สำหรับคนที่คิดจะเกรียน
การที่คุณพูดหรือเขียนนั้นหากคลื่นความคิดแรงจนทะลักรั้วกั้น หลุดจากสมองไปกระทบผู้อื่น ไม่ว่าจะทางภาษาพูดหรือภาษาเขียน ทำให้
เขาเกิดความเข้าใจว่าคุณคิดอย่างไร ตรงนั้น จัดว่าเป็นวจีกรรมได้หมด พูดง่ายๆ “ภาษา” นั่นเองคือเครื่องมือก่อวจีกรรมของมนุษย์
ฉะนั้นคุณจะแอบเขียนอะไรทางอินเตอร์เน็ตโดยใช้นามแฝงเฉพาะกิจ ไม่มีใครอื่นรู้เห็น ไม่มีใครรู้จักเลยแม้เพียงครั้งเดียวก็นับว่า
สร้างวจีกรรมไปแล้วหนึ่งครั้ง และกรรมก็จะติดตามคุณเป็นเงาตามตัว ไม่ผิดต่างไปจากกรรมอื่นๆ ที่กระทำโดยเปิดเผยหน้าตาตัวตน
เจตนาเกิดขึ้นที่จิตของคุณ กรรมก็เกิดที่จิตของคุณเช่นกัน เพราะกรรมคือเจตนา เจตนาคือกรรม บุคคลจำพวกนี้ได้เห็นพัฒนาการหรือความ
เสื่อมทรามทางจิตใจในเวลาต่อมา เป็นไปตามวิธีเขียนให้ดีให้ร้ายแก่ผู้อื่น
ผู้ก่อความวุ่นวาย นานไปย่อมมีจิตใจที่วุ่นวาย บั่นบ่วนเหมือนพายุ และแสดงแนวโน้มที่จะฟุ้งซ่านแส่ส่ายไปในเรื่องเหลวไหล
พูดจาจับต้นชนปลายไม่ติดมากขึ้นเรื่อยๆ จนถึงอาจจะเข้ากับคนอื่นไม่ได้เลย บอกได้เลยว่า วจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกอินเตอร์
เน็ตนั้น อาจให้ผลเร็วและแรงเสียยิ่งกว่าวจีกรรมที่เกิดขึ้นในโลกความเป็นจริงเสียอีก
บนอินเตอร์เน็ตอาจมีผู้รับคำพูดของคุณจำนวนมาก ขอให้ลองนึกดู หากคุณพูดเบาๆ ว่า “ไอ้โง่” ก็อาจมีคุณคนเดียวในโลกที่ได้ยิน
เสียงอกุศลของตัวเอง แต่ถ้าคุณพิมพ์คำว่า “ไอ้โง่” ลงในกระทู้ของเว็บบอร์ดที่มีผู้เข้าเยี่ยมชมคับคั่ง คุณไม่มีทางปรับให้ดังหรือเบาได้ตาม
ใจชอบได้เลย คุณทำอกุศลกรรมกับคนแบบไม่เลือกหน้าเข้าแล้ว คำด่านั้นอาจทำให้คนนับพันนับหมื่นเกิดความแสลงใจ ความแสลงใจของ
คนนับไม่ถ้วนนั่นแหละ จะย้อนกลับมาก่อนเหตุให้คุณแสลงใจยิ่งกว่าพวกเขาได้
เห็นแล้วนึกเสียดาย หลายคนยังเป็นเด็ก และมีความสนุกที่จะขีดเขียนข้อความฝากไว้ในอินเตอร์เน็ตด้วยความคึกคะนอง บางทีไม่รู้ตัวเลยว่าเอาอนาคตมาทิ้งเสียด้วยการสนทนาแบบไร้หน้าไร้เสียงนี่เอง