถือโทษโกรธกุมารทองเด็ดขาด เรื่องบางเรื่องเค้าก็ช่วยไม่ได้ แต่ผ่อนหนักให้เป็นเบาได้ครับเรื่องการนำเข้าบ้าน และการตั้งหิ้งบูชาไม่ขอเอ่ยถึงนะครับ เพราะว่าในเว๊ปนี้ทำไว้ละเอียดดีมาก ๆ แล้วครับทีนี้ มาพูดถึง เรื่องการจุดธูปจุดเทียนบูชา ตามตำราโบราณแน่นอนว่า เทียนสองเล่ม จุดขวามือของกุมารก่อน แล้วค่อยจุดเล่มซ้าย ส่วนเรื่องธูปนั้นหลากหลายตำรามาก ๆ บางสำนักว่าบูชา 2 บางสำนักว่าบูชา 3 บางสำนักว่าบูชา 5 บางสำนักว่าบูชา 6 บางสำนักว่าบูชา 9 ก็มี เพราะฉะนั้นเราอย่าไปกังวลสงสัย ให้ยึดกฎใดกฎหนึ่งใช้กับตัวเองไปเลย เช่นว่า ถ้าไหว้ธรรมดา ฉันจะจุด 2 ดอก ถ้าจะบนบาน ฉันจะจุด 5 ดอก เป็นต้น แล้วก็ทำเป็นกิจวัตรไปซะ อย่าลังเลสงสัย เพราะความลังเลสงสัยนั่นแหล่ะ จะทำให้เราส่งไปไม่ถึงเค้า เรื่องคาถาบูชากุมาร ให้ยึดเอาตามสำนักที่เราบูชามา จะมีใบแนบบอกอยู่แล้ว แต่ สำหรับ คนที่บูชามาจากต่างสำนัก ไม่มีคาถาบูชา ท่านก็ยึดเอาคาถากลางบูชาได้เลย คือ "เอหิกุมารโร เอหิกุมารี เอหิรัก-ยม เอหิพรายทอง ปิยังมะมะ ปุตตังวะชายะติ เจ้ารักยม กุมารทอง กุมารี ลูกกรอกเอ๋ย จงมา จงมา เอหิมะมะ" ใช้ในการเรียกกินข้าว เรียกไปนอกบ้าน เรียกไปนู่นไปนี่ ใช้รวมได้หมดทุกประเภท หรือประเภทไหนที่เราไม่ได้เลี้ยงก็ตัดออกไปจากบทคาถาได้ ไม่ผิดครับ ใช้ได้หมด อยู่ที่ใจเราเป็นสำคัญ อย่ากังวล อย่าคิดมากครับ ส่วนในเรื่องคาถาปลุกเสกนั้น ก็สวดบทอานิสงฆ์ทั่วไปนี่แหล่ะ สวดมนต์ไหว้พระทำได้หมด แต่ก่อนสวดให้เอื้อนเอ่ยว่าจาก่อนว่า "ขอให้อานิสงฆ์ และอานุภาพของการสวดเจริญพระพุทธมนต์เหล่านี้ จงบังเกิดแก่ข้าพเจ้าและกุมารทอง เจ้ารักเจ้ายม กุมารี พรายทอง ที่ข้าพเจ้าบูชานี้ทั้งหมดทั้งสิ้นเถิด" เท่านี้เค้าก็จะได้อานิสงฆ์ไปกับเราแล้วครับ บางคนเกิดข้อสงสัยว่า ทำไมเวลาสวดมนต์กุมารไม่ชอบฟัง ก็เพราะคุณไม่ได้ชักนำเค้าตั้งแต่ก่อนสวด เค้าก็ไม่ได้รับอานิสงฆ์ไม่เกิดศรัทธา และไม่เกิดอิทธิฤทธิ์ครับ ( แต่ให้ยกเว้นบางบทที่เป็นการสวดไล่วิญญาน หรือการบูชาเทพที่เค้าเกรงกลัว เช่น ท้าวเวสสุวัณ พยายม เหล่านี้เป็นต้น ถ้าจะสวดให้สวดบทอานิสงฆ์สรรเสริญคุณพระพุทธเจ้าทั่ว ๆ ไปดีที่สุด ) เรื่อง ของการ ติดต่อกับกุมารทอง สิ่งนี้เป็นสิ่งที่เจ้าของหลาย ๆ คนอยาก (หลาย ๆ คนนะครับไม่ใช่ทุกคน) และพยายามทำกันมากเหลือเกิน ขอให้ตั้งสติทำใจให้สบายครับ อย่าไปคิดระแวงสงสัย ภาษาโบราณเค้าเรียกว่า "อย่ากังขา" ให้ เชื่อมั่นศรัทธาไว้เป็นที่ตั้ง ถ้าจะให้แนะนำสำหรับคุณที่อยากติดต่อกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้น ก่อนอื่นต้องสำรวจตัวเองก่อนครับว่า คุณมีศีลบริสุทธิ์แล้วหรือยัง สิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ จะติดต่อกับคนที่มีศีลบริสุทธิ์เท่านั้น (ยกเว้นสำหรับคนที่มีลักษณะพิเศษ เป็นผู้ถูกเลือกมาตั้งแต่เกิด หรือตั้งแต่อดีตชาตินะครับ) เราต้องหมั่นฝึกหมั่นภาวนา หมั่นปฏิบัติธรรม นั่งสมาธิ กรรมฐาน เป็นนิจ จึงจะได้ความสามารถพิเศษเหล่านี้ โดยปกติแล้วกุมารทองจะมาติดต่อกับเราด้วยอาการหลาย ๆ อย่างเช่น การเข้าฝัน หรือผ่านทางอายตนะทั้ง 6 คือ ตา หู จมูก ลิ้น กาย ใจ มาอย่างไรนั้นจะยกตัวอย่างคร่าว ๆ ดังนี้ 1. มาเข้าฝันคงไม่ต้องบอก น่าจะทราบดี แต่ฝันนี้ต้องดูด้วยนะครับ ส่วนใหญ่ที่เชื่อถือได้คือฝันตอนกลางคืนนะครับ ฝันกลางวันนั้นท่านว่า กินมาก อิ่มมาก ก็จินตนาการกันไปเอง 2. ตา - คือการมองเห็น อาจเป็นออร่า หรือเป็นแสงพุ่งไปมา หรือเป็นเงา หรือกระทั้ง เป็นตัวเป็นตน อันนี้ก็ว่ากันไป��3. หู - คือการได้ยิน อาจมีเสียงกระซิบ หรือเสียงก้องกังวาลตอนที่เราจิตตก ก็เป็นไปได้ 4. จมูก - คือการได้กลิ่น ส่วนมากจะเป็นกลิ่นมวลสาร หรือกลิ่นธูป กลิ่นดอกไม้ ถ้าทางไหนไม่ดีก็จะเป็นกลิ่นเหม็นเน่า บอกให้เรารู้ว่า ทางนี้อย่าเดินเป็นต้น 5.��ลิ้น - คือการสัมผัสอาหาร อันนี้สำหรับคนที่จิตผูกกับกุมารเป็นสัญญาแน่นเหนียวว่า "กินก็กินด้วยกัน" เพราะฉะนั้น อาหารบางอย่างที่เค้าไม่ชอบกิน เราก็อาจจะอาเจียนได้ไม่รู้ตัว ��6. กาย - เรื่องนี้ง่ายมาก คือการสัมผัส การสัมผัสจากวิญญานจะเป็นกึ่งร้อนกึ่งเย็น เราจะทราบได้เอง เมื่อมีประสบการณ์นี้ อาจจะเป็นการจี้เอว แตะบ่า หรือรู้สึกหนัก ๆ อึ้ง ๆ บนบ่า หรือคอ นั่นก็ทำความเข้าใจได้ง่าย ๆ นะครับ คงไม่ต้องให้บอก 7. ใจ - นี่สิสำคัญ ใจเรานี่แหล่ะ ก็อย่างที่อธิบายไปแล้ว ในเรื่องของมโนภาพ และความเชื่อมั่น ก็ของให้ใช้ใจไปในทางที่ถูกต้อง แล้วอายตนะอื่น ๆ ก็จะสื่อได้เองครับ�� แนะนำ การเข้าฌาน เบื้องต้น บอกกล่าวกุมารก่อนว่า เราอยากพูดคุยกับเค้าให้เค้ามาหาเราเป็นนิมิตด้วยเถิด แล้วให้กำหนดลมหายใจ เข้าออกลึก ๆ 5 นาที โดยหายใจเข้า 2 วิ หายใจออก 3 วิ ทำไปเรื่อย ๆ อาจเกิดอาการชาหรือมึนหัวเล็กน้อย หลังจากครบ 5 นาทีก็ให้กำหนดสภาวะทน ให้ผ่านพ้นอาการชา หน้ามืด มึนหัวเหล่านั้นไป แล้วจิตจะเป็นสมาธิเอง ทำใจให้สบาย อย่าไปผูกติดกับเรื่องที่จะเจอเค้า ให้ปล่อยไปตามธรรมชาติ เมื่อจิตหยั่งถึงสมาธิเมื่อไหร่ ปาฏิหารย์จะเกิดขึ้นเองครับ
มารวย de-sel@hotmail.com 101.51.0.58	ความคิดเห็นที่ 13 22/08/2011 , 21:55 Quote วันนี้ผมพื่งไปมาครับ กุมารทองดำ เหลืออยู่ประมาณ 50-60 องค์เห็นจะได้ และยังมี จระเข้ จิ้งจก บูชาอย่างละ 200 บาทครับ เอาเงินใส่ตู้เลย มาจากกำแพงแสน ตรงมาที่ตลาดสวนแตง เข้าตามป้ายที่เขียนว่าบ้านดอนคา แล้วมองตามป้ายงานปิดทองฝังลูกนิมิตเลยครับ ลืมไป ประตูทางเข้าวัดจะปิดอยู่ตลอดต้องเปิดเองปิดเองด้วยครับ หลวงพ่ออยู่ที่ศาลา หมาแมวเต็มครับตอนนี้หลวงพ่อกำลังยุ่งอยู่เลยเรื่องเตรียมงานที่วัด ของเขาแรงจริงๆครับ กุมารทองดำ วันนี้ผมพื่งไปมาครับ กุมารทองดำ เหลืออยู่ประมาณ 50-60 องค์เห็นจะได้ และยังมี จระเข้ จิ้งจก บูชาอย่างละ 200 บาทครับ เอาเงินใส่ตู้เลย มาจากกำแพงแสน ตรงมาที่ตลาดสวนแตง เข้าตามป้ายที่เขียนว่าบ้านดอนคา แล้วมองตามป้ายงานปิดทองฝังลูกนิมิตเลยครับ ลืมไป ประตูทางเข้าวัดจะปิดอยู่ตลอดต้องเปิดเองปิดเองด้วยครับ หลวงพ่ออยู่ที่ศาลา หมาแมวเต็มครับตอนนี้หลวงพ่อกำลังยุ่งอยู่เลยเรื่องเตรียมงานที่วัด ของเขาแรงจริงๆครับ กุมารทองดำ
กุมารทอง 115.67.23.51	ความคิดเห็นที่ 14 23/08/2011 , 05:31 Quote ของหลวงตาค่าเช่าไม่แพง แต่แรงครับ ของหลวงตาค่าเช่าไม่แพง แต่แรงครับ
ไก่ 58.11.163.14	ความคิดเห็นที่ 15 23/08/2011 , 09:06 Quote คุณ มารวย คร้า ที่วัดหลวงตาช้วนนี้ มีกุมารกี่แบบคะ (ขอข้อมูลเท่าที่ไปเห็นมาก็ได้คร้า) แล้วค่าเช่าบูชาเท่าไร รบกวนขอดูรูปด้วยน้าคร้า อยากเห็นน้องทองดำ (โอ อยากได้อีกแร้วเรา ) คุณ มารวย คร้า ที่วัดหลวงตาช้วนนี้ มีกุมารกี่แบบคะ (ขอข้อมูลเท่าที่ไปเห็นมาก็ได้คร้า) แล้วค่าเช่าบูชาเท่าไร รบกวนขอดูรูปด้วยน้าคร้า อยากเห็นน้องทองดำ (โอ อยากได้อีกแร้วเรา )
มารวย de-sel@hotmail.com 101.51.1.14	ความคิดเห็นที่ 16 23/08/2011 , 09:38 Quote องค์ละ200 ครับ องค์เล็กครับ เล็กกว่านิ้วก้อยเราอีกครับ หลวงพ่อเขาจะห่อด้วยผ้ายันต์แดง ผมถามหลวงพ่อว่าห่อทำไมหลวงพ่อท่านบอกว่ากลัวกุมารหนีเที่ยวครับ ไม่รู้จริงป่าวหลวงพ่อว่างั้น ที่วัดมีแบบเดียวครับ ท่านว่าสร้างประมาณ 10000 ตน ตอนนี้เหลือประมาณ50-60 ได้ครับเท่าที่เห็น องค์ละ200 ครับ องค์เล็กครับ เล็กกว่านิ้วก้อยเราอีกครับ หลวงพ่อเขาจะห่อด้วยผ้ายันต์แดง ผมถามหลวงพ่อว่าห่อทำไมหลวงพ่อท่านบอกว่ากลัวกุมารหนีเที่ยวครับ ไม่รู้จริงป่าวหลวงพ่อว่างั้น ที่วัดมีแบบเดียวครับ ท่านว่าสร้างประมาณ 10000 ตน ตอนนี้เหลือประมาณ50-60 ได้ครับเท่าที่เห็น
จ๊ะ ทิง จา 118.173.248.15	ความคิดเห็นที่ 17 23/08/2011 , 09:58 Quote วันพุธ มิทราบว่าจะไปเช่าได้หรือเปล่าหนะครับ...เพราะเห็นเขาบอกว่า วันพุธเป็นวันไม่ค่อยดี แต่ถ้าไปช้าก็กลัวจะหมด... วันพุธ มิทราบว่าจะไปเช่าได้หรือเปล่าหนะครับ...เพราะเห็นเขาบอกว่า วันพุธเป็นวันไม่ค่อยดี แต่ถ้าไปช้าก็กลัวจะหมด...
กุมารทอง 202.91.18.195	ความคิดเห็นที่ 18 23/08/2011 , 11:10 Quote หลวงตาช้วน ลงในหนังสือ พุทธา มหาเวท ฉบับที่ 75 สิงหาคม หน้าปก สมบัติ เมทะนี ลองหาอ่านดูครับ อยู่หน้าที่ 2 พอดีครับ หลวงตาช้วน ลงในหนังสือ พุทธา มหาเวท ฉบับที่ 75 สิงหาคม หน้าปก สมบัติ เมทะนี ลองหาอ่านดูครับ อยู่หน้าที่ 2 พอดีครับ
ไก่ 58.9.189.72	ความคิดเห็นที่ 19 23/08/2011 , 15:14 Quote คุณมารวย โพสรูปหน่อยคร้า คุณมารวย โพสรูปหน่อยคร้า
มารวย de-sel@hotmail.com 101.51.1.14	ความคิดเห็นที่ 20 23/08/2011 , 16:21 Quote เย็นนี้เอารูปมาให้ดูครับ เย็นนี้เอารูปมาให้ดูครับ