บทสวดให้ กุมารทอง เป็นเด็กดี [Engine by iGetWeb.com]

บทสวดให้ กุมารทอง เป็นเด็กดี

(อ่าน 8440/ ตอบ 11)

กุมารทอง 103.1.167.200	หัวข้อ :บทสวดให้ กุมารทอง เป็นเด็กดี 03/09/2011 , 22:40 Quote วิธีเจอกุมารทองวิธีสัมผัสเอาแบบนี้เลย ในยุคสังคมนี้ แล้วไม่ต้องตั้งคำถามว่าเงียบ 1.ทำบุญตักบาตร กรวดน้ำไปหาน้องเขา 2.รักษาศีล��ประพฤติตนให้ดี 3.ดูแลเขาอย่างดี ห้ามละทิ้งละขว้างแม้แต่นิดเดียว สถานที่ตั้งก็ห้ามสกปรก ห้ามเลอะธูปห้ามมีเอกสารกองๆๆเยอะๆๆ ห้ามปะปนกับวัตถุมงคลอื่นอย่างเด็ดขาด เพราะเขาเป็นเครื่องรางสายจิตวิญญาณ 4.ห้ามพาเขาไปไหนโดยไม่จำเป็นเพราะเราไม่ได้จุดธูปบอกเจ้าที่ ณ สถานที่แห่งนั้น เขาอาจจะโดนไล่และหาทางกลับที่ที่เขาอยู่ไม่เจอ 5.ไม่จำเป็นไม่ต้องให้เขาทานอาหารพร้อมเรา เพราะเขายังเด็กสิ่งที่เรารับประทานบางทีอาจเป็นข้อห้ามของกุมารทองหรือของขลังนั้นอาจเสื่อม 6.ห้ามล้อเล่น ล้อเลีอนเขา เพราะอาจเป็นการหลบหลู่ดูถูก ทำให้เครื่องรางเสื่อมลง กุมารก็จะหมดฤทธิ์หรือแม้แต่กล่าวหา ติฉินนินทาอาจารย์ที่ปลุกเสกก็ถือว่าหลบหลู่ 7.เขามีวิบากกรรมที่ต้องเกิดมาอยู่แล้ว อย่าพยายามจะเจอเขาให้ได้เพราะเขาก็ต้องใช้บารมีเราในการหาทางออกตราบใดเรายังคอยพะวงแต่เขาก็ไม่ออกมา 8.ข้อห้ามกาละข้อห้ามทางกาละ .ห้ามผิวปากเวลากลางคืนเชื่อว่าจะโดนคุณไสยที่ล่องลอยอยู่ .ห้ามโพกหัวหรือสวมหมวกในวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่าหัวจะล้าน .ห้ามบ้วนน้ำลายลงโถส้วมเชื่อว่าวาจาจะเสื่อม .ห้ามนั่งบนขั้นบันไดเพราะผีบ้านผีเรือนไม่ชอบ .ห้ามนั่งบนหมอนเชื่อว่าคาถาจะเสื่อม .ห้ามเล่าความฝันในขณะทานข้าวเชื่อว่าแม่โพสพท่านไม่ชอบ .ห้ามเดินข้ามหนังสือเพราะเชื่อว่าจะเรียนไม่จำ .ห้ามนุ่งผ้าเปียกเข้าบ้านเพราะเชื่อว่าผีไม่กลัวและจะทำให้ปวดท้อง .ห้ามหญิงมีครรภ์ทำหน้าบึ้งเวลาจะหลับเชื่อกันว่าลูกออกมาจะไม่สวยไม่หล่อ .ห้ามดมดอกไม้ที่จะนำไปถวายพระเชื่อกันว่าจมูกจะเป็นไซนัสหรือริดสีดวงจมูก และอีก 32 ข้อ อย่าคิดมาก ไม่งั้นสะพานลอยคุณก็ลอดไม่ได้ สถานที่อโคจร ผับ เธคไม่จำเป็นอย่าไปข้อง่าย ๆ เลย ---------------------------------------------------------- คำสอนกุมารทองให้เป็นเด็กดี (โปรดระลึกถึงบารมีพระรัตนตรัยก่อน) (นะโม 3 จบ) กุมาโร กุมารี มะมะ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ ��ลูกกุมารทอง มานิมา ด้วยบารมีแห่งพระรัตนตรัย ขอให้ลูกกุมารทองของพ่อ ที่อยู่กับพ่อ ทุกดวงจิต จงเป็นที่หนึ่งแห่งมหาภูติ มีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่ โดยขอให้ลูกเคารพนับถือ ครูบาอาจารย์เป็นที่ระลึก และจงให้ความเคารพนับถือ พระแม่ธรณีเจ้า ตลอดทั้งเจ้าที่เจ้าทาง ของทุกสถานที่ จงทำตน เป็นผู้นอบน้อม และอ่อนโยน ซึ่งจะทำให้ลูกของพ่อ สามารถไปเที่ยวได้ ในทุกทิศ ไปได้ ในทุกสถานที่ ทุกบ้านทุกเรือน ขอให้ลูกของพ่อจงไปสู่จิตของทุก ๆ คนได้ และท่องเที่ยว ไปด้วยเดช มีฤทธิ์ มีอำนาจ แต่ต้องทำตนเป็นเด็กดี เป็นผู้มีคุณธรรม ด้วยอนุภาพ แห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เมื่อลูกได้ไปท่องเที่ยวแล้ว จงนำโชค นำลาภ นำเงิน นำทอง และสิ่งดีงาม กลับมาเพิ่มให้พ่อของเจ้าด้วยทุก ๆ วัน ด้วยความรักอันดีต่อกัน ขอให้ลูกจงช่วยคุ้มครอง จงช่วยดูแลบ้านเรือน และเฝ้าทรัพย์สินที่เป็นของพ่อให้ด้วย ขอให้ลูกจงเป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อ คุ้มครองพ่อ ช่วยกันทำมาหากิน ช่วยกันค้าขาย ให้เงินทองไหลมาเทมา ไปไหนไปด้วยกัน กลับก็ให้กลับด้วยกัน ไม่ต้องรอเรียก ไม่ต้องรอให้บอก กินให้กินด้วยกัน กินพร้อมกันกับพ่อเลยนะลูก พ่ออนุญาตไว้เลยนะ ขอให้ลูกจงมีความสุข พร้อมด้วยพลังบารมี และด้วยอำนาจแห่งพระรัตนตรัย ขอให้พลังบุญที่พ่อได้กระทำไว้ดีแล้ว และที่จะกระทำต่อไป จงส่งถึงลูกด้วย จะได้เป็นพลังส่งเสริมให้ลูก เป็นผู้ที่มีดวงจิตอันสว่าง เป็นผู้เบิกบาน และเป็นผู้มีบุญบารมีเพื่อสะสมไว้ มุ่งสู่ความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ...สาธุ ------------------------------------------------------- หยิบมาฝากครับ สวดแล้วจะทำให้เป็นกุมารทองที่ดีครับ วิธีเจอกุมารทองวิธีสัมผัสเอาแบบนี้เลย ในยุคสังคมนี้ แล้วไม่ต้องตั้งคำถามว่าเงียบ 1.ทำบุญตักบาตร กรวดน้ำไปหาน้องเขา 2.รักษาศีล��ประพฤติตนให้ดี 3.ดูแลเขาอย่างดี ห้ามละทิ้งละขว้างแม้แต่นิดเดียว สถานที่ตั้งก็ห้ามสกปรก ห้ามเลอะธูปห้ามมีเอกสารกองๆๆเยอะๆๆ ห้ามปะปนกับวัตถุมงคลอื่นอย่างเด็ดขาด เพราะเขาเป็นเครื่องรางสายจิตวิญญาณ 4.ห้ามพาเขาไปไหนโดยไม่จำเป็นเพราะเราไม่ได้จุดธูปบอกเจ้าที่ ณ สถานที่แห่งนั้น เขาอาจจะโดนไล่และหาทางกลับที่ที่เขาอยู่ไม่เจอ 5.ไม่จำเป็นไม่ต้องให้เขาทานอาหารพร้อมเรา เพราะเขายังเด็กสิ่งที่เรารับประทานบางทีอาจเป็นข้อห้ามของกุมารทองหรือของขลังนั้นอาจเสื่อม 6.ห้ามล้อเล่น ล้อเลีอนเขา เพราะอาจเป็นการหลบหลู่ดูถูก ทำให้เครื่องรางเสื่อมลง กุมารก็จะหมดฤทธิ์หรือแม้แต่กล่าวหา ติฉินนินทาอาจารย์ที่ปลุกเสกก็ถือว่าหลบหลู่ 7.เขามีวิบากกรรมที่ต้องเกิดมาอยู่แล้ว อย่าพยายามจะเจอเขาให้ได้เพราะเขาก็ต้องใช้บารมีเราในการหาทางออกตราบใดเรายังคอยพะวงแต่เขาก็ไม่ออกมา 8.ข้อห้ามกาละข้อห้ามทางกาละ .ห้ามผิวปากเวลากลางคืนเชื่อว่าจะโดนคุณไสยที่ล่องลอยอยู่ .ห้ามโพกหัวหรือสวมหมวกในวัดหรือสถานที่ศักดิ์สิทธิ์เชื่อว่าหัวจะล้าน .ห้ามบ้วนน้ำลายลงโถส้วมเชื่อว่าวาจาจะเสื่อม .ห้ามนั่งบนขั้นบันไดเพราะผีบ้านผีเรือนไม่ชอบ .ห้ามนั่งบนหมอนเชื่อว่าคาถาจะเสื่อม .ห้ามเล่าความฝันในขณะทานข้าวเชื่อว่าแม่โพสพท่านไม่ชอบ .ห้ามเดินข้ามหนังสือเพราะเชื่อว่าจะเรียนไม่จำ .ห้ามนุ่งผ้าเปียกเข้าบ้านเพราะเชื่อว่าผีไม่กลัวและจะทำให้ปวดท้อง .ห้ามหญิงมีครรภ์ทำหน้าบึ้งเวลาจะหลับเชื่อกันว่าลูกออกมาจะไม่สวยไม่หล่อ .ห้ามดมดอกไม้ที่จะนำไปถวายพระเชื่อกันว่าจมูกจะเป็นไซนัสหรือริดสีดวงจมูก และอีก 32 ข้อ อย่าคิดมาก ไม่งั้นสะพานลอยคุณก็ลอดไม่ได้ สถานที่อโคจร ผับ เธคไม่จำเป็นอย่าไปข้อง่าย ๆ เลย ---------------------------------------------------------- คำสอนกุมารทองให้เป็นเด็กดี (โปรดระลึกถึงบารมีพระรัตนตรัยก่อน) (นะโม 3 จบ) กุมาโร กุมารี มะมะ เอหิจิตตัง ปิยังมะมะ ��ลูกกุมารทอง มานิมา ด้วยบารมีแห่งพระรัตนตรัย ขอให้ลูกกุมารทองของพ่อ ที่อยู่กับพ่อ ทุกดวงจิต จงเป็นที่หนึ่งแห่งมหาภูติ มีอิทธิฤทธิ์ยิ่งใหญ่ โดยขอให้ลูกเคารพนับถือ ครูบาอาจารย์เป็นที่ระลึก และจงให้ความเคารพนับถือ พระแม่ธรณีเจ้า ตลอดทั้งเจ้าที่เจ้าทาง ของทุกสถานที่ จงทำตน เป็นผู้นอบน้อม และอ่อนโยน ซึ่งจะทำให้ลูกของพ่อ สามารถไปเที่ยวได้ ในทุกทิศ ไปได้ ในทุกสถานที่ ทุกบ้านทุกเรือน ขอให้ลูกของพ่อจงไปสู่จิตของทุก ๆ คนได้ และท่องเที่ยว ไปด้วยเดช มีฤทธิ์ มีอำนาจ แต่ต้องทำตนเป็นเด็กดี เป็นผู้มีคุณธรรม ด้วยอนุภาพ แห่งคุณพระศรีรัตนตรัย และครูบาอาจารย์ทั้งหลาย เมื่อลูกได้ไปท่องเที่ยวแล้ว จงนำโชค นำลาภ นำเงิน นำทอง และสิ่งดีงาม กลับมาเพิ่มให้พ่อของเจ้าด้วยทุก ๆ วัน ด้วยความรักอันดีต่อกัน ขอให้ลูกจงช่วยคุ้มครอง จงช่วยดูแลบ้านเรือน และเฝ้าทรัพย์สินที่เป็นของพ่อให้ด้วย ขอให้ลูกจงเป็นเด็กดี เชื่อฟังพ่อ คุ้มครองพ่อ ช่วยกันทำมาหากิน ช่วยกันค้าขาย ให้เงินทองไหลมาเทมา ไปไหนไปด้วยกัน กลับก็ให้กลับด้วยกัน ไม่ต้องรอเรียก ไม่ต้องรอให้บอก กินให้กินด้วยกัน กินพร้อมกันกับพ่อเลยนะลูก พ่ออนุญาตไว้เลยนะ ขอให้ลูกจงมีความสุข พร้อมด้วยพลังบารมี และด้วยอำนาจแห่งพระรัตนตรัย ขอให้พลังบุญที่พ่อได้กระทำไว้ดีแล้ว และที่จะกระทำต่อไป จงส่งถึงลูกด้วย จะได้เป็นพลังส่งเสริมให้ลูก เป็นผู้ที่มีดวงจิตอันสว่าง เป็นผู้เบิกบาน และเป็นผู้มีบุญบารมีเพื่อสะสมไว้ มุ่งสู่ความเจริญยิ่ง ๆ ขึ้นไป ...สาธุ ------------------------------------------------------- หยิบมาฝากครับ สวดแล้วจะทำให้เป็นกุมารทองที่ดีครับ Tweet
กุมารทอง 103.1.167.200	ความคิดเห็นที่ 1 03/09/2011 , 22:44 Quote ส่วนข้อปฏิบัติด้านบน ผมว่ายังแปลกๆอยู่น่ะครับ บางข้อปฏิบัติได้ บางข้อปฏิบัติไม่ได้ เลยอยากให้พิจารณากันอีกทีครับ ส่วนข้อปฏิบัติด้านบน ผมว่ายังแปลกๆอยู่น่ะครับ บางข้อปฏิบัติได้ บางข้อปฏิบัติไม่ได้ เลยอยากให้พิจารณากันอีกทีครับ
กุมารทอง 103.1.167.199	ความคิดเห็นที่ 2 03/09/2011 , 22:48 Quote กุมารทองเป็นเครื่องลางของขลังประเภทมีจิตวิญญาณ กุมารของล้านนาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเห็นจะเป็นกุมารของหลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จังหวัดเชียงใหม่ กุมารของสามเณรวิเศษณ์ สิงห์คำ และกุมารทองของครูบาหาญ วัดดงลานครับ ส่วนทางฆราวาสเห็นจะมีพ่อหนานสม บ้านต๋ม จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนในจังหวัดแพร่ก็มีหลายท่านครับ จริงๆแล้วสำหรับคติเรื่องกุมารทองในล้านนาไม่มีครับ แต่ได้รับอิทธิพลมาจากทางภาคกลาง กุมารทองล้านนาจึงแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆคือ 1.กุมารทองเทพ กุมารทองเทพเป็นกุมารที่เกิดจากการตั้งธาตุ หนุนธาตุ และบรรจุมวลสารที่เป็นของมงคลล้วนๆ ไม่มีผงผีเจือปน อาจารย์ผู้ทำต้องมีจิตที่แข็งแกร่ง ต้องประสิทธิ์ประสาทอาคมให้ตัวกุมารทองมีพลังมากที่สุด ในนิมิตกุมารทองต้องดิ้นได้ นั่งบนกองเงินกองทอง เป็นต้น สำหรับกุมารประเภทนี้ ไม่มีอันตรายใดๆเพราะเป็นวิญาณสมมติขึ้นมา อาจเซ่นด้วยขนม น้ำหวานตามวาระโอกาส แต่ข้อจำกัดของกุมารทองประเภทนี้คือ บนบานสานกล่าวอาจเห็นผลช้า ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับว่าอาจารย์ผู้ทำกุมารทองประเภทนี้แข็งแกร่งเพียงใด อาจารย์ที่ทำกุมารทองประเภทนี้ได้เก่งที่สุดคือ อาจารย์ฝ่ายพระเกจิที่มีพรรษามากๆ และอาจารย์ที่เป็นหมออาคมสายพุทธคุณครับ และกุมารประเภทนี้ กำลังระบาดอย่างมากในสำนักทรง ถ้าเป็นกุมารปลอมก็จะไม่มีตัวตน เสมือนหุ่นธรรมดา แต่สำนักทรงบางสำนักที่ทำกุมารทองออกมาจริงๆ ในจังหวัดแพร่ที่มีชื่อเสียงได้แก่ กุมารทองสำนักทรงแม่เลี้ยงเย็น และกุมารทองเทพสำนักทรงพ่อหนานพร ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของประสบการณืแก่ศิษย์ในจังหวัดแพร่อย่างมากมาย ครับ 2 . กุมารกึ่งเทพกึ่งพราย กุมารประเภทนี้ คล้ายกับกุมารทองประเภทแรก แต่มวลสารที่ผสมเพิ่มเติมคือผงพรายกุมาร หรือผงอาถรรพ์ต่างๆ เช่นดินเจ็ดป่าช้า กระดูกผี น้ำมันพรายกุมารฯลฯ การทำกุมารประเภทนี้จะอาศัยการเชื้อเชิญเอาจิตวิญาณที่อยู่ในมวลสารอาถรรพ์ เหล่านั้นมาสถิตเพื่อสร้างบุญบารมี แต่จิตที่มาอยู่ในองค์กุมารนั้น ไม่ใช่จิตของผีพรายโดยตรง เป็นเพียงขวัญ(ล้านนาเรีกว่าขวัญ มีความเชื่อว่า วิญาณของมนุษย์เรามี 32 ขวัญ) แบ่งมาสถิตในองค์กุมาร กุมารทองประเภทนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะบูชาง่าย ไม่มีอันตราย เห็นผลเร็ว บางรายถ้าจิตสื่อถึงกันได้ก็สามารถมาบอกเหตุการณ์ต่างๆในฝันได้ ยิ่งไปกว่านั้นบางรายอาจสื่อกันถึงขั้นได้ยินเสียงกะซิบ หรือเห็นเป็นตัวเป็นตนเลยก็มี ความเก่งกล้าของกุมารประเภทนี้ ขึ้นอยู่กับบารมีของอาจารย์ที่ปลุกเสก ต้องทำ้ด้วยใจบริสุทธิ์ และวิญญาณที่มาสิงสถิตย์ต้องเป็นวิญญาณที่พลีมาโดยถูกต้อง ไม่ได้มาในสภาพถูกบังคับ กุมารก็จะขลังมากๆ กุมารทองประเภทนี้ในจังหวัดแพร่ที่ผมรู้จักและเคยบูชามีอาจารย์น้อยโชคชัย บ้านนาแหลมใต้ที่ทำออกมาได้เข้มขลัง และอาจารย์ของท่านอีกท่านหนึ่งคือ ครูบาเจ้าแก้วก็เข้มขลังไม่แพ้กันครับแต่กุมารของท่านยังไม่มีออกให้บูชา ครับ มีแต่ลูกศิษย์หรือคนรู้จักมาขอร้องให้อาจารย์ท่านทำ แต่อาจารย์บอกว่ามวลสารยังไม่ครบตามตำราครับ 3. พรายกุมาร หรือผีพราย กุมารประเภทนี้ หลายๆท่านอ่านแล้วอาจสนใจ กุมารพรายประเภทนี้เป็นกุมารที่เกิดจากการผูกเอาผีเด็กมาใช้งาน ถ้าเป็นผีผู้ใหญ่เรียกว่า ผีพราย ขั้นตอนการทำคร่าวๆ อาจารย์ที่จะทำจะต้องเตรียมสะตง3แจ่ง(เครื่องพลีเลี้ยงผีตายโหงมีลักษณะเป็น กระทงของภาคเหนือ มี 3 มุม ภายในมีเครื่องเซ่นต่างๆ) พร้อมวัสดุที่จะให้กุมารหรือพรายสถิต เช่นขวดน้ำมัน หุ่น เป็นต้น แล้วไปตั้งเครื่องเซ่นที่ป่าช้า หรือทางสามแพร่ง ในกรณีที่จะเอาผีเด็ก ก็ต้องทราบข่าวมาว่าป่าช้าไหนมีศพเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีบ้าง เมื่อพลีเสร็จอาจารย์ก็จะประกอบพิธีกรรมบูชาเจ้าที่ แล้วก็ขอเอาผีพรายมาสิงสถิตในหุ่น หรือน้ำมัน แล้วว่ากล่าวเชื้อเชิญข้อแลกเปลี่ยนตามแต่อาจารย์จะกำหนด เมื่อธูปดับหมดแล้ว ก็พาพรายตนนั้นไปเซ่นเลี้ยงที่บ้าน กุมารพรายประเภทนี้ เป็นกุมารพรายของแท้ 100% บางอาจารย์มักเอาหัวกะโหลกมาเซ่นเลี้ยงเลยก็มี สำหรับข้อดีของกุมารประเภทนี้คือ มีตัวตนจริง สัมผัสได้จริงขึ้นอยู่กับสภาวจิต เห็นผลเร็วไว และสามารถสั่งใช้งานได้ตามใจชอบ ข้อเสียก็คือ กุมารประเภทนี้อันตราย ต้องหมั่นเซ่นเลี้ยงทุกวันพระ และต้องควบคุมให้ดี มิฉะนั้นกุมารจะสร้างความเดือดร้อนให้คนในบ้าน เช่นบ้านที่มีเด็กเล็กไม่ควรเลี้ยงเป็นอันขาด สำหรับกุมารประเภทนี้ ในจังหวัดแพร่มีอาจารย์วัตร สัปเหร่อบ้านถิ่นที่ทำให้บูชาเป็นรายบุคคลไปค่าครูไม่แพง แต่ใช้เวลานาน เพราะไม่ได้ทำได้ใน 1-2 วัน แต่อาจต้องรอเป็นเดือนเลยก็มี กุมารพรายของท่านไม่มีผลเสียกับผู้เซ่นเลี้ยง เพราะท่านกำกับมาแล้วอย่างรอบคอบและเข้มขลังเป็นอย่างดี และอีกท่านหนึ่งก็เห็นจะมี พ่อหนานมี บ้านปงป่าหวายที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้เหมือนกันครับ กุมารทองเป็นเครื่องลางของขลังประเภทมีจิตวิญญาณ กุมารของล้านนาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเห็นจะเป็นกุมารของหลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จังหวัดเชียงใหม่ กุมารของสามเณรวิเศษณ์ สิงห์คำ และกุมารทองของครูบาหาญ วัดดงลานครับ ส่วนทางฆราวาสเห็นจะมีพ่อหนานสม บ้านต๋ม จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนในจังหวัดแพร่ก็มีหลายท่านครับ จริงๆแล้วสำหรับคติเรื่องกุมารทองในล้านนาไม่มีครับ แต่ได้รับอิทธิพลมาจากทางภาคกลาง กุมารทองล้านนาจึงแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆคือ 1.กุมารทองเทพ กุมารทองเทพเป็นกุมารที่เกิดจากการตั้งธาตุ หนุนธาตุ และบรรจุมวลสารที่เป็นของมงคลล้วนๆ ไม่มีผงผีเจือปน อาจารย์ผู้ทำต้องมีจิตที่แข็งแกร่ง ต้องประสิทธิ์ประสาทอาคมให้ตัวกุมารทองมีพลังมากที่สุด ในนิมิตกุมารทองต้องดิ้นได้ นั่งบนกองเงินกองทอง เป็นต้น สำหรับกุมารประเภทนี้ ไม่มีอันตรายใดๆเพราะเป็นวิญาณสมมติขึ้นมา อาจเซ่นด้วยขนม น้ำหวานตามวาระโอกาส แต่ข้อจำกัดของกุมารทองประเภทนี้คือ บนบานสานกล่าวอาจเห็นผลช้า ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับว่าอาจารย์ผู้ทำกุมารทองประเภทนี้แข็งแกร่งเพียงใด อาจารย์ที่ทำกุมารทองประเภทนี้ได้เก่งที่สุดคือ อาจารย์ฝ่ายพระเกจิที่มีพรรษามากๆ และอาจารย์ที่เป็นหมออาคมสายพุทธคุณครับ และกุมารประเภทนี้ กำลังระบาดอย่างมากในสำนักทรง ถ้าเป็นกุมารปลอมก็จะไม่มีตัวตน เสมือนหุ่นธรรมดา แต่สำนักทรงบางสำนักที่ทำกุมารทองออกมาจริงๆ ในจังหวัดแพร่ที่มีชื่อเสียงได้แก่ กุมารทองสำนักทรงแม่เลี้ยงเย็น และกุมารทองเทพสำนักทรงพ่อหนานพร ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของประสบการณืแก่ศิษย์ในจังหวัดแพร่อย่างมากมาย ครับ 2 . กุมารกึ่งเทพกึ่งพราย กุมารประเภทนี้ คล้ายกับกุมารทองประเภทแรก แต่มวลสารที่ผสมเพิ่มเติมคือผงพรายกุมาร หรือผงอาถรรพ์ต่างๆ เช่นดินเจ็ดป่าช้า กระดูกผี น้ำมันพรายกุมารฯลฯ การทำกุมารประเภทนี้จะอาศัยการเชื้อเชิญเอาจิตวิญาณที่อยู่ในมวลสารอาถรรพ์ เหล่านั้นมาสถิตเพื่อสร้างบุญบารมี แต่จิตที่มาอยู่ในองค์กุมารนั้น ไม่ใช่จิตของผีพรายโดยตรง เป็นเพียงขวัญ(ล้านนาเรีกว่าขวัญ มีความเชื่อว่า วิญาณของมนุษย์เรามี 32 ขวัญ) แบ่งมาสถิตในองค์กุมาร กุมารทองประเภทนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะบูชาง่าย ไม่มีอันตราย เห็นผลเร็ว บางรายถ้าจิตสื่อถึงกันได้ก็สามารถมาบอกเหตุการณ์ต่างๆในฝันได้ ยิ่งไปกว่านั้นบางรายอาจสื่อกันถึงขั้นได้ยินเสียงกะซิบ หรือเห็นเป็นตัวเป็นตนเลยก็มี ความเก่งกล้าของกุมารประเภทนี้ ขึ้นอยู่กับบารมีของอาจารย์ที่ปลุกเสก ต้องทำ้ด้วยใจบริสุทธิ์ และวิญญาณที่มาสิงสถิตย์ต้องเป็นวิญญาณที่พลีมาโดยถูกต้อง ไม่ได้มาในสภาพถูกบังคับ กุมารก็จะขลังมากๆ กุมารทองประเภทนี้ในจังหวัดแพร่ที่ผมรู้จักและเคยบูชามีอาจารย์น้อยโชคชัย บ้านนาแหลมใต้ที่ทำออกมาได้เข้มขลัง และอาจารย์ของท่านอีกท่านหนึ่งคือ ครูบาเจ้าแก้วก็เข้มขลังไม่แพ้กันครับแต่กุมารของท่านยังไม่มีออกให้บูชา ครับ มีแต่ลูกศิษย์หรือคนรู้จักมาขอร้องให้อาจารย์ท่านทำ แต่อาจารย์บอกว่ามวลสารยังไม่ครบตามตำราครับ 3. พรายกุมาร หรือผีพราย กุมารประเภทนี้ หลายๆท่านอ่านแล้วอาจสนใจ กุมารพรายประเภทนี้เป็นกุมารที่เกิดจากการผูกเอาผีเด็กมาใช้งาน ถ้าเป็นผีผู้ใหญ่เรียกว่า ผีพราย ขั้นตอนการทำคร่าวๆ อาจารย์ที่จะทำจะต้องเตรียมสะตง3แจ่ง(เครื่องพลีเลี้ยงผีตายโหงมีลักษณะเป็น กระทงของภาคเหนือ มี 3 มุม ภายในมีเครื่องเซ่นต่างๆ) พร้อมวัสดุที่จะให้กุมารหรือพรายสถิต เช่นขวดน้ำมัน หุ่น เป็นต้น แล้วไปตั้งเครื่องเซ่นที่ป่าช้า หรือทางสามแพร่ง ในกรณีที่จะเอาผีเด็ก ก็ต้องทราบข่าวมาว่าป่าช้าไหนมีศพเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีบ้าง เมื่อพลีเสร็จอาจารย์ก็จะประกอบพิธีกรรมบูชาเจ้าที่ แล้วก็ขอเอาผีพรายมาสิงสถิตในหุ่น หรือน้ำมัน แล้วว่ากล่าวเชื้อเชิญข้อแลกเปลี่ยนตามแต่อาจารย์จะกำหนด เมื่อธูปดับหมดแล้ว ก็พาพรายตนนั้นไปเซ่นเลี้ยงที่บ้าน กุมารพรายประเภทนี้ เป็นกุมารพรายของแท้ 100% บางอาจารย์มักเอาหัวกะโหลกมาเซ่นเลี้ยงเลยก็มี สำหรับข้อดีของกุมารประเภทนี้คือ มีตัวตนจริง สัมผัสได้จริงขึ้นอยู่กับสภาวจิต เห็นผลเร็วไว และสามารถสั่งใช้งานได้ตามใจชอบ ข้อเสียก็คือ กุมารประเภทนี้อันตราย ต้องหมั่นเซ่นเลี้ยงทุกวันพระ และต้องควบคุมให้ดี มิฉะนั้นกุมารจะสร้างความเดือดร้อนให้คนในบ้าน เช่นบ้านที่มีเด็กเล็กไม่ควรเลี้ยงเป็นอันขาด สำหรับกุมารประเภทนี้ ในจังหวัดแพร่มีอาจารย์วัตร สัปเหร่อบ้านถิ่นที่ทำให้บูชาเป็นรายบุคคลไปค่าครูไม่แพง แต่ใช้เวลานาน เพราะไม่ได้ทำได้ใน 1-2 วัน แต่อาจต้องรอเป็นเดือนเลยก็มี กุมารพรายของท่านไม่มีผลเสียกับผู้เซ่นเลี้ยง เพราะท่านกำกับมาแล้วอย่างรอบคอบและเข้มขลังเป็นอย่างดี และอีกท่านหนึ่งก็เห็นจะมี พ่อหนานมี บ้านปงป่าหวายที่เชี่ยวชาญทางด้านนี้เหมือนกันครับ
กุมารทอง 103.1.167.199	ความคิดเห็นที่ 3 03/09/2011 , 23:02 Quote เรื่องเล่าแห่ง กุมารทอง เรื่องเล่าแห่ง กุมารทอง \"อาจจะยาวหน่อยนะครับ แต่รับรองว่า หากท่านคิดที่จะเลี้ยงกุมารทอง หรือท่านที่มีกุมารอยู่แล้ว ข้อความเหล่าวนี้ อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับมือใหม่ หรือมือเก่า ที่อาจจะยังไม่รู้ในบางสิ่ง ขอบคุณครับ\" เรื่องเล่าแห่งกุมารทอง หากจะเล่าถึงกุมารทองหลายคนคงจะเคยได้ยินกุมารทองในตำนานของ ขุนแผน กุมารทอง ม้าสีหมอก ดาบฟ้าฟื้น แล้วจะเลี้ยงดูแลอย่างไร เลี้ยงยากไหม ทำเช่นไรจะสื่อกับเค้าได้ ให้โทษไหม เข้าตัวไหม เป็นคำถามที่ทุกคนอยากรู้หลายๆคนคงจะงง ว่ากุมารทองเป็นอะไร เป็นผี รึว่าเทพ รึเป็นพราย รึว่ากึ่งเทพกึ่งพราย ในการสร้างกุมารทองในอดีตนั้น จะนำเอาศพเด็กทารกมาทำพิธี ลงรัก ลงทองที่ตัวศพเด็กแล้วเอาไปย่างไฟ จนเกรียม พร้อมด้วยบริกรรมคาถา หนุนธาตุ ปรับธาตุ เล่นแร่แปรธาตุ จนกระทั่งสำเร็จเป็นกุมารทอง สาเหตที่เรีกกุมารทองส่วนนึงก็มาจาก การเอาทองคำเปลวไปปิดตามตัวของศพเด็กแล้วนำไปย่าง จนศพของเด็กนั้นเป็นสีทอง นี่ก็เลยเป็นตำนานของการเรียกชื่อกุมารทองว่าทำไมต้องชื่อกุมารทอง เป็นเพียงแค่กายภายนอก บางสำนักก็จะทำออกมาทรงดำ ก็จะเรียกกุมารดำ กุมารแดง แตกต่างกันชื่อ ลักษณะของหุ่น แต่ที่จริงแล้วก็คือ ผีเด็ก ก็คือ พรากุมาร แต่ก่อนจะเรียกกัน พราย กุมาร เทพกุมาร หรือว่า กุมารทอง พรายกุมารทอง หรือว่า กุมารทอง คือ ผี เป็นผีเด็ก ที่ถูกอันเชิญ ละถูกบังคับ ให้มาอยู่ในหุ่น เพื่อร่วมสร้างบารมี ร่วมสร้างบุญ กับเจ้าของ รึว่าเอามาไว้ใช้งานเรื่องต่างๆ ส่วนมากจะเป็นหุ่นเด็กผู้ชายเค้าถึงจะเรียกกุมารทอง เป็นหุ่นผู้หญิง จะเรียกกุมารี กุมารทองเทพ คือ กุมารทองที่ถูกอันเชิญมาจากสวรรค์ ชั้นต่างๆแล้วแต่บารมีของผู้อันเชิญว่าจะอันเชิญมาจากชั้นใด กุมารทองเทพส่วนมากจะให้คุณ ไม่มีโทษ แต่ถ้าเกิดเจ้าของไม่ดูแล ไม่สนใจ ทำบาป เค้าก็จะทอดทิ้งไปเช่นกันก็จะเหลือเพียงหุ่นเปล่าๆ ไร้ซึ่งจิต ส่วนกุมารที่ปัจจุบันเรียกกันว่า กึ่งเทพ กึ่ง พราย นั้น อันที่จริงก็สายพราย(ผีเด็กนั่นแหละ) แต่มีการตลาดมาเกี่ยวข้อง เรียกเพื่อให้แตกต่างดูดีออกไป คนจะได้สนใจมากขึ้นว่า นี่ สายพรายกึ่งเทพนะ น่าจะไม่มีอะไร แต่ที่จริงแล้ว ผู้จัดสร้างกุมารทองแบบนี้ออกมา ในความเป็นจริงก็คือสายพราย(ผีเด็ก) ดีดีนี่เอง แตกต่างเพียงแค่ว่าการอันเชิญดวงจิตของกุมารในระดับพรายที่ดวงจิตของเค้า เกือบแล้วที่จะไปเป็นเทพ คือประมาณว่า สั่งสมบุญอีกสักระยะก็อาจจะได้ไปเป็นเทพรึเทวดา แต่ก็ใช่ว่าเลี้ยงไป แค่ปีสองปีจะไปเป็นเทพเลย เวลาของโลกมนุษย์กับเวลาของเค้านั้นต่างกัน และก็ไม่ใช่ว่าทุกตนจะเป็นเทพไปได้หมด ขึ้นอยู่กับผู้เลี้ยงดูด้วย ใช้งานผิด ดูแลผิด เค้าอาจจะได้บาปมากกว่าบุญ อาจจะสอบตกมาเป็นพรายเต็มตัวก็ได้ใครจะรู้ กุมารทองสายพราย(ผีเด็ก) เป็นกุมารทองที่สร้างจากวัตถุอาถรรพ์ สร้างจาก กระดูกเด็ก รึว่าสร้างจากศพเด็ก มวลสารจัดสร้างเน้นไปทางภูติ ผี พราย เกจิที่สร้างเด่นด้านสร้างพราย กุมารในระดับนี้จะเป็น ผีเด็ก มีหลายครั้งที่เคยได้ยินว่าเกจิบางท่านเอามวลสารของคนตายที่เป็นผู้ใหญ่มาสร้าง ก็จะเห็นเป็นผีผู้ใหญ่ไม่ใช่กุมารทอง แต่อย่างไร จะว่าไปแล้ว กุมารทองไม่ว่าจะเป็น ผีเด็ก รึว่า เทพ ที่ถูกอันเชิญมา เมื่อเจ้าของดูแลไม่ดี ไม่สนใจใยดี ไม่ทำบุญให้เค้า เค้าก็พร้อมที่จะตีตัวออกห่างและจากไปในที่สุด กุมารทอง ไม่สามารถทำบุญเองได้ หาอะไรกินเองได้ ที่เค้าได้กิน ได้บุญส่วนมาก็จากผู้เป็นเจ้าของ เท่านั้นที่ทำให้ ดูแลดี ประพฤติดี เค้าก็พร้อมจะทำดีกับเรา ไม่ดูแลไม่สนใจ เค้าก็พร้อมจะเดินจากไปเช่นกันจะแตกต่างกันตรงที่ กุมารทองเทพ เค้าจะทานอาหารทิพย์ อาจจะแตกต่างกับกุมารพราย รึผีเด็กที่ยังติดในรูปรส กลิ่นเสียงแต่ถึงกระนั้น กุมารทองเทพหากเจ้าของไม่ดูแลให้ดีแล้ว ไม่มั่นทำบุญแล้ว เค้าก็พร้อมจะจากไปเช่นกัน ความเชื่อแบ่งออกเป็น 2 อย่าง 1.เชื่อแบบ ศรัทธา เชื่อว่ามีอยู่จริง แต่ก็พร้อมจะหาเหตุผลต่างๆมาร่วมวิเคราะห์ พิจารณา เชื่ออย่างมีสติ ใช้สติตรวจสอบ ตรวจดูอยู่เสมอ 2.เชื่อแบบ ศรัทธาสุดฉัน(เซ็นเซอร์)่ งมงาย ไร้สติ ซึ่งกลุ่มพวกนี้ได้หลุดจากโลกความเป็นจริงไปแล้ว คนกลุ่มนี้คิดว่า ตัวเองมีญานพิเศษ รู้ทุกเรื่อง เก่งไปหมด คนในกลุ่มที่สอง จะพยายามโชว์ตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ไม่เหมือนใคร จะไม่งมงายอยู่ฝ่ายเดียว ต้องพาคนอื่นงมงายไปด้วย ด้วยการทัก ชักจูง พยายามโชว์ตัวเองเต็มที่ แนะนำในทางที่ถูกมิใช่แนะนำให้งมงาย แนะนำให้เล่นแต่พองาม มิใช่แนะนำให้งมงาย แนะนำให้ฝึกเพื่อรู้เห็นมิใช่แนะนำให้งมงาย แล้วคนที่มาจะเชื่ออะไรดี เชื่อใครดี 1.มาแล้วพยายามศึกษา มองหลายๆหลัก อย่ามองว่าเพราะมาก่อน อย่ามองเพราะมาหลัง อย่ามองเพราะตอบเยอะ อย่ามองว่าเพราะโพสเยอะ เลยเชื่อ 2.มองในหลักความเป็นจริงบ้าง พระพุทธองค์ ไม่ได้ปฏิเศษว่าไม่มีจริง แต่ท่านไม่ได้แนะนำ เพราะมันไม่ ใช่ทางออก วิถีแห่งพระองค์คือการหลุดพ้น นั่นย่อมหมายถึงมีอยู่จริง แต่เมื่อมีอยู่จริง ก็ควรเล่นอย่างมีสติ 3.เมื่ออ่านหลายๆที่ ศึกษาหลายๆมุมมองจะเริ่มเห็นความแตกต่าง เริ่มสับสน ตกลงมันเป็นอย่างไร เชื่อได้ไหม ใครแนะนำได้บ้าง มีเวลาก็เข้าวัดบ้างนะ ไปถามพระเกจิท่าน คนในนี้ไม่ได้เก่งกว่าพระ ไม่ได้รู้มากกว่าพระเกจิ ถามท่านลูก ถามท่านง่ายสุด ดีสุด คำถามตามท้องเรื่อง 1.เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากุมารองค์ไหนเทพ องค์ไหนผี องค์ไหนพราย - ข้อแรก ให้ไปดูว่าเกจิท่านใดปลุกเสก ถ้าท่านยังอยู่สอบถามท่านง่ายสุด ว่าท่านสร้างมานั้นเป็น เทพรึผี การดูแล ดูแลอย่างไร ชอบอะไร ถามครูบาอาจารย์ท่านดีสุด แล้วสมมุติว่าอาจารย์ท่านสิ้นไปแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะ คำตอบก็ลองสืบเสาะ ดูว่า ท่านสร้างมานั้นเป็นรุ่นไหน แบบใด 1.2. สังเกตเองได้ไหมว่าองค์ไหนเทพ องค์ไหน พราย - การดูเนื้อแล้วเดาไปเองนั้น บางทีอาจจะไม่ถูกเสมอไป ถ้าจะบอกว่า กุมารเนื้อทองเหลือง เรซิ่น ไม้ เป็นสายเทพและกุมารที่ทำจากวัตถุอาถรรพ์ คือกุมารสายพราย ในความเป็นจริง ถูกแค่บางส่วน ทำไมถึงกล่าวเช่นนั้น เรามาดูกัน เคยได้ยินว่า มีบางคนเห็นเด็กมาขออยู่ด้วย ฝันเห็น ไปปรึกษาพระเกจิบางรูป ให้ท่านช่วย แล้วเกจิก็ให้คนที่ฝันเห็นนั้น ไปหาหุ่นเรซิ่น รึหุ่นอะไรก็ได้มาสักชิ้น แล้วเรียกจิตเด็กคนนั้นเข้ามาอยู่ในหุ่น เพื่อที่คนที่ฝันเห็นจะได้เลี้ยงดูต่อไป แล้วเช่นนี้คิดว่าวิญญาณเด็กคนนั้นจะเป็นผีเด็ก รึว่าเทพล่ะ แล้วเคยได้ยินไหมว่า เกจิบางรูปนำดินอาถรรพ์ มาปั้นและปลุกเสกกุมารเรียกจิตเทพ เทวดาเด็ก มาสถิตในหุ่นกุมารเพื่อขอให้เทวดาเด็กเหล่านั้นมาร่วมทำบุญ และสร้างบารมีเพื่อที่จะได้อยู่ชั้นที่สูงขึ้นไป แล้วกุมารเหล่านี้ล่ะจะเรียกว่าอะไร เทพรึพราย แล้วท่านเคยเห็น หุ่นพระสีวลี ทำจากดินเนื้อดินอาถรรพ์ไหมล่ะ แม่นางกวักเนื้อดินอาถรรพ์ ท่านเป็นอะไรล่ะ เทพรึพราย สรุปแล้วดูจากเนื้อถูกส่วนนึง แต่ไม่ใช่ ง่ายที่สุด ดีที่สุด สอบถามเกจิผู้สร้างดีกว่า ชัดเจน เนื้อดินอาถรรพ์นั้นเป็นเพียงแค่สื่อเพื่อที่จะสื่อให้วิญญาณรึว่า เทพมาสถิตได้ง่ายขึ้น เห็นผลไวขึ้น 2.กุมารทององค์ไหนเต็มใจมา ร่วมทำบุญ กับองค์ไหนที่ถูกบังคับมา เพื่อมาเป็นกุมารทอง -เรื่องนี้เราทั่วไปดูไม่ออกหรอกครับ ว่าองค์ไหนเป็นอย่างไร เป็นเช่นไร ส่วนมากจะดูผู้สร้างเป็นหลัก พระเกจิ ทั่วไปที่ท่านได้สร้างกุมารขึ้นมานั้น ส่วนมากจะเป็นการเรียกจิต อันเชิญดวงจิตมาร่วมทำบุญทั้งนั้น แต่ส่วนของสายฆราวาส อันนี้ผมไม่มั่นใจว่าเค้าอันเชิญมารึกึ่งบังคับมา เพราะแต่ละท่านจะแตกต่างกันออกไป 3.เลี้ยงดูอย่างไร - การเลี้ยงดูนั้น ให้ดูตามสาย ขอคำแนะนำจากเกจิท่านที่ปลุกเสกด้วยว่าดูแลอย่างไร - สายพราย ให้อาหารทั่วไป ขนม นม เนย ของหวาน ข้าว กับข้าว ผลไม้ (ห้ามให้ของดิบ เนื้อดิบ) เรียกกินพร้อมกับเราเลยรึว่าจัดสำรับ ไว้ให้เค้าหนึ่งชุดก็ได้ รึว่าจะบอกเค้าว่าเราจะให้เค้าทุกๆวันพระ ก็ควรจัดให้เค้าทุกๆวันพระ - สายเทพ ปกติท่านที่เป็นเทพจะอิ่มทิพย์อยู่แล้ว รึอาจจะอยากกินเหมือนคนทั่วไปบ้าง ก็จัดให้ท่านให้เค้าได้กินแบบที่เรากินบ้างก็ได้ พวกขนม นม เนย ของหวาน ผลไม้ - จุดสำคัญ กุมารทองถือเรื่อง สัจจะนั้นสำคัญ รับปากอะไรไว้ก็ควรให้ของเช่นนั้น ห้ามบิดพลิ้วโดยเด็ดขาด 4.เราจะรู้ได้อย่างไรว่า กุมารอยู่กับเราแล้ว - ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว บอกได้เลยครับว่า ยากมาก ยากมากที่จะรู้ว่ากุมารของเราที่นำมานั้น เข้าบ้านได้รึยัง มีจิตไหม มาอยู่กับเราแล้วไหม ผมเลี้ยงมาเป็นร้อยผมยังไม่รู้เลยว่า ตอนนี้องค์ไหนมีจิต ไม่มีจิต ในช่วงนี้ผมเสาะหาหนังสือ กุมารทอง จากที่ต่างๆมาอ่าน มาค้นคว้า ทำให้ได้มุมมอง แง่คิดต่างๆได้เยอะมาก บางเล่มที่พิมพ์ออกมา ขอบอกได้เลยว่ามั่วมาก บางเล่มที่พิมพ์ออกมา จริงบ้างเท็จบ้างจะเอาอะไรครับ ขนาดในหนังสือยังเอากุมารปลอมลงเลย แล้วจะเชื่อถือได้แค่ไหน บางเรื่องเพ้อฝัน มั่วไปหมด หาความเป็นจริงแทบไม่มีเลย การจะเลี้ยงกุมารทองไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ารู้จักเลี้ยง เลี้ยงให้ดี ดูแลให้ดี และที่สำคัญต้องดูว่า เลี้ยงเพราะอะไร ถ้าจะเลี้ยงเพราะ อยากให้ออกมาโชว์ตัว ออกมาวิ่งให้เห็น ออกมาพูดคุย เหมือนคนปกติทั่วไป ขอเถอะครับ อย่านำเค้ามาเลี้ยงดูเลย มันจะบาปเปล่าๆ 5.เลี้ยงแล้วจะกินบุญเราไหม คำตอบ ปกติกุมารเค้าอยู่ได้ด้วยบุญของเราและบุญของเค้า ถ้าเราใช้งานเค้าบ่อยๆแต่ไม่ทำบุญให้เค้าก็เหมือนกับรถ ที่เติมน้ำมันแค่ครั้งเดียว ขับอย่างเดียวไม่เติม แล้วคิดว่าโอกาสที่น้ำมันมันจะหมดนะมีไหม โอกาสที่เราจะต้องเข็ญนะมีไหม แล้วจะกินบุญเราไหม เรื่องบุญ บุญของเรา ถ้าเราไม่ให้ใครแล้วมีหรือที่เค้าจะได้รับ ถ้าเราไม่อนุญาต ใครก็ไม่ได้ไป แต่ถ้าถามว่าเมื่อเราใช้งานเค้าเยอะๆแล้ว แต่เราไม่ยอมทำบุญให้เค้า ไม่ดูแลเค้า เค้าอาจจะไม่กินบุญเรา แต่เค้าอาจจะตัดบุญเรา โดยการทำให้เราเข้าไม่ถึงบุญ ทำไรติดขัด จากการแทนที่ว่าเค้าจะมาช่วยเราสร้างบารมี กลายเป็นว่าเค้ามาคอยขัดขวาง เส้นทางบุญของเราซะงั้น ดังเช่น จากการที่เราเคยค้าขายดี ลูกค้าเยอะ เงินทองไหลมาเทมา ตอนนี้ก็ทำไรติดขัดไปหมด หากินไม่ขึ้น เงินทองหดหาย โชคลาภไม่เกิด อาจจะเพราะเหตุนี้กระมัง พอเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นคนเลยคิดไปว่าเค้ามากินบุญของเรา 6.แล้วถ้าเกิดเรา ลืมดูแลเค้านานๆ ลืมทุกอย่าง ไม่ว่าจะให้อาหาร ทำบุญ สวดมนต์ ลืมไปเลยว่ามีเค้าอยู่ในบ้าน แล้วตอนนี้นึกขึ้นได้ว่ามี จะกลับมาเลี้ยงดู ดูแลเค้า ไม่ทราบว่าจะยังมีจิตอยู่ไหม คำตอบ – แล้วแต่บุญ กรรม ของเรากับเค้า ว่ายังมีต่อกันอีกไหม เชื่อเรื่องบุพเพไหมล่ะ คนเราไม่ว่าจะเป็น ผี เป็นคน ย่อมมีอะไรบางอย่างต่อกันถึงทำให้มาเจอกันได้ ถ้าเรากับเค้ายังไม่หมดบุญต่อกัน ก็ยังคงอยู่ด้วยกันต่อไป มากล่าวถึง กุมารก่อนแล้วกัน กุมารบางสำนักถ้าเราไม่ได้เลี้ยงดูเป็นเวลานานๆ หรือว่า เราได้ละเลยต่อเค้าไปนานๆ เค้าอาจจะกลับไปยังวัด รึ ยังเกจิที่ปลุกเสกเค้าขึ้นมา แต่ก็กระนั้น กุมารบางตน บางองค์ก็ยังคงอยู่ในหุ่นนั้นต่อไป แม้นเราจะไม่ได้ดูแล เลยเป็นเวลายาวนาน นั่นอาจจะเพราะต่างฝ่ายต่างมีกรรมต่อกัน ที่ไม่สามารถแยกจากกันไปไหนได้ เอาล่ะมาว่าต่อเรื่องที่ว่า แล้วจะทำการดูแลต่อเราควรจะทำเช่นไร หลังจากที่ละเลยการปฏิบัติมานานแสนนาน ก่อนอื่นมามองตัวเองก่อนว่าพร้อมที่จะกลับมาเลี้ยงดูเค้าจริงๆ จังๆไหม ถ้าไม่ขอเถอะครับอย่าเลี้ยงเลย ส่งต่อให้คนอื่นที่พร้อมดูแลดีกว่าไหม ถ้าคุณคิดว่าคุณพร้อม เอาล่ะเรามาต่อกัน ก่อนอื่น หาข้าวปลาอาหาร ขนม นมเนย ผลไม้ มาขอขมาต่อกัน ถ้ามีใบฝอยจากวัด ก็เอามากาง เตรียมตัวสวดมนต์ เมื่อเตรียม ข้าวปลาอาหารพร้อมแล้ว เราก็เอาหุ่นกุมารทองที่เราได้หลงลืมไปแล้วนั้น มาวางพร้อมกับ สวดมนต์ที่ทางวัดรึทางเกจิได้มอบมาให้พร้อมกับเรียกชื่อเค้า บอกว่า ลูกของพ่อของแม่เอย พ่อแม่ต้องขอโทษเจ้า ที่หลงลืมเจ้า ไม่ดูแล ละเลยต่อเจ้าไปเป็นเวลานาน พ่อแม่อยากขอให้เจ้าให้อภัย ยกโทษให้พ่อกับแม่ด้วยเถิด หลังจากนี้ ต่อจากนี้ ขอให้ลูกจงมาอยู่กับพ่อแม่อีกครั้ง พ่อแม่ จะไม่ลืมเจ้าอีก จะพยายามทำบุญ ให้กับลูก จะพาลูกไปเที่ยว ไปเล่น ไปกินด้วยกัน ขอให้ลูกที่น่ารักของพ่อกับแม่ จงให้อภัยพ่อกับแม่นะลูกนะ เรามาเริ่มกันใหม่ พ่อกับแม่จะดูแลเจ้านะลูก และก็ขอให้ลูกของพ่อกับแม่ จงกลับมาปกปักษ์รักษาพ่อกับแม่อีกครั้ง กลับมาให้โชคให้ลาภกับพ่อกับแม่นะลูกนะ วันนี้ พ่อกับแม่ได้จัดข้าวปลา อาหาร ขนม ของหวานมาให้ลูก ขอลูกของพ่อกับแม่จงมากิน กินให้อิ่มนะลูก จากนี้ไปมาเริ่มกันใหม่นะ (จบ) จากนั้นก็เลี้ยงดูปกติเหมือนเดิมทุกประการ สำหรับท่านที่คิดว่าลูกกลับวัดไปแล้ว กลับไปที่เดิมแล้ว ไม่มั่นใจว่ามีจิตอยู่รึไม่ ก็พาหุ่นกุมารเดินทางไปที่วัดให้เกจิผู้สร้างเรียกจิตกลับมาที่หุ่นอีกครั้ง ก็ได้ เพื่อความสบายใจ 7.เลี้ยงกุมารทองสายไหนดี- คำตอบ –กุมารทองที่จะเลี้ยงมี 2 ลักษณะ 1. กุมารเทพ ข้อดี - เราไม่ต้องเซ่นเลี้ยงด้วยอาหารหยาบ - ไม่ให้โทษแก่ผู้เลี้ยงเมื่อเราไม่ได้เซ่นดูแล ข้อเสีย - เมื่อบนบาลอะไรแล้วได้ผลช้าหน่อย - ไม่ค่อยแสดงฤทธิ์เดชให้เห็น 2. กุมารพราย ข้อดี - แสดงฤทธิ์บ่อยๆ - ได้ผลเร็วเมื่อบนบาลแล้ว ข้อเสีย - ต้องเซ่นเลี้ยงด้วยอาหารหยาบอย่างขาดมิได้ (ยกเว้นบางตำหรับ) - หากขาดการเซ่นเลี้ยงแล้วอาจให้โทษแก่ผู้เลี้ยงได้ (ยกเว้นแต่อาจารย์ผู้สร้างนั้นกำกับมาดี) อาหารหยาบก็คือ ขนม น้ำแดง นม ผลไม้ ฯลฯ 8.แล้วเราจะทำบุญให้กับกุมารอย่างไรบ้าง เค้าถึงจะได้รับ คำตอบ – ทุกๆครั้งที่เราทำบุญเราคิดถึงเค้า เค้าก็ได้บุญ ดังเช่น การทำบุญด้วยวิธี ทาน เช่น การทำบุญ ใส่บาตร ตักบาตร อธิฐานถึงเค้าเค้าก็ได้รับ การทำบุญด้วยการ นั่งสมาธิ รึว่า ภาวนาสมาธิ ถือเป็นการทำบุญเช่นกัน ที่ได้มากกว่าทานบารมี หลังจากนั่งเสร็จก็แผ่ไปถึงเค้าเค้าก็ได้รับ การทำบุญด้วยการสวดมนต์ รึว่า การสวดภาวนา เป็นการทำบุญด้วยการระลึกถึง คุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในการสวดบางบทอาจจะมีเหล่า เทพเทวดามาอนุโมทนาบุญด้วย หลังจากสวดเสร็จก็อุทิศบุญกุศลให้กับเค้าเค้าก็ได้รับ ทุกอย่างที่เราทำด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการ ทานบารมี ภาวนาสมาธิ สวดภาวนาบารมี อย่างไรเสียก็ถึงเค้า 9.เลี้ยงกุมารแล้ว เราจะเป็นผีปอบรึไม่ เค้าจะกินอวัยวะภายในของเรารึไม่ คำตอบ – เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กุมารทองสมัยนี้ ที่เห็นๆทุกวันนี้ส่วนมากจะมาจากพระเกจิ และฆราวาส แม้จะแตกต่างกันแต่ก็ยังเป็นมนต์ขาว ไม่มีทางเข้าตัว คนที่เป็นผีปอบ ผีกระสือ ส่วนมากก็จะเป็นคนเล่นคุณไสย์มนต์ดำ บางรายอาจจะสืบต่อๆกันมา จากปู่ย่าตายาย ที่เล่นของพวกมนต์ดำ แล้วเข้าตัวเอง ต้องหาผู้สืบทอดเพื่อให้ตัวเองพ้นทุกข์ พวกนี้น่าสงสารนัก ถือเป็นวิบากกรรมของเค้า แต่เท่าที่เห็นกุมารในสมัยนี้ บอกได้เลยว่าความเชื่อแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิดมาก ไม่เป็นความจริงแต่อย่างไร 10.ขอที่เราให้ลูกกุมารไปแล้วเราลามาทานเองได้ไหม คำตอบ – ลามาทานเองได้ครับ ถ้าไม่ถือให้หนัก แต่...... ส่วนมากโดยทั่วไป บางคนที่เป็นองค์ สักยันต์ เล่นของสายเสนห์บางสาย เค้าถือว่าไม่ทานของผี เพราะจะทำให้ของเสื่อม ฉะนั้น คนในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ทางที่ดีไปปรึกษา ครูอาจารย์ของท่านว่าทานได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็ไม่ควรทานครับ หรือว่าท่านจะเก็บสะสมแล้วเอาไปบริจาคก็ได้เช่นกัน ถือว่าเป็นทานอย่างหนึ่งด้วย ขนม ถ้ามีเยอะมากๆก็เอาไปให้เด็กๆผู้ยากไร้ 11.การฝันเห็นกุมาร สื่อถึงอะไร คำตอบ – ฝันก็คือฝัน แยกออกจากคำว่านิมิต ถ้าฝันทั่วไป ก็ตีความได้หลายสาเหตุ ฝันเพราะกินมาก วิตกมาก กังวลมาก ก็มักเก็บไปฝัน ฝันลางบอกเหตุ ก็อาจจะเป็นไปได้ ถ้าเคยมีประสบการณ์มาก่อนก็อาจจะเป็นไปได้ ที่ฝันนั้นอาจจะเป็นลางบอกเหตุ แต่เท่าที่เห็นส่วนมากที่คลุกคลี ในวงการนี้แล้วมาเล่าให้ฟัง ก็คือ ฝันฟุ้งซ่าน ฝันเพ้อเจ้อ ฝันเพราะจิตตก 12.การดูจิตกุมารเชื่อได้แค่ไหน คำตอบ คือ คุณมั่นใจแค่ไหนว่าคนที่ดูจิตคนนั้นนะของจริง ดูแม่น อย่าเอาเพราะเค้าดูแล้วได้ดั่งที่ใจคุณคิด เป็นอย่างที่คุณคิด เป็นอย่างที่ใจส่วนลึกของเราต้องการ แล้วถ้าเกิดเค้าดูแล้วไม่เป็นอย่างที่ใจเราคิดล่ะ เกิดเค้าทักแบบ หน้ามือเป็นหลังเท้าล่ะ คุณจะว่าอย่างไร คนที่สัมพัสเรื่องพวกนี้ได้ก็มีจริง แต่การที่จะทำถึงขั้นดูจิต เป็นเรื่องเป็นราวนั้นสิ แล้วคนที่เราไปดูนั้นเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ดูจิตกุมารก็เหมือนดูดวง หมอดูทายทัก เห็นหลายคนเหมือนกันไปดูหมอดู พอหมอดูทักด้านลบ เจ้าคนไปดูก็จิตตก ห่วง กังวล อยู่ไม่เป็นสุข ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเรื่องที่ไปดูจะแม่นจริงไหม จะเป็นจริงรึเปล่า อย่าไปจริงจังกับเรื่องพวกนี้มาก ผมไม่แนะนำเลยล่ะ จงเชื่อใจตัวเอง จงเชื่อมั่นในศรัทธาของคุณเองที่มีต่อเค้าจะดีกว่า อย่าไปขวนขวาย 13.ทำไมเวลาเลี้ยงกุมารแล้ว ต้องอยากได้กุมารเพิ่มเรื่อยๆ - อันนี้เป็นกันทุกคนครับ ความจริงแล้วถ้ามองในหลายๆมุมนะ เป็นไปได้ว่า เค้าอาจจะอยากได้เพื่อนเพิ่ม จึงดลใจให้เราอยากได้มาเรื่อยๆ รึอีกมุมหนึ่งก็คือ กิเลสของเราเอง ความอยากได้ของมนุษย์นั้นน่ากลัว ไม่มีหยุด อยากไม่รู้จบ แต่กระทั้งก่อนจะตายยังอยากได้เลย วิธีแก้ ตั้งใจให้แน่วแน่ ว่าจะหยุดแค่เพียงนี้ พยายามห่างสิ่งที่ยั่วยวน หาอย่างอื่นทำ อย่าพยายามให้กิเลสครอบงำเรามากนัก 14.การจุดธูป บอกกล่าวเจ้าที่ และการจุดธูปบูชากุมาร ทำไง - ในการจะนำกุมารเข้ามาในบ้านนั้น ครั้งแรกจะมีการจุดธูปเพื่อบอกกล่าว เทวดาผู้ดูแลบ้าน เจ้าที่เจ้าทาง ผีปู่ผีย่า ผีบ้านผีเรือน ที่ดูแลบ้านเราอยู่ ถ้าคิดว่าจะมีการนำเข้ามาอีกเรื่อยๆ ก็สามารถจุดแค่ครั้งเดียวแล้ว บอกกล่าวท่านไปเลยว่า จะมีลูกๆกุมารทองมาอีกเรื่อยๆนะครับขอให้ท่านเปิดทางให้เด็กๆเข้ามาในบ้าน ด้วยเถิด - จำนวนธูปที่ใช้ 16 ดอก สำหรับ ศาลพระภูมิเจ้าที่ ข้าพเจ้านาย.....วันนี้ได้นำลูกกุมารทองชื่อ..... เข้ามาอยู่ด้วยในบ้านเพื่อช่วยทำมาหากิน ช่วยทำมาค้าขาย ช่วยปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้าเค้าเป็นเด็กดี เป็นเด็กน่ารัก ขอให้ท่านเจ้าที่เจ้าทาง เทวาอารักษ์ ผีปู่ผีย่า ผีตาผียาย ผีบ้านผีเรือน ที่ปกปักษ์รักษา บ้านหลังนี้ อาณาเขตบริเวณบ้านหลังนี้ จงเมตราเปิดทางเข้าออกให้ลูกกุมารทองของข้าพเจ้าด้วยเถิด และก็อยากให้ช่วยอบรมให้เค้าเป็นเด็กดี เป็นเด็กน่ารัก ช่วยข้าพเจ้าในทุกๆเรื่องด้วยเถิด - การจุดธูปบูชากุมาร กุมารแต่ละสำนักจะมีการจุดไม่เหมือนกัน แตกต่างกันบ้าง ถ้าใครเลี้ยงสำนักเดียวก็ง่ายหน่อยทำตามใบฝอยก็จบ แต่สำหรับคนเลี้ยงหลายที่ แต่ละวัดก็บอกไม่เหมือนกัน ถ้าจุดทุกสำนักไฟไหม้บ้านแน่ๆ สำลักควันตายแน่ๆ - ถามว่าจำเป็นไหม ที่ต้องจุดสำหรับผม ผมว่าไม่จำเป็น แล้วแต่คนถือนะครับ สำหรับผม ไม่ถือครับ ผมเชื่อว่าลูกๆอยู่ข้างกายผมตลอดเวลา จุดธูปนั้นบางคนถือว่าให้ลูกได้กลิ่นธูปเพื่อจะได้ตามกลิ่นธูปมาหาเรา ถ้าคนอื่นก็จุดเราก็จุด หวังว่าคงไม่เข้าบ้านผิดนะ (เอ้าฮา) ส่วนนึงที่ผมไม่จุดเพราะผมเป็นภูมิแพ้ ถ้ามีควันมากๆผมตายแน่ๆ หายใจไม่ออก - เอาไงดี ถ้าเชื่อผมใช้วิธีผมดูไหม มีทั้งแบบไม่จุดธูปและจุดธูป เอาล่ะ มาเริ่มกัน แบบผมเอาตามสะดวก - ถ้าเหมารวมผมใช้ 9 ดอกเลย ในการบูชา ในการให้อาหารในวันพระ รึว่าวันที่เราได้บอกกล่าวเค้าไว้ ที่เราตกลงกับเค้าไว้ว่าจะให้วันไหน - อีกแบบคือไม่จุดธูป (อันนี้ผมใช้ประจำ) ก่อนจะให้อาหาร ถวายอาหารให้เค้า ผมจะนั่งด้านหน้าพื้นที่จะวางสำรับอาหาร ก็บอกเค้าว่า ลูกๆกุมารทอง ลูกกุมารี ลูกรัก ลูกยม ลูกกรอก ลูกหุ่นพยนต์ทั้งหลายของพ่อเอ๋ย วันนี้พ่อนำ ข้าวปลาอาหารมาให้เจ้าทานแล้วนะ จงมารับมากินกัน ใครไม่อยู่ ใครไม่ได้ยินก็ไปตามกันมากิน เรียกกันมากิน กินก็กินด้วยกันแบ่งปันกัน ให้เหมือนครอบครัวเดียวกัน กินอิ่มแล้วก็ช่วยพ่อช่วยแม่ทำงาน กินให้อร่อยนะลูก 15.ถ้ามีลูกกุมารทั้งแบบเทพและพราย จัดวางแบบไหนดี - อันนี้แล้วแต่มุมมองแต่ละคนครับ บางคนให้เทพอยู่สูงกว่า แล้วก็แยกหิ้ง ออกจากกันไปเลย เหมือนแบ่งชนชั้นกันไปเลยว่า นี่หิ้งพรายนะ นี่หิ้งเทพนะ แล้วแต่ความคิดใครความคิดมันครับ แค่ให้กุมารทองอยู่ต่ำกว่าพระพุทธรูป รึว่า พระเกจิพอ สำหรับผม ผมไม่แยกหิ้งเลยไม่ว่ามาจากไหนทั้งหมดคือครอบครัวของผม คือลูกๆที่น่ารักของผม ไม่จำเป็นว่า ผีเด็กรึว่าเทวดาน้อย เราก็อยู่ด้วยกันได้ แต่ ด้วยการให้เกียรติ เราอาจจะให้เหล่าเทวดาน้อย เหล่าเทพเป็นพี่ในบ้าน แล้วให้พรายกุมาร ผีเด็กเป็นน้องก็ได้ แต่ผมไม่เคยคิดจะแยกหิ้งเลย (ยกเว้นว่าจะต้องซื้อห้องใหม่เพราะหิ้งเก่าเต็มจนล้น) วางรวมกัน พี่น้องกัน แตกต่างแค่คำเรียกขาน สำหรับผม จะให้ความสำคัญกับคำว่า ครอบครัว เป็นหลัก พ่อแม่ลูก เมื่อมาอยู่ด้วยกันและเมื่อมีเยอะๆขึ้นก็จะเป็น พ่อแม่ ลูกก็จะมี พี่ น้อง ทั้งหมดนั่นคือครอบครัว เป็นครอบครัวเดียวกัน ผมจะย้ำกับลูกๆเสมอ ดูแลกัน ปกป้องซึ่งกันและกัน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน มีพ่อแม่ที่ดูแลลูกๆอยู่ก็คนเดียวกัน รักกันให้มาก รักกันให้มากๆเหมือนอย่างที่พ่อรักพวกเจ้า เรามีบุญร่วมกันถึงได้มาเจอกัน ในช่วงที่อยู่ด้วยกันนี้ ยังเจอกันอยู่นี้ จงรักกันให้มากๆนะลูก ดูแลทุกคนในครอบครัวด้วย 16.เลี้ยงกุมารบาปไหม - คำตอบส่วนแรก เลี้ยงเป็นเราได้บุญเค้าได้บุญ เลี้ยงพลาดใช้งานผิดเราบาปเค้าบาป - ปกติกุมารทองเค้าเกิดมาเพื่อช่วยสร้างบารมีร่วมกับมนุษย์เพื่ออัพเกรดตัวเอง ไปอยู่ในชั้นที่สูงกว่านี้ อาจจะจากพรายไปเป็นเทพ รึอาจจะไปเกิด เลยก็ได้ ถ้าคิดในมุมบวก เราที่เลี้ยงดูเค้าเหล่านั้น เราก็เหมือนเป็นผู้ช่วยให้เค้าได้ไปเกิด ช่วยให้เค้าได้บุญมากขึ้น ถ้าเค้าไม่ช่วยเราเค้าอาจจะต้องชดใช้กรรม จนกว่าจะไปเกิดก็ได้ ดังเช่นว่า เค้าอาจจะไปเกิดแล้วโดนทำแท้งตายก่อนกำหนด เกิดมาพิการ ครอบครัวร้าวฉาน ในความคิดอีกแง่มุมก็คือ ให้เค้ามาช่วยเรา และเค้าก็สั่งสมความดี เพื่อว่าจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ที่ดี เกิดมาในครอบครัวที่ดี เกิดมาเจอแต่สิ่งที่ดี คิดบวกได้บุญ - การที่เราเลี้ยงกุมารสังเกตไหมว่า เราทำบุญมากขึ้น เข้าวัดมากขึ้น มีสติมากขึ้น พิจารณามากขึ้นในทุกๆเรื่อง แล้วคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราได้บาปรึบุญ เราทำบุญมากขึ้นอุทิศให้เค้ามากขึ้น แล้วเค้าจะได้บุญมากขึ้นไหมล่ะ - ตรงกันข้าม เราเอามาใช้งานในทางผิดๆ ไม่สนใจใยดีเค้า ปล่อยทิ้งๆขว้างๆ อดๆอยากๆ เลี้ยงแบบบุ๊บเฟ่ หากินเอง แบบนี้บาปชัวร์ - แบบไหนบ้างล่ะที่ใช้งานเค้าผิดๆ ก็แนวประเภท ใช้งานเค้าเชิงชู้สาว ใช้เค้าไปแกล้งคนอื่น ใช้ให้ช่วยในเรื่องการพนัน รังแกคนอื่นเราก็จะบาปเค้าก็จะบาป ไม่สนใจเค้า ไม่สนใจเลี้ยงดู วันๆกินแต่เหล้า เคล้านารี เล่นการพนัน ติดอบายมุข แบบนี้ เลี้ยงผีก็มีแต่บาปติดตัว ดวงตาไม่มีแสงธรรม ไม่เหมาะแก่การเลี้ยงดูของพวกนี้ 17.แล้วเลี้ยงกุมารช่วยในเรื่องอะไรได้บ้าง - เห็นหลักๆก็ ช่วยให้เราเข้าถึง บาป บุญ มากขึ้น - เข้าวัดมากขึ้น ทำบุญมากขึ้น สนใจในธรรมมากขึ้น (เข้าถึงธรรม) - สวดมนต์มากขึ้น อันนี้จริง (ระลึกถึงคุณความดี) - นั่งสมาธิมากขึ้น อันนี้ก็จริง เมื่อนั่งสมาธิมากขึ้นจะทำให้เรามีสติมากขึ้น ทำไรคิดรอบคอบมากขึ้น เมื่อมีสติ มีสมาธิ ทำอะไรก็ง่าย ล่วงไปด้วยดี มองเห็นทางสว่างอยู่เสมอ (ปัญญา สมาธิ) - เมื่อเราเป็นคนดี ก็จะเป็นที่รักของทุกคน ทำให้เรามีเสนห์มากขึ้นเพราะความดีของเราที่ทำเป็นกิจวัตร ( เรื่อง เมตรา เสนห์ ) - การเป็นคนมีสติ ขยัน เป็นคนดี หน้าที่การงานก็จะดีตามไปด้วย จะทำให้เราตั้งใจทำงาน เพราะธรรมะทำให้เราสงบ สมาธิก่อให้เกิดสติ ก่อให้เกิดปัญญา แก้ไขปัญหาต่างๆได้ดี แก้ไขอุปสรรคที่จะเจอได้เพราะมีสติ มีสมาธิ มีปัญญา ทำด้วยความเต็มใจ ความขยัน เจ้านายมองเห็นความดี อนาคตรุ่งครับ(หน้าที่การงาน ) - เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ อันนี้ก็จริง ยามเหงา ยามเศร้า ยามทุกข์ ยามสุข ไม่มีใครรับฟัง ก็สามารถพูดคุยบอกกล่าวกับเค้าได้ เค้าจะเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ตอบโต้ ไม่โต้แย้ง เป็นมิตรที่น่าคบหา สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจกับ พระศาสนาได้อย่างดี ให้เราพยายามเข้าถึงพระศาสนาอย่างจริงๆ บาปบุญคุณโทษ 18.กุมารจะเลี้ยงสำนักไหนดี กุมารทองที่นิยมบูชา มากที่สุดในประเทศไทย (จากพระเกจิชื่อดังในขณะนี้) 1.หลวงพ่อเต๋ คงทอง และหลวงพ่อแย้ม แห่งวัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม หลวงพ่อเต๋ท่านได้เรียนวิชาปลุกเสกกุมารทองมาจากหลวงพ่อทา (วัดพะเนียงแตก) และหลวงลุงแดง ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของหลวงพ่อเต๋ ประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึง มีกันแทบทุกราย 2.หลวงพ่อเส็ง วัดแหลมสุวรรณาราม จ.สมุทรสาคร ท่านสร้างลักษณะกุมารดูดรกขนาดห้อย หรือแขวนคอได้ เป็นพุทธคุณสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 3.หลวงปู่ฉาบ เขมจิตโต วัดคลองจันทร์ อ.หันคา จ.ชัยนาท ท่านสร้างกุมารทองไว้เช่นกัน 4.หลวงปู่หงส์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี อ.ประสาท จ.สุรินทร์ พระเถราจารย์สายเขมร ท่านก็สร้างกุมารทองได้ขลังเช่นกัน 5.หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ศิษย์ครูบาศรีวิชัยรุ่นสุดท้าย ที่ปลุกเสกกุมารทอง และลูกกรอกได้เข้มขลัง หลวงปู่ครูบาดวงดีมีอายุ 102 ปี 6.หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ท่านสร้างกุมารทองไว้เช่นกัน ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว - และอีกๆหลายๆท่าน ที่ไม่ได้เอ่ยถึง อีกหลายท่านที่ไม่ได้กล่าวมานี้เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มากมายเหลือเกิน - อยากให้เน้นที่พระเกจิ ที่ดังด้านนี้จริงๆ วัตถุประสงค์ของการสร้าง มิใช่สร้างตามกระแสกุมารทอง - จะว่าไปกุมารจะดีไม่ดี ผู้ปลุกเสกหนึ่งที่สำคัญ แต่อีกอย่างที่สำคัญกว่าคือผู้เลี้ยงดู ว่า ทำได้ดีแค่ไหน 19.คิดว่าจริงๆแล้วกุมารทองเค้ามีไว้เพื่ออะไร - ในความคิดผมนะ สิ่งที่ท่านเกจิ พระเกจิต่างๆได้แฝงไว้คือ - การที่เราเลี้ยงกุมาร ท่านแฝงให้เราทำบุญมากขึ้น เข้าวัดมากขึ้น ฟังธรรมมากขึ้น นั่งสมาธิมากขึ้น ค้นคว้าพระธรรมคำสอนมากขึ้น นี่คือจุดประสงค์หลักที่ท่านได้มอบให้มา เมื่อเราทำไปแล้วก็เกิดผล บางส่วนก็จะคิดว่ากุมารช่วยเหลือ จริงๆอาจจะมีส่วนถูก แต่ในหลายๆอย่างถ้าเรามีสติ มีปัญญา ทำเรื่องที่ถูก มันก็มักจะมีเรื่องดีๆเข้ามาหามิใช่หรือ. - หลักๆก็คง ทำให้เราเข้าถึง ธรรม บาปบุญคุณโทษมากขึ้น - เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ 20.กุมารช่วยเราได้มากแค่ไหน - จริงๆกุมารช่วยเราได้ไม่เกินกรรมที่เรามี - ความหมายของกรรม ไม่ต้องอธิบายนะครับ กุมารจะช่วยเราส่วนหนึ่ง รึเต็มที่ที่เค้าจะช่วยได้ มากน้อย ก็ไม่เกินกรรมที่เรามี ที่เราจะเจอ ทางที่ดีเมื่อเจอกรรมไม่ดีตาม ควรจะมีสติ ควรจะใช้ปัญญาไตร่ตรองให้รอบคอบ ศรัทธา ว่าจะต้องผ่านกรรมไม่ดีไปได้ ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้อย่างสวยงาม 21.ศรัทธากับงมงายต่างกันแค่ไหน - ศรัทธาคือความเชื่อ เชื่อว่ามีจริง เชื่อว่าทำได้จริง มีเหตุมีผลประกอบ เชื่อในสิ่งที่ใช้ปัญญาพิจารณาได้ว่าจริง - งมงายคือ เชื่ออย่างไม่มีเหตุผล ไม่สามารถมีข้อมูลประกอบได้จริง เป็นสิ่งที่ ไม่น่ามีมูลเหตุเป็นเรื่องจริง เชื่อเพราะคนอื่นบอกมา - อย่างที่ผมบอกว่า เจตนาแฝงของการสร้างกุมารคืออะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีจริง พระพุทธองค์ก็ไม่ได้ ปฎิเศษว่าไม่มีจริง รึว่าโลกวิญญาณไม่มีจริง แต่นั่นมิใช่หนทางของพระพุทธศาสนา ทางของพระพุทธองค์คือการ หลุดพ้นจาก วัฎสงสาร การเวียนว่ายตายเกิด มุ่งเข้าสู่พระนิพพาน ไม่ได้ให้ลุ่มหลงมัวเมาใน สิ่งพวกนี้ สิ่งเหล่านี้ มันคือ บ่วง กงล้อ แห่งการเวียนว่ายตายเกิด 22.เราสวดมนต์บทไหนให้กุมารได้บ้าง - ถ้าจะให้ผมแนะนำก็ บทสวดมนต์แปล ของหลวงพ่อจรัญ - ตามด้วยบทแผ่เมตรา ตนเอง ผู้อื่น บทกรวดน้ำ - พระคาถาชินบัญชรแบบแปล - ถ้ามีเวลาและสนุกกับการสวดมนต์ก็สวดเพิ่มอีกบทได้บทของ บทสวดมนต์ยอดพระกัณฐ์ไตรปิฏกแบบแปล - คำกล่าวสุดท้ายเมื่อสวดหมดแล้วก็ - ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนาในครั้งนี้ ให้กับ เจ้าลูกกุมารทองทั้งหลายของข้าพเจ้า ทั้งที่ข้าพเจ้าทราบก็ดีไม่ทราบก็ดี ที่อยู่กับข้าพเจ้าทุกดวงจิต ขอให้ลูกๆทั้งหลายของข้าพเจ้าเหล่านี้จงได้รับผลบุญในครั้งนี้ และอนุโมทนาบุญให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด สาธุ *********************************************************************** การเลี้ยงและบูชา กุมารทอง ฉบับล้านนา กุมารทองเป็นเครื่องลางของขลังประเภทมีจิตวิญญาณ กุมารของล้านนาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเห็นจะเป็นกุมารของหลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จังหวัดเชียงใหม่ กุมารของสามเณรวิเศษณ์ สิงห์คำ และกุมารทองของครูบาหาญ วัดดงลานครับ ส่วนทางฆราวาสเห็นจะมีพ่อหนานสม บ้านต๋ม จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนในจังหวัดแพร่ก็มีหลายท่านครับ จริงๆแล้วสำหรับคติเรื่องกุมารทองในล้านนาไม่มีครับ แต่ได้รับอิทธิพลมาจากทางภาคกลาง กุมารทองล้านนาจึงแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆคือ 1.กุมารทองเทพ กุมารทองเทพเป็นกุมารที่เกิดจากการตั้งธาตุ หนุนธาตุ และบรรจุมวลสารที่เป็นของมงคลล้วนๆ ไม่มีผงผีเจือปน อาจารย์ผู้ทำต้องมีจิตที่แข็งแกร่ง ต้องประสิทธิ์ประสาทอาคมให้ตัวกุมารทองมีพลังมากที่สุด ในนิมิตกุมารทองต้องดิ้นได้ นั่งบนกองเงินกองทอง เป็นต้น สำหรับกุมารประเภทนี้ ไม่มีอันตรายใดๆเพราะเป็นวิญาณสมมติขึ้นมา อาจเซ่นด้วยขนม น้ำหวานตามวาระโอกาส แต่ข้อจำกัดของกุมารทองประเภทนี้คือ บนบานสานกล่าวอาจเห็นผลช้า ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับว่าอาจารย์ผู้ทำกุมารทองประเภทนี้แข็งแกร่งเพียงใด อาจารย์ที่ทำกุมารทองประเภทนี้ได้เก่งที่สุดคือ อาจารย์ฝ่ายพระเกจิที่มีพรรษามากๆ และอาจารย์ที่เป็นหมออาคมสายพุทธคุณครับ และกุมารประเภทนี้ กำลังระบาดอย่างมากในสำนักทรง ถ้าเป็นกุมารปลอมก็จะไม่มีตัวตน เสมือนหุ่นธรรมดา แต่สำนักทรงบางสำนักที่ทำกุมารทองออกมาจริงๆ ในจังหวัดแพร่ที่มีชื่อเสียงได้แก่ กุมารทองสำนักทรงแม่เลี้ยงเย็น และกุมารทองเทพสำนักทรงพ่อหนานพร ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของประสบการณืแก่ศิษย์ในจังหวัดแพร่อย่างมากมาย ครับ 2 . กุมารกึ่งเทพกึ่งพราย กุมารประเภทนี้ คล้ายกับกุมารทองประเภทแรก แต่มวลสารที่ผสมเพิ่มเติมคือผงพรายกุมาร หรือผงอาถรรพ์ต่างๆ เช่นดินเจ็ดป่าช้า กระดูกผี น้ำมันพรายกุมารฯลฯ การทำกุมารประเภทนี้จะอาศัยการเชื้อเชิญเอาจิตวิญาณที่อยู่ในมวลสารอาถรรพ์ เหล่านั้นมาสถิตเพื่อสร้างบุญบารมี แต่จิตที่มาอยู่ในองค์กุมารนั้น ไม่ใช่จิตของผีพรายโดยตรง เป็นเพียงขวัญ(ล้านนาเรีกว่าขวัญ มีความเชื่อว่า วิญาณของมนุษย์เรามี 32 ขวัญ) แบ่งมาสถิตในองค์กุมาร กุมารทองประเภทนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะบูชาง่าย ไม่มีอันตราย เห็นผลเร็ว บางรายถ้าจิตสื่อถึงกันได้ก็สามารถมาบอกเหตุการณ์ต่างๆในฝันได้ ยิ่งไปกว่านั้นบางรายอาจสื่อกันถึงขั้นได้ยินเสียงกะซิบ หรือเห็นเป็นตัวเป็นตนเลยก็มี ความเก่งกล้าของกุมารประเภทนี้ ขึ้นอยู่กับบารมีของอาจารย์ที่ปลุกเสก ต้องทำด้วยใจบริสุทธิ์ และวิญญาณที่มาสิงสถิตย์ต้องเป็นวิญญาณที่พลีมาโดยถูกต้อง ไม่ได้มาในสภาพถูกบังคับ กุมารก็จะขลังมากๆ กุมารทองประเภทนี้ในจังหวัดแพร่ที่ผมรู้จักและเคยบูชามีอาจารย์น้อยโชคชัย บ้านนาแหลมใต้ที่ทำออกมาได้เข้มขลัง และอาจารย์ของท่านอีกท่านหนึ่งคือ ครูบาเจ้าแก้วก็เข้มขลังไม่แพ้กันครับแต่กุมารของท่านยังไม่มีออกให้บูชา ครับ มีแต่ลูกศิษย์หรือคนรู้จักมาขอร้องให้อาจารย์ท่านทำ แต่อาจารย์บอกว่ามวลสารยังไม่ครบตามตำราครับ 3. พรายกุมาร หรือผีพราย กุมารประเภทนี้ หลายๆท่านอ่านแล้วอาจสนใจ กุมารพรายประเภทนี้เป็นกุมารที่เกิดจากการผูกเอาผีเด็กมาใช้งาน ถ้าเป็นผีผู้ใหญ่เรียกว่า ผีพราย ขั้นตอนการทำคร่าวๆ อาจารย์ที่จะทำจะต้องเตรียมสะตง3แจ่ง(เครื่องพลีเลี้ยงผีตายโหงมีลักษณะเป็น กระทงของภาคเหนือ มี 3 มุม ภายในมีเครื่องเซ่นต่างๆ) พร้อมวัสดุที่จะให้กุมารหรือพรายสถิต เช่นขวดน้ำมัน หุ่น เป็นต้น แล้วไปตั้งเครื่องเซ่นที่ป่าช้า หรือทางสามแพร่ง ในกรณีที่จะเอาผีเด็ก ก็ต้องทราบข่าวมาว่าป่าช้าไหนมีศพเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีบ้าง เมื่อพลีเสร็จอาจารย์ก็จะประกอบพิธีกรรมบูชาเจ้าที่ แล้วก็ขอเอาผีพรายมาสิงสถิตในหุ่น หรือน้ำมัน แล้วว่ากล่าวเชื้อเชิญข้อแลกเปลี่ยนตามแต่อาจารย์จะกำหนด เมื่อธูปดับหมดแล้ว ก็พาพรายตนนั้นไปเซ่นเลี้ยงที่บ้าน กุมารพรายประเภทนี้ เป็นกุมารพรายของแท้ 100% บางอาจารย์มักเอาหัวกะโหลกมาเซ่นเลี้ยงเลยก็มี สำหรับข้อดีของกุมารประเภทนี้คือ มีตัวตนจริง สัมผัสได้จริงขึ้นอยู่กับสภาวจิต เห็นผลเร็วไว และสามารถสั่งใช้งานได้ตามใจชอบ ข้อเสียก็คือ กุมารประเภทนี้ต้องหมั่นเซ่นเลี้ยงทุกวันโกน(ก่อนวันพระ 1วัน)หรือวันพระ และต้องควบคุมให้ดี มิฉะนั้นกุมารจะสร้างความเดือดร้อนให้คนในบ้าน เช่นบ้านที่มีเด็กเล็กอาจจะรพกวนได้เพราะฉนั้นหากจะเลี้ยงกุมารประเภทนี้ต้องมีความรู้ครับ Create Date : 19 พฤษภาคม 2554 Last Update : 31 สิงหาคม 2554 12:07:08 น. � เรื่องเล่าแห่ง กุมารทอง เรื่องเล่าแห่ง กุมารทอง \"อาจจะยาวหน่อยนะครับ แต่รับรองว่า หากท่านคิดที่จะเลี้ยงกุมารทอง หรือท่านที่มีกุมารอยู่แล้ว ข้อความเหล่าวนี้ อาจจะเป็นประโยชน์ไม่มากก็น้อย สำหรับมือใหม่ หรือมือเก่า ที่อาจจะยังไม่รู้ในบางสิ่ง ขอบคุณครับ\" เรื่องเล่าแห่งกุมารทอง หากจะเล่าถึงกุมารทองหลายคนคงจะเคยได้ยินกุมารทองในตำนานของ ขุนแผน กุมารทอง ม้าสีหมอก ดาบฟ้าฟื้น แล้วจะเลี้ยงดูแลอย่างไร เลี้ยงยากไหม ทำเช่นไรจะสื่อกับเค้าได้ ให้โทษไหม เข้าตัวไหม เป็นคำถามที่ทุกคนอยากรู้หลายๆคนคงจะงง ว่ากุมารทองเป็นอะไร เป็นผี รึว่าเทพ รึเป็นพราย รึว่ากึ่งเทพกึ่งพราย ในการสร้างกุมารทองในอดีตนั้น จะนำเอาศพเด็กทารกมาทำพิธี ลงรัก ลงทองที่ตัวศพเด็กแล้วเอาไปย่างไฟ จนเกรียม พร้อมด้วยบริกรรมคาถา หนุนธาตุ ปรับธาตุ เล่นแร่แปรธาตุ จนกระทั่งสำเร็จเป็นกุมารทอง สาเหตที่เรีกกุมารทองส่วนนึงก็มาจาก การเอาทองคำเปลวไปปิดตามตัวของศพเด็กแล้วนำไปย่าง จนศพของเด็กนั้นเป็นสีทอง นี่ก็เลยเป็นตำนานของการเรียกชื่อกุมารทองว่าทำไมต้องชื่อกุมารทอง เป็นเพียงแค่กายภายนอก บางสำนักก็จะทำออกมาทรงดำ ก็จะเรียกกุมารดำ กุมารแดง แตกต่างกันชื่อ ลักษณะของหุ่น แต่ที่จริงแล้วก็คือ ผีเด็ก ก็คือ พรากุมาร แต่ก่อนจะเรียกกัน พราย กุมาร เทพกุมาร หรือว่า กุมารทอง พรายกุมารทอง หรือว่า กุมารทอง คือ ผี เป็นผีเด็ก ที่ถูกอันเชิญ ละถูกบังคับ ให้มาอยู่ในหุ่น เพื่อร่วมสร้างบารมี ร่วมสร้างบุญ กับเจ้าของ รึว่าเอามาไว้ใช้งานเรื่องต่างๆ ส่วนมากจะเป็นหุ่นเด็กผู้ชายเค้าถึงจะเรียกกุมารทอง เป็นหุ่นผู้หญิง จะเรียกกุมารี กุมารทองเทพ คือ กุมารทองที่ถูกอันเชิญมาจากสวรรค์ ชั้นต่างๆแล้วแต่บารมีของผู้อันเชิญว่าจะอันเชิญมาจากชั้นใด กุมารทองเทพส่วนมากจะให้คุณ ไม่มีโทษ แต่ถ้าเกิดเจ้าของไม่ดูแล ไม่สนใจ ทำบาป เค้าก็จะทอดทิ้งไปเช่นกันก็จะเหลือเพียงหุ่นเปล่าๆ ไร้ซึ่งจิต ส่วนกุมารที่ปัจจุบันเรียกกันว่า กึ่งเทพ กึ่ง พราย นั้น อันที่จริงก็สายพราย(ผีเด็กนั่นแหละ) แต่มีการตลาดมาเกี่ยวข้อง เรียกเพื่อให้แตกต่างดูดีออกไป คนจะได้สนใจมากขึ้นว่า นี่ สายพรายกึ่งเทพนะ น่าจะไม่มีอะไร แต่ที่จริงแล้ว ผู้จัดสร้างกุมารทองแบบนี้ออกมา ในความเป็นจริงก็คือสายพราย(ผีเด็ก) ดีดีนี่เอง แตกต่างเพียงแค่ว่าการอันเชิญดวงจิตของกุมารในระดับพรายที่ดวงจิตของเค้า เกือบแล้วที่จะไปเป็นเทพ คือประมาณว่า สั่งสมบุญอีกสักระยะก็อาจจะได้ไปเป็นเทพรึเทวดา แต่ก็ใช่ว่าเลี้ยงไป แค่ปีสองปีจะไปเป็นเทพเลย เวลาของโลกมนุษย์กับเวลาของเค้านั้นต่างกัน และก็ไม่ใช่ว่าทุกตนจะเป็นเทพไปได้หมด ขึ้นอยู่กับผู้เลี้ยงดูด้วย ใช้งานผิด ดูแลผิด เค้าอาจจะได้บาปมากกว่าบุญ อาจจะสอบตกมาเป็นพรายเต็มตัวก็ได้ใครจะรู้ กุมารทองสายพราย(ผีเด็ก) เป็นกุมารทองที่สร้างจากวัตถุอาถรรพ์ สร้างจาก กระดูกเด็ก รึว่าสร้างจากศพเด็ก มวลสารจัดสร้างเน้นไปทางภูติ ผี พราย เกจิที่สร้างเด่นด้านสร้างพราย กุมารในระดับนี้จะเป็น ผีเด็ก มีหลายครั้งที่เคยได้ยินว่าเกจิบางท่านเอามวลสารของคนตายที่เป็นผู้ใหญ่มาสร้าง ก็จะเห็นเป็นผีผู้ใหญ่ไม่ใช่กุมารทอง แต่อย่างไร จะว่าไปแล้ว กุมารทองไม่ว่าจะเป็น ผีเด็ก รึว่า เทพ ที่ถูกอันเชิญมา เมื่อเจ้าของดูแลไม่ดี ไม่สนใจใยดี ไม่ทำบุญให้เค้า เค้าก็พร้อมที่จะตีตัวออกห่างและจากไปในที่สุด กุมารทอง ไม่สามารถทำบุญเองได้ หาอะไรกินเองได้ ที่เค้าได้กิน ได้บุญส่วนมาก็จากผู้เป็นเจ้าของ เท่านั้นที่ทำให้ ดูแลดี ประพฤติดี เค้าก็พร้อมจะทำดีกับเรา ไม่ดูแลไม่สนใจ เค้าก็พร้อมจะเดินจากไปเช่นกันจะแตกต่างกันตรงที่ กุมารทองเทพ เค้าจะทานอาหารทิพย์ อาจจะแตกต่างกับกุมารพราย รึผีเด็กที่ยังติดในรูปรส กลิ่นเสียงแต่ถึงกระนั้น กุมารทองเทพหากเจ้าของไม่ดูแลให้ดีแล้ว ไม่มั่นทำบุญแล้ว เค้าก็พร้อมจะจากไปเช่นกัน ความเชื่อแบ่งออกเป็น 2 อย่าง 1.เชื่อแบบ ศรัทธา เชื่อว่ามีอยู่จริง แต่ก็พร้อมจะหาเหตุผลต่างๆมาร่วมวิเคราะห์ พิจารณา เชื่ออย่างมีสติ ใช้สติตรวจสอบ ตรวจดูอยู่เสมอ 2.เชื่อแบบ ศรัทธาสุดฉัน(เซ็นเซอร์)่ งมงาย ไร้สติ ซึ่งกลุ่มพวกนี้ได้หลุดจากโลกความเป็นจริงไปแล้ว คนกลุ่มนี้คิดว่า ตัวเองมีญานพิเศษ รู้ทุกเรื่อง เก่งไปหมด คนในกลุ่มที่สอง จะพยายามโชว์ตัวเองอยู่ตลอดเวลาว่า ไม่เหมือนใคร จะไม่งมงายอยู่ฝ่ายเดียว ต้องพาคนอื่นงมงายไปด้วย ด้วยการทัก ชักจูง พยายามโชว์ตัวเองเต็มที่ แนะนำในทางที่ถูกมิใช่แนะนำให้งมงาย แนะนำให้เล่นแต่พองาม มิใช่แนะนำให้งมงาย แนะนำให้ฝึกเพื่อรู้เห็นมิใช่แนะนำให้งมงาย แล้วคนที่มาจะเชื่ออะไรดี เชื่อใครดี 1.มาแล้วพยายามศึกษา มองหลายๆหลัก อย่ามองว่าเพราะมาก่อน อย่ามองเพราะมาหลัง อย่ามองเพราะตอบเยอะ อย่ามองว่าเพราะโพสเยอะ เลยเชื่อ 2.มองในหลักความเป็นจริงบ้าง พระพุทธองค์ ไม่ได้ปฏิเศษว่าไม่มีจริง แต่ท่านไม่ได้แนะนำ เพราะมันไม่ ใช่ทางออก วิถีแห่งพระองค์คือการหลุดพ้น นั่นย่อมหมายถึงมีอยู่จริง แต่เมื่อมีอยู่จริง ก็ควรเล่นอย่างมีสติ 3.เมื่ออ่านหลายๆที่ ศึกษาหลายๆมุมมองจะเริ่มเห็นความแตกต่าง เริ่มสับสน ตกลงมันเป็นอย่างไร เชื่อได้ไหม ใครแนะนำได้บ้าง มีเวลาก็เข้าวัดบ้างนะ ไปถามพระเกจิท่าน คนในนี้ไม่ได้เก่งกว่าพระ ไม่ได้รู้มากกว่าพระเกจิ ถามท่านลูก ถามท่านง่ายสุด ดีสุด คำถามตามท้องเรื่อง 1.เราจะรู้ได้อย่างไรว่ากุมารองค์ไหนเทพ องค์ไหนผี องค์ไหนพราย - ข้อแรก ให้ไปดูว่าเกจิท่านใดปลุกเสก ถ้าท่านยังอยู่สอบถามท่านง่ายสุด ว่าท่านสร้างมานั้นเป็น เทพรึผี การดูแล ดูแลอย่างไร ชอบอะไร ถามครูบาอาจารย์ท่านดีสุด แล้วสมมุติว่าอาจารย์ท่านสิ้นไปแล้วเราจะรู้ได้อย่างไรล่ะ คำตอบก็ลองสืบเสาะ ดูว่า ท่านสร้างมานั้นเป็นรุ่นไหน แบบใด 1.2. สังเกตเองได้ไหมว่าองค์ไหนเทพ องค์ไหน พราย - การดูเนื้อแล้วเดาไปเองนั้น บางทีอาจจะไม่ถูกเสมอไป ถ้าจะบอกว่า กุมารเนื้อทองเหลือง เรซิ่น ไม้ เป็นสายเทพและกุมารที่ทำจากวัตถุอาถรรพ์ คือกุมารสายพราย ในความเป็นจริง ถูกแค่บางส่วน ทำไมถึงกล่าวเช่นนั้น เรามาดูกัน เคยได้ยินว่า มีบางคนเห็นเด็กมาขออยู่ด้วย ฝันเห็น ไปปรึกษาพระเกจิบางรูป ให้ท่านช่วย แล้วเกจิก็ให้คนที่ฝันเห็นนั้น ไปหาหุ่นเรซิ่น รึหุ่นอะไรก็ได้มาสักชิ้น แล้วเรียกจิตเด็กคนนั้นเข้ามาอยู่ในหุ่น เพื่อที่คนที่ฝันเห็นจะได้เลี้ยงดูต่อไป แล้วเช่นนี้คิดว่าวิญญาณเด็กคนนั้นจะเป็นผีเด็ก รึว่าเทพล่ะ แล้วเคยได้ยินไหมว่า เกจิบางรูปนำดินอาถรรพ์ มาปั้นและปลุกเสกกุมารเรียกจิตเทพ เทวดาเด็ก มาสถิตในหุ่นกุมารเพื่อขอให้เทวดาเด็กเหล่านั้นมาร่วมทำบุญ และสร้างบารมีเพื่อที่จะได้อยู่ชั้นที่สูงขึ้นไป แล้วกุมารเหล่านี้ล่ะจะเรียกว่าอะไร เทพรึพราย แล้วท่านเคยเห็น หุ่นพระสีวลี ทำจากดินเนื้อดินอาถรรพ์ไหมล่ะ แม่นางกวักเนื้อดินอาถรรพ์ ท่านเป็นอะไรล่ะ เทพรึพราย สรุปแล้วดูจากเนื้อถูกส่วนนึง แต่ไม่ใช่ ง่ายที่สุด ดีที่สุด สอบถามเกจิผู้สร้างดีกว่า ชัดเจน เนื้อดินอาถรรพ์นั้นเป็นเพียงแค่สื่อเพื่อที่จะสื่อให้วิญญาณรึว่า เทพมาสถิตได้ง่ายขึ้น เห็นผลไวขึ้น 2.กุมารทององค์ไหนเต็มใจมา ร่วมทำบุญ กับองค์ไหนที่ถูกบังคับมา เพื่อมาเป็นกุมารทอง -เรื่องนี้เราทั่วไปดูไม่ออกหรอกครับ ว่าองค์ไหนเป็นอย่างไร เป็นเช่นไร ส่วนมากจะดูผู้สร้างเป็นหลัก พระเกจิ ทั่วไปที่ท่านได้สร้างกุมารขึ้นมานั้น ส่วนมากจะเป็นการเรียกจิต อันเชิญดวงจิตมาร่วมทำบุญทั้งนั้น แต่ส่วนของสายฆราวาส อันนี้ผมไม่มั่นใจว่าเค้าอันเชิญมารึกึ่งบังคับมา เพราะแต่ละท่านจะแตกต่างกันออกไป 3.เลี้ยงดูอย่างไร - การเลี้ยงดูนั้น ให้ดูตามสาย ขอคำแนะนำจากเกจิท่านที่ปลุกเสกด้วยว่าดูแลอย่างไร - สายพราย ให้อาหารทั่วไป ขนม นม เนย ของหวาน ข้าว กับข้าว ผลไม้ (ห้ามให้ของดิบ เนื้อดิบ) เรียกกินพร้อมกับเราเลยรึว่าจัดสำรับ ไว้ให้เค้าหนึ่งชุดก็ได้ รึว่าจะบอกเค้าว่าเราจะให้เค้าทุกๆวันพระ ก็ควรจัดให้เค้าทุกๆวันพระ - สายเทพ ปกติท่านที่เป็นเทพจะอิ่มทิพย์อยู่แล้ว รึอาจจะอยากกินเหมือนคนทั่วไปบ้าง ก็จัดให้ท่านให้เค้าได้กินแบบที่เรากินบ้างก็ได้ พวกขนม นม เนย ของหวาน ผลไม้ - จุดสำคัญ กุมารทองถือเรื่อง สัจจะนั้นสำคัญ รับปากอะไรไว้ก็ควรให้ของเช่นนั้น ห้ามบิดพลิ้วโดยเด็ดขาด 4.เราจะรู้ได้อย่างไรว่า กุมารอยู่กับเราแล้ว - ถ้าพูดกันตามตรงแล้ว บอกได้เลยครับว่า ยากมาก ยากมากที่จะรู้ว่ากุมารของเราที่นำมานั้น เข้าบ้านได้รึยัง มีจิตไหม มาอยู่กับเราแล้วไหม ผมเลี้ยงมาเป็นร้อยผมยังไม่รู้เลยว่า ตอนนี้องค์ไหนมีจิต ไม่มีจิต ในช่วงนี้ผมเสาะหาหนังสือ กุมารทอง จากที่ต่างๆมาอ่าน มาค้นคว้า ทำให้ได้มุมมอง แง่คิดต่างๆได้เยอะมาก บางเล่มที่พิมพ์ออกมา ขอบอกได้เลยว่ามั่วมาก บางเล่มที่พิมพ์ออกมา จริงบ้างเท็จบ้างจะเอาอะไรครับ ขนาดในหนังสือยังเอากุมารปลอมลงเลย แล้วจะเชื่อถือได้แค่ไหน บางเรื่องเพ้อฝัน มั่วไปหมด หาความเป็นจริงแทบไม่มีเลย การจะเลี้ยงกุมารทองไม่ใช่เรื่องยาก ถ้ารู้จักเลี้ยง เลี้ยงให้ดี ดูแลให้ดี และที่สำคัญต้องดูว่า เลี้ยงเพราะอะไร ถ้าจะเลี้ยงเพราะ อยากให้ออกมาโชว์ตัว ออกมาวิ่งให้เห็น ออกมาพูดคุย เหมือนคนปกติทั่วไป ขอเถอะครับ อย่านำเค้ามาเลี้ยงดูเลย มันจะบาปเปล่าๆ 5.เลี้ยงแล้วจะกินบุญเราไหม คำตอบ ปกติกุมารเค้าอยู่ได้ด้วยบุญของเราและบุญของเค้า ถ้าเราใช้งานเค้าบ่อยๆแต่ไม่ทำบุญให้เค้าก็เหมือนกับรถ ที่เติมน้ำมันแค่ครั้งเดียว ขับอย่างเดียวไม่เติม แล้วคิดว่าโอกาสที่น้ำมันมันจะหมดนะมีไหม โอกาสที่เราจะต้องเข็ญนะมีไหม แล้วจะกินบุญเราไหม เรื่องบุญ บุญของเรา ถ้าเราไม่ให้ใครแล้วมีหรือที่เค้าจะได้รับ ถ้าเราไม่อนุญาต ใครก็ไม่ได้ไป แต่ถ้าถามว่าเมื่อเราใช้งานเค้าเยอะๆแล้ว แต่เราไม่ยอมทำบุญให้เค้า ไม่ดูแลเค้า เค้าอาจจะไม่กินบุญเรา แต่เค้าอาจจะตัดบุญเรา โดยการทำให้เราเข้าไม่ถึงบุญ ทำไรติดขัด จากการแทนที่ว่าเค้าจะมาช่วยเราสร้างบารมี กลายเป็นว่าเค้ามาคอยขัดขวาง เส้นทางบุญของเราซะงั้น ดังเช่น จากการที่เราเคยค้าขายดี ลูกค้าเยอะ เงินทองไหลมาเทมา ตอนนี้ก็ทำไรติดขัดไปหมด หากินไม่ขึ้น เงินทองหดหาย โชคลาภไม่เกิด อาจจะเพราะเหตุนี้กระมัง พอเกิดเหตุแบบนี้ขึ้นคนเลยคิดไปว่าเค้ามากินบุญของเรา 6.แล้วถ้าเกิดเรา ลืมดูแลเค้านานๆ ลืมทุกอย่าง ไม่ว่าจะให้อาหาร ทำบุญ สวดมนต์ ลืมไปเลยว่ามีเค้าอยู่ในบ้าน แล้วตอนนี้นึกขึ้นได้ว่ามี จะกลับมาเลี้ยงดู ดูแลเค้า ไม่ทราบว่าจะยังมีจิตอยู่ไหม คำตอบ – แล้วแต่บุญ กรรม ของเรากับเค้า ว่ายังมีต่อกันอีกไหม เชื่อเรื่องบุพเพไหมล่ะ คนเราไม่ว่าจะเป็น ผี เป็นคน ย่อมมีอะไรบางอย่างต่อกันถึงทำให้มาเจอกันได้ ถ้าเรากับเค้ายังไม่หมดบุญต่อกัน ก็ยังคงอยู่ด้วยกันต่อไป มากล่าวถึง กุมารก่อนแล้วกัน กุมารบางสำนักถ้าเราไม่ได้เลี้ยงดูเป็นเวลานานๆ หรือว่า เราได้ละเลยต่อเค้าไปนานๆ เค้าอาจจะกลับไปยังวัด รึ ยังเกจิที่ปลุกเสกเค้าขึ้นมา แต่ก็กระนั้น กุมารบางตน บางองค์ก็ยังคงอยู่ในหุ่นนั้นต่อไป แม้นเราจะไม่ได้ดูแล เลยเป็นเวลายาวนาน นั่นอาจจะเพราะต่างฝ่ายต่างมีกรรมต่อกัน ที่ไม่สามารถแยกจากกันไปไหนได้ เอาล่ะมาว่าต่อเรื่องที่ว่า แล้วจะทำการดูแลต่อเราควรจะทำเช่นไร หลังจากที่ละเลยการปฏิบัติมานานแสนนาน ก่อนอื่นมามองตัวเองก่อนว่าพร้อมที่จะกลับมาเลี้ยงดูเค้าจริงๆ จังๆไหม ถ้าไม่ขอเถอะครับอย่าเลี้ยงเลย ส่งต่อให้คนอื่นที่พร้อมดูแลดีกว่าไหม ถ้าคุณคิดว่าคุณพร้อม เอาล่ะเรามาต่อกัน ก่อนอื่น หาข้าวปลาอาหาร ขนม นมเนย ผลไม้ มาขอขมาต่อกัน ถ้ามีใบฝอยจากวัด ก็เอามากาง เตรียมตัวสวดมนต์ เมื่อเตรียม ข้าวปลาอาหารพร้อมแล้ว เราก็เอาหุ่นกุมารทองที่เราได้หลงลืมไปแล้วนั้น มาวางพร้อมกับ สวดมนต์ที่ทางวัดรึทางเกจิได้มอบมาให้พร้อมกับเรียกชื่อเค้า บอกว่า ลูกของพ่อของแม่เอย พ่อแม่ต้องขอโทษเจ้า ที่หลงลืมเจ้า ไม่ดูแล ละเลยต่อเจ้าไปเป็นเวลานาน พ่อแม่อยากขอให้เจ้าให้อภัย ยกโทษให้พ่อกับแม่ด้วยเถิด หลังจากนี้ ต่อจากนี้ ขอให้ลูกจงมาอยู่กับพ่อแม่อีกครั้ง พ่อแม่ จะไม่ลืมเจ้าอีก จะพยายามทำบุญ ให้กับลูก จะพาลูกไปเที่ยว ไปเล่น ไปกินด้วยกัน ขอให้ลูกที่น่ารักของพ่อกับแม่ จงให้อภัยพ่อกับแม่นะลูกนะ เรามาเริ่มกันใหม่ พ่อกับแม่จะดูแลเจ้านะลูก และก็ขอให้ลูกของพ่อกับแม่ จงกลับมาปกปักษ์รักษาพ่อกับแม่อีกครั้ง กลับมาให้โชคให้ลาภกับพ่อกับแม่นะลูกนะ วันนี้ พ่อกับแม่ได้จัดข้าวปลา อาหาร ขนม ของหวานมาให้ลูก ขอลูกของพ่อกับแม่จงมากิน กินให้อิ่มนะลูก จากนี้ไปมาเริ่มกันใหม่นะ (จบ) จากนั้นก็เลี้ยงดูปกติเหมือนเดิมทุกประการ สำหรับท่านที่คิดว่าลูกกลับวัดไปแล้ว กลับไปที่เดิมแล้ว ไม่มั่นใจว่ามีจิตอยู่รึไม่ ก็พาหุ่นกุมารเดินทางไปที่วัดให้เกจิผู้สร้างเรียกจิตกลับมาที่หุ่นอีกครั้ง ก็ได้ เพื่อความสบายใจ 7.เลี้ยงกุมารทองสายไหนดี- คำตอบ –กุมารทองที่จะเลี้ยงมี 2 ลักษณะ 1. กุมารเทพ ข้อดี - เราไม่ต้องเซ่นเลี้ยงด้วยอาหารหยาบ - ไม่ให้โทษแก่ผู้เลี้ยงเมื่อเราไม่ได้เซ่นดูแล ข้อเสีย - เมื่อบนบาลอะไรแล้วได้ผลช้าหน่อย - ไม่ค่อยแสดงฤทธิ์เดชให้เห็น 2. กุมารพราย ข้อดี - แสดงฤทธิ์บ่อยๆ - ได้ผลเร็วเมื่อบนบาลแล้ว ข้อเสีย - ต้องเซ่นเลี้ยงด้วยอาหารหยาบอย่างขาดมิได้ (ยกเว้นบางตำหรับ) - หากขาดการเซ่นเลี้ยงแล้วอาจให้โทษแก่ผู้เลี้ยงได้ (ยกเว้นแต่อาจารย์ผู้สร้างนั้นกำกับมาดี) อาหารหยาบก็คือ ขนม น้ำแดง นม ผลไม้ ฯลฯ 8.แล้วเราจะทำบุญให้กับกุมารอย่างไรบ้าง เค้าถึงจะได้รับ คำตอบ – ทุกๆครั้งที่เราทำบุญเราคิดถึงเค้า เค้าก็ได้บุญ ดังเช่น การทำบุญด้วยวิธี ทาน เช่น การทำบุญ ใส่บาตร ตักบาตร อธิฐานถึงเค้าเค้าก็ได้รับ การทำบุญด้วยการ นั่งสมาธิ รึว่า ภาวนาสมาธิ ถือเป็นการทำบุญเช่นกัน ที่ได้มากกว่าทานบารมี หลังจากนั่งเสร็จก็แผ่ไปถึงเค้าเค้าก็ได้รับ การทำบุญด้วยการสวดมนต์ รึว่า การสวดภาวนา เป็นการทำบุญด้วยการระลึกถึง คุณของสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในการสวดบางบทอาจจะมีเหล่า เทพเทวดามาอนุโมทนาบุญด้วย หลังจากสวดเสร็จก็อุทิศบุญกุศลให้กับเค้าเค้าก็ได้รับ ทุกอย่างที่เราทำด้วยใจบริสุทธิ์ ไม่ว่าจะเป็นการ ทานบารมี ภาวนาสมาธิ สวดภาวนาบารมี อย่างไรเสียก็ถึงเค้า 9.เลี้ยงกุมารแล้ว เราจะเป็นผีปอบรึไม่ เค้าจะกินอวัยวะภายในของเรารึไม่ คำตอบ – เป็นเรื่องที่เป็นไปไม่ได้ กุมารทองสมัยนี้ ที่เห็นๆทุกวันนี้ส่วนมากจะมาจากพระเกจิ และฆราวาส แม้จะแตกต่างกันแต่ก็ยังเป็นมนต์ขาว ไม่มีทางเข้าตัว คนที่เป็นผีปอบ ผีกระสือ ส่วนมากก็จะเป็นคนเล่นคุณไสย์มนต์ดำ บางรายอาจจะสืบต่อๆกันมา จากปู่ย่าตายาย ที่เล่นของพวกมนต์ดำ แล้วเข้าตัวเอง ต้องหาผู้สืบทอดเพื่อให้ตัวเองพ้นทุกข์ พวกนี้น่าสงสารนัก ถือเป็นวิบากกรรมของเค้า แต่เท่าที่เห็นกุมารในสมัยนี้ บอกได้เลยว่าความเชื่อแบบนี้เป็นสิ่งที่ผิดมาก ไม่เป็นความจริงแต่อย่างไร 10.ขอที่เราให้ลูกกุมารไปแล้วเราลามาทานเองได้ไหม คำตอบ – ลามาทานเองได้ครับ ถ้าไม่ถือให้หนัก แต่...... ส่วนมากโดยทั่วไป บางคนที่เป็นองค์ สักยันต์ เล่นของสายเสนห์บางสาย เค้าถือว่าไม่ทานของผี เพราะจะทำให้ของเสื่อม ฉะนั้น คนในกลุ่มเสี่ยงเหล่านี้ ทางที่ดีไปปรึกษา ครูอาจารย์ของท่านว่าทานได้ไหม ถ้าไม่ได้ก็ไม่ควรทานครับ หรือว่าท่านจะเก็บสะสมแล้วเอาไปบริจาคก็ได้เช่นกัน ถือว่าเป็นทานอย่างหนึ่งด้วย ขนม ถ้ามีเยอะมากๆก็เอาไปให้เด็กๆผู้ยากไร้ 11.การฝันเห็นกุมาร สื่อถึงอะไร คำตอบ – ฝันก็คือฝัน แยกออกจากคำว่านิมิต ถ้าฝันทั่วไป ก็ตีความได้หลายสาเหตุ ฝันเพราะกินมาก วิตกมาก กังวลมาก ก็มักเก็บไปฝัน ฝันลางบอกเหตุ ก็อาจจะเป็นไปได้ ถ้าเคยมีประสบการณ์มาก่อนก็อาจจะเป็นไปได้ ที่ฝันนั้นอาจจะเป็นลางบอกเหตุ แต่เท่าที่เห็นส่วนมากที่คลุกคลี ในวงการนี้แล้วมาเล่าให้ฟัง ก็คือ ฝันฟุ้งซ่าน ฝันเพ้อเจ้อ ฝันเพราะจิตตก 12.การดูจิตกุมารเชื่อได้แค่ไหน คำตอบ คือ คุณมั่นใจแค่ไหนว่าคนที่ดูจิตคนนั้นนะของจริง ดูแม่น อย่าเอาเพราะเค้าดูแล้วได้ดั่งที่ใจคุณคิด เป็นอย่างที่คุณคิด เป็นอย่างที่ใจส่วนลึกของเราต้องการ แล้วถ้าเกิดเค้าดูแล้วไม่เป็นอย่างที่ใจเราคิดล่ะ เกิดเค้าทักแบบ หน้ามือเป็นหลังเท้าล่ะ คุณจะว่าอย่างไร คนที่สัมพัสเรื่องพวกนี้ได้ก็มีจริง แต่การที่จะทำถึงขั้นดูจิต เป็นเรื่องเป็นราวนั้นสิ แล้วคนที่เราไปดูนั้นเชื่อได้มากน้อยแค่ไหน ดูจิตกุมารก็เหมือนดูดวง หมอดูทายทัก เห็นหลายคนเหมือนกันไปดูหมอดู พอหมอดูทักด้านลบ เจ้าคนไปดูก็จิตตก ห่วง กังวล อยู่ไม่เป็นสุข ทั้งๆที่ไม่รู้ว่าเรื่องที่ไปดูจะแม่นจริงไหม จะเป็นจริงรึเปล่า อย่าไปจริงจังกับเรื่องพวกนี้มาก ผมไม่แนะนำเลยล่ะ จงเชื่อใจตัวเอง จงเชื่อมั่นในศรัทธาของคุณเองที่มีต่อเค้าจะดีกว่า อย่าไปขวนขวาย 13.ทำไมเวลาเลี้ยงกุมารแล้ว ต้องอยากได้กุมารเพิ่มเรื่อยๆ - อันนี้เป็นกันทุกคนครับ ความจริงแล้วถ้ามองในหลายๆมุมนะ เป็นไปได้ว่า เค้าอาจจะอยากได้เพื่อนเพิ่ม จึงดลใจให้เราอยากได้มาเรื่อยๆ รึอีกมุมหนึ่งก็คือ กิเลสของเราเอง ความอยากได้ของมนุษย์นั้นน่ากลัว ไม่มีหยุด อยากไม่รู้จบ แต่กระทั้งก่อนจะตายยังอยากได้เลย วิธีแก้ ตั้งใจให้แน่วแน่ ว่าจะหยุดแค่เพียงนี้ พยายามห่างสิ่งที่ยั่วยวน หาอย่างอื่นทำ อย่าพยายามให้กิเลสครอบงำเรามากนัก 14.การจุดธูป บอกกล่าวเจ้าที่ และการจุดธูปบูชากุมาร ทำไง - ในการจะนำกุมารเข้ามาในบ้านนั้น ครั้งแรกจะมีการจุดธูปเพื่อบอกกล่าว เทวดาผู้ดูแลบ้าน เจ้าที่เจ้าทาง ผีปู่ผีย่า ผีบ้านผีเรือน ที่ดูแลบ้านเราอยู่ ถ้าคิดว่าจะมีการนำเข้ามาอีกเรื่อยๆ ก็สามารถจุดแค่ครั้งเดียวแล้ว บอกกล่าวท่านไปเลยว่า จะมีลูกๆกุมารทองมาอีกเรื่อยๆนะครับขอให้ท่านเปิดทางให้เด็กๆเข้ามาในบ้าน ด้วยเถิด - จำนวนธูปที่ใช้ 16 ดอก สำหรับ ศาลพระภูมิเจ้าที่ ข้าพเจ้านาย.....วันนี้ได้นำลูกกุมารทองชื่อ..... เข้ามาอยู่ด้วยในบ้านเพื่อช่วยทำมาหากิน ช่วยทำมาค้าขาย ช่วยปกป้องคุ้มครองข้าพเจ้าเค้าเป็นเด็กดี เป็นเด็กน่ารัก ขอให้ท่านเจ้าที่เจ้าทาง เทวาอารักษ์ ผีปู่ผีย่า ผีตาผียาย ผีบ้านผีเรือน ที่ปกปักษ์รักษา บ้านหลังนี้ อาณาเขตบริเวณบ้านหลังนี้ จงเมตราเปิดทางเข้าออกให้ลูกกุมารทองของข้าพเจ้าด้วยเถิด และก็อยากให้ช่วยอบรมให้เค้าเป็นเด็กดี เป็นเด็กน่ารัก ช่วยข้าพเจ้าในทุกๆเรื่องด้วยเถิด - การจุดธูปบูชากุมาร กุมารแต่ละสำนักจะมีการจุดไม่เหมือนกัน แตกต่างกันบ้าง ถ้าใครเลี้ยงสำนักเดียวก็ง่ายหน่อยทำตามใบฝอยก็จบ แต่สำหรับคนเลี้ยงหลายที่ แต่ละวัดก็บอกไม่เหมือนกัน ถ้าจุดทุกสำนักไฟไหม้บ้านแน่ๆ สำลักควันตายแน่ๆ - ถามว่าจำเป็นไหม ที่ต้องจุดสำหรับผม ผมว่าไม่จำเป็น แล้วแต่คนถือนะครับ สำหรับผม ไม่ถือครับ ผมเชื่อว่าลูกๆอยู่ข้างกายผมตลอดเวลา จุดธูปนั้นบางคนถือว่าให้ลูกได้กลิ่นธูปเพื่อจะได้ตามกลิ่นธูปมาหาเรา ถ้าคนอื่นก็จุดเราก็จุด หวังว่าคงไม่เข้าบ้านผิดนะ (เอ้าฮา) ส่วนนึงที่ผมไม่จุดเพราะผมเป็นภูมิแพ้ ถ้ามีควันมากๆผมตายแน่ๆ หายใจไม่ออก - เอาไงดี ถ้าเชื่อผมใช้วิธีผมดูไหม มีทั้งแบบไม่จุดธูปและจุดธูป เอาล่ะ มาเริ่มกัน แบบผมเอาตามสะดวก - ถ้าเหมารวมผมใช้ 9 ดอกเลย ในการบูชา ในการให้อาหารในวันพระ รึว่าวันที่เราได้บอกกล่าวเค้าไว้ ที่เราตกลงกับเค้าไว้ว่าจะให้วันไหน - อีกแบบคือไม่จุดธูป (อันนี้ผมใช้ประจำ) ก่อนจะให้อาหาร ถวายอาหารให้เค้า ผมจะนั่งด้านหน้าพื้นที่จะวางสำรับอาหาร ก็บอกเค้าว่า ลูกๆกุมารทอง ลูกกุมารี ลูกรัก ลูกยม ลูกกรอก ลูกหุ่นพยนต์ทั้งหลายของพ่อเอ๋ย วันนี้พ่อนำ ข้าวปลาอาหารมาให้เจ้าทานแล้วนะ จงมารับมากินกัน ใครไม่อยู่ ใครไม่ได้ยินก็ไปตามกันมากิน เรียกกันมากิน กินก็กินด้วยกันแบ่งปันกัน ให้เหมือนครอบครัวเดียวกัน กินอิ่มแล้วก็ช่วยพ่อช่วยแม่ทำงาน กินให้อร่อยนะลูก 15.ถ้ามีลูกกุมารทั้งแบบเทพและพราย จัดวางแบบไหนดี - อันนี้แล้วแต่มุมมองแต่ละคนครับ บางคนให้เทพอยู่สูงกว่า แล้วก็แยกหิ้ง ออกจากกันไปเลย เหมือนแบ่งชนชั้นกันไปเลยว่า นี่หิ้งพรายนะ นี่หิ้งเทพนะ แล้วแต่ความคิดใครความคิดมันครับ แค่ให้กุมารทองอยู่ต่ำกว่าพระพุทธรูป รึว่า พระเกจิพอ สำหรับผม ผมไม่แยกหิ้งเลยไม่ว่ามาจากไหนทั้งหมดคือครอบครัวของผม คือลูกๆที่น่ารักของผม ไม่จำเป็นว่า ผีเด็กรึว่าเทวดาน้อย เราก็อยู่ด้วยกันได้ แต่ ด้วยการให้เกียรติ เราอาจจะให้เหล่าเทวดาน้อย เหล่าเทพเป็นพี่ในบ้าน แล้วให้พรายกุมาร ผีเด็กเป็นน้องก็ได้ แต่ผมไม่เคยคิดจะแยกหิ้งเลย (ยกเว้นว่าจะต้องซื้อห้องใหม่เพราะหิ้งเก่าเต็มจนล้น) วางรวมกัน พี่น้องกัน แตกต่างแค่คำเรียกขาน สำหรับผม จะให้ความสำคัญกับคำว่า ครอบครัว เป็นหลัก พ่อแม่ลูก เมื่อมาอยู่ด้วยกันและเมื่อมีเยอะๆขึ้นก็จะเป็น พ่อแม่ ลูกก็จะมี พี่ น้อง ทั้งหมดนั่นคือครอบครัว เป็นครอบครัวเดียวกัน ผมจะย้ำกับลูกๆเสมอ ดูแลกัน ปกป้องซึ่งกันและกัน เราเป็นครอบครัวเดียวกัน มีพ่อแม่ที่ดูแลลูกๆอยู่ก็คนเดียวกัน รักกันให้มาก รักกันให้มากๆเหมือนอย่างที่พ่อรักพวกเจ้า เรามีบุญร่วมกันถึงได้มาเจอกัน ในช่วงที่อยู่ด้วยกันนี้ ยังเจอกันอยู่นี้ จงรักกันให้มากๆนะลูก ดูแลทุกคนในครอบครัวด้วย 16.เลี้ยงกุมารบาปไหม - คำตอบส่วนแรก เลี้ยงเป็นเราได้บุญเค้าได้บุญ เลี้ยงพลาดใช้งานผิดเราบาปเค้าบาป - ปกติกุมารทองเค้าเกิดมาเพื่อช่วยสร้างบารมีร่วมกับมนุษย์เพื่ออัพเกรดตัวเอง ไปอยู่ในชั้นที่สูงกว่านี้ อาจจะจากพรายไปเป็นเทพ รึอาจจะไปเกิด เลยก็ได้ ถ้าคิดในมุมบวก เราที่เลี้ยงดูเค้าเหล่านั้น เราก็เหมือนเป็นผู้ช่วยให้เค้าได้ไปเกิด ช่วยให้เค้าได้บุญมากขึ้น ถ้าเค้าไม่ช่วยเราเค้าอาจจะต้องชดใช้กรรม จนกว่าจะไปเกิดก็ได้ ดังเช่นว่า เค้าอาจจะไปเกิดแล้วโดนทำแท้งตายก่อนกำหนด เกิดมาพิการ ครอบครัวร้าวฉาน ในความคิดอีกแง่มุมก็คือ ให้เค้ามาช่วยเรา และเค้าก็สั่งสมความดี เพื่อว่าจะได้มาเกิดเป็นมนุษย์ที่ดี เกิดมาในครอบครัวที่ดี เกิดมาเจอแต่สิ่งที่ดี คิดบวกได้บุญ - การที่เราเลี้ยงกุมารสังเกตไหมว่า เราทำบุญมากขึ้น เข้าวัดมากขึ้น มีสติมากขึ้น พิจารณามากขึ้นในทุกๆเรื่อง แล้วคิดว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้เราได้บาปรึบุญ เราทำบุญมากขึ้นอุทิศให้เค้ามากขึ้น แล้วเค้าจะได้บุญมากขึ้นไหมล่ะ - ตรงกันข้าม เราเอามาใช้งานในทางผิดๆ ไม่สนใจใยดีเค้า ปล่อยทิ้งๆขว้างๆ อดๆอยากๆ เลี้ยงแบบบุ๊บเฟ่ หากินเอง แบบนี้บาปชัวร์ - แบบไหนบ้างล่ะที่ใช้งานเค้าผิดๆ ก็แนวประเภท ใช้งานเค้าเชิงชู้สาว ใช้เค้าไปแกล้งคนอื่น ใช้ให้ช่วยในเรื่องการพนัน รังแกคนอื่นเราก็จะบาปเค้าก็จะบาป ไม่สนใจเค้า ไม่สนใจเลี้ยงดู วันๆกินแต่เหล้า เคล้านารี เล่นการพนัน ติดอบายมุข แบบนี้ เลี้ยงผีก็มีแต่บาปติดตัว ดวงตาไม่มีแสงธรรม ไม่เหมาะแก่การเลี้ยงดูของพวกนี้ 17.แล้วเลี้ยงกุมารช่วยในเรื่องอะไรได้บ้าง - เห็นหลักๆก็ ช่วยให้เราเข้าถึง บาป บุญ มากขึ้น - เข้าวัดมากขึ้น ทำบุญมากขึ้น สนใจในธรรมมากขึ้น (เข้าถึงธรรม) - สวดมนต์มากขึ้น อันนี้จริง (ระลึกถึงคุณความดี) - นั่งสมาธิมากขึ้น อันนี้ก็จริง เมื่อนั่งสมาธิมากขึ้นจะทำให้เรามีสติมากขึ้น ทำไรคิดรอบคอบมากขึ้น เมื่อมีสติ มีสมาธิ ทำอะไรก็ง่าย ล่วงไปด้วยดี มองเห็นทางสว่างอยู่เสมอ (ปัญญา สมาธิ) - เมื่อเราเป็นคนดี ก็จะเป็นที่รักของทุกคน ทำให้เรามีเสนห์มากขึ้นเพราะความดีของเราที่ทำเป็นกิจวัตร ( เรื่อง เมตรา เสนห์ ) - การเป็นคนมีสติ ขยัน เป็นคนดี หน้าที่การงานก็จะดีตามไปด้วย จะทำให้เราตั้งใจทำงาน เพราะธรรมะทำให้เราสงบ สมาธิก่อให้เกิดสติ ก่อให้เกิดปัญญา แก้ไขปัญหาต่างๆได้ดี แก้ไขอุปสรรคที่จะเจอได้เพราะมีสติ มีสมาธิ มีปัญญา ทำด้วยความเต็มใจ ความขยัน เจ้านายมองเห็นความดี อนาคตรุ่งครับ(หน้าที่การงาน ) - เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ อันนี้ก็จริง ยามเหงา ยามเศร้า ยามทุกข์ ยามสุข ไม่มีใครรับฟัง ก็สามารถพูดคุยบอกกล่าวกับเค้าได้ เค้าจะเป็นผู้ฟังที่ดี ไม่ตอบโต้ ไม่โต้แย้ง เป็นมิตรที่น่าคบหา สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจกับ พระศาสนาได้อย่างดี ให้เราพยายามเข้าถึงพระศาสนาอย่างจริงๆ บาปบุญคุณโทษ 18.กุมารจะเลี้ยงสำนักไหนดี กุมารทองที่นิยมบูชา มากที่สุดในประเทศไทย (จากพระเกจิชื่อดังในขณะนี้) 1.หลวงพ่อเต๋ คงทอง และหลวงพ่อแย้ม แห่งวัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐม หลวงพ่อเต๋ท่านได้เรียนวิชาปลุกเสกกุมารทองมาจากหลวงพ่อทา (วัดพะเนียงแตก) และหลวงลุงแดง ซึ่งมีศักดิ์เป็นลุงของหลวงพ่อเต๋ ประสบการณ์ไม่ต้องพูดถึง มีกันแทบทุกราย 2.หลวงพ่อเส็ง วัดแหลมสุวรรณาราม จ.สมุทรสาคร ท่านสร้างลักษณะกุมารดูดรกขนาดห้อย หรือแขวนคอได้ เป็นพุทธคุณสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 3.หลวงปู่ฉาบ เขมจิตโต วัดคลองจันทร์ อ.หันคา จ.ชัยนาท ท่านสร้างกุมารทองไว้เช่นกัน 4.หลวงปู่หงส์ พรหมปัญโญ วัดเพชรบุรี อ.ประสาท จ.สุรินทร์ พระเถราจารย์สายเขมร ท่านก็สร้างกุมารทองได้ขลังเช่นกัน 5.หลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี อ.สันป่าตอง จ.เชียงใหม่ ศิษย์ครูบาศรีวิชัยรุ่นสุดท้าย ที่ปลุกเสกกุมารทอง และลูกกรอกได้เข้มขลัง หลวงปู่ครูบาดวงดีมีอายุ 102 ปี 6.หลวงพ่อพูล วัดไผ่ล้อม จังหวัดนครปฐม ท่านสร้างกุมารทองไว้เช่นกัน ปัจจุบันมรณภาพไปแล้ว - และอีกๆหลายๆท่าน ที่ไม่ได้เอ่ยถึง อีกหลายท่านที่ไม่ได้กล่าวมานี้เป็นพระที่ปฏิบัติดีปฏิบัติชอบ มากมายเหลือเกิน - อยากให้เน้นที่พระเกจิ ที่ดังด้านนี้จริงๆ วัตถุประสงค์ของการสร้าง มิใช่สร้างตามกระแสกุมารทอง - จะว่าไปกุมารจะดีไม่ดี ผู้ปลุกเสกหนึ่งที่สำคัญ แต่อีกอย่างที่สำคัญกว่าคือผู้เลี้ยงดู ว่า ทำได้ดีแค่ไหน 19.คิดว่าจริงๆแล้วกุมารทองเค้ามีไว้เพื่ออะไร - ในความคิดผมนะ สิ่งที่ท่านเกจิ พระเกจิต่างๆได้แฝงไว้คือ - การที่เราเลี้ยงกุมาร ท่านแฝงให้เราทำบุญมากขึ้น เข้าวัดมากขึ้น ฟังธรรมมากขึ้น นั่งสมาธิมากขึ้น ค้นคว้าพระธรรมคำสอนมากขึ้น นี่คือจุดประสงค์หลักที่ท่านได้มอบให้มา เมื่อเราทำไปแล้วก็เกิดผล บางส่วนก็จะคิดว่ากุมารช่วยเหลือ จริงๆอาจจะมีส่วนถูก แต่ในหลายๆอย่างถ้าเรามีสติ มีปัญญา ทำเรื่องที่ถูก มันก็มักจะมีเรื่องดีๆเข้ามาหามิใช่หรือ. - หลักๆก็คง ทำให้เราเข้าถึง ธรรม บาปบุญคุณโทษมากขึ้น - เป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจ 20.กุมารช่วยเราได้มากแค่ไหน - จริงๆกุมารช่วยเราได้ไม่เกินกรรมที่เรามี - ความหมายของกรรม ไม่ต้องอธิบายนะครับ กุมารจะช่วยเราส่วนหนึ่ง รึเต็มที่ที่เค้าจะช่วยได้ มากน้อย ก็ไม่เกินกรรมที่เรามี ที่เราจะเจอ ทางที่ดีเมื่อเจอกรรมไม่ดีตาม ควรจะมีสติ ควรจะใช้ปัญญาไตร่ตรองให้รอบคอบ ศรัทธา ว่าจะต้องผ่านกรรมไม่ดีไปได้ ทุกอย่างก็จะผ่านไปได้อย่างสวยงาม 21.ศรัทธากับงมงายต่างกันแค่ไหน - ศรัทธาคือความเชื่อ เชื่อว่ามีจริง เชื่อว่าทำได้จริง มีเหตุมีผลประกอบ เชื่อในสิ่งที่ใช้ปัญญาพิจารณาได้ว่าจริง - งมงายคือ เชื่ออย่างไม่มีเหตุผล ไม่สามารถมีข้อมูลประกอบได้จริง เป็นสิ่งที่ ไม่น่ามีมูลเหตุเป็นเรื่องจริง เชื่อเพราะคนอื่นบอกมา - อย่างที่ผมบอกว่า เจตนาแฝงของการสร้างกุมารคืออะไร แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าไม่มีจริง พระพุทธองค์ก็ไม่ได้ ปฎิเศษว่าไม่มีจริง รึว่าโลกวิญญาณไม่มีจริง แต่นั่นมิใช่หนทางของพระพุทธศาสนา ทางของพระพุทธองค์คือการ หลุดพ้นจาก วัฎสงสาร การเวียนว่ายตายเกิด มุ่งเข้าสู่พระนิพพาน ไม่ได้ให้ลุ่มหลงมัวเมาใน สิ่งพวกนี้ สิ่งเหล่านี้ มันคือ บ่วง กงล้อ แห่งการเวียนว่ายตายเกิด 22.เราสวดมนต์บทไหนให้กุมารได้บ้าง - ถ้าจะให้ผมแนะนำก็ บทสวดมนต์แปล ของหลวงพ่อจรัญ - ตามด้วยบทแผ่เมตรา ตนเอง ผู้อื่น บทกรวดน้ำ - พระคาถาชินบัญชรแบบแปล - ถ้ามีเวลาและสนุกกับการสวดมนต์ก็สวดเพิ่มอีกบทได้บทของ บทสวดมนต์ยอดพระกัณฐ์ไตรปิฏกแบบแปล - คำกล่าวสุดท้ายเมื่อสวดหมดแล้วก็ - ข้าพเจ้าขออุทิศบุญกุศลจากการเจริญภาวนาในครั้งนี้ ให้กับ เจ้าลูกกุมารทองทั้งหลายของข้าพเจ้า ทั้งที่ข้าพเจ้าทราบก็ดีไม่ทราบก็ดี ที่อยู่กับข้าพเจ้าทุกดวงจิต ขอให้ลูกๆทั้งหลายของข้าพเจ้าเหล่านี้จงได้รับผลบุญในครั้งนี้ และอนุโมทนาบุญให้กับข้าพเจ้าด้วยเถิด สาธุ *********************************************************************** การเลี้ยงและบูชา กุมารทอง ฉบับล้านนา กุมารทองเป็นเครื่องลางของขลังประเภทมีจิตวิญญาณ กุมารของล้านนาที่มีชื่อเสียงมากที่สุดเห็นจะเป็นกุมารของหลวงปู่ครูบาดวงดี วัดท่าจำปี จังหวัดเชียงใหม่ กุมารของสามเณรวิเศษณ์ สิงห์คำ และกุมารทองของครูบาหาญ วัดดงลานครับ ส่วนทางฆราวาสเห็นจะมีพ่อหนานสม บ้านต๋ม จังหวัดเชียงใหม่ ส่วนในจังหวัดแพร่ก็มีหลายท่านครับ จริงๆแล้วสำหรับคติเรื่องกุมารทองในล้านนาไม่มีครับ แต่ได้รับอิทธิพลมาจากทางภาคกลาง กุมารทองล้านนาจึงแบ่งออกเป็น 3 ประเภทใหญ่ๆคือ 1.กุมารทองเทพ กุมารทองเทพเป็นกุมารที่เกิดจากการตั้งธาตุ หนุนธาตุ และบรรจุมวลสารที่เป็นของมงคลล้วนๆ ไม่มีผงผีเจือปน อาจารย์ผู้ทำต้องมีจิตที่แข็งแกร่ง ต้องประสิทธิ์ประสาทอาคมให้ตัวกุมารทองมีพลังมากที่สุด ในนิมิตกุมารทองต้องดิ้นได้ นั่งบนกองเงินกองทอง เป็นต้น สำหรับกุมารประเภทนี้ ไม่มีอันตรายใดๆเพราะเป็นวิญาณสมมติขึ้นมา อาจเซ่นด้วยขนม น้ำหวานตามวาระโอกาส แต่ข้อจำกัดของกุมารทองประเภทนี้คือ บนบานสานกล่าวอาจเห็นผลช้า ซึ่งต้องขึ้นอยู่กับว่าอาจารย์ผู้ทำกุมารทองประเภทนี้แข็งแกร่งเพียงใด อาจารย์ที่ทำกุมารทองประเภทนี้ได้เก่งที่สุดคือ อาจารย์ฝ่ายพระเกจิที่มีพรรษามากๆ และอาจารย์ที่เป็นหมออาคมสายพุทธคุณครับ และกุมารประเภทนี้ กำลังระบาดอย่างมากในสำนักทรง ถ้าเป็นกุมารปลอมก็จะไม่มีตัวตน เสมือนหุ่นธรรมดา แต่สำนักทรงบางสำนักที่ทำกุมารทองออกมาจริงๆ ในจังหวัดแพร่ที่มีชื่อเสียงได้แก่ กุมารทองสำนักทรงแม่เลี้ยงเย็น และกุมารทองเทพสำนักทรงพ่อหนานพร ซึ่งเป็นที่ประจักษ์ในเรื่องของประสบการณืแก่ศิษย์ในจังหวัดแพร่อย่างมากมาย ครับ 2 . กุมารกึ่งเทพกึ่งพราย กุมารประเภทนี้ คล้ายกับกุมารทองประเภทแรก แต่มวลสารที่ผสมเพิ่มเติมคือผงพรายกุมาร หรือผงอาถรรพ์ต่างๆ เช่นดินเจ็ดป่าช้า กระดูกผี น้ำมันพรายกุมารฯลฯ การทำกุมารประเภทนี้จะอาศัยการเชื้อเชิญเอาจิตวิญาณที่อยู่ในมวลสารอาถรรพ์ เหล่านั้นมาสถิตเพื่อสร้างบุญบารมี แต่จิตที่มาอยู่ในองค์กุมารนั้น ไม่ใช่จิตของผีพรายโดยตรง เป็นเพียงขวัญ(ล้านนาเรีกว่าขวัญ มีความเชื่อว่า วิญาณของมนุษย์เรามี 32 ขวัญ) แบ่งมาสถิตในองค์กุมาร กุมารทองประเภทนี้เป็นที่นิยมมาก เพราะบูชาง่าย ไม่มีอันตราย เห็นผลเร็ว บางรายถ้าจิตสื่อถึงกันได้ก็สามารถมาบอกเหตุการณ์ต่างๆในฝันได้ ยิ่งไปกว่านั้นบางรายอาจสื่อกันถึงขั้นได้ยินเสียงกะซิบ หรือเห็นเป็นตัวเป็นตนเลยก็มี ความเก่งกล้าของกุมารประเภทนี้ ขึ้นอยู่กับบารมีของอาจารย์ที่ปลุกเสก ต้องทำด้วยใจบริสุทธิ์ และวิญญาณที่มาสิงสถิตย์ต้องเป็นวิญญาณที่พลีมาโดยถูกต้อง ไม่ได้มาในสภาพถูกบังคับ กุมารก็จะขลังมากๆ กุมารทองประเภทนี้ในจังหวัดแพร่ที่ผมรู้จักและเคยบูชามีอาจารย์น้อยโชคชัย บ้านนาแหลมใต้ที่ทำออกมาได้เข้มขลัง และอาจารย์ของท่านอีกท่านหนึ่งคือ ครูบาเจ้าแก้วก็เข้มขลังไม่แพ้กันครับแต่กุมารของท่านยังไม่มีออกให้บูชา ครับ มีแต่ลูกศิษย์หรือคนรู้จักมาขอร้องให้อาจารย์ท่านทำ แต่อาจารย์บอกว่ามวลสารยังไม่ครบตามตำราครับ 3. พรายกุมาร หรือผีพราย กุมารประเภทนี้ หลายๆท่านอ่านแล้วอาจสนใจ กุมารพรายประเภทนี้เป็นกุมารที่เกิดจากการผูกเอาผีเด็กมาใช้งาน ถ้าเป็นผีผู้ใหญ่เรียกว่า ผีพราย ขั้นตอนการทำคร่าวๆ อาจารย์ที่จะทำจะต้องเตรียมสะตง3แจ่ง(เครื่องพลีเลี้ยงผีตายโหงมีลักษณะเป็น กระทงของภาคเหนือ มี 3 มุม ภายในมีเครื่องเซ่นต่างๆ) พร้อมวัสดุที่จะให้กุมารหรือพรายสถิต เช่นขวดน้ำมัน หุ่น เป็นต้น แล้วไปตั้งเครื่องเซ่นที่ป่าช้า หรือทางสามแพร่ง ในกรณีที่จะเอาผีเด็ก ก็ต้องทราบข่าวมาว่าป่าช้าไหนมีศพเด็กอายุไม่เกิน 15 ปีบ้าง เมื่อพลีเสร็จอาจารย์ก็จะประกอบพิธีกรรมบูชาเจ้าที่ แล้วก็ขอเอาผีพรายมาสิงสถิตในหุ่น หรือน้ำมัน แล้วว่ากล่าวเชื้อเชิญข้อแลกเปลี่ยนตามแต่อาจารย์จะกำหนด เมื่อธูปดับหมดแล้ว ก็พาพรายตนนั้นไปเซ่นเลี้ยงที่บ้าน กุมารพรายประเภทนี้ เป็นกุมารพรายของแท้ 100% บางอาจารย์มักเอาหัวกะโหลกมาเซ่นเลี้ยงเลยก็มี สำหรับข้อดีของกุมารประเภทนี้คือ มีตัวตนจริง สัมผัสได้จริงขึ้นอยู่กับสภาวจิต เห็นผลเร็วไว และสามารถสั่งใช้งานได้ตามใจชอบ ข้อเสียก็คือ กุมารประเภทนี้ต้องหมั่นเซ่นเลี้ยงทุกวันโกน(ก่อนวันพระ 1วัน)หรือวันพระ และต้องควบคุมให้ดี มิฉะนั้นกุมารจะสร้างความเดือดร้อนให้คนในบ้าน เช่นบ้านที่มีเด็กเล็กอาจจะรพกวนได้เพราะฉนั้นหากจะเลี้ยงกุมารประเภทนี้ต้องมีความรู้ครับ Create Date : 19 พฤษภาคม 2554 Last Update : 31 สิงหาคม 2554 12:07:08 น. �
กุมารทอง 103.1.167.199	ความคิดเห็นที่ 4 03/09/2011 , 23:06 Quote คำถามบางข้อ อาจซ้ำ. แต่บางข้อก็น่าสนใจครับ เอาไว้อ่านประดับความรู้ครับ สำหรับบางข้อ คำถามบางข้อ อาจซ้ำ. แต่บางข้อก็น่าสนใจครับ เอาไว้อ่านประดับความรู้ครับ สำหรับบางข้อ
ตุ๊กตาทอง 125.26.56.108	ความคิดเห็นที่ 5 04/09/2011 , 07:48 Quote สุดยอดครับ เช้ามาก็ได้รับความรู้เลย ขอบคุณครับพี่ สุดยอดครับ เช้ามาก็ได้รับความรู้เลย ขอบคุณครับพี่
... http://เอาlinkมาเลยดีกว่าครับทีเดียวจบ 82.145.211.26	ความคิดเห็นที่ 6 04/09/2011 , 09:51 Quote http://เอาlinkมาเลยดีกว่าครับทีเดียวจบ
Jae 223.205.53.48	ความคิดเห็นที่ 7 05/09/2011 , 10:15 Quote 8.ข้อห้ามกาละข้อห้ามทางกาละ แต่ Jae ทำประจำ เหอๆ.............. .ห้ามผิวปากเวลากลางคืนเชื่อว่าจะโดนคุณไสยที่ล่องลอยอยู่ .ห้ามบ้วนน้ำลายลงโถส้วมเชื่อว่าวาจาจะเสื่อม (ชอบอาเจียนบ่อย เวลาอาเจียนมันก็ต้องบ้วนน้ำลาย) .ห้ามนั่งบนขั้นบันไดเพราะผีบ้านผีเรือนไม่ชอบ (ไม่รู้เป็นอะไร ชอบนั่งมาก) .ห้ามนุ่งผ้าเปียกเข้าบ้านเพราะเชื่อว่าผีไม่กลัวและจะทำให้ปวดท้อง ยังไงก็ขอบใจหลายๆที่หามาให้อ่าน ไม่ต้องเอาลิงค์มาหรอก เหอๆ เจ๊โง่เปิดไม่ค่อยเป็น 8.ข้อห้ามกาละข้อห้ามทางกาละ แต่ Jae ทำประจำ เหอๆ.............. .ห้ามผิวปากเวลากลางคืนเชื่อว่าจะโดนคุณไสยที่ล่องลอยอยู่ .ห้ามบ้วนน้ำลายลงโถส้วมเชื่อว่าวาจาจะเสื่อม (ชอบอาเจียนบ่อย เวลาอาเจียนมันก็ต้องบ้วนน้ำลาย) .ห้ามนั่งบนขั้นบันไดเพราะผีบ้านผีเรือนไม่ชอบ (ไม่รู้เป็นอะไร ชอบนั่งมาก) .ห้ามนุ่งผ้าเปียกเข้าบ้านเพราะเชื่อว่าผีไม่กลัวและจะทำให้ปวดท้อง ยังไงก็ขอบใจหลายๆที่หามาให้อ่าน ไม่ต้องเอาลิงค์มาหรอก เหอๆ เจ๊โง่เปิดไม่ค่อยเป็น
จ๊ะ ทิง จา 61.90.95.203	ความคิดเห็นที่ 8 05/09/2011 , 21:26 Quote เป็นความรู้ที่ดีมากๆ...เพิ่มเติมได้เยอะเลย...ขอบคุณมากครับ...ส่วนคนไหนที่มาป่วน เช่น (...) เป็นต้นแถวบ้านผมเรียกว่า เกรียน + กาก คนเขาอุส่าหาความรู้มาให้ ไอนี่ ไม่รู้จักบุญคุณ สงสัย คนทางบ้านไม่สั่งไม่สอน เป็นความรู้ที่ดีมากๆ...เพิ่มเติมได้เยอะเลย...ขอบคุณมากครับ...ส่วนคนไหนที่มาป่วน เช่น (...) เป็นต้นแถวบ้านผมเรียกว่า เกรียน + กาก คนเขาอุส่าหาความรู้มาให้ ไอนี่ ไม่รู้จักบุญคุณ สงสัย คนทางบ้านไม่สั่งไม่สอน
... http://สอนให้กรูเตะปาก... 82.145.208.28	ความคิดเห็นที่ 9 07/09/2011 , 05:56 Quote http://สอนให้กรูเตะปาก...
เทวา 180.183.179.230	ความคิดเห็นที่ 10 13/09/2011 , 07:05 Quote ถ้าเกิดจะเอาเข้า หอพักอะคับ แต่เจ้าของหอไม่ยอมให้จุดทูปไหว้เจ้าที่ทำไงดี ถ้าเกิดจะเอาเข้า หอพักอะคับ แต่เจ้าของหอไม่ยอมให้จุดทูปไหว้เจ้าที่ทำไงดี
เหมียว kp.kanittha@hotmail.co.th 171.97.180.136	ความคิดเห็นที่ 11 07/11/2015 , 20:44 Quote ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณนะค่เ ดีมากเลยค่ะ ขอบคุณนะค่เ