http://www.kumanthongsiam.com
    สร้างเว็บไซต์Engine by iGetWeb.com 
 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด
ค้นหา  ประเภทการค้นหา   Cart รายการสั่งซื้อ (0) 
สถิติ
เปิดเว็บไซต์ 24/05/2008
ปรับปรุง 10/07/2021
สถิติผู้เข้าชม23,953,565
Page Views33,390,641
Menu
หน้าแรก
รวมรูปภาพ
เว็บบอร์ด
« April 2024»
SMTWTFS
 123456
78910111213
14151617181920
21222324252627
282930    

 


คู่มือหัดเลี้ยงกุมารทอง สำหรับผู้เริ่มหัดเลี้ยงกุมาร !!!!!

(อ่าน 11544/ ตอบ 76)

sanoru

ข้อพึงระลึกผู้ที่จะเริ่มเลี้ยงกุมารทอง

1. เราต้องพร้อมที่จะเลี้ยงดูเค้าคำว่าพร้อมก็คือ ตนเองมีเวลาเลี้ยงดู ที่บ้านยอมรับ

2. พึงระลึกไว้ว่าเค้าคือลูกของเราจริงๆ คนส่วนใหญ่ที่หัดเลี้ยงมักจะลืมไปว่าเค้ามีจิตวิญญานเป็นเด็กเหมือนกันเพียงแต่ว่าเราไม่รู้ไม่เห็นว่าเคาอยู่ตรงไหน จึงลืมไปว่าเค้ามีชีวิต ข้อนี้ต้องละรึกไว้เสมอเลย

3. หมั่นคุยเล่นกับเค้า อย่างที่บอกครับว่าเค้าคือลูกของเราจริงๆ เราก็ต้องหมั่นคุยเล่นกับเขาบ้าง

4. หาของเล่นหรือขนมให้ลูกๆเราตามสมควร เมื่อเวลาเราใช้งานให้เค้าทำงานเช่น บน หรือ ถึงวันพระวันสำคัญ เราก็ควรหาขนมหรือของเล่นไปให้เขาบ้าง (ตุ๊กตาทองของ หลวงปู่แย้ม วัดสามง่ามนั้น ควรจะต้องถวายข้าวทุกๆวันตามตำรับของ หลวงปู่ท่าน)

5. รู้จักดุกำราบหากว่ากุมารทองดื้อซน แน่นอนครับเป็นเด็กก็ต้องซน เวลาซนก็ต้องดุกำราบบ้างไม่ให้ซนหรือดื้อ โดยปกติแล้วผู้เลี้ยงส่วนใหญ่จะใช้คาถากำราบเอาแต่การใช้คาถากำราบนั้นก็เหมือนเอาไม้มาเฆี่ยนตีนี่แหละครับ ผมจึงแนะนำให้เราใช้คำพูดคำจากับเขาก่อนหรือดุด้วยวาจาก่อน หากยังไม่หยุดซนค่อยใช้คาถาเป็นครับ


เครดิต คุณgumaro ชมรมกุมารทอง

sanoru

การตั้งชื่อกุมารทอง

1. การตั้งชื่อกุมารทองนั้นแบ่งออกเป็น 3 แบบด้วยกัน
1.1 ตั้งชื่อเน้นทางด้านโชคลาภ เช่น เรียกทรัพย์ ทรัพย์อนันต์ ทองไหลมา พูนลาภ เป็นต้น

1.2 ชื่อเน้นในทางดุดัน เฝ้าบ้าน เช่น กล้า แกร่ง คง มั่น เพชร หาญ ชัย เป็นต้น



sanoru

ขั้นตอนการนำเข้าบ้าน

1. หาที่อันสมควรให้แก่กุมารทองโดยไม่ตั้งสูงกว่าพระ และไม่ต่ำติดพื้น และไม่หันหน้าไปทางทิศตะวันตก

2. จุดธูป 12 ดอกกลางแจ้ง บอกกล่าวขออนุญาติเจ้าที่เจ้าทาง พระภูมิ สิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบ้าน ผีบรรพบุรุษ ว่าเราจะนำกุมารทอง รักยม ลูกกรอก หรือพยนต์เข้ามาเลี้ยงในบ้าน

3. นำหุ่นกุมารทองเข้าบ้านแล้วหาน้ำสะอาด 1 แก้วตั้งที่หน้าหิ้ง โดยกุมารพรายแยก 1 หิ้ง กุมารเทพแยก 1 หิ้ง แล้วบอกกล่าวกุมารทองว่าเจ้าชื่ออะไร อยู่บ้านนี้มีใครบ้าง แล้วให้ช่วยกันทำงานหาเงินทอง อย่าดื้ออย่าซน

4. ทุกๆวันพระควรจะมีการถวายข้าวหรือขนม น้ำแดงให้กุมารทอง

sanoru

ก่อนอื่นนั้น
1. เราจะต้องคิดก่อนว่าเราจะเลี้ยงเค้าเพื่ออะไร ถ้าคุณตอบว่าอยากเห็นเค้ามากระโดดโลดเต้นเหมือนในละครก็ อย่าเลี้ยงเลยครับ
2. คุณพร้อมที่จะดูแลและเลี้ยงเค้ามั้ย ถ้าไม่พร้อมก็ อย่าเลี้ยงครับ
3. การเลี้ยงกุมารนั้นเรื่องสัจจะเป็นสำคัญนะ บอกว่าให้ตอนไหนก็ต้องให้ตอนนั้น
4. ถ้าทำตามทุกๆข้อที่ผมกล่าวมาได้นั้น เริ่มเลี้ยงได้เลย


เมื่อคุณสมบัติผ่านแล้วต่อไปคือ
1. คิดดูว่าจะเลี้ยงกุมารเทพ หรือพราย
2. เมื่อคิดออกแล้วให้คุณศึกษาหาวัดหรือสำนักที่มีการสร้างเสกกุมารทองขึ้นมา และที่สำคัญเราต้องศรัทธาในอาจารย์ผู้สร้างและองค์กุมารทองที่บูชานั้นด้วย เพราะศรัทธาเป็นแรงที่ทำให้เกิดปาฏิหารย์
3. ศึกษาวิธีการบูชาของแต่ละสำนักที่เราจะไปนำกุมารทองมา
ปล. บางท่านอาจจะใช้วิธีซื้อหุ่นกุมารทองมาแล้วนำไปให้สำนัก หรือวัดท่านผูกกุมารทองให้ อันนั้นก็แล้วแต่ความชอบครับ


กุมารเทพ
ข้อดี
1. เราไม่ต้องเซ่นเลี้ยงด้วยอาหารหยาบ
2. ไม่ให้โทษแก่ผู้เลี้ยงเมื่อเราไม่ได้เซ่นดูแล
3. หน้าตาจิ้มลิ้ม (อันนี้ไม่เกี่ยว แต่ลูกของผมบอกมา)
ข้อเสีย
1. เมื่อบนบาลอะไรแล้วได้ผลช้าหน่อย
2. ไม่ค่อยแสดงฤทธิ์เดชให้เห็น


กุมารพราย
ข้อดี
1. แสดงฤทธิ์บ่อยๆ
2. ได้ผลเร็วเมื่อบนบาลแล้ว
ข้อเสีย
1. ต้องเซ่นเลี้ยงด้วยอาหารหยาบอย่างขาดมิได้ (ยกเว้นบางตำหรับ)
2. หากขาดการเซ่นเลี้ยงแล้วอาจให้โทษแก่ผู้เลี้ยงได้(ยกเว้นแต่อาจารย์ผู้สร้างนั้นกำกับมาดี)


ขั้นตอนเมื่อเราได้กุมารมาแล้ว
1. เมื่อเราได้กุมารมาแล้วให้เราจัดการตั้งชื่อให้กับเขา โดยแบ่งได้ดังนี้
1.1 ชื่อที่เน้นโชคลาภ เช่น ทองมา เรียกทรัพย์ พูลเงิน พูลทอง ทองไหลมา เป็นต้น
1.2 ชื่อที่เน้นทางดุดัน เฝ้าบ้าน แคล้วคลาด เช่น ชัย เพชรมั่น คง กล้า แกร่ง เป็นต้น
2. ก่อนนำเข้าบ้านให้ทำตามนี้
2.1 หาที่ตั้งให้เหมาะสมโดย ไม่อยู่สูงกว่าพระ หรือ ต่ำติดพื้น และไม่ควรหันหน้าไปทาง ทิศตะวันตก
2.2 จุดธูปกลางแจ้ง 12 ดอก บอกกล่าวเจ้าที่เจ้าทางดังนี้
ข้าพเจ้าขอตั้งจิตอธิฐานบอกกล่าวแด่ พระภูมิ เจ้าที่ ผีปู่ ผีย่า ผีตา ผียาย ผีเหย้า ผีเรือน และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่
อยู่ภายในสถานที่ แห่งนี้ วันนี้ข้าพเจ้าได้นำ เจ้า...... เข้ามาเลี้ยงภายในบ้าน เพื่อให้เจ้า..... เฝ้าทรัพย์สิน ให้โชคให้ลาภ
ขอให้ พระภูมิเจ้าที่ ผีปู่ ผีย่า ผีตา ผียาย และสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายเปิดทางให้เจ้า.... เข้ามาอยู่อาศัยในบ้านได้สะดวกด้วยถิด
2.3 เมื่อทำการเปิดทางให้กับเจ้ากุมารลูกของคุณแล้ว ให้นำกุมารมาตั้ง ณ ที่ที่เตรียมไว้แล้วจุดธูปบอกกุมาร โดย พราย 1 ดอก เทพ 5 ดอก ว่า
เจ้ากุมารทองของพ่อเอ๋ย ต่อไปนี้เจ้าชื่อ ..... และต่อไปนี้คนนี้คือพ่อของเจ้า พ่อจะเรียกเจ้าว่า ..... มาอยู่ที่บ้าน
ให้ช่วยกันดูแลบ้านเฝ้าบ้านให้ดี ช่วยกันทำมาหากินนะ แล้วพ่อจะซื้อของเล่นให้ เวลาพ่อไปไหนก็ไปกัน เวลาพ่อกินอะไรก็กินกันนะ ไม่ต้องรอให้พ่ออนุญาติ อยากได้อะไรอยากกินอะไรมาบอกพ่อนะ(หากมีกุมารอยู่แล้วให้กล่าวเพิ่มว่า เจ้า...(ชื่อกุมารองค์เดิม).... วันนี้พ่อนำ น้องเค้ามาอยู่ด้วยนะ อยู่ด้วยกันก็รักกันนะช่วยกันดูแลบ้าน หาเงินหาทองอย่าทะเลาะกันนะ)

ทุกๆวันพระให้เรานำข้าวปลาอาหาร หรือขนม หรือผล ไม้ ดอกไม้ มาบูชา เค้าแล้วบอกกล่าวเค้าว่าให้ช่วยกันหาเงินหาทอง เฝ้าบ้านดูแลคนในบ้าน ขาดเหลืออะไรบอกพ่อนะ


สำนึกของผู้ที่เลี้ยงกุมารทอง
1. คุณต้องระลึกไว้เสมอว่ากุมารนั้นคือลูกของคุณ เสมือนคนจริงๆ
2. หมั่นหาของเล่นขนมมาให้เค้า
3. หมั่นคุยกับเค้า
4. หากเบื่อแล้วคิดจะเลิกเลี้ยง นั้นควรนำเค้าไปปล่อยโดยให้ผู้ที่มีพลังจิต หรือพระปลดปล่อยเค้าไป
หมายเหตุ คุณลองคิดว่าคุณเบื่อลูกคุณแล้วคุณขายลูกคุณสิ มันคืออะไร
สุดท้ายนี้ขอให้คนที่รักกุมารทองทุกๆคนนั้น มีกุมารทองน่ารักๆ เก่งๆกันทุกคนเน้อ

doraemon

sanoru

กุมารทองนั้นหาได้จากตามศูนย์พระทั่วไป ก็มีครับ แต่ต้องระวังของปลอมของเสริมครับ

แต่ที่แนะนำมากๆ ก็คือ ของ หลวงปู่แย้มครับ วัดสามง่าม อ.ดอนตูม จ.นครปฐมครับ

โดยของท่านนั้นจะเรียกว่าตุ๊กตาทอง ครับ


กุมารทองนั้นก็มีนิสัยจิตใจแตกต่างกันไปครับ เรื่องที่ว่าจะออกมาเล่นมาแกล้งนั้นก็แล้วแต่นิสัยของกุมารครับ เพราะเค้าเป็นเด็ก

แต่ที่สำคัญเลยคือ เราเป็นเจ้าของเป็นพ่อเป็นแม่เค้าเราก็ต้องควบคุมเค้าได้ครับ ด้วยการบอกกล่าวตักเตือนเหมือนเลี้ยงเด็กธรรมดาครับ

ถ้าไม่อยากให้เค้าซนเราก็บอิกเค้าว่าอย่าซนนะ เช่นนี้ครับ


ส่วนเรื่องการใช้งานหากเป็นเรื่องเล็กอยากให้ช่วย ก็บอกกล่าวเค้าธรรมดาเลยครับ เสร็จงานก็หาขนมให้เค้าหน่อย หรือไม่ก็หากเป็นงานใหญ่อย่างที่คุณถามมา ก็บน ซะหน่อยด้วยขนมของเล่น หรือทำบุญครับ

sanoru

วิธีการเลี้ยง และใช้งานกุมารทอง

วิธีการเลี้ยงกุมารทองก็เหมือนกับการ เลี้ยงเด็ก เลี้ยงลูก พูดง่ายๆ คือ เลี้ยงด้วยการ เซ่นไหว้ ให้กินผลไม้ ให้กินน้ำแดง กินขนม เขาจะกินของละเอียดที่ซ้อนกันอยู่ การใช้งานส่วนใหญ่จะมีวัตถุ ประสงค์เพื่อให้ช่วยเหลือด้านค้าขายบ้าง เฝ้าของ เฝ้าบ้านเป็นหลัก ให้ดูหวย หรือดูดวง เป็นเรื่องรองลงมา เช่น ให้เฝ้าของ เฝ้าบ้าน แม้เจ้าของบ้านไม่อยู่ ก็ทำให้เหมือนมีคนอยู่ในบ้าน จะมีเสียงเด็กวิ่งเล่น หรือบางทีก็แปลงกายเป็นสุนัขดำตัวใหญ่ก็ได้ หรือแปลงกาย เป็นอะไรก็ได้ แต่กุมารทองทำอย่างนี้ไม่ได้ทุกตัว บางตัวแปลงกายได้ บางตัวแปลงไม่ได้ แล้วแต่เชื้อมาก หรือเชื้อน้อย เหมือนกับเราสนใจอะไรมาก ก็จะมีตบะ มีความเชี่ยวชาญในเรื่องนั้นเป็นพิเศษ

ช่วยเรื่องการค้าขาย กุมารทองจะมีวิธี คือ จะเข้าไปดึงตัวบ้าง ฉุดมือบ้าง กระชากบ้าง แต่เจ้าตัวไม่รู้ตัว จะเหมือนเดินเข้าไปธรรมดา ไปดลใจบ้าง หรือไปกระซิบข้างหู ซึ่งคนที่ถูกกระซิบก็จะไม่ได้ยิน แต่จะเกิดความรู้สึก เอ๊ะ! อยากไปซื้อของร้านนี้ จริงๆ แล้วเรื่องการ ขายของดี หรือไม่ดี ขึ้นอยู่กับบุญเก่าของเจ้าของ ที่สร้างทานมาพอดีกับจังหวะที่บุญส่งผลเป็นหลัก ซึ่งถ้าทานส่งผลช่วงนั้นจะทำอะไรก็ดีทั้งนั้น ส่วนกุมารทองเป็นเพียงส่วนเสริมนิดหน่อยเท่านั้น ไม่อย่างนั้นก็รวยทุกวัน บอกให้ช่วยขายที่ให้ได้ ขายนั่นให้ได้นะ ซื้อมา ขายไปพักเดียวก็รวยกว่าบิลเกตต์แล้ว ซึ่งจะขายดีอย่างนั้นทุกครั้งก็ไม่ใช่ จะได้เฉพาะ บางครั้งเท่านั้น

ที่เลี้ยงไว้เฝ้าบ้านก็เช่นเดียวกัน อย่าลืมว่าบุญกรรมที่ทำมาเป็นหลัก แต่กุมารทองเป็นส่วนเสริมนิดหน่อย ขนาดบางทีกุมารทองเฝ้าบ้าน ขโมยยังขึ้นบ้านได้ แสดงว่าคนนั้นมีวิบากกรรมเคยไปลักขโมยของคนอื่น เพราะเป็นวิบากกรรมที่ติดมากับตัว เมื่อถึงเวลาส่งผล อะไรก็กันไม่อยู่

วิธีการติดต่อกับกุมารทอง

วิธีการติดต่อระหว่างผู้เลี้ยงกุมารทองกับกุมารทอง คือ บางทีกุมารทองก็จะมากระซิบข้างหู แต่ไม่เห็นตัว เพียงแต่มีความรู้สึก หรือบางทีถ้าจิตของใครที่อ่อนไหวง่าย กุมารทองก็จะสิงร่างของผู้นั้นได้ง่าย เด็กที่ถูกสิงบ่อยๆ ต้องเป็นเด็กที่มีเชื้อนับถือทางทรงเจ้า เข้าผีมาก่อนในอดีต ถ้าไม่มีเชื้อก็เข้าไม่ได้ พูดง่ายๆ คือ เป็นพวกเดียวกัน และบางทีที่สิงเด็กเล็กมากกว่าเด็กโต หรือเข้าสิงเด็กผู้หญิงมากกว่าเด็กผู้ชาย เพราะจิตอ่อนไหวกว่า แต่ถ้าเป็นผู้ใหญ่แต่อ่อนไหวง่าย และมีเชื้อติดมาจากอดีตก็เข้าสิงง่าย

sanoru

สังคมของกุมารทอง

เนื่องจากกุมารทองไม่ได้มีตนเดียว มีหลายตนหลายพวก เขาก็จะมีสังคมกุมารทอง เหมือนสังคมมนุษย์ มีการคุยแลกเปลี่ยนประสบการณ์กัน แต่ไม่เหมือนเด็กในเมืองมนุษย์ กุมารทองจะคุยแลกเปลี่ยนวิชากัน ต้องเสกคาถา ร่ายมนตร์อย่างนี้ ว่าคาถาอย่างนี้ จะดลใจคนทำอย่างไร จะเปิดประตู เปิดทีวี ช่วยขายของจะทำอย่างไร ซึ่งมนต์ หรือคาถาเหล่านี้ เรียนมาจากวิทยาธรที่เรียกมาอบรม สอบบทที่ ๑ ทำอย่างนี้ ว่าคาถาอย่างไร อบรมอย่างนี้เรื่อยไป และก็พาไปฝึกงานตามที่ต่างๆ แล้วยังมีการชักชวนพวกพ้องที่เป็นกุมารทอง เหมือนกันบ้าง หรือไม่ได้เป็นกุมารทอง แต่ว่าตายตอนเด็ก ก็ชวนเข้าพวกก็มี

กุมารีทอง กุมารเทย กุมารีเทย

นอกจากกุมารทองแล้ว ยังมีกุมารีทอง กุมารเทย กุมารีเทย เพราะพวกที่ชอบ สิงๆ ทรงๆ มีทั้งหญิงและชาย และถ้ามีกรรมทางกาเมเสริม คือ นอกจากชอบทรงเจ้าเข้าผีแล้ว ยังผิดศีลข้อ ๓ มีนิสัยเจ้าชู้ด้วย ทำเสน่ห์ยาแฝดอย่างนี้ ก็จะเป็นกุมารเทย หรือกุมารีเทย

ส่วนกุมารีทองนั้นเป็นเด็กผู้หญิง แต่งตัวหลายแบบ แบบไทยก็มี คือนุ่งโจงกระเบน ใส่เสื้อ แต่กุมารทองไม่ใส่เสื้อ มีสร้อยสังวาลคาด แต่งตัวแบบจีนก็มี แบบปััจจุบันก็มี ไว้ผมจุกก็มี ไม่ไว้ผมจุกก็มี ซึ่งส่วนใหญ่เราคุ้นกับการไว้ผมจุก ตอนเด็กเป็นกุมารีทอง เมื่อโตเป็นสาว ก็จะแต่งตัวตามสังคม ชอบแข่งกันสวยคล้ายกับมนุษย์ เครื่องแต่งกาย ได้มาจากของเซ่นไหว้ ตามกระแสนิยมของมนุษย์แรงไปทางไหน แฟชั่นแบบใด บางตนตามกระแสของมนุษย์ บางตนก็ไม่ตามกระแส เพราะเขาเห็นมนุษย์ทำอย่างไรก็จะทำอย่างนั้น เพราะพวกนี้ คือ อดีตมนุษย์ที่มีภพใกล้เคียงมนุษย์มาก และมองเห็นมนุษย์ด้วยตาละเอียดทุกวัน

sanoru

นางกวัก

มีคนสงสัยว่า กุมารีทองเมื่อโตขึ้นจะเป็นนางกวักหรือไม่ นางกวักมีทั้งจริงและไม่จริง เราจะมาพูดถึงเฉพาะที่มีจริง คือ อาจารย์วิทยาธรจะเอามนต์ผูกกับภุมมเทวาที่มีวิบากกรรม เกี่ยวกับสิงๆ ทรงๆ ไสยเวท หรือกุมารีทองที่ใช้มนต์ผูกกับรูปนางกวักก็มี แล้วแต่สายวิชา ซึ่งไม่เหมือนกัน นางกวัก ที่เราเห็นเป็นรูปปั้นทำเป็นรูปท้าวแขนและกวักมือ เป็นเพียงรูปปั้นที่สมมุติตามความนิยม ตามความต้องการ หรือเพื่อ ความสบายใจมั่นใจของผู้ใช้เท่านั้น อยากจะใช้แล้วเกิดความรู้สึกอย่างไร ก็ปั้นอย่างนั้น มีวัตถุประสงค์เพียงเพื่อเป็น สื่อกับอาจารย์วิทยาธรเท่านั้น อาจารย์วิทยาธรก็จะทำงาน ประสานงานกับอาจารย์มนุษย์ที่เป็นผู้ปั้นแล้วผูกมนต์ แล้ว จึงนำไปใช้งาน โดยมีอาจารย์วิทยาธรกำกับ ส่งฤทธิ์ ส่งเดช

ลูกกรอกสัตว์ และสัตว์ประหลาดต่าง ๆ

นอกจากกุมารทอง รักยม ผียายหม้อ ลูกกรอกคนแล้ว ยังมีการเลี้ยงลูกกรอกแมวอีก คือ แมวที่คลอด ออกมาแล้วตัวเล็ก ตายในท้องเหมือนมนุษย์ ซึ่งก็เป็นอดีตมนุษย์ โดยตั้งหิ้งให้อาหารเหมือนกัน แต่จะเก็บไว้ในห้องส่วนตัวของเจ้าของบ้าน นอกจากลูกกรอกแมวแล้ว ยังมีสัตว์ประเภทต่างๆ เช่น จิ้งจก ๒ หาง แมว ๒ หัว วัว ๕ ขา เป็นต้น ลูกกรอกแมว หรือลูกกรอกสัตว์อื่นๆ ก็ทำได้ทั้งนั้น คือพวกนี้เป็นแค่สื่อเหมือนกัน แต่เปลี่ยนรูปร่างหน้าตาเท่านั้น คือ จากมนุษย์เป็นสัตว์เดรัจฉาน
วิบากกรรมของสัตว์ประเภทนี้ คือ ก่อนมาเป็นสัตว์ก็เป็นอดีตมนุษย์ ชอบเล่นไสยเวทและมีกรรมปาณาติบาต มีกรรมทำแท้งเป็นต้น เมื่อพ้นจากมหานรกแล้ว ก็มาใช้กรรมเป็นสัตว์เดรัจฉาน เนื่องจากมีกรรมทำแท้ง จึงทำให้ตายในท้อง แม้เป็นสัตว์เดรัจฉานก็ยังตายในท้อง กรรมไสยเวทก็จะนำอาจารย์วิทยาธร ประสานกับอาจารย์มนุษย์มาผูกมนต์ ให้มา เป็นสัตว์เลี้ยงของกุมารทอง หรือของอาจารย์วิทยาธรเอง เพื่อประดับบารมีของอาจารย์วิทยาธร เหมือนเป็นสัตว์เลี้ยงที่เลี้ยงเอาไว้เล่นๆ อย่างนั้น

นอกจากนั้นยังมีกรรมของสัตว์ที่คลอดลูกออกมาเป็นสัตว์ประหลาด เช่น วัว ๕ ขา หมา ๒ หัว จิ้งจก ๒ หาง เป็นต้น ซึ่งก็มีกรรมประเภทปาณาติบาตกับวจีกรรมเป็นหลัก และมีกรรมอย่างอื่นเสริม เช่น ตอนเป็นมนุษย์ได้พูดเปรียบเปรยด่าว่าผู้หลักผู้ใหญ่บ้าง ผู้มีศีล มีธรรมบ้าง คนทั่วๆ ไปบ้าง ยกตัวอย่าง เช่น ไอ้นกสองหัว ไอ้ม้าสองหัว คือพูดเปรียบเปรยว่า คนนี้ไปเข้าข้างคนโน้น ทั้งๆ ที่เขาหวังดีช่วยไกล่เกลี่ยประนีประนอมไม่ให้ทะเลาะกัน ก็หา ว่าคนที่ไกล่เกลี่ยเป็นนกสองหัวบ้าง หมาสองหัวบ้าง หัวหนึ่งอยู่ทางนี้ หัวนี้อยู่อีกทางนู้น ทั้งๆ ที่เขาเจตนาดี อันนี้ก็เป็นวิบากทางวจีกรรม ยิ่งด่าว่าผู้มีศีลมีธรรม ยิ่งเป็นกรรมหนัก บวกกับกรรมปาณาติบาต ฆ่าสัตว์ทำอาหารบ้าง หรือฆ่าสัตว์ขายบ้างเป็นหลัก แล้วก็ยังมีกรรมอย่างอื่นเสริม เช่น กรรมทำแท้ง คือ ทำเขาท้องแล้วก็ทำให้เขาแท้ง แล้วก็ทอดทิ้ง ไปอย่างนี้เป็นต้น เมื่อคลอดออกมาก็จะเป็นสัตว์ประหลาด หรือบางทีก็ใช้วจีกรรมว่าเป็น สัตว์ประหลาด สัตว์ประหลาดอย่างนี้ก็จะถูกอาจารย์วิทยาธรประสานงานกับอาจารย์มนุษย์ นำมาผูกด้วยมนต์ เป็นสัตว์เลี้ยงเอาไว้เฝ้าของหรือสั่งงานให้ทำอะไรได้หลายอย่าง

มนุษย์ที่ไม่ทำทานบารมีมาแต่ปางก่อน ต้องการรวยอย่างกะทันหัน คือ เมื่อเกิดมาจน ตัวก็ไม่รู้จะทำงานอะไร ที่จะได้เงินมา จึงอยากเสี่ยง เพื่อที่จะรวยทางลัด ก็จะไปกราบไหว้ ขอหวยจากสัตว์ประหลาดเหล่านี้ พระไม่กราบ พ่อกับแม่ไม่กราบ ไปกราบปู่เต่า สุนัข ๒ หัว วัว ๕ ขา จิ้งจก ๒ หาง ปลาไหลทองบ้าง ไปกราบขอหวย ก็มีถูกบ้าง ผิดบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะผิดมากกว่า และถ้าหมกมุ่นมัวเมามากๆ ก็จะเป็นต้นแบบที่ไม่ดีให้แก่ลูกหลานสืบไป ตนเองก็จะมีเชื้อวิบัติติดไปอีกหลายชาติ ถ้าพลาดพลั้งไปเกิดเป็นอย่างนั้น ก็จะถูกเขาเรียกไปใช้แบบนั้นเหมือนกัน

สรุปแล้วจะเป็นอย่างนั้นได้ต้องมีกรรมเป็นหลัก มนต์เป็นแค่เครื่องเสริม ถ้าไม่มีกรรม อย่างนี้ก็ทำไม่ได้ เพราะฉะนั้นใครเล่นของพวกนี้ เลิกเถอะ ไปปลดปล่อยเขาให้เป็นอิสระ ปล่อยนก ปล่อยกา ปล่อยปลาได้ บัดนี้ถึงเวลาแล้ว ที่เราจะปลดปล่อยกุมารทองให้เป็นอิสระ

rapdevil

น่าจะโพสตร์ตั้งแต่เช้า

sanoru

วิธีปลดปล่อยกุมารทอง

วิธีปลดปล่อยแรงงานเด็กกุมารทอง เพื่อไม่ให้มีเชื้อเวรกรรม ซึ่งเป็นเชื้อวิบัติติดตัวไปนั้น เชื้อวิบัติเป็นอย่างไร เชื้อวิบัติก็คือเชื้อที่จะทำให้ไปเจอพวกทรงเจ้าเข้าผี พอไปนับถืออย่างนั้นเข้า ก็จะห่างไกลจากพระรัตนตรัย จะไม่อยากทำความดีเพิ่มขึ้น ผู้ที่ปล่อยจะต้องหมดกรรมแล้ว คือจะไม่มีความรู้สึกผูกพันกับสิ่งนี้ เกิดความกลัวไม่อยากเอาไว้ เพราะมีแล้ว ก็มีโครมคราม ลูกหลานก็อยู่ไม่เป็นสุข แต่ไม่รู้จะเอาไปทำอย่างไร หรือบางทีได้รับต่อมาจากผู้ที่เคารพนับถือ ผู้เป็นที่รัก เป็นญาติบ้าง เป็นพรรคพวกกันบ้างก็เกรงใจรับสืบทอดกันมา เขาก็ไม่รู้จะทำอย่างไร

วิธีการปลดปล่อยจะต้องทำดังนี้ คือ ให้พูดดีๆ กับกุมารทอง เอารูปปั้นกุมารทองก็ดี รักยมก็ดี ลูกกรอกก็ดี ถ้าเป็นผู้ชายก็เรียกตัวเองว่าพ่อ ผู้หญิงเรียกตัวเองว่าแม่ สมมุติว่า เป็นผู้หญิงก็แล้วกัน แม่เห็นว่าลูกกุมารทอง ถึงเวลาจะหมดกรรมแล้ว ไปเกิดใหม่นะลูกนะ ไปเกิดในภพภูมิที่ดีกว่านี้ อย่าอยู่ในภพภูมินี้เลย เพราะรักหรอกจึงบอกลูก ทำอย่างนี้ก็จะทำให้ กุมารทองรักยมหรือลูกกรอกดีใจ เพราะการที่จะคลายความผูกพันกันได้จะต้องประกอบด้วย

๑. ผู้ที่เลี้ยงหมดจากเชื้อวิบัติ เชื้อเวรกรรมนี้แล้ว
๒. กุมารทองก็หมดจากกรรมนี้ด้วย

แล้วให้นำกุมารทองหรือรักยมหรือลูกกรอกไปฝัง โดยขุดหลุมโตพอประมาณ วางลงไป โปรยดอกไม้ของหอม ดอกไม้จะเป็นดอกอะไรก็ได้ แล้วก็พูดว่า สิ่งนี้คือซากของลูกที่ไม่ใช้แล้ว เหมือนซากศพที่ตายแล้ว สมควรที่จะขจัดซากนี้ให้สลายกลายไปเป็นซากดิน พ่อและแม่ก็จะกลบร่างนี้ เพื่อให้ลูกไปเกิดในภพภูมิที่ดี แต่ก่อนที่ลูกจะไป ให้ลูกรับศีล ๕ เหมือนพระให้ศีลอย่างนั้น ข้อหนึ่ง เว้นจากการฆ่าสัตว์ ข้อ ๒ เว้นจากการลักทรัพย์อย่างนี้ เป็นต้น กล่าวไป จนครบ ๕ ข้อ ลูกๆ รับศีล ๕ จากแม่นะ แล้วแม่จะทำบุญอุทิศส่วนกุศลไปให้

วันรุ่งขึ้นก็ไปใส่บาตร ถวายสังฆทาน แล้วก็อุทิศส่วนกุศลไปให้ผู้ที่มีกรรมเวรทางนี้ เสร็จแล้วเราก็กลบอย่างดีเรียบร้อย เพราะถ้าเอาไว้ที่ต้นไม้ ใครเห็นเข้า เกิดมีรสนิยมทางด้านนี้ คว้าไปอีก ก็ไม่ดี รักต้องกลบ ทำแค่นี้แล้วกุมารทองก็จะพ้นจากสภาพนี้ ไปเป็น ภุมมเทวาอีกระดับหนึ่ง ที่พ้นจากการควบคุมของวิทยาธร หรือถ้าเราให้บุญไปเรื่อยๆ ก็จะเป็นรุกขเทวดา หรือสามารถไปเป็นอากาศเทวาได้ ก็เหมือนเราทำบุญแผ่ส่วนกุศลไปให้ หมู่ญาติของเราที่ละโลกแล้ว หรืออาจจะไปเกิดเป็นมนุษย์ใหม่ และหลังจากนี้ให้ห่างไกลจากสิ่งเหล่านี้

หลังจากนั้น ให้เราไปขอศีลจากพระ แล้วก็ยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง พุทธัง สะระณัง คัจฉามิ ธัมมัง สะระณัง คัจฉามิ สังฆัง สะระนัง คัจฉามิ แล้วก็ยึดถือตลอดไป เรียกว่า หันไปกันคนละด้านไปเลย ถ้าใครไปเจอแบบนี้ เราชวนให้เขาเลิก เราไม่เชื่อแต่เราก็ไม่ลบหลู่ เราชวนให้เขาพ้นจากเชื้อวิบัติและเชื้อเวรกรรมที่จะตามผูกพันไม่จบสิ้น

นอกจากวิธี รักต้องกลบแล้ว ยังมีอีกวิธีหนึ่ง รักต้องลอย คือ เราฝากแม่พระคงคาไว้ เวลาจะนำไปปล่อย ให้จัดเตรียมข้าวของเครื่องใช้ให้เรียบร้อย มีดอกไม้ ธูป เทียน เป็นต้น เหมือนเราลอยอัฐิลอยอังคารอย่างนั้น และจะต้องพูดดีๆ กล่าวว่าเราไม่ได้ลบหลู่ดูหมิ่นท่าน แต่ว่าตอนนี้เรามีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จะขอคืนสิ่งนี้ให้กับครูผู้รักษาสิ่งเหล่านี้เอาไว้ ซึ่งเคยดูแลเรามาระยะหนึ่ง ขณะนี้หมดความจำเป็นแล้ว วิธีนี้ก็ทำลักษณะคล้ายกับการฝากแม่พระธรณีไว้

การปลดปล่อยกุมารทอง เมื่อเราหมดความจำเป็นที่จะต้องใช้แล้ว เพราะเรามาเข้าใจซาบซึ้งว่า พระรัตนตรัยเท่านั้นเป็นที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริงของชีวิต เราจึงได้สละสิ่งเหล่านี้ไป ไม่ได้ลบหลู่ดูแคลน เพราะฉะนั้นก็จะมี ๒ วิธี คือ ฝากแม่พระธรณีกับฝากแม่พระคงคา ซึ่งต้องทำให้ถูกหลักวิชา มีถ้อยคำดีๆ ต้องพูดไพเราะ เพราะระหว่างที่เรากำลังทำพิธี เจ้าของ วิชาเขายืนดูอยู่ว่าทำถูกหลักวิชาหรือไม่ ถ้าถูกหลักวิชาไม่มีปัญหา เพราะเมื่อไม่เรียนวิทยาศาสตร์ แต่จะเรียนภาษาอังกฤษหรือคณิตศาสตร์ก็ตกลง หมายความว่าเราก็วางวิชาหนึ่ง แล้วก็ต้องมาเรียนวิชาหนึ่งนั่นเอง

sanoru

รู้ได้อย่างไรว่า...กุมารทองไปเกิดใหม่แล้ว

เราจะรู้ได้อย่างไรว่าปล่อยกุมารทองไปแล้ว ก็ให้สังเกตดูว่า ไม่ได้ยินเสียงเดิน เสียงวิ่งเล่นของเขา หรือเสียงที่เขามากระซิบข้างหู หรือมาเข้าฝัน หรืออย่างใดอย่างหนึ่ง ที่ทำให้เรารู้สึกได้ว่าเขาอยู่รอบตัว อีกทั้งสังเกตที่ใจของเราว่าไม่มีความผูกพันอาลัยอยู่เลย แถมใจชุ่มไปด้วยบุญกุศลและมีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่แน่นแฟ้นในใจอย่างเดียว ก็สรุป ได้ว่าเขาถูกปลดปล่อยไปแล้ว

และถ้ามีคนเอามาให้อีกก็รับเอาไว้ เพื่อไม่ให้เขาเสียน้ำใจ แล้วก็เอาไปปลดปล่อยอีก แบบเดิม หรือเป็นกัลยาณมิตรให้กับบุคคลนั้น โดยแนะนำเรื่องราวที่ได้ยินมาจากฝันในฝันวิทยา ให้เขาได้รับทราบและเรียนรู้ ซึ่งถ้าเขามีบุญพอ เขาก็จะปลดปล่อยตัวเอง แบบเดียว กับที่เราได้ปล่อยเขาไปอย่างนั้น

พิธีอัญเชิญเครื่องรางของขลังออกจากบ้าน

นอกจากนี้ยังมีพิธีอัญเชิญเครื่องรางของขลังที่ไม่ใช่พระรัตนตรัยออกจากบ้าน ก็ทำ ไม่ยาก มี ๒ วิธี เช่นเดียวกัน คือ รักต้องฝัง ฝากพระแม่ธรณีไว้ โดยอาการนอบน้อมไม่ลบหลู่ และพูดดีๆ ว่า ขอฝากแม่พระธรณีดูแลสิ่งเหล่านี้ด้วย ขอบคุณสิ่งเหล่านี้ และเอ่ยชื่อ ของขลังเหล่านั้น เช่น ตะกรุด ผ้ายันต์ ที่ได้ช่วยดูแลในช่วงที่พระรัตนตรัยยังไม่บังเกิดขึ้นในใจ บัดนี้พระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นในใจแล้ว ขออัญเชิญสิ่งเหล่านี้ได้กลับคืนกับครูบาอาจารย์ และขอฝากไว้กับแม่พระธรณี หรือวิธีรักต้องลอย ฝากแม่พระคงคาไว้ ก็ทำเช่นเดียวกัน เพราะ ต่อจากนี้ไป เราจะยึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งตลอดชีวิต บัดนี้เราจะทำพระนิพพานให้แจ้ง และแสวงบุญ จึงจำต้องอัญเชิญออกไป

sanoru

อาจารย์วิทยาธรที่รักษาวิชา...ได้รับประโยชน์อะไร
และมีผลเสียอย่างไร

จากการที่เล่าเรื่องกุมารทองมา เราทราบว่าการทำงานของอาจารย์ในเมืองมนุษย์จะมี วิทยาธรเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในการประกอบพิธีกรรม ในการควบคุมดูแลกุมารทองที่อยู่ในความปกครองให้ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ ซึ่งอาจารย์วิทยาธรเหล่านั้น จะได้รับประโยชน์จากพวกเดียวกันที่ชื่นชมว่า เจ๋ง เก่ง แน่ ที่มีคนมานับถือกุมารทองมาก ได้แค่นั้นอย่างเดียว นอกนั้น อาจารย์วิทยาธรก็ไม่ได้อะไร

สังคมวิทยาธรก็คล้ายเมืองมนุษย์ พอถึงวันเวลาเขาจะมาชุมนุมกัน แล้วก็คุยกันว่า วิชา ของท่านเป็นอย่างไร วิชาของคุณเป็นอย่างไร โอ..ของผมเหรอ ลูกศิษย์มากมายเลย มีคน มาขอไปใช้งานเยอะแยะ นางกวักก็มี กุมารทอง กุมารีทอง รักยม ลูกกรอกก็มาก ของผมแน่กว่า อย่างนั้น อย่างนี้ ก็เกทับกันไปทับกันมา พูดง่ายๆ คือ เอาไว้ประดับบารมี เหมือนเจ้าพ่อที่มีคน นับถือมากๆ เหมือนมนุษย์ ถ้าใครชมว่าเก่ง ก็เบิกบานยินดีเท่านี้เอง แต่อาจารย์วิทยาธรมีหลายประเภท ที่ชอบคำชื่นชมก็มาก และบางประเภทก็ได้บุญนิดหน่อยก็มี แต่ส่วนใหญ่ไม่ได้ บุญอะไร เพราะภพที่ทำบุญได้ คือ ภพมนุษย์

ที่ได้บุญ คือ อาจารย์วิทยาธรประเภทปู่ยา ที่ใช้ให้กุมารทองไปบอกยา ที่เราเคยได้ยินว่า ยาผีบอก ผู้ที่จะหมดกรรมแล้ว ซึ่งปู่ยาหรือปู่หมอ คือผู้ที่เคยเป็นหมอแผนโบราณที่มีเวทกำกับ ตายไปแล้วก็มักจะวนเวียนเป็นวิทยาธรประเภทนี้ แล้วก็สอนให้กุมารทองมาบอก หรือที่เป็น ภุมมเทวาด้วยกันก็มี

และถ้าอาจารย์วิทยาธรไม่ได้ใช้วิชาไปทำร้ายใคร เขาก็ยังไม่ไปตกนรก แต่ใจเขาจะยัง วนเวียนอยู่กับสิ่งนี้ในภพภูมิของภุมมเทวา ตั้งแต่พื้นมนุษย์ไปถึงป่าหิมพานต์ อาจารย์มนุษย์ก็เช่นเดียวกัน ก็จะมีเชื้อวนเวียนอยู่กับเรื่องพวกนี้ แล้วก็ห่างไกลจากพระรัตนตรัยไปเรื่อยๆ ซึ่งเป็นอันตรายต่อชีวิตในสังสารวัฏของตนเอง ด้วยความหมกมุ่นมัวเมากับวิชาที่ไม่ได้ช่วยดับทุกข์หรือหมดกิเลส ก็จะเป็นเหตุให้เวียนว่ายตายเกิดในวัฏฏะแล้ว ต้องตกอยู่ในกฎแห่งกรรม ซึ่งอาจพลาดพลั้งไปทำสิ่งไม่ดีในชาติใดชาติหนึ่ง ก็มีสิทธิ์ไปอบายภูมิได้ เพราะฉะนั้นก็ควรเลิก แล้วหันมายึดพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง

sanoru

ผลเสียจากการเลี้ยงกุมารทอง

ส่วนคนที่เลี้ยงกุมารทองก็จะคิดว่า สิ่งเหล่านี้เป็นที่พึ่ง ความคิดจะวนเวียนอยู่แต่เรื่องกุมารทอง ใจมาผูกพันกับเรื่องทรงเจ้าเข้าผี มักจะไม่ค่อยคิดเรื่องการทำความดีให้ยิ่งๆ ขึ้นไปความคิดที่จะให้ทาน รักษาศีล เจริญภาวนา หรือ ตั้งใจจะเข้าถึงพระรัตนตรัยในตัวไม่มี เมื่อตายแล้ว มักจะวนเวียนอยู่กับพวกนี้ บางรายมาเป็นพวก ในเครือของวิทยาธรที่เกี่ยวกับเรื่องที่ตนสนใจ หรือไปเข้าสิง เข้าทรงอย่างที่ตนเคยทำ แต่ถ้าหาก ได้ทำบุญบ้าง ไม่ได้ทำบาปอะไรมากมาย อย่างมากก็ไปเป็นวิทยาธรอยู่ในป่าหิมพานต์ จะไม่ไปสูงกว่านี้ แล้วก็มีสิทธิ์ไปเกิดเป็นกุมารทองให้เขาใช้ และเมื่อเกิดมาเป็นมนุษย์มักจะเป็นร่างทรง คือมี ความรู้สึกชอบ จะมีคนชวน จะมีกระแสดึงดูดให้ไปเป็นร่างทรง พอไปเจอพวกร่างทรง ก็บอกว่า มีองค์อยู่ข้างใน ถ้าไม่ยอมให้เป็นร่างทรงก็จะป่วยไข้ ทนไม่ไหว ถ้าจะหายป่วยก็ต้องยอมให้องค์เข้า ทางภาคใต้มักจะเรียก ม้าทรง เพราะเวลามาทรงเหมือนกับต้องข่มขี่ คล้ายกับขี่ม้า ทีนี้ข่ม ร่างมนุษย์ เขาจึงเรียกว่า ม้าทรง

ที่พึ่งที่ระลึกที่แท้จริง

เราเกิดมาทำพระนิพพานให้แจ้งและแสวงบุญ ต้องให้รู้หลักตรงนี้ให้ดี จับหลักให้ได้ จับหลัก ตรงนี้ได้ก็เอาตัวรอดและปลอดภัยได้ ถ้าจับหลักตรงนี้ไม่ได้ก็เอาตัวไม่รอดแล้วก็ไม่ปลอดภัยในชีวิตด้วย เราเป็นชาวพุทธจะต้องรู้ว่า อะไรเป็นสรณะ ถ้าไม่รู้สิ่งที่ถูก เราก็ไม่รู้สิ่งที่ผิด สิ่งที่ถูก คือ พระพุทธ พระธรรม พระสงฆ์เป็นที่พึ่งที่ระลึก มีทุกข์เราก็พึ่งท่านได้ มีสุขก็ไปหาท่านได้ และควรนึกถึงท่านบ่อยๆ นึกถึงท่านแล้วก็ปลื้ม มีทั้งภายนอกและภายใน ภายนอกก็หมายถึงพระพุทธเจ้า หรือพุทธปฏิมากร พระธรรมก็พระคัมภีร์ทั้งหลายที่อยู่ในตู้พระไตรปิฎก พระสงฆ์ก็ที่เราเห็นกัน

ส่วนพระรัตนตรัยภายในนั้น ได้แก่พระธรรมกายในตัว เป็นพุทธรัตนะ ดวงธรรมที่ทำให้เป็นธรรมกาย คือธรรมรัตนะ และพระธรรมกายละเอียด คือ สังฆรัตนะ ๓ อย่าง อยู่ร่วมกัน แต่คนละอันกัน เหมือนเพชรที่มีทั้งแวว ทั้งสี ทั้งเนื้อ

ถ้าเรารู้ว่าที่พึ่งที่ระลึกมีอยู่แค่นี้ ก็แปลว่าแค่นี้ ถ้าเกินกว่านี้ไม่ใช่ เช่น ปู่เต่า แมว ๒ หัว จิ้งจก ๒ หาง วัว ๕ ขา อย่างนี้ หรือรูปแกะสลักด้วยไม้ ด้วยวัสดุอะไรต่างๆ ก็แล้วแต่ ที่แตกต่าง จากพระรัตนตรัยแล้วก็ไม่ใช่

sanoru

บทส่งท้าย บ๊ายบาย...กุมารทอง

เรื่องกุมารทอง และเรื่องต่างๆ ที่กล่าวมานั้น ล้วนเป็นสิ่งที่น่าศึกษา เพราะเกี่ยวกับเรื่องกฎแห่งกรรม เราอย่าลืมว่า กายละเอียดเหล่านี้เคยเป็นอดีตมนุษย์ แต่เป็นอดีตมนุษย์ที่ไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่งที่ระลึก แต่ว่าชีวิตมีทุกข์ เมื่อมีทุกข์ก็ต้องหาที่พึ่ง เหมือนว่ายน้ำอยู่ในทะเล จะจมน้ำ หมดเรี่ยวแรง มีซากศพลอยมาก็ต้องเกาะ จะมีอะไรผ่านหน้ามาก็ต้องคว้าเกาะไปก่อน เพื่อให้ตัวไม่จมน้ำ แต่ถ้าแพลอยมาหรือเรือลอยมา ผู้ฉลาดต้องปล่อยซากศพแล้วก็ขึ้นแพขึ้นเรือกันไป คือ ยามใดที่ยังไม่มีพระรัตนตรัยเป็นที่พึ่ง จะไปยึดถือสิ่งเหล่านี้ที่ไม่เป็นที่พึ่งไปก่อน แต่ยามใดที่มีพระรัตนตรัยบังเกิดขึ้นแล้ว ก็ควรจะทิ้งสิ่งเหล่านั้น หันมายึดถือพระรัตนตรัย เพราะสิ่งที่ไม่ใช่ที่พึ่งที่ระลึกอย่างแท้จริง ก็จะมีปัญหาอยู่ในตัว พูดง่ายๆ ว่ามันมีโทษอยู่ในตัวด้วย ซึ่งโทษที่เกิด ตัวก็ไม่เข้าใจเพราะขาดแคลนความรู้ตรงนี้ มีแต่ศรัทธาอย่างเดียวแต่ว่าขาดดวงปัญญา

โทษที่ตัวไม่เข้าใจ ตัวก็เลยยึดถือกันไป แต่ยุคนี้พระรัตนตรัยยังมีอยู่ เพราะฉะนั้นถึงเวลา ที่เราจะต้องทิ้งซากศพแล้วก็ขึ้นแพ ขึ้นเรือกัน เราจะได้หอบหิ้วกันไปถึงฝั่งพระนิพพานกันได้ พ้นจากวัฏฏะกันได้ นี่ก็เป็นสิ่งที่เราจะได้เรียนรู้จากการศึกษาเรื่องราวของกุมารทอง เรา

sanoru

ถ้าเห็นว่าเป็นประโยชน์ก็ปักหมุดไว้ละกันนะครับ ขอบคุณครับ

balljuicy

แหล่มเลยพี่ ยา ปักหมุดๆ

Mixer

ครบเครื่องเรื่องกุมาร ... แจ่มเลยครับ

gypsydvl

เลิศที่สุด

เอ

เอามารวมในหนังสือ กุมารเล่ม สองเลย ดีๆๆๆ ความรู้ใหม่ๆ ทั้งน้น

เต้ย ลำลูกกา

ผมเห็นด้วย ควรปักหมุดเพราะว่า คนที่จะเลี้ยงจะได้อ่านและเข้าใจอย่างลึกซึ้งมากๆขึ้นไม่ใช่ ไปบูชาเป็นแฟนชั่นกันไป เหมือนวัตตุชิ้นนึ่งที่เคยมีคนไปบูชากันตอนนี้เงียบไปและคนที่คิดจะทำขายก็เห็นไปทำสร้างให้รพระปลุกเสก พอจะเอามาให้เช่ากระแสนิยมก็หมดไป เจ๊งไปเป็นแถม

Webboardแสดงความคิดเห็น
เยี่ยม   แย่   แย่   แย่   เขิน   หยอกล้อ  ตกใจ  ร้องไห้   สงสัย   ขอโทษ   หดหู่   อย่าน่ะ   ต่อว่า   โอเค
รูปภาพ
(นามสกุลไฟล์ควรเป็น [ jpg , jpeg , gif ] และไฟล์ไม่เกิน 3 MB.)
*ชื่อ
*สถานะ  
*อีเมล
ลิงค์ที่เกี่ยวข้อง
*รหัสยืนยัน

หมายเหตุ : : กรุณากรอกข้อมูลที่มี * ทุกช่อง

 


 หน้าแรก  ประวัติ  เรื่องเล่า  กุมารทอง  อื่นๆ  รวมรูปภาพ  เว็บบอร์ด

 เสริมดวงออนไลน์ By jack kumanthong

 www.facebook.com/jackkumanthong

 
view