ช่วยดูกุมารทองให้ทีครับ [Engine by iGetWeb.com]

ช่วยดูกุมารทองให้ทีครับ

(อ่าน 1317/ ตอบ 6)

คนผ่านมา 125.24.73.88	หัวข้อ :ช่วยดูกุมารทองให้ทีครับ 03/09/2011 , 18:31 Quote Tweet
คนผ่านมา 125.24.73.88	ความคิดเห็นที่ 1 03/09/2011 , 18:33 Quote 2องค์นี้เป็นกุมารทองจากที่ไหน ใครสร้าง และมีชื่อว่าอะไร และแท้หรือป่าว 2องค์นี้เป็นกุมารทองจากที่ไหน ใครสร้าง และมีชื่อว่าอะไร และแท้หรือป่าว
กุมารทอง 115.67.73.232	ความคิดเห็นที่ 2 03/09/2011 , 18:46 Quote กุมารทองกวักทรัพย์ หรือครับ 2 องค์นี้เก่ามากน่ะครับ ดูจากรูปภาพน่าจะหลายสิบปีแล้วน่ะครับ ไม่ทราบพระท่านใดที่สร้างและปีที่สร้างเหมือนกัน แต่กุมารทองเก่าแบบนี้ ของแท้ครับ หายาก เลี้ยงเอาไว้ดีๆน่ะครับ จะมีคุณครับ กุมารทองกวักทรัพย์ หรือครับ 2 องค์นี้เก่ามากน่ะครับ ดูจากรูปภาพน่าจะหลายสิบปีแล้วน่ะครับ ไม่ทราบพระท่านใดที่สร้างและปีที่สร้างเหมือนกัน แต่กุมารทองเก่าแบบนี้ ของแท้ครับ หายาก เลี้ยงเอาไว้ดีๆน่ะครับ จะมีคุณครับ
น้อย 1.47.136.207	ความคิดเห็นที่ 3 03/09/2011 , 22:21 Quote ชอบองค์สีดำ.... ชอบองค์สีดำ....
เอก เฮียเครียด somnuek_sunboy@hotmail.com 58.9.81.172	ความคิดเห็นที่ 4 04/09/2011 , 16:57 Quote องค์ดำเป็นของอ.อภิชาติ ชินะโชติ ลูกศิษต์หลวงพ่อเต๋ องค์ที่มีผ้าสามสีนั้นของหลวงพ่อเต๋ กุมารททองอ.อภิชาติ ชินะโชติของคุณเองหรือเปล่าครับอย่างได้อย่างแรง เพราะของท่านแรกจริง องค์ดำเป็นของอ.อภิชาติ ชินะโชติ ลูกศิษต์หลวงพ่อเต๋ องค์ที่มีผ้าสามสีนั้นของหลวงพ่อเต๋ กุมารททองอ.อภิชาติ ชินะโชติของคุณเองหรือเปล่าครับอย่างได้อย่างแรง เพราะของท่านแรกจริง
กุมารทอง 1.46.210.32	ความคิดเห็นที่ 5 04/09/2011 , 19:18 Quote กุมารทอง เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ของไทยเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ที่มาของกุมารทองมาจากการเลี้ยงภูติผีปีศาจไว้ใช้งาน โดยกุมารทองจะเป็นวิญญาณของเด็กผู้ชาย หากเป็นวิญญาณผู้หญิงที่คนเลี้ยงไว้จะเรียกว่า "โหงพราย" กุมารทองนั้นแรกเริ่มเดิมทีมาจากวิญญาณของเด็กที่ตายในท้องแม่หรือที่เรียกว่าตายทั้งกลม ผู้มีวิชาอาคมจะไปนำพาวิญญาณเด็กนั้นมาเลี้ยงไว้เป็นลูก จากหลักฐานที่พบในเอกสารโบราณระบุถึงการทำกุมารทองสรุปว่า ต้องหาศพที่ตายทั้งกลม แล้วประกอบพิธีกรรมผ่าเอาศพทารกในท้องนั้นมาย่างไฟให้แห้งสนิทก่อนรุ่งอรุณ แล้วจึงลงรักปิดทองให้ทั่ว ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่ากุมารทอง ต่อมาสภาพสังคมและวัฒนธรรมพัฒนาไปมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถสร้างกุมารทองจากศพทารกจริง ๆ ได้ จึงได้มีการดัดแปลงกรรมวิธีการสร้างกุมารทองขึ้น โดยใช้ดินเจ็ดป่าช้าบ้าง ไม้รักซ้อนหรือไม้มะยมบ้าง ไปจนถึงโลหะ มาสร้างเป็นรูปกุมาร แล้วปลุกเสกตั้งจิต ตั้งธาตุทั้ง 4 และเรียกอาการสามสิบสองให้บังเกิดเป็นจิตวิญญาณของเด็กขึ้นมา กุมารทองปัจจุบันนิยมสร้างเป็นรูปเด็ก ลักษณะเป็นเด็กไว้จุก นุ่งโจงกระเบนอย่างโบราณ กลายเป็นเครื่องรางของขลัง เชื่อกันว่าเสมือนมีวิญญาณเด็กอยู่ในรูปกุมารนั้น ผู้บูชาต้องเลี้ยงดูเหมือนลูกของตน ต้องให้ข้าวน้ำเซ่นสรวงและต้องเรียกให้กินข้าวด้วย กล่าวกันว่าหากปฏิบัติดูแลดีกุมารทองก็จะช่วยค้ำคูณ อาทิ ช่วยคุ้มครองป้องกันเจ้าของและครอบครัวจากสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ช่วยให้ทำมาค้าขึ้น ไปจนถึงเตือนภัยล่วงหน้าอีกด้วย และจะคอยติดตามเฝ้าระวังบ้านเรือนจากโจรผู้ร้ายและศัตรูไม่ให้มากล้ำกราย ปัจจุบันผู้บูชานิยมไหว้ด้วยน้ำแดง เรื่องราวของกุมารทองถูกกล่าวถึงใน วรรณคดีไทย เช่น ขุนช้างขุนแผน บ้างก็นับลูกกรอก เป็นกุมารทองด้วย เครื่องรางอีกประเภทหนึ่งที่คล้ายกันคือรักยม ทั้งกุมารทองและรักยมปัจจุบันยังมีผู้นิยมบูชากันอยู่ไม่น้อยในสังคมไทย อีกหนึ่งกุมารทองเข้มขลังของวัดสามง่าม อาจารย์หมอท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนโบราณและด้านวิชาอาคม ท่านได้ศึกษากับครูบาอาจารย์หลายท่านเช่นหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อเต๋ คงทอง สายหลวงพ่อเดิม หลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อคูณฯลฯ เริ่มสร้างปี�2532-2535�� ท่านได้สร้างกมารทองตามตำหรับหลวงพ่อเต๋ ใต้ฐานบรรจุผงวางนอนปลุกจนลุกขึ้น แล้วนิมนต์พระมาแสดงธรรมเทศนาบท "ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร"ให้กุมารฟัง สร้าง 210 องค์ เนื้อหาส่วนผสมมีส่วนผสมทองคำค่อนข้างมากท่านอาจารย์จึงรมดำไว้ทุกองค์ องค์นี้ชื่อ อธิสิน เบอร์ 103 อาจารย์เกิดเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2479 ที่เขตพระนคร เป็นบุตรของพันโทสุรจักร กับนางพึงใจ ชินะโชติมีพี่น้องร่วมมารดา 10 คนท่านอาจารย์จบการศึกษาจากโรงเรียนทวีธาภิเศก และโรงเรียนพาณิชยการธนบุรี หน้าที่การงานท่านรับราชการที่กรมสวัสดิการทหารบก และ ย้ายมาทำงานที่สำนักงานส่วนพระมหากษัตริย์จนเกษียนอายุท่านอาจารย์เป็นผู้มีอัธยาศัยดีงามสุภาพ ไม่ถือเนื้อถือตัว โอบอ้อมอารีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีคุณธรรม มีความรู้หลายด้านทั้งด้านแพทย์แผนโบราณ การดนตรีการละคร และวิชาอาคม วันที่ 14 เมษายน 2549ท่านอาจารย์จากไปด้วยอาการสงบ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน กุมารทอง เป็นความเชื่อทางไสยศาสตร์ของไทยเกี่ยวกับจิตวิญญาณ ที่มาของกุมารทองมาจากการเลี้ยงภูติผีปีศาจไว้ใช้งาน โดยกุมารทองจะเป็นวิญญาณของเด็กผู้ชาย หากเป็นวิญญาณผู้หญิงที่คนเลี้ยงไว้จะเรียกว่า "โหงพราย" กุมารทองนั้นแรกเริ่มเดิมทีมาจากวิญญาณของเด็กที่ตายในท้องแม่หรือที่เรียกว่าตายทั้งกลม ผู้มีวิชาอาคมจะไปนำพาวิญญาณเด็กนั้นมาเลี้ยงไว้เป็นลูก จากหลักฐานที่พบในเอกสารโบราณระบุถึงการทำกุมารทองสรุปว่า ต้องหาศพที่ตายทั้งกลม แล้วประกอบพิธีกรรมผ่าเอาศพทารกในท้องนั้นมาย่างไฟให้แห้งสนิทก่อนรุ่งอรุณ แล้วจึงลงรักปิดทองให้ทั่ว ด้วยเหตุนี้จึงเรียกว่ากุมารทอง ต่อมาสภาพสังคมและวัฒนธรรมพัฒนาไปมากขึ้น ทำให้ไม่สามารถสร้างกุมารทองจากศพทารกจริง ๆ ได้ จึงได้มีการดัดแปลงกรรมวิธีการสร้างกุมารทองขึ้น โดยใช้ดินเจ็ดป่าช้าบ้าง ไม้รักซ้อนหรือไม้มะยมบ้าง ไปจนถึงโลหะ มาสร้างเป็นรูปกุมาร แล้วปลุกเสกตั้งจิต ตั้งธาตุทั้ง 4 และเรียกอาการสามสิบสองให้บังเกิดเป็นจิตวิญญาณของเด็กขึ้นมา กุมารทองปัจจุบันนิยมสร้างเป็นรูปเด็ก ลักษณะเป็นเด็กไว้จุก นุ่งโจงกระเบนอย่างโบราณ กลายเป็นเครื่องรางของขลัง เชื่อกันว่าเสมือนมีวิญญาณเด็กอยู่ในรูปกุมารนั้น ผู้บูชาต้องเลี้ยงดูเหมือนลูกของตน ต้องให้ข้าวน้ำเซ่นสรวงและต้องเรียกให้กินข้าวด้วย กล่าวกันว่าหากปฏิบัติดูแลดีกุมารทองก็จะช่วยค้ำคูณ อาทิ ช่วยคุ้มครองป้องกันเจ้าของและครอบครัวจากสิ่งไม่ดีทั้งหลาย ช่วยให้ทำมาค้าขึ้น ไปจนถึงเตือนภัยล่วงหน้าอีกด้วย และจะคอยติดตามเฝ้าระวังบ้านเรือนจากโจรผู้ร้ายและศัตรูไม่ให้มากล้ำกราย ปัจจุบันผู้บูชานิยมไหว้ด้วยน้ำแดง เรื่องราวของกุมารทองถูกกล่าวถึงใน วรรณคดีไทย เช่น ขุนช้างขุนแผน บ้างก็นับลูกกรอก เป็นกุมารทองด้วย เครื่องรางอีกประเภทหนึ่งที่คล้ายกันคือรักยม ทั้งกุมารทองและรักยมปัจจุบันยังมีผู้นิยมบูชากันอยู่ไม่น้อยในสังคมไทย อีกหนึ่งกุมารทองเข้มขลังของวัดสามง่าม อาจารย์หมอท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนโบราณและด้านวิชาอาคม ท่านได้ศึกษากับครูบาอาจารย์หลายท่านเช่นหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อเต๋ คงทอง สายหลวงพ่อเดิม หลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อคูณฯลฯ เริ่มสร้างปี�2532-2535�� ท่านได้สร้างกมารทองตามตำหรับหลวงพ่อเต๋ ใต้ฐานบรรจุผงวางนอนปลุกจนลุกขึ้น แล้วนิมนต์พระมาแสดงธรรมเทศนาบท "ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร"ให้กุมารฟัง สร้าง 210 องค์ เนื้อหาส่วนผสมมีส่วนผสมทองคำค่อนข้างมากท่านอาจารย์จึงรมดำไว้ทุกองค์ องค์นี้ชื่อ อธิสิน เบอร์ 103 อาจารย์เกิดเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2479 ที่เขตพระนคร เป็นบุตรของพันโทสุรจักร กับนางพึงใจ ชินะโชติมีพี่น้องร่วมมารดา 10 คนท่านอาจารย์จบการศึกษาจากโรงเรียนทวีธาภิเศก และโรงเรียนพาณิชยการธนบุรี หน้าที่การงานท่านรับราชการที่กรมสวัสดิการทหารบก และ ย้ายมาทำงานที่สำนักงานส่วนพระมหากษัตริย์จนเกษียนอายุท่านอาจารย์เป็นผู้มีอัธยาศัยดีงามสุภาพ ไม่ถือเนื้อถือตัว โอบอ้อมอารีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีคุณธรรม มีความรู้หลายด้านทั้งด้านแพทย์แผนโบราณ การดนตรีการละคร และวิชาอาคม วันที่ 14 เมษายน 2549ท่านอาจารย์จากไปด้วยอาการสงบ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน
กุมารทอง 1.46.210.32	ความคิดเห็นที่ 6 04/09/2011 , 19:32 Quote ประวัติอาจารย์ครับ โทษทีลงผิด กุมารทองเข้มขลังของวัดสามง่าม อาจารย์หมอท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนโบราณและด้านวิชาอาคม ท่านได้ศึกษากับครูบาอาจารย์หลายท่านเช่นหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อเต๋ คงทอง สายหลวงพ่อเดิม หลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อคูณฯลฯ เริ่มสร้างปี�2532-2535�� ท่านได้สร้างกมารทองตามตำหรับหลวงพ่อเต๋ ใต้ฐานบรรจุผงวางนอนปลุกจนลุกขึ้น แล้วนิมนต์พระมาแสดงธรรมเทศนาบท "ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร"ให้กุมารฟัง สร้าง 210 องค์ เนื้อหาส่วนผสมมีส่วนผสมทองคำค่อนข้างมากท่านอาจารย์จึงรมดำไว้ทุกองค์ องค์นี้ชื่อ อธิสิน เบอร์ 103 อาจารย์เกิดเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2479 ที่เขตพระนคร เป็นบุตรของพันโทสุรจักร กับนางพึงใจ ชินะโชติมีพี่น้องร่วมมารดา 10 คนท่านอาจารย์จบการศึกษาจากโรงเรียนทวีธาภิเศก และโรงเรียนพาณิชยการธนบุรี หน้าที่การงานท่านรับราชการที่กรมสวัสดิการทหารบก และ ย้ายมาทำงานที่สำนักงานส่วนพระมหากษัตริย์จนเกษียนอายุท่านอาจารย์เป็นผู้มีอัธยาศัยดีงามสุภาพ ไม่ถือเนื้อถือตัว โอบอ้อมอารีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีคุณธรรม มีความรู้หลายด้านทั้งด้านแพทย์แผนโบราณ การดนตรีการละคร และวิชาอาคม วันที่ 14 เมษายน 2549ท่านอาจารย์จากไปด้วยอาการสงบ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน ประวัติอาจารย์ครับ โทษทีลงผิด กุมารทองเข้มขลังของวัดสามง่าม อาจารย์หมอท่านเป็นผู้เชี่ยวชาญแพทย์แผนโบราณและด้านวิชาอาคม ท่านได้ศึกษากับครูบาอาจารย์หลายท่านเช่นหลวงพ่อแช่ม วัดตาก้อง หลวงพ่อเต๋ คงทอง สายหลวงพ่อเดิม หลวงพ่อมุ่ย หลวงพ่อคูณฯลฯ เริ่มสร้างปี�2532-2535�� ท่านได้สร้างกมารทองตามตำหรับหลวงพ่อเต๋ ใต้ฐานบรรจุผงวางนอนปลุกจนลุกขึ้น แล้วนิมนต์พระมาแสดงธรรมเทศนาบท "ธรรมจักรกัปปวัตนสูตร"ให้กุมารฟัง สร้าง 210 องค์ เนื้อหาส่วนผสมมีส่วนผสมทองคำค่อนข้างมากท่านอาจารย์จึงรมดำไว้ทุกองค์ องค์นี้ชื่อ อธิสิน เบอร์ 103 อาจารย์เกิดเมื่อวันที่ 14 เมษายน 2479 ที่เขตพระนคร เป็นบุตรของพันโทสุรจักร กับนางพึงใจ ชินะโชติมีพี่น้องร่วมมารดา 10 คนท่านอาจารย์จบการศึกษาจากโรงเรียนทวีธาภิเศก และโรงเรียนพาณิชยการธนบุรี หน้าที่การงานท่านรับราชการที่กรมสวัสดิการทหารบก และ ย้ายมาทำงานที่สำนักงานส่วนพระมหากษัตริย์จนเกษียนอายุท่านอาจารย์เป็นผู้มีอัธยาศัยดีงามสุภาพ ไม่ถือเนื้อถือตัว โอบอ้อมอารีเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ มีคุณธรรม มีความรู้หลายด้านทั้งด้านแพทย์แผนโบราณ การดนตรีการละคร และวิชาอาคม วันที่ 14 เมษายน 2549ท่านอาจารย์จากไปด้วยอาการสงบ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของท่าน